กระปุกออมสิน Money Literacy

ทฤษฎี บางทีมันก็มีไว้แค่สอบให้ผ่าน?


Mr.Messenger
สนใจติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่  http://twitter.com/MrMessenger

ผู้อ่านหลายคนคงเคยรู้สึกแบบนี้ เรียนมาแทบตาย สุดท้ายไม่ได้ใช้ที่เรียนซักอย่าง หรืออย่างเบาๆ บางทีเราก็รู้สึกว่า ความรู้ในตำราบางทีมันก็ยากเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะครูออกข้อสอบ รับรองไม่มานั่งอ่านให้เครียดแน่นอน

ผมว่า ปัญหานี้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับการลงทุนก็เช่นเดียวกัน ใครที่ทำงานในสายอาชีพการเงิน และการลงทุน และต้องสอบเพื่อได้ใบรับรองวิชาชีพตามกของ กลต. และตลาดหลักทรัพย์ จะพบว่า เนื้อหาตำราเรียนที่หนาเป็นร้อยๆหน้า มันบั่นทอนกำลังใจในการอ่านเหลือเกิน ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป เข้ามาอยู่ในสายอาชีพซักระยะ เราก็อาจจะพบว่า ที่ผ่านมา เราใช้ความรู้ในตำราไม่น่าจะถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ

หันไปดูอาชีพหมอ หนักกว่านักการเงินเยอะครับ ทั้งหกปีในรัวมหาวิทยาลัยนั้น มีแต่เนื้อหาหนักๆ เครียดมาก (เพื่อนเล่าให้ฟัง) และหลังจากได้คุยกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ท่านบอกว่า ที่ผ่านมาใช้ในตำราไม่ถึงครึ่งจากที่เรียน

แล้วทำไมเราต้องเรียน? ทำไมคนออกแบบหลักสูตร ถึงไม่ออกแบบให้หลักสูตรนั้นสอนตรงจุด ให้สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันจริงๆ แต่กลับเป็นความรู้ชนิดที่เรียกว่าหว่านแห ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะได้ใช้หรือเปล่า

ถ้าเรามองในมุมจากผู้เรียน เราก็จะรู้สึกอย่างที่ผมบรรยายไปนั้นล่ะครับ ตัวผมเองอยู่ในแวดวงการลงทุนมาก็ไม่ต่ำกว่า ๗ ปี ก่อนหน้านี้ ผมก็คิดคล้ายๆกับใครอีกหลายคน แต่เอาอย่างนี้ ... งั้นเรามามองในอีกมุมหนึ่งกันดีกว่า ผมขอยกตัวอย่างวิชาที่ต้องเรียนนอกหลักสูตรเพื่อการลงทุนในหุ้นนะ

นักลงทุนแนววิเคราะห์ทางเทคนิค จะต้องศึกษารูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในหลายรูปแบบ ซึ่งรูปแบบที่เป็นที่นิยมจริงๆก็มีไม่ต่ำกว่า ๑๐ แบบ รวมถึงแบบที่เกิดขึ้นไม่ได้บ่อยๆอีก ๒๐-๓๐ แบบ หรือ การวิเคราะห์ทางแท่งเทียน (Candlestick Pattern) ที่มีทั้งการดูแนวโน้ม การเปลี่ยนแนวโน้ม ต้องมานั่งจำแต่ละรูปแบบไว้ในสมองเกือบๆ ๑๐๐ รูปแบบ นี้ยังไม่รวมการวิเคราะห์ในแบบอื่นอีกนะ

ในเวลาที่เราลงทุนในตลาดหุ้นนั้น เวลาปกติส่วนใหญ่ จะไม่ได้เกิดรูปแบบอะไรที่แสดงให้เห็นถึงการกลับตัว หรือการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแนวโน้ม จนกว่าจะเกิดสัญญาณหรือข่าวอะไรที่กระทบกับตลาดนั้นล่ะครับ ถึงตรงนั้น ก็จะเกิดรูปแบบซึ่งหากนักเทคนิคมีภาพรูปแบบต่างๆในหัวเยอะๆ จะจำได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งที่จะตามมาคืออะไร ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ไป รูปแบบดังกล่าว อาจไม่เกิดขึ้นอีกเลยจนจบชีวิตการลงทุนเราก็ได้ แต่การที่เราจำรูปแบบครั้งนั้นได้ มันได้เปลี่ยนเราจากชีวิตนักลงทุนธรรมดาๆ เป็นนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนมูลค่าที่สามารถเลี้ยงตัวท่านไปได้ถึงยามแก่เฒ่าทีเดียว

การเตรียมพร้อม และการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จึงถือเป็นเครื่องการันตีว่า เมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตจริงๆ ชีวิตเราจะเปลี่ยนได้จริงอย่างที่ควรหรือเปล่า นั้นล่ะครับ ข้อสอบชีวิตที่ต้องผ่านให้ได้

คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน หรือประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะไล่ตั้งแต่ วอร์เรน บัฟเฟต, ไอน์ สไตน์ , สตีฟ จ๊อบ และคนอีกนับพันคน รวมถึง พระพุทธเจ้าของเรา ผมไม่เห็นมีใครซักคนที่สงสัยว่าตนเรียนสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร ทั้งๆที่มุมมองจากคนอื่นอาจมองว่า สิ่งนั้นไม่ได้มีความจำเป็นต่อเป้าหมายของชีวิตเขาเหล่านั้น

ยกตัวอย่าง หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะอกบวชได้สักระยะ พระองค์ได้เสด็จไปที่แม่น้ำเนรัญชรา ในตำบลอุรุเวลาเสนานิคม และทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ด้วยการขบฟันด้วยฟัน กลั้นหายใจและอดอาหาร จนร่างกายซูบผอม โดยใช้เวลาทดลองยาวนานถึง ๖ ปี แต่แล้วพระองค์ก็ทรงเห็นว่านี่ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา และหันมาฉันอาหารตามเดิม

ถึงแม้การบำเพ็ญทุกรกิริยา จะไม่ใช่แนวทางแห่งการพ้นทุกข์ แต่ผมก็เชื่อว่า พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะหลังจากที่ท่านเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาไม่นาน ก็ทรงตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ หลังจากเดินทางสายกลาง

เราไม่มีทางรู้หรอกครับ ว่าอนาคตข้างหน้า สิ่งที่เราเรียนรู้ในวันนี้ จะได้ใช้ในวันหน้าหรือเปล่า แต่ยิ่งขนขวายมาก ยิ่งศึกษามาก ย่อมได้เปรียบเมื่อโอกาสมาถึงแน่นอน

และยิ่งข้อสอบชีวิต บางทีก็ไม่ได้มีครูมาใบ้ หรือมีเพื่อนมาติวข้อสอบให้ก่อน แถมไม่บอกเวลาสอบแน่นอน จะไม่เตรียมตัวตลอดเวลาหรอครับ?

ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า ความรู้ทั่วไป มีไว้ใช้ดำเนินชีวิตในปัจจุบันให้เป็นปรกติสุข แต่จะถึงขั้นเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น ก็ต้องอาศัยความรู้ ทัศนคติและประสบการณ์อันพิเศษกว่าเดิม ความตั้งใจที่แนวแน่กว่าเดิม และจุดเปลี่ยนที่ว่านี้ ต้องมีกันทุกคนครับ บางคนมาเร็ว บางคนมาช้า บางคนมาบ่อย บางคนมาน้อย แต่ท้ายที่สุด ก็ต้องพบจุดเปลี่ยนที่สำคัญ นั้นคือ เปลี่ยนภพ เปลี่ยนชาติ

ว่าแล้ว ก็เตรียมตัวกันนะครับทุกท่าน ขอให้สอบผ่านทุกคนครับ




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP