วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๓๗


 
cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

 

กลับมาถึงบ้าน ลักษณ์ยังมึนงง ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะจัดการกับ “สัญญายินยอม” ฉบับนี้อย่างไร ส่วนลึกเกิดความละอายใจ หากนำมันไปใช้ แสดงว่าศรีนวลกับลูกจะไม่มีสิทธิ มีส่วนในบริษัทกงสีอีกเลย

ถึงเขาจะรู้ว่ารามยักยอกเงินไปไม่น้อย นำสมบัติส่วนรวมไปไว้ในชื่อตน ชื่อลูกเมียคิดเป็นเงินก็หลายสิบล้าน...อย่างไรเสียก็พี่น้องกัน รามออกแรงออกหน้าทำมาหากินเหนื่อยกว่าทุกคน...เขาสมควรได้รับมัน...ซึ่งหากเทียบกับสมบัติกองใหญ่ที่ยังเป็นส่วนรวมตอนนี้ ก็ต่างกันหลายช่วงตัว

คนที่ตัดสินใจจัดการกับเอกสารยินยอมนั้น ยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว 

“จี”ลักษณ์อุทาน เห็นน้องสาวเหมือนปิศาจร้าย

สุขศจียืนยิ้มราวนางพญาผู้ชนะศึก ความหยิ่งผยองอหังการปรากฏชัดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ลักษณ์นึกพรั่น หวาดกลัว สะอิดสะเอียน

“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยเฮีย” หล่อนรู้ว่าเขาไปทำอะไรมา

“เรื่องอะไร” ลักษณ์พยายามพูดอย่างไม่มีเรื่องอะไรสำคัญ

“สัญญายินยอม ซ้อเราเขาเซ็นให้แล้วใช่มั้ย”

คนเป็นพี่ชายยืนอึ้ง ปฏิเสธไม่ได้ เอกสารนั้นยังอยู่ในมือ

“จีบอกแล้ว...ว่าไม่ต้องห่วง แค่สองสามวันพวกเขาก็ปลอดภัย ได้กลับบ้าน”

“แกทำอะไรพวกเขา” ลักษณ์ถามเสียงปร่า สายตามองน้องสาวห่างเหิน

“จีไม่ได้ทำ” สุขศจียิ้มเย็น “แต่คนของหลิงอาจทำก็ได้...จีไม่รู้...ไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษเลย”

คำพูดเพียงแค่นี้มันก็เผยถึงการกระทำทั้งมวลของหล่อนจนหมดสิ้น ลักษณ์ไม่รู้จะทำอย่างไรกับ “ผู้หญิง” ที่ยืนตรงหน้า จึงแค่ยื่นสัญญายินยอมนั้นให้หล่อน...แววตาว่างเปล่า ห่างเหิน

“นี่ไง...สิ่งที่เธออยากได้” เขาพูดราบเรียบ

“สิ่งที่ เรา อยากได้ต่างหาก” สุขศจีรับมาแล้วพูดแก้ด้วยสีหน้ายิ้มเย้ย “หรือว่าเฮียจะเถียง”

ลักษณ์เถียงไม่ออก ไม่กล้าเถียง และไม่มีความคิดจะเถียง เขากำลังนึกเกลียดชังตัวเองที่ส่วนลึกในใจยินดีกับเอกสารชิ้นนี้ ยินดีที่ไม่ต้องเสียสมบัติก้อนใหญ่หนึ่งในสี่ไป

เมื่อไม่พูดจึงเดินเลี่ยงให้ห่างจากน้องสาว ถึงอย่างนั้น เสียงของสุขศจีก็ยังลอยตามหลัง

“ฝากบอกเฮียหมุดด้วยนะเฮีย...จีขอนัดประชุมพรุ่งนี้ เราได้สัญญายินยอมจากซ้อแล้วน่าจะมีการปรับปรุงเรื่องภายในครั้งใหญ่”

ลักษณ์สะท้านเยือก หันกลับมองผู้พูด...สุขศจียังยืนอยู่ในลักษณะเดิม ตัวตรง ไหล่ตั้งเชิดเหมือนกำลังเหยียบทุกคนใต้ฝ่าเท้า ไม่คิดกระทั่งหันหน้ากลับมามองพี่ชายตนเอง

การปรับปรุงเรื่องภายในครั้งใหญ่มันคืออะไร ลักษณ์พอคาดเดาออก หากสุขศจีอยู่เบื้องหลังการตายของพิทักษ์ เนื้อนวล มีส่วนฆ่าราม สั่งอุ้มศรีนวลกับลูก จุดมุ่งหมายสูงสุดของหล่อนจะคืออะไร...ถ้าไม่ใช่ครอบครองธุรกิจของตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล 

 

 

การประชุมเพื่อปรับปรุงเรื่องภายในครั้งใหญ่ ใช้เวลาสั้นกว่าที่ใครคาดคิดมากมายนัก มีผู้ร่วมประชุมสามคนพี่น้อง ประเด็นที่ถกเถียงหาข้อสรุปมีแค่เรื่องเดียว

สุขศจีนำเอกสารยินยอมจากศรีนวลมายื่นต่อที่ประชุม แสดงให้เห็นว่าขณะนี้กิจการตระกูลจะมีทายาทแค่สามคน...แต่ทว่า... 

“จีอยากได้หนังสือมอบอำนาจจากเฮียทั้งสองคน” สุขศจีเข้าประเด็นความต้องการของหล่อนง่ายดาย ตรงไปตรงมา

“หนังสือมอบอำนาจอะไร” สมุทรยังไม่เข้าใจการจู่โจมแบบนี้

“มอบอำนาจทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิในการเบิกจ่ายเงินในบริษัทกงสีและอำนาจเกี่ยวกับการดูแลทุกกิจการของตระกูลเรา” 

“เฮ้ย...จะบ้าเหรอไอ้จี อย่างนี้มันก็ยึดอำนาจกันชัดๆ” สมุทรโวยวาย

สุขศจียิ้มเฉย พี่ชายคนรองยังไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร นั่งนิ่งฟังวาจาหล่อนเหมือนลมผ่านหู

“เฮียหมุดก็มีบริษัทเงินทุนให้ดูแลไม่ใช่เหรอ เอาเวลาไปดูแลกิจการตัวเองให้ดีๆ เถอะ อย่าให้มันเจ๊งเสียก่อน”

สุขศจีรู้สภาพการเงินของบริษัทพี่ชาย รู้ว่าหากไม่มีเงินกงสีอุดหนุนต้องขาดสภาพคล่องแน่

“แต่นี่มันบริษัทครอบครัวเรา แกจะมายึดอำนาจแบบนี้ได้ยังไง แล้วแกคนเดียวจะดูแลทุกกิจการได้ที่ไหน”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก แค่เซ็นใบมอบอำนาจให้จีอย่างเดียวทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว”

สุขศจีทำราวคุยกันด้วยเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่ “บังคับ” เซ็นใบมอบอำนาจที่มีมูลค่ามหาศาล

“เฮีย พูดอะไรบ้างสิ ไอ้จีมันทำแบบนี้ เท่ากับไม่เห็นหัวพี่ๆ อยู่เลยนะ” สมุทรอาศัยพี่ชายเป็นหลักช่วย

แววตาของลักษณ์ไม่แสดงความรู้สึก ว่างเปล่า ราบเรียบ มองดูทั้งสองฝ่ายเจรจากันอย่างคนนอก กระทั่งน้องชายเอ่ยปากดึงเข้าร่วมการสนทนา จึงพูดสั้นๆ

“เตรียมเอกสารมาหรือยัง”ลักษณ์ถามตรงต่อสุขศจี น้ำเสียงไม่ต่างจากถามว่า...กินข้าวหรือยัง...

“เรียบร้อยแล้ว” สุขศจียิ้มกริ่ม ยื่นใบมอบอำนาจที่กรอกรายละเอียดเรียบร้อยมาให้เซ็น

ลักษณ์ก้มหน้ากรอกลายเซ็นโดยไม่อ่านรายละเอียดในนั้นเลยแม้แต่น้อย

“เฮีย...ทำอะไรน่ะ” สมุทรร้องตกใจ คาดไม่ถึง “จะบ้าหรือเปล่า”

ถึงตอนนี้สมุทรเหมือนตกอยู่ในวงล้อมคนแปลกหน้า ทุกคนต่างจากเดิมที่เขารู้จัก แต่ละคนมีม่านกำบัง สวมหน้ากากคนอื่นออกมาเล่นละครให้ดู

“แกก็น่าจะเซ็นนะ” ลักษณ์พูดกับน้องชายแค่นั้น

“ผมไม่บ้าอย่างเฮียหรอก เรื่องอะไรจะเซ็นให้มัน” สมุทรลุกพรวดพราดขึ้น

“จีว่าเฮียหมุดเซ็นเถอะ” สุขศจียิ้มเยือกเย็น

“ไม่มีทาง เรื่องอะไรฉันจะยอมให้แกมีอำนาจเต็มมายึดสมบัติส่วนกลางอย่างนี้”

“ไม่เป็นไร” สุขศจีพูดช้าๆ แค่สามคำ ลักษณ์หนาววูบถึงขั้วหัวใจ ต้องรีบเอ่ยปาก

“มันไม่เซ็นก็ช่างเถอะ” ลักษณ์พูดทะลุขึ้น “ยังไงลายเซ็นทายาทแค่สองในสามก็สามารถเบิกจ่ายเงินในบัญชี และทำนิติกรรมได้อยู่แล้ว”

“เฮียลักษณ์” สมุทรพูดเสียงเครียด “ผมไม่รู้ว่าเฮียกับไอ้จีกำลังรวมหัวทำอะไรกันนะ อย่าคิดว่าไม่มีเฮียรามแล้วผมจะหัวเดียวกระเทียมลีบทำอะไรไม่ได้...คอยดู...ผมจะสู้ให้ถึงที่สุด”

พูดจบกระแทกส้นเท้าเดินออกจากห้องประชุมอย่างโมโหจัด

ห้องประชุมเหลือแค่สองคนเงียบงัน บรรยากาศกดดันยังไม่จางหาย ลักษณ์จมอยู่กับความคิด สุขศจีมองตามหลังพี่ชายคนที่สามด้วยดวงตาจัดจ้า...ความเงียบตั้งอยู่ไม่นาน...เสียงกดโทรศัพท์ก็ดังจากสุขศจี...ตื้ด...ตื้ด...

“ไอ้หมุดมันไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก” เสียงของลักษณ์ดังขึ้น การกดโทรศัพท์ชะงัก

สุขศจี ลักษณ์สบตากัน แววตาฉายเท่าทัน รู้ไส้รู้พุงกันดี

“อย่างที่บอก แค่ลายเซ็นทายาทสองในสามก็ใช้ได้แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างเป็นของเธอ...อย่าทำบาปให้มากกว่านี้เลย”

“ถ้าเฮียหมุดแกไปฟ้องศาล หรือขอความช่วยเหลือจากผู้จัดการมรดกก็จะวุ่นวายเปล่าๆ”

สุขศจีพูดช้าๆ ปานกล่าวถึงคนอื่น ไม่ใช่พี่ชายร่วมสายเลือด

“ก่อนศาลจะรับฟ้องต้องมีหลักฐาน แกยังไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องสมบัติ เรื่องมรดก...ส่วนผู้จัดการมรดกก็ไม่มีปัญหา เพราะพวกเขาโอนทรัพย์สินของแม่ให้เราหมดแล้ว” ลักษณ์อธิบายใจเย็น

“ตอนนี้ไม่มีปัญหา ต่อไปก็ไม่แน่” สุขศจีพูดอย่างรอบคอบ

ลักษณ์ถอนใจ จ้องตาน้องสาวจริงจัง

“ไอ้หมุดตาย เกตุ เมียมันก็ยังอยู่ ลูกมันก็มี ต่อให้ไม่มีพวกมันทั้งครอบครัว ฉันก็ยังอยู่ ลูกสาวฉันก็มีคอยเป็นก้างขวางคอแก...แกจะทำยังไง...ฆ่าให้ตาย เก็บให้เรียบถึงจะพอใจงั้นหรือ...ถึงตอนนั้นตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเหลือแกแค่คนเดียว มั่นใจได้ยังไงว่าตำรวจจะไม่ตามกัดแก”

แต่ละคำพูดชัดตรง แสดงถึงความไม่เกรง ยังผลให้น้องสาวพูดไม่ออก ลักษณ์จึงพูดต่อ

“จี...ยังไงก็คิดถึงความเป็นพี่น้องบ้าง ที่ฉันยอมเซ็นมอบอำนาจให้แกทั้งหมด ไม่ใช่เพราะฉันกลัวแก แต่เพราะแกเป็นน้องฉัน...และตอนนี้บอกตรงๆ ฉันเหนื่อย...เบื่อที่จะสู้รบตบมือกับใครอีกแล้ว...ตั้งแต่แม่ตาย ก็เหนื่อยใจกับพินัยกรรมสองฉบับ...สีดาตาย ก็ต้องสู้กับไอ้พิทักษ์ ขึ้นโรงขึ้นศาลวุ่นวาย...เฮียรามตาย ก็ต้องรับมือกับบรรดาเมียน้อยของเฮีย ต้องเหนื่อยกับซ้อศรีนวล...จนตอนนี้ฉันไม่อยากสู้กับใครอีกแล้ว...อยากได้อะไรก็เอาไป...ฉันจะไม่อยู่ที่นี่อีก...แกก็ควรจะรู้จักหยุดบ้าง...ตอนนี้ไม่มีใครเขาขวางแกได้อยู่แล้ว”

ประกายสำนึกฉายวูบในดวงตาสุขศจี

“เฮียจะไปไหน” คำถามคล้ายเป็นห่วง...คล้ายไม่วางใจ

ลักษณ์ยิ้มหดหู่

“ฉันยังไม่รู้ แต่ไม่ต้องห่วง รับรองฉันไม่สร้างปัญหาให้แกแน่”

คำพูดของลักษณ์ยังไม่จบ นอกจากเขาจะไม่สร้างปัญหาให้สุขศจีแล้ว ยังเป็นคนแบกหน้ารับความผิดทั้งหมดแทนด้วย...การตายของพิทักษ์ เนื้อนวล ผู้คนยังคลางแคลงใจสองพี่น้องราม ลักษณ์ การตายของรามยิ่งทำให้ลักษณ์เป็นผู้ต้องสงสัยมากขึ้น...ศรีนวลกับลูกถูกอุ้ม ผู้ร้ายที่สามแม่ลูกเกลียดชังคือลักษณ์...กระทั่งการมอบอำนาจสิทธิขาดในกิจการทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล...สมุทรยังเห็นว่าลักษณ์เป็นคนผิด วางแผนรวมหัวกับสุขศจี หักหลังเขา

การมีชีวิตอยู่ของลักษณ์มีประโยชน์ต่อสุขศจีมากกว่าตาย

สุขศจีหยั่งประเมินจิตใจพี่ชาย ลักษณ์เป็นคนฉลาด มีมันสมองที่สุดในกระบวนห้าพี่น้อง เป็นเหมือนกุนซือนำนาวาตระกูลสู่ความมั่งคั่งขนาดนี้...หล่อนไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมทอดทิ้งทุกอย่างจริงตามปากพูด แต่ถึงอย่างไร สิ่งที่อยู่นอกเหนือคำพูดของลักษณ์นั้น หล่อนเข้าใจ...

การให้เขาอยู่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ลักษณ์ตาย ผู้ต้องสงสัยจะเหลือแค่สอง...สมุทรนั้นตรวจสอบง่าย ดูง่ายว่าเป็นคนไม่ค่อยมีหัวคิด ยากจะวางแผนซับซ้อน ส่วนหล่อน...ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่สาวลึกจนถึงหลิง...มาเฟียฮ่องกง รับรองต้องมีการรื้อทุกคดีมาสืบสวนใหม่

“เอาเถอะ...จีจะเชื่อเฮียสักครั้ง”

หล่อยเอ่ยปากคำนี้ออกมา โดยไม่บอก “เชื่อ” เรื่องใด...เชื่อเรื่องที่เขาบอกจะไม่สร้างปัญหา หรือเชื่อฟังคำพูดที่จะไม่เอาความกับสมุทร

ลักษณ์ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้คลายใจสักเท่าใด สังหรณ์ส่วนลึกกระซิบเตือน เรื่องร้ายยังไม่จบ และเขาก็ไม่มีกำลังพอต้านทานได้ สิ่งเดียวที่พอจะทำ คือพาลูกหนีไปให้ไกล ไม่รับรู้เรื่องวุ่นวายเหล่านี้อีกเลย 

 

 

หลังจากลักษณ์ออกไป ห้องประชุมกว้างเหลือสุขศจีนั่งบนเก้าอี้ประธานคนเดียว ความกว้างใหญ่อลังการส่งเสริมหล่อนโดดเด่น มีอำนาจ ดวงตาลุกโชนกว่าเก่า ไหล่เชิด อหังการใหญ่จนมองทุกคนราวข้าทาส

สุขศจียังไม่ไปไหน หล่อนกำลังรอคอย...การรอคอยนั้นไม่นานเท่าไร 

โทรศัพท์มือถือสั่นเตือน สัญญาณเรียกเข้า หล่อนกดรับทันทีไม่รีรอ

“หลิง” เสียงเรียกขานชายผู้นั้นบอกถึงความรัก ลุ่มหลงเต็มล้น

“เป็นยังไงบ้าง” คำถามเรียบเย็น

“เรียบร้อยดี”

“อะไร ง่ายขนาดนั้นเชียว”

“เฮียลักษณ์เขารู้สถานการณ์ รู้อะไรเป็นอะไรดี” คำพูดกึ่งชมเชยกึ่งเยาะหยัน

“ถ้าเราไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้เป็นเป้าสงสัย พี่ชายคุณคนนี้น่ากลัวจะเอาไว้ไม่ได้”

“ช่างเถอะ เขาจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“พี่ชายคุณอีกคนล่ะ” คำถามรอบคอบ

“นั่นก็แค่หมาเห่า ไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก”

“อย่าประมาท หมาเห่าได้ก็กัดเป็น” 

“อย่าเพิ่งทำอะไรเขาเลย เรื่องเก่ามันยังคาๆ อยู่...แน่ใจนะว่าแม่ลูกพวกนั้นจะไม่ตลบหลังเป็นปัญหากับเราอีก”

หลิงหัวเราะเสียงบาดลึก

“แน่ใจ” คำตอบหนักแน่น จนวางใจสนิท มาเฟียมีวิธีการของมาเฟีย...การอุ้ม...ข่มขู่ใครย่อมมีวิธีการพิเศษไม่เหมือนใคร เมื่อเขารับรอง ก็แสดงว่าสามแม่ลูกไม่มีทางกล้าสร้างปัญหาตามหลังแน่ๆ

คำพูดต่อมาของหลิง กระตุกสุขศจีได้คิด

“เรื่องที่ผมยังไม่แน่ใจคือพี่ชายของคุณ...คนที่บอกว่าเหมือนหมาเห่านั่นแหละ”

สุขศจีอึ้ง รู้จักกันมานาน พอจะเข้าใจความหมายซ่อนเร้นแก่กันและกัน สมุทรมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียนบริษัท ถ้าเขาสูญเสียอำนาจ รายได้ส่วนกงสี รับรองต้องดิ้นรน ต่อสู้ทุกวิถีทาง

“อย่าเพิ่งทำอะไรรุนแรงได้มั้ย” สุขศจีพูดช้าๆ ไตร่ตรอง “พี่ชายของฉันคนนี้ไม่ได้เก่งกาจอะไร ไม่มีบารมี ลูกน้องมากเหมือนพี่ชายคนโต และไม่ฉลาดรู้สถานการณ์อย่างพี่ชายคนรอง ฉันแน่ใจว่ามีวิธีทำให้เขาอยู่มือได้”

“ถ้างั้น ผมจะเตือนให้เขารู้ก็แล้วกัน ว่าคุณทำอะไรได้บ้าง” หลิงพูดเรียบ นิ่ง

ได้ฟังเช่นนี้สุขศจีหนาวเยือก...คำพูดนี้หล่อนได้ยินเป็นครั้งที่สองแล้ว...

ครั้งแรกหลิงบอกว่า...“ผมจะแสดงให้ดู ว่าเราทำอะไรได้บ้าง”

ผลต่อจากนั้นคือ...รถของรามโดนยิง เกิดอุบัติเหตุตกถนน 

...ยางรถสมุทรถูกเปลี่ยนจนแตกกลางทาง 

...กระจกรถสีดาถูกหินขว้างด้วยมือนิรนาม 

เหล่านี้คือการแสดงศักยภาพของหลิง ให้เห็นว่า เขามีวิธีเล่นงานคนได้ตั้งแต่เบาสุด จนถึงไหน...

สุขศจีถอนใจยาว ก้อนเหน็ดเหนื่อยปนหวาดเกาะใจชั่วครู่ก่อนจางหาย

“อย่ารุนแรงนักนะ” หล่อนพูดเพียงเท่านี้

หลิงหัวเราะเบาๆ ตามสาย เสียงหัวเราะราวกับขบขันเด็กหญิงตัวน้อยที่คิดว่าสามารถควบคุมเสือร้ายได้ 

 

 

ที่สนามบิน ศรีนวลและลูกเตรียมเดินทางไกล เอกเช็กอินตั๋วเรียบร้อย การเดินทางครั้งนี้กะทันหัน รวดเร็ว เกินว่าใครคาดคิด

สภาพคนทั้งสามเหมือนกวางระวังไพร ตื่นกลัว นัยน์ตาลอกแลก มองคนผ่านไปมาไม่ไว้วางใจ “บาดแผล” จากการถูกกักขัง ทรมานด้วยวิธีที่ยากจะมีใครคิด ทำให้พวกเขาหวาดกลัง ติดตรึงความทรงจำมิรู้ลืม

ผู้เป็นลูกสาวแต่งตัวมิดชิด สวมแว่นดำนั่งชิดมารดา ไม่กล้ามองผู้คน สังเกตให้ดีจะพบริมฝีปากหล่อนสั่น นั่งห่อตัว เกรงอันตราย สะดุ้งทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้ ศรีนวลอาจดูปกติกว่า ถึงกระนั้น แววตาก็แห้งแล้งดังทะเลทรายขาดน้ำ บางครั้งว่างเปล่าเลื่อนลอย เหม่อเป็นพัก เอกอาจดูเข้มแข็งในฐานะผู้ชายคนเดียว แต่มีหลายครั้งที่เขาไม่กล้าสบตาผู้คน แววตาปรากฏความอับอายบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ และมักระแวดระวังตัวเกินปกติไม่ต่างจากน้องสาว

เงาคนแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้ ลูกสาวศรีนวลสะดุ้งสุดตัวเบียดร่างชิดมารดามากขึ้น ทั้งศรีนวลและเอกรีบเงยหน้ามองผู้มาใหม่ แววตาตื่นกลัวปรากฏแวบแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแปลกใจ

“บุญส่ง” ศรีนวลพึมพำ บุญส่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวใหญ่ อำพรางอาการบาดเจ็บ ท่าเดินกระย่องกระแย่งฝืนกำลังเต็มที่ สวมแว่นใสกรอบหน้า หน้าตาแปลกจากเดิม แต่ไม่สามารถปลอมแปลงสายตาคนคุ้นเคยได้

“นายหญิง” บุญส่งกระซิบเรียก ใช้สายตาให้อีกฝ่ายเฉยไว้ “นั่งอยู่อย่างนั้นแหละครับ อย่าแสดงอาการว่ารู้จักผม”

พูดจบก็เดินเลี่ยงผ่านคล้ายคนเดินไปเดินมารอเครื่องบิน

ศรีนวลใจเต้นตึก ตึก รู้สึกดังรอคอยโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิต สักครู่บุญส่งก็มายืนใกล้ๆ เก้าอี้ที่พวกเธอนั่งรอ หยิบสมุดเล่มใหญ่คล้ายแผนที่มากางให้คนทั่วไปคิดว่าเป็นนักเดินทาง

เสียงแผ่วดังกระซิบแว่วเข้าหูศรีนวลชัดเจนทุกคำ

“ผมขอโทษครับที่ช่วยนายหญิงไม่ได้” คำพูดออกมาจากใจจริง

ศรีนวลกัดฟันแน่น น้ำตาคลอเบ้า เจ็บแค้น เจ็บปวดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนกับลูกเจอ ถึงอย่างนั้นก็รู้ว่าลูกน้องตนได้ทุ่มเทสุดกำลังความสามารถแล้ว

“ผมจะแก้แค้นให้นายหญิง” คำพูดชัดเบา แต่หนักแน่นมั่นคง

“ดี” ศรีนวลเข่นเขี้ยว ดวงตาฉายแววอาฆาต “จัดการพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือ”

“วางใจได้ ผมจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำกับนายหญิงต้องลอยนวลแน่”

“แกทำได้แน่นะ” วูบหนึ่ง ศรีนวลเกิดความสงสัย ลูกน้องของรามแตกกระสานซ่านเซ็นหมด บุญส่งจะสามารถรวบรวมคนโค่นตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลได้อย่างไร...เพราะถ้าทำพลาด...เธอกับลูกเดือดร้อนแน่

“คงต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ไม่นานครับนายหญิง”

“ดี...ถ้าอย่างนั้นจัดการพวกมันให้หมด อย่าให้มันมีอะไรเหลือ ทั้งสมบัติ ทั้งชีวิต...จะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด...อะไรที่ฉันกับลูกไม่ได้ มันก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน” คำพูดแผ่วเบาเน้นลอดริมฝีปาก ไม่อาจปิดบังคลื่นความอาฆาตแค้น พยาบาทอันมหาศาลได้

“ครับ” บุญส่งรับคำ “ผมจะไม่ยอมให้พลาดเด็ดขาด”

มันคือพันธะสัญญาลูกผู้ชาย

ศรีนวลนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ความที่เป็นเมีย “ผู้ยิ่งใหญ่” มานาน จึงพอรู้กระบวนการแก้แค้นนี้ต้องมีเงินทุน คิดได้จึงหยิบเศษกระดาษเขียนหมายเลขโทรศัพท์ใส่ แล้ววางไว้ตรงเก้าอี้ที่ตนเองนั่ง

“ตอนนี้ฉันกับลูกอาจไม่รวยเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นไร้ไม้ตอก ถ้าแกต้องการเงินทุนเท่าไหร่ก็ติดต่อมา ฉันทุ่มหมดตัว”

“ครับนายหญิง” บุญส่งตอบไม่ยาวกว่าเดิม หากจะจัดการกับสุขศจี หลิง มาเฟียกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีทุนหาซื้อาวุธ สมัครพรรคพวก ตัวเขาอาจไม่ต้องการอะไร นอกจากแก้แค้นให้คนที่เป็นนาย แต่กับลูกน้องคนอื่น บางครั้งมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง

เสียงเรียกผู้โดยสารขาออกดังขึ้น ศรีนวลกับลูกลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง บุญส่งขยับตัวมานั่งเก้าอี้ หยิบเบอร์โทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋า ดวงตาที่อยู่หลังแว่นกรอบหนาฉายแววมุ่งมั่น มองตามหลังนายหญิงและลูกๆ จนมั่นใจว่าทั้งหมดปลอดภัย ไม่มีใครมาตามเก็บทีหลัง จึงค่อยลุกขึ้น ทำตัวกลมกลืนกับผู้คน เดินออกจากสนามบิน

คำสั่งนายหญิงยังแจ่มชัด แผนการแก้แค้นถูกลำดับขึ้นมาหัว ครั้งที่เขาพลาดไม่อาจช่วยรามก็เพราะประมาทเกินไป ไม่คิดว่าสุขศจีอยู่เบื้องหลัง คราวที่ไม่อาจช่วยศรีนวลกับลูกได้ก็เพราะหลังจากรามตาย พวกตนไม่อาจรวมตัวกันติด ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในเงามืด โจมตีรวดเร็ว ฉับไว แต่การแก้แค้นครั้งนี้ต้องสำเร็จ...พลาดไม่ได้เด็ดขาด...พวกเขาอยู่ในเงามืด ขณะที่สุขศจีกับพรรคพวกเริ่มเปิดเผยตัวแล้ว

...พลาดไม่ได้...อย่าให้มันมีอะไรเหลือ...อะไรที่ฉันกับลูกไม่ได้ มันก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน...

บุญส่งบรรจุคำสั่งนั้นไว้ในความทรงจำ การแก้แค้นครั้งนี้จะเป็นทั้งการตอบแทนบุญคุณแก่รามและเป็นการแก้ตัวที่เขาบกพร่อง ไม่อาจปกป้องนายและครอบครัวได้...ดังนั้นงานนี้...

...ต้องสำเร็จอย่างเดียว... 

 

 

ลักษณ์ยืนอยู่หน้าบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล เงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่อลังการที่ตนเองมีส่วนร่วมออกแบบก่อสร้างด้วยความภาคภูมิใจแกมหดหู่ หลายวูบแห่งความเสียดายเกิดขึ้นจนใจหาย แรงยึดเหนี่ยวไม่อยากสูญเสียแทบทำให้คิดเปลี่ยนใจ ไม่อยากจะทิ้งบ้านหลังนี้ไป

ตั๋วเครื่องบินสองใบอยู่ในกระเป๋า กำหนดการเดินทางอีกสองสัปดาห์หน้า การจากบ้านครั้งนี้ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร เรื่องการเรียนของรุ่งรตีถูกยกมาอ้าง เขาบอกใครๆ ว่าจะไปจัดการเรื่องเรียนของลูกสาวให้เรียบร้อย และจะอยู่ดูแลความประพฤติหล่อนสักระยะ แท้จริงต้องการหลบกระแสความวุ่นวาย ความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล

สุขศจีพูดถูก...ที่บอกว่าพี่ชายคนรองฉลาด รู้สถานการณ์

ลักษณ์เห็นแล้วว่าไม่มีทางต้านทาน “กำลัง” ของน้องสาวได้ เขาไม่มีอำนาจบารมีอย่างพี่ชายคนโต ที่จะไม่หวั่นกับมาเฟียใด ทั้งไม่คิดพึ่งตำรวจ ให้ชีวิตตัวเองกับลูกต้องเสี่ยงอันตรายเช่นศรีนวลกับหลานๆ และยิ่งไม่คิดจะจ้างมาเฟียอื่นมาคุ้มครอง ต่อกรกับน้องสาว เพราะนั่นยิ่งทำให้ตนเองขี่หลังเสือ ลงไม่ได้...ใครจะรับรอง เมื่อคนกลุ่มใหม่ทำงานเรียบร้อย ไล่มาเฟียฮ่องกงสำเร็จ จะไม่ตลบหลังแว้งกัดเขาอีกที

ถึงลักษณ์ไม่เคยอยู่แวดวงมาเฟีย แต่มีพี่ชายเป็นมาเฟีย พอจะรู้ว่าหากมือไม่ “แข็ง” จริงอย่าคิดก้าวมาในวงการนี้

เหตุนี้กระมัง สุขศจีจำเป็น “ต้อง” กำจัดพี่ชายคนโตก่อน ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถยึดอำนาจครอบครัวสำเร็จ

ลักษณ์รู้สถานการณ์จริง รู้ว่าไม่อาจต้านทานสุขศจีและพวก จึงยอมถอยฉาก หลบไปอยู่ที่อื่น ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ คนเหล่านั้นย่อมไม่วางใจร้อยเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสสูงที่อนาคตข้างหน้าเขาจะถูก “เก็บ” เป็นรายต่อไป

การหลบครั้งนี้ เป็นการหลบเพื่อตั้งหลัก วางแผน ปล่อยให้สุขศจี หลิงลำพองใจสักระยะ เมื่อใดที่คนเหล่านี้ประมาท ชะล่าใจ นั่นย่อมเป็นโอกาสของเขา

...ลักษณ์ไม่คิดทิ้งสมบัติทั้งหมดของเขาไปจริงๆ หรอก...

ขาแต่ละก้าวที่เดินเข้าบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลมันหนักอึ้ง สุขศจีกับหลิงกำลังจะครอบครองบ้านนี้...ยิ่งคิดยิ่งใจหาย ขยะแขยง แต่ทำอะไรไม่ได้

ในบ้านเงียบ วังเวง ลูกจ้างจะอยู่อีกด้านหนึ่งไม่มาวุ่นวายบ้านใหญ่ถ้าไม่มีการเรียกตัว เจ้าของบ้านไม่มีใครอยู่สักคน...ลักษณ์สะเทือนใจ...บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ สร้างไว้เพื่ออะไรกัน

รุ่งรตี ลูกสาวเขาแท้ๆ ยังพอใจไปขลุกอยู่บ้านคุณจิตใส ช่วยนายพลทางธรรมดูแลต้นไม้ ขายต้นไม้ เพ้นต์กระถาง ไม่สนใจกิจการตัวเอง เขาซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ให้แล้ว ไม่รู้หล่อนจะยอมไปด้วยหรือไม่ ขนาดเกริ่นล่วงหน้า เจ้าหล่อนยังเถียง คัดค้าน ยืนกรานไม่ยอมไป ไม่รู้เลยว่าเขาหวังดีแค่ไหนที่พาหล่อนให้พ้นจากอันตราย

มาถึงห้องรับแขก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ลักษณ์รับสายเนือยๆ ไม่สนใจดูเบอร์ด้วยซ้ำ

“เฮียลักษณ์นี่เกตุนะ” เสียงสั่นๆ ของเกตุ ภรรยาสมุทร

“อืม...ว่ายังไง” เขารับสายเนือยๆ

“สมุทรเกิดเรื่องแล้วเฮีย...” หล่อนพูดรัวเร็ว ตื่นตกใจ

“เรื่องอะไร” ลักษณ์ตกใจ หวั่นเกิดเรื่องร้าย

“อุบัติเหตุ...ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ”

เกตุเล่าเรื่องรัวเร็ว กระท่อนกระแท่นคนฟังต้องตั้งใจ ถึงรู้ว่าน้องชายเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับรถเข้ากรุงเทพฯ ตามปกติ 

...อุบัติเหตุ...จริงหรือ...ปัญหานี้ผุดขึ้น

ลักษณ์ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นประจวบเหมาะกับช่วงที่สมุทรประกาศตัวไม่ยอมให้สุขศจียึดอำนาจ

หรือว่านี้เป็นฝีมือน้องสาว...คิดแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้...ถ้ามันเป็นจริง เขาต้องรีบเดินทางออกนอกประเทศโดยเร็วที่สุดแล้ว

 

 

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)


 



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP