วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๓๒



cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



หลังแยกกับน้องๆ ลักษณ์เดินไปยังที่จอดรถตน เห็นเงาดำตะคุ่มแอบซุ่มไม่ห่าง ค่อยชะงักเท้าระวังตัว ก่อนผ่อนคลายลงเมื่อคนเงามืดเดินออกมาให้เห็นตัวชัด

“บุญส่ง” ลักษณ์ทักกึ่งโล่งใจ

“ผมมีเรื่องจะบอกกับคุณลักษณ์” ฝ่ายตรงข้ามรีบพูดเข้าประเด็น

“มีอะไรก็บอกมาสิ” เขารักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายเอาไว้ เป็นการระวังตัวโดยไม่เจตนา

“คุยที่นี่ไม่ได้ ขอผมติดรถไปคุยที่เงียบๆ ปลอดคนดีกว่า”

ข้อเสนออีกฝ่ายทำเอาลักษณ์ลังเล หากนี่เป็นการล่อลวงเพื่อแก้แค้น เขาจะทำอย่างไร

“คุยที่นี่ก็ได้น่า ไม่มีใครหรอก” ลักษณ์พยายามเกลี้ยกล่อม บริเวณที่จอดรถไม่มีคนก็จริง แต่ศาลาสวดศพอยู่ใกล้ มีคนอยู่มาก หากเกิดเหตุฉุกเฉินคงพอตะโกนร้องให้คนช่วยทัน

“คุณไม่ต้องกลัวผมหรอก” บุญส่งพูดรู้ทันความคิดเขา “ผมรู้ว่าคุณไม่มีส่วนการตายของนาย”

ฟังอย่างนี้ลักษณ์ค่อยเบาใจกว่าครึ่ง คำพูดต่อมาของบุญส่งกระตุ้นความสนใจเขาได้ทันที

“ผมรู้ว่าใครเป็นคนฆ่านายราม”

“ใคร” ลักษณ์กรากเข้าไปถาม ลืมรักษาระยะห่างความปลอดภัยหมดสิ้น

“ผมบอกที่นี่ไม่ได้” บุญส่งพูดช้าชัด นัยน์ตาไม่มีเล่ห์ลวง

“ตกลง”

ถึงตอนนี้ลักษณ์ไม่คิดมากอีกแล้ว เป็นไรเป็นกัน เสี่ยงก็ยอม ถ้ามันทำให้เขาได้รู้ว่าใครคือฆาตกรตัวจริง...ใครที่มันลากเขาเป็นจำเลย สังคมอยู่ในขณะนี้



ริมถนนโล่ง เลียบแม่น้ำ ดวงดาวพราวเต็มฟ้า รอบตัวเงียบสงัด ดึกดื่นค่อนคืน ผู้คนนอกเมืองดับไฟนอนเงียบ ปล่อยให้แสงดาว ปิศาจรัตติกาลครอบครองโลกราตรี

บุญส่งยืนพิงรถอัดบุหรี่หนักๆ ไฟแดงวะวาบก่อนปล่อยควันลอยเป็นสาย ลักษณ์ยืนนิ่งตั้งใจรอฟังโดยไม่เร่งเร้า ถึงเวลานี้ เขาเชื่อว่ามือขวาของรามย่อมไม่โยกโย้ หรือล่อลวงเขามาแก้แค้น

“วันนั้นผมตามมือปืนไป”

บุญส่งเริ่มต้นเล่าเรื่อง เหตุการณ์วันนั้นถูกทบทวน...

“มันเป็นมืออาชีพระดับเซียนพระกาฬทีเดียว ที่เด็ดชีพนายได้ด้วยกระสุนนัดเดียว โดยที่นายไม่สามารถยิงโต้ตอบทั้งที่มีปืนในมือ...แถมมันยังรู้ทางหนีทีไล่ หลบออกจากห้องนั้นอย่างรวดเร็วจนใครคาดไม่ถึง”

...ความทรงจำถูกทบทวน...ตอนนั้นลักษณ์เห็นบุญส่งเปิดประตูเข้ามา ดูสภาพรอบห้องแล้วตรงไปเปิดผ้าม่าน จากนั้นก็ผลุบตามคนร้ายไปในระยะกระชั้นชิด...

“ผมพยายามตามมันไปอย่างเร็วที่สุด แต่ก็คลาดกัน เห็นแค่หลังไวๆ พอจะรู้ว่ามันปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟ...ผมจึงเริ่มต้นสืบจากจุดนั้น...”

บุญส่งสืบหาตัวคนร้ายอย่างเงียบเชียบ อาศัยร่องรอยเดียวที่เห็น มันแต่งชุดเด็กเสิร์ฟ ตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะมีคนในร้านรู้จัก

หลังจากวันเกิดเหตุ ร้านครัวพวงทองถูกปิดชั่วคราว ลูกจ้าง คนงาน ถูกตำรวจสอบสวนเสร็จก็กลับบ้านใครบ้านมัน บุญส่งสืบหาลำบาก ยังดีที่เขาสนิทสนมกับคนในร้านหลายคน ทำให้การติดตามไม่ยากนัก

มือปืนเป็นคนงานใหม่ เพิ่งมาทำงานวันนั้นเอง บุญส่งค้นที่อยู่มันได้จากประวัติก็รีบตามตัว ปรากฏว่ามันหายไปแล้ว ประวัติที่ให้กับทางร้านเป็นของปลอม...มันบอกที่อยู่ห้องเช่าของมันกับทาง ร้าน เจ้าของห้องเช่าบอกว่ามันเพิ่งมาเช่าไม่กี่วัน ไม่ค่อยพูดค่อยจา ถ้าพูดออกมาสำเนียงจะแปร่งฟังเหมือนคนจีน...

ถึงตอนนี้ข่าวการตายของรามครึกโครมมาก ตำรวจวิ่งวุ่นตามล่ามือปืน บุญส่งทำงานไม่สะดวก พอมีการตั้งประเด็นว่าเป็นการฆ่ากันในครอบครัว และลักษณ์น่าจะเป็นผู้จ้างวาน

บุญส่งจึงหันมาสนใจพี่น้องทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลที่เหลือทั้งสามคน ค้นหารายละเอียดข้อมูลหลายอย่างจนตั้งข้อสงสัยไปยังหนึ่งในสามพี่น้อง

“ใคร...” ลักษณ์ออกปากถามด้วยความอยากรู้

“สุขศจี!

คำพูดบุญส่งเข้มเครียด ไม่มีคำว่า “คุณ” นำหน้า แสดงว่าไม่มีการให้เกียรติกับคนนี้อีกต่อไป

“ไอ้บ้า...เป็นไปได้ยังไง...จีมันไม่มีทางทำอย่างนั้นได้หรอก” ลักษณ์ตกใจหลุดปากเสียงดัง

บุญส่งนิ่ง...ไม่ขัดแย้ง แต่กิริยาท่าทางยืนยันคำพูดตน

“ทำไม...มีหลักฐานอะไร” ลักษณ์ถามรัวเร็ว ยังสงบใจฟังได้ไม่เต็มที่

“ข้อแรก...มือปืนคนนี้สุขศจีเป็นคนรับเข้าทำงานเอง ในวันที่พวกคุณนัดคุยกัน”

“เรื่องรับคนเข้าทำงานเป็นหน้าที่ของเขา...มันอาจบังเอิญก็ได้” ลักษณ์พยายามแย้ง

“ข้อสอง...ผมแอบเช็คบิลโทรศัพท์เก่าๆ ของเธอ พบว่ามีเบอร์ต่างประเทศซ้ำๆ อยู่เบอร์นึง...เป็นเบอร์ของฮ่องกง แล้วผมรู้มาว่า สุขศจีชอบไปฮ่องกงบ่อยๆ ยิ่งกว่านั้น ผมยังแอบสืบมาว่าเธอโอนเงินครั้งละมากๆ ไปที่ฮ่องกงหลายครั้ง”

“โอนไปให้ใคร” ลักษณ์กระแทกเสียง ยิ่งฟัง ความเชื่อมั่นต่อสุขศจีเริ่มคลอนแคลน

บุญส่งล้วงมือหยิบกระดาษใบหนึ่งมายื่นให้ ลักษณ์เห็นชื่อจีน เขียนเป็นภาษาอังกฤษอ่านว่า “หลิง” และนามสกุลภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างเกร่อนามสกุลหนึ่ง

“หลิง” ลักษณ์ทวนคำ ไม่แน่ใจ บุญส่งเอาชื่อนี้มาได้อย่างไร...อาจเป็นการหลอกลวงก็ได้

“คุณจะไม่เชื่อหลักฐานพวกนี้ ผมก็จนใจ...เพราะถ้าคุณไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ที่ผมเล่าต่อคุณก็จะยิ่งไม่เชื่อ”

บุญส่งพูดง่ายๆ เรียกว่า...ถ้าเชื่อก็เชื่อ...ไม่เชื่อก็ตามใจ

“นายคนนี้เป็นใคร” ลักษณ์ถามราวกับทนายซักไซ้พยาน

“เป็นมาเฟีย” บุญส่งตอบแค่สามคำ เป็นสามคำที่ฟังแล้วสะท้านเยือกในใจ

“จีไปเกี่ยวกับมันได้ยังไง” ลักษณ์กระชากเสียงถามด้วยอารมณ์ขุ่น

“เรื่องลึกซึ้งขนาดนั้นผมไม่รู้ เท่าที่หาข้อมูลของมันได้...หลิงเป็นลูกครึ่งไทยจีน...เกิดในไทย โตที่ฮ่องกง...พูดได้หลายภาษา ไทย อังกฤษ จีน อายุพอๆ กับสุขศจี เคยเป็นลูกเลี้ยงเจ้าพ่อคนนึงที่นั่น แล้วไปๆ มาๆ เป็นยังไงผมไม่รู้ เจ้าพ่อคนนั้นตาย หลิงได้ขึ้นเป็นเจ้าพ่อแทน ทั้งที่ลูกจริงของเจ้าพ่อนั่นก็มี”

“แล้วยังไงอีก” ลักษณ์อยากรู้เพิ่มเติม

“เท่าที่ผมเห็นในรูป...มันเป็นคนหน้าตาดี...แล้วก็ยังโสด”

คำพูดบุญส่งเหมือนจะบอกเขาว่า...สุขศจีหลงรักมาเฟียลูกครึ่งคนนี้จนยอมทำ ทุกอย่างเพื่อมัน ตั้งแต่ส่งเงินส่งทองไปให้ จนกระทั่งยอมให้มันฆ่าพี่ชายตัวเอง

“แกจะบอกอะไรฉัน” ลักษณ์แกล้งไม่เข้าใจ

บุญส่งอัดบุหรี่เข้าปอดหนักๆ จนหมดมวน ก่อนดีดมันลงน้ำ ปล่อยควันลอยคลุ้ง หันมามองคู่สนทนาด้วยประกายตาวาว

“มือปืนที่ฆ่านายรามน่าจะเป็นคนจีน...มือระดับพระกาฬอย่างนั้นคงเป็นพวกมาเฟีย ทำงานเสร็จก็หายตัวเข้ากลีบเมฆ ตำรวจตามตัวไม่เจอ...ไม่มีใครรู้...มันทำงานเสร็จอาจขึ้นเครื่องกลับฮ่องกง ใครก็ตามรอยตามจับมันไม่เจอ”

ลักษณ์หนาววูบสู่หัวใจ หลุดปากพึมพำไม่รู้ตัว

“จีต้องไม่รู้จักมัน...จีทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”

“ข้อมูลที่ผมรู้มามันชัดเจนแล้ว” คำพูดบุญส่งหนักแน่น “คุณก็รู้ นายรามเป็นคนอ้างพินัยกรรมใหม่ ตัดสุขศจีออกจากกองมรดก ไม่ให้ได้เงินบัญชีตัวเอง แถมยังเอาเงินของเธอไปใช้ตั้งมากมาย สุขศจีจำเป็นต้องส่งเงินไปให้แฟนที่ฮ่องกง...ก็เธอหลงมันขนาดนี้ ทำไมเธอจะยอมให้มันฆ่านายรามไม่ได้”

“ไม่ใช่” ลักษณ์พยายามเถียงไม่เต็มปากนัก “เราพี่น้องคุยกันได้ เรื่องเงินแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องฆ่ากันหรอก”

“คุณไม่เคยเห็นพี่น้อง เพื่อนฝูงฆ่ากันเพราะเงินเลยหรือ” บุญส่งย้อนถามเสียงเยาะ “คนพวกนั้นมีเงินไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของพวกคุณด้วยซ้ำ ยังฆ่ากันได้...แล้วที่คุณบอกว่าพี่น้องคุยกันได้...ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง คุณยื่นฟ้องพี่น้องคุณทำไม...”

ลักษณ์สะดุ้งเฮือกจุกอก...แล้วหนาวเยือก เย็นยะเยียบจนหัวใจแทบกลายเป็นน้ำแข็ง...บุญส่งพูดถูก วาจาตรงแทงใจ ยากจะบิดเบือนเป็นอื่น

“แล้วหลักฐานล่ะ มีอะไรยืนยันได้บ้างว่าจีมีส่วนฆ่าเฮีย” ลักษณ์พยายามเหนี่ยวฟางเส้นสุดท้ายไว้

บุญส่งยิ้มเยาะใส่หน้าเขาเต็มๆ ดวงตาฉายแววสมเพช หมิ่นแคลน

“คุณคิดว่าคนระดับนั้นจะทิ้งหลักฐานมัดตัวไว้เรี่ยราดหรือ...ถ้าผมมีหลักฐานพร้อม จะมาบอกคุณทำไม...ที่บอกก็อยากได้ความร่วมมือจากคุณ"

“ร่วมมือยังไง”

“หาวิธีทวงความยุติธรรมให้กับนายราม” บุญส่งตอบหนักแน่น ประกายตากล้า

“แกจะให้ฉันหาหลักฐาน จับน้องสาวตัวเองเข้าคุกหรือไง” ลักษณ์ถามอย่างจนปัญญาสิ้นหนทาง

บุญส่งหัวเราะหึ หึ เครียด มองฝ่ายตรงข้ามด้วยดวงตาหมิ่นแคลน

“ผมคิดแล้ว คุณต้องพูดแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้คุณไม่ช่วย ผมก็หาวิธีเองได้” พูดจบ ดวงตาฉายแวววับ “อีกอย่าง ผมก็เชื่อว่า เรื่องที่ผมเล่าให้คุณฟังนี้ จะมากจะน้อยต่อให้คุณไม่เชื่อแต่มันก็จะทำให้คุณจับตามองน้องสาวคุณมากขึ้น เอาไว้คุณรู้แน่แก่ใจเมื่อไหร่ ค่อยมาหาผมก็ได้”

คำพูดอีกฝ่ายมีรอยหมายมาดน่ากลัว ลักษณ์รู้สึกถึงความอำมหิตเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากฝ่ายตรงข้ามชัดเจนจนสะท้าน

บุญส่งเป็นเหมือนทาสที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อรามที่สุด สามารถตายแทนได้โดยไม่มีคำอิดเอื้อน ถ้าเมื่อไหร่คนนี้แน่ใจว่าสุขศจีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายเขา...อะไร จะเกิดขึ้น...

ลักษณ์ไม่กล้าแม้แต่จะคิด



ห้องประชุมโรงแรมทรัพย์ยั่งยืนแกรนด์รอยัล มีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดหกคน แบ่งเป็นสองฝ่าย ลักษณ์ สมุทร สุขศจี และศรีนวลกับลูกทั้งสอง...การประชุมพูดคุยครั้งนี้เป็นการตกลงภายในไม่จำ เป็นต้องให้ผู้จัดการมรดกรับทราบ

ศรีนวลเอ่ยปากก่อนด้วยข้อเสนอตรงไปตรงมา

“พี่อยากให้พวกเธอแบ่งสมบัติส่วนของเฮียรามมาให้พวกเรา”

“ทำไมไม่รอให้เผาศพเฮียเสร็จก่อน ค่อยมาตกลงกันล่ะพี่ศรี” ลักษณ์ถาม

“กว่าจะเผาศพเสร็จ กว่าจะตกลงกันได้ กว่าจะมีการโอนมันก็นาน พี่ไม่อยากเสียเวลา”

“จะรีบร้อนไปไหนกัน” สุขศจีเยาะ

“พี่ตกลงกับลูกแล้วว่า จะขายทุกอย่างที่นี่ ตามไปอยู่กับเขาที่อเมริกา”

นี่คือเหตุผลที่ศรีนวลต้องการให้แบ่งสมบัติ

“อ้อ” สมุทรพูดแค่นั้น

ลักษณ์ถอนใจ ปวดหัวหนึบ สุขศจียิ้มเยาะ ศรีนวลกับลูกใช้ความสงบนิ่ง รอฟังคำตอบด้วยความใจเย็น

“ที่จริง...สมบัติที่เป็นที่ดิน เงินสดอะไรพวกนี้ เฮียรามก็ได้ไปส่วนหนึ่งแล้ว ตอนที่แม่ตาย” ลักษณ์อธิบาย “ทีนี้ที่เหลือมันเป็นสมบัติส่วนกลางที่เฮียเขามีหุ้นส่วนอยู่เท่านั้น ซึ่งรายได้จากกิจการหลายอย่างตรงนี้เราต้องเอามารวมกันในบริษัท แล้วค่อยแบ่งสันไปตามส่วนทุกเดือน”

“พี่รู้” ศรีนวลตอบแบบคนทำการบ้านมาดี “ที่พูดนี่ ก็เพราะว่าพี่ต้องการขายหุ้นส่วนของเฮียรามให้พวกเธอ”

คำพูดฝ่ายภรรยาผู้ตายฟังง่าย รายได้จากหุ้นบริษัทกงสีของรามแต่ละเดือนเป็นเงินเจ็ดเกือบแปดหลัก หากจะขายหุ้นให้พี่น้องกันเอง อย่างต่ำควรเป็นเงินเท่าไหร่

“แล้ว...” ลักษณ์กลืนน้ำลายก่อนพูดต่อ “พี่ศรีจะขายสักเท่าไหร่”

แทนคำตอบ ศรีนวลยื่นใบรายการคำนวณตัวเลขรายได้แต่ละกิจการออกมา อ้างอิงราคาขายจริงปัจจุบัน คำนวณเป็นตัวเลขง่ายๆ จากนั้นหารด้วยสี่

ลักษณ์เห็นตัวเลขสุดท้ายที่ศรีนวลต้องการจะขายแล้วเบิกตาโต รายละเอียดในใบรายการคำนวณนั้น ทำให้เขาไม่อาจพูดว่ามันแพงเกินไป เห็นอย่างนี้ก็เหลือบตาดูบุตรชาย บุตรสาวทั้งสองของรามที่นั่งขนาบข้างแม่ตลอดไม่พูดจาอะไร...รู้ทันที...คน ที่คิดตัวเลขเหล่านี้ออกมาเป็นใคร

“หลานๆ นี่เก่งนะ ไปหาตัวเลขอ้างอิงมาได้ดี” ลักษณ์ชมแกมประชด

สมุทรกับสุขศจีชะโงกหน้ามองแล้วอดอุทานไม่ได้

“เฮ่ย...นี่มันปล้นกันชัดๆ”

“ใครจะหาเงินขนาดนี้มาให้ได้...บ้าหรือเปล่า” สุขศจีอารมณ์เสีย

ฝ่ายตรงข้ามนั่งนิ่ง เหมือนเตรียมใจรับสถานการณ์นี้ไว้แล้ว ศรีนวลเป็นคนอธิบาย ส่วนลูกทั้งสองทำหน้าที่แค่ผู้ฟัง

“พี่ก็ไม่ได้บอกว่าจะเอาไปทั้งหมดก้อนเดียว พวกเธอแบ่งจ่ายให้พี่เป็นงวดๆ ก็ได้ สามงวดห้างวดก็ว่ากันไป...ขอให้ทำหลักฐานยืนยันว่าจะจ่ายจริง...หรือไม่ก็ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารรับรองก็ได้”

คำพูดเช่นนี้ไม่น่าจะหลุดจากปากผู้หญิงอดีตแม่ค้า...การศึกษาไม่เกินมัธยม...ใช้ชีวิตในบ้านตลอด...คนเขียนบทน่าจะเป็น “นักเรียนนอก” ทั้งสองที่ขนาบข้างมารดาตนเอง

“ถึงอย่างนั้นผมก็ว่ามันแพงไป”

ลักษณ์ออกหน้าพูดแทนใจน้องทั้งสองคน

“แพงยังไง” ศรีนวลเริ่มหลุดบท จนลูกชายต้องสะกิด เปลี่ยนคำพูดใหม่ “ถ้าเธอว่าแพง แล้วตัวเลขไหนถึงจะเหมาะสม”

ลักษณ์ถอนใจ หาคำพูดเลี่ยง

“บอกตรงๆ เลย ตอนนี้เราไม่มีเงินสดมากขนาดนั้นหรอก ถ้าพี่ศรีอยากได้จริงๆ เราก็ต้องขายกิจการบางอย่างไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ สมบัติทุกอย่างแม่สร้างมาเพื่อให้ลูกทุกคนไว้เก็บกินกันชั่วรุ่นหลาน เหลน ฉะนั้นแม่จะสั่งห้ามขายเด็ดขาด ถึงได้ตั้งบริษัทกงสีมาควบคุมรายได้ของกิจการพวกนี้อีกที”

“ตอนนี้คุณนายแกก็ตายไปนานแล้ว” ศรีนวลมักเรียกมารดาสามีว่า คุณนายพวงทองตาม แม่ค้าทั้งตลาด “ลูกก็เหลือแค่นี้ ยังจะมามัวติดยึดคำสั่งเสียอยู่ได้...คิดถึงหัวอกคนเป็นที่ยังอยู่สิ...ห่วง ทำไมคนที่ตายไปแล้ว...กับคนที่ยังไม่เกิดมาในโลกนี้ล่ะ”

คำพูดศรีนวลเล่นเอาพี่น้องทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลต่างสะอึก หากวิญญาณคุณนายพวงทองได้ยินคงเจ็บแสบสะท้านทรวงไม่น้อย

“ผมยังให้คำตอบพี่ศรีตอนนี้ไม่ได้” ลักษณ์เลี่ยงอย่างนิ่มนวล อาศัยทำงานธุรกิจมาจนสามารถรับมือผู้คนได้แทบทุกรูปแบบ “เอาเป็นว่า ให้ผมกับน้องๆ ได้ปรึกษากันก่อน หลังจากเผาเฮียเสร็จ เราค่อยมาคุยกันอีกที”

“ก็ได้” ศรีนวลตอบรับง่ายดายผิดปกติ “พี่กับลูกตกลงกันแล้ว อีกสามวันจะเผาศพเฮีย”

“เฮ่ย...” สมุทรอุทานลั่น “ทำอย่างนี้ได้ยังไงล่ะซ้อ...แล้วพวกเราจะแจ้งผู้ใหญ่ยังไงทัน คิวจองสวดก็ยังอีกตั้งหลายคืน”

“ไม่จำเป็น” ศรีนวลไม่สนใจอะไร “พี่เบื่อหน่ายกับบรรดาเมียๆ ของเฮียเต็มที วันๆ ก็มีแต่จะมาเรียกร้องขอเงิน อุ้มลูกมาทำท่าน่าสงสาร...พี่เบื่อ อยากหนีไปให้พ้นๆ รำคาญพวกมัน เผาๆ ให้จบซะ จะได้ไปอยู่ที่อื่น”

“แล้วไม่รอตำรวจเขาสอบสวนหาคนร้ายให้ได้ก่อนหรือพี่ศรี” ลักษณ์ตะล่อมชะลอเวลา

“จนป่านนี้ ยังไม่เจอก็แสดงว่ามันหนีไปไกลแล้วละ พวกเธอก็รู้เฮียรามทำอะไรไว้บ้าง มีศัตรูเยอะขนาดไหน เรื่องนี้พี่ถือว่าเป็นกฎแห่งกรรม”

ฟังอย่างนี้ ลักษณ์อดที่จะมองน้องสาวตนไม่ได้ พบประกายวูบไหวในแววตาหล่อนชั่วแวบ...สุขศจีขบริมฝีปากนิ่ง สะกดกลั้นวาจาไม่ให้หลุดจากปาก...เห็นอย่างนี้ลักษณ์ใจกระตุก...ไม่อยาก สงสัยแต่ใจเริ่มเอนเอียงมากขึ้น

“อยากได้เงินจนไม่ห่วงคนตายเลยนะ” สมุทรเยาะ

“แล้วคนที่ตายเคยเป็นห่วงคนเป็นบ้างมั้ยล่ะ” ศรีนวลโพล่งอย่างเหลืออด น้ำตาไหลพราก “พวกเธอไม่รู้หรอก ว่าพี่อดทนมากี่ปีแล้ว...เฮียแกไปมีนังเล็กๆ อยู่ทั่วเมือง เงินทองก็เอาไปบำเรอปรนเปรอพวกมัน เห็นพี่เป็นหัวหลักหัวตอ เอาไว้ออกงานออกหน้าเท่านั้นเอง อย่างนี้ยังจะให้มีความรู้สึกดีๆ เหลืออยู่อีกเหรอ”

คราวนี้ไม่มีใครพูด ไม่มีคำถาม ทุกคนเงียบ...จนกระทั่งลักษณ์เอ่ยปากในที่สุด

“ได้ครับพี่ศรี อีกสามวัน...หลังจากเผาศพเฮีย พวกเราจะให้คำตอบเรื่องนี้กับพี่”

“ดี” ศรีนวลพยักหน้าปาดน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้นเดินนำลูกออกจากห้องประชุม สีหน้าอิดโรยต้องให้ลูกชายคอยประคองตามหลัง

พี่น้องทั้งสามมองตามจนประตูปิด ลักษณ์จึงถามน้อง

“ว่ายังไง” เขาชี้ตัวเลขบนกระดาษที่ศรีนวลเสนอ

“ไม่”

“ไม่”

สมุทรกับสุขศจีตอบแทบจะพร้อมกัน เป็นคำตอบไม่ผิดจากคาดและมันก็เป็นคำตอบในใจเขาเช่นกัน...ปัญหาที่ตามมา คือ...จะทำอย่างไรให้ศรีนวลกับลูก พอใจในสิ่งที่พวกตนหยิบยืนให้ได้



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)






แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP