วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๒๗


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


วันที่ ๑๕ มิถุนายน

รามแทบจะปิดบ้านไม่ยอมออกไปไหน การติดต่องานทั้งหมดใช้โทรศัพท์ ส่งคนที่ไว้ใจได้ไปจัดการแทน

ในบ้านเสมือนป้อมปราการแข็งแรงแน่นหนา ลูกน้องมือดีแทบทั้งหมดถูกสั่งให้ล้อมรอบบ้านวางกำลังเป็นระเบียบ ไม่กระโตกกระตากให้คนอื่นสงสัย กระทั่งศรีนวลผู้เป็นภรรยาแค่แปลกใจทำไมวันนี้ลูกน้องมามากผิดปกติ ไม่ติดใจมากนัก เรื่องแบบนี้มีอยู่บ่อยๆ

รามสั่งงานผ่านบุญส่ง ให้ส่งคนสังเกตบริเวณรอบบ้าน รวมทั้งระยะใกล้ไกล จับตาผู้ต้องสงสัยเป็นพิเศษ

ถามว่ารามเชื่อคำพูดคุณจิตใสหรือไม่ ก็นับว่าคล้อยตามไม่น้อย ปกติคุณจิตใสไม่ใช่คนพูดเพ้อเจ้อ ไม่เคยโกหกพูดเท็จ เชนกับรุ่งรตีคงฝันตรงกันจริง แต่ความฝันก็เป็นความฝัน ไม่แน่จะเกิดขึ้นจริงเสมอไป ถึงอย่างนั้นรามก็ไม่ประมาท พร้อมรับมือ มั่นใจว่าถ้าผ่านวันนี้ได้เขาจะปลอดภัย

ตลอดวันสองวันที่ผ่านมาเขารีบติดต่อภาสกร ปรึกษาสมุทร เตรียมรับมือลักษณ์ สุขศจีเต็มที่ อีกทั้งควบคุมระบบการเงินทุกอย่างในบริษัท จัดการถ่ายเทเงินจำนวนหนึ่งออกมา ก่อนโดนลักษณ์ขออำนาจศาลสั่งอายัด

ท่านมงคลโทรศัพท์มาคุยกับเขา พูดเป็นเชิงไม่อยากให้พี่น้องต้องทะเลาะกันจนขึ้นโรงขึ้นศาล อยากให้พูดจาตกลงกันดีๆ อีกที...รามตอบอย่างสุภาพ...เขาเคยพูดแล้วแต่น้องทั้งสองไม่ฟัง เขาไม่เคยคิดโกงเงินมรดก เงินทุกบาททุกสตางค์ของตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเขาก็มีส่วนลำบาก หามาตั้งแต่รุ่นบุกเบิก เคียงบ่าเคียงไหล่แม่มาตลอด เวลานี้เขามีความจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าน้องจึงขอใช้ก่อน และรับปากจะคืนให้ทุกบาททุกสตางค์

สุดท้าย ท่านมงคลก็ยอมวางสาย ไม่เซ้าซี้พูดจาโน้มน้าวใจอีก

สถานการณ์ช่วงนี้กำลังร้อน รามตกอยู่ในอันตราย ศัตรูเขาไม่ได้มีแค่ลักษณ์กับสุขศจี แต่การปะทะกับคนในครอบครัว อาจทำให้ศัตรูอื่นหาจังหวะเล่นงานได้

ถ้าวันที่ ๑๕ มิถุนา เป็นวันตายเขาจริง รามก็นึกไม่ออกว่าตนเองจะตายด้วยวิธีไหน ที่ดูเป็นไปได้มากกว่าวิธีอื่นคือโดนลอบฆ่า

รามคาดเดาไม่ถูกจะมีใครลอบฆ่าเขา จากประสบการณ์โดนยิงยางรถครั้งนั้น บอกให้รู้เขามีศัตรูซุ่มซ่อน กำลังคิดสืบหาร่องรอย ก็มาเสียเวลากับเรื่องการตายของสีดาก่อน

ใครกันคือศัตรูในเงามืดผู้นี้...

คิดแล้วเหน็บหนาวจนบอกไม่ถูก ใครว่ามีเงิน มีอำนาจแล้วจะมีความสุข รามอยู่ในจุดที่ใครต่างอิจฉา...มีสักกี่คนรู้...บนวิมานสูงลิบนี้ร้อนรนแค่ไหน ทรมานเพียงใด นอนเต็มตาโดยไม่ผวาฝันร้ายได้สักกี่คืน

หรือว่า...สมบัติของพวกเขาได้มาโดยมิชอบ...เงินร้อน...ต่อให้จับจ่ายใช้สอยได้...แต่มันก็เผามือเจ้าของเช่นกัน



เชนกับรุ่งรตีจอดรถที่หน้าบ้านราม ขอพบเจ้าของบ้าน แต่ผู้ชายหน้าดุที่เกร่แถวหน้าประตูบอกว่าวันนี้รามงดรับแขกทุกคน

สองหนุ่มสาวไม่เซ้าซี้ ร่ำไร เชนเข้าใจ รามทำเช่นนี้เพราะเหตุใด

วันนี้ ๑๕ มิถุนายน...ถึงจะไม่เชื่อความฝันพวกเขาเสียเลยก็ไม่ควรชะล่าใจ เตรียมป้องกันเต็มที่

รุ่งรตีขึ้นรถ ถอนใจเฮือกใหญ่

“ขอให้ลุงแกปลอดภัยที่เถอะ...พ่อจะได้รอดด้วย”

เชนหันมามอง ทำท่าสงสัย หญิงสาวจึงอธิบาย

“รุ้งรู้สึกว่าถ้าลุงแกรอดวันนี้ไปได้ ที่พวกเราเห็นในฝันจะคลาดเคลื่อนไม่เป็นความจริงแบบโดมิโนไง...ถ้าตัวนึงยันได้ ไม่ล้ม ตัวต่อไปก็ยังอยู่ได้แบบเดียวกัน ถ้าป้ายหลุมศพที่สามคลาดเคลื่อนป้ายที่เหลือก็จะเปลี่ยนแปลงตามหมด”

ชายหนุ่มยิ้มให้กับคำพูดเชิงปลอบใจตัวเอง เขาอยู่กับพ่อแม่มานานจนปักใจเชื่อเรื่องวิบากกรรม “ลางสังหรณ์” ก็แค่สิ่งบอกเหตุ อาจเปลี่ยนแปลงไม่ตรงตามที่คิดได้ แต่ “กรรม” และ “ผลของกรรม” นั้นต้องเป็นไปตามเหตุและผล หากไม่มีน้ำหนักของ “กรรมใหม่” ที่รุนแรงพอจะเบี่ยงเบนผลกรรมเก่า ก็อย่าหวังเลยว่าคำอธิษฐาน การคาดหวังของใครจะช่วยเปลี่ยนแปลงมันได้

“แล้วยังไง...วันนี้เราจะเฝ้าดูน้ารามอย่างนี้ทั้งวันเหรอ” เชนถาม

“คงไม่ต้องแล้วมั้ง...พี่เชนจะรีบกลับไปทำงานหรือเปล่า” หญิงสาวเกรงใจ หล่อนลากตัวเขาแต่เช้าให้มาเป็นเพื่อนที่นี่

“พี่สั่งงานลูกน้องเรียบร้อยแล้วละ บ่ายๆ ค่อยเข้าร้านก็ได้ รุ้งจะไปไหนต่อล่ะ”

หญิงสาวมองบ้านของลุง อาศัยความช่างสังเกต เห็นการจัดเวรยามเฝ้าระวังแน่นหนา มั่นคง

“ลุงแกทำบ้านยังกับค่ายทหารอย่างนี้ ใครคงเข้าไปยาก ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว แต่รุ้งยังห่วงพ่ออยู่”

“หือ...จะไปหาน้าลักษณ์ตอนนี้นะ”

“ไปก็ถูกด่า” รุ่งรตีหน้ามุ่ย “พี่เชนออกรถเถอะ ขับไปเรื่อยๆ รุ้งยังไม่รู้เลยจะไปไหนดี”

ชายหนุ่มส่ายหน้า ยอมตามใจเด็กหลักลอยสักวัน

“ช่วงวันสองวันนี้พ่อยุ่งน่าดู” รุ่งรตีบ่น “ทั้งทำงาน ติดต่อทนาย ขนาดกลับบ้านค่ำมืดยังหอบเอกสารตั้งเบ้อเริ่มมาทำต่อ”

“รุ้งยังไม่ได้เล่าความฝันให้น้าลักษณ์ฟังใช่ไหม”

หญิงสาวถอนใจ

“ไม่รู้จะบอกตอนไหน พ่อเล่นปิดประตูแทบไม่พูดไม่จากับใครเลย”

“พวกน้าๆ เขามีปัญหากันใช่มั้ย”

“น่าจะใช่ รุ้งได้ยินเด็กที่บ้านนินทากันว่า พ่อกับลุงทะเลาะกันลั่นร้านครัวพวงทองเลย”

คำพูดออกจะเกินจริงไปหน่อย พี่น้องทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลคุยกันในห้องวีไอพี ถึงทะเลาะกันอย่างไรเสียงก็เล็ดลอดยาก ที่เด็กในร้านได้ยินเพราะเข้าไปเสิร์ฟพอดี จากนั้นก็บอกเล่าปากต่อปากจนถึงลูกจ้างบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล...นับเป็นการสื่อสาร “นินทานาย” ที่รวดเร็วสมยุคไอที

“ทะเลาะกันเรื่องอะไร” เชนถาม

“เรื่องสมบัติ มรดกอะไรนี่มั้ง” หญิงสาวถอนใจ “แค่ได้ยินก็เบื่อแล้ว...คนเรานี่ไม่มีเงินก็ไม่ดี...มีมากไปก็ไม่ดีเหมือนกันนะ”

ชายหนุ่มยิ้มให้กับคำพูดหญิงสาว

“รุ้งเคยไม่มีเงินเหรอ”

“เคยซี่” หล่อนตอบเสียงสูง ทำหน้าเชิด “ตอนอยู่ที่โน้นน่ะ ช่วงไหนเกมากๆ พ่อก็แกล้งตัดเงิน ตัดรายได้เหมือนกัน”

“แล้วรุ้งทำยังไง” เขาถาม

“ยืมเพื่อน” หญิงสาวยักไหล่ “เจอใครก็ไถไปดะ จนข่าวถึงหูพ่อ...ทนไม่ได้ก็ส่งเงินมาให้เองแหละ”

เชนแทบหัวเราะพรืด มองเห็นภาพหญิงสาวสมัยก่อนเป็นฉากๆ นึกแล้วไม่แปลกใจกับภาพรุ่งรตีตอนแรก ยังดีที่หล่อนมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางดีขึ้น ถึงอย่างนั้น ภาพ “นางร้าย” เก่าๆ ก็ยังหลุดมาเป็นบางครั้ง

“อย่างนั้นไม่เรียกว่าไม่มีเงินหรอก” เขาพูดยิ้ม

“แล้วยังไง ถึงจะเรียกว่าไม่มีเงินล่ะ”

หล่อนถามกวนโมโหแกมประชด เชนอารมณ์ดีไม่ใส่ใจ

“ไปตลาดกันมั้ย” เขาถามออกมาแบบคนละเรื่อง

“อ้าว...ไปทำไม” รุ่งรตีงุนงง ตามไม่ทัน

“ซื้อของสด...เย็นนี้กินข้าวบ้านพี่มั้ย เดี๋ยวจะโชว์ฝีมือเอง”

“กินสิ...แต่เราไม่รอฟังข่าวลุงรามก่อนเหรอ”

รุ่งรตีกินข้าวบ้านเชนมากกว่าบ้านตัวเองอยู่แล้วจึงรับคำง่ายๆ แต่วันนี้มีเรื่องสำคัญที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่

“ฟังที่ไหนก็เหมือนกัน ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้หรอก เห็นแกป้องกันตัวขนาดนี้แล้วพี่ว่าขนาดยุงสักตัวยังกัดแกไม่ได้เลยมั้ง”

รุ่งรตีหัวเราะ คลายใจ เชนทำให้หล่อนเป็นสุขตลอดเวลาที่ใกล้ชิด มีความอบอุ่น อ่อนโยนกระจายรอบตัว เขาผิดกับผู้ชายทุกคนที่เคยรู้จัก ผู้ชายเหล่านั้นมีเจตนาไม่แตกต่างกัน ดูเหมือนสักกลางหน้าผากให้เห็นความคิด จนไม่อยากเข้าใกล้



รถแล่นมายังลานจอดรถกว้างสามารถรองรับรถได้เป็นร้อยคัน รุ่งรตีงุนงงกับตลาดที่เชนพามา ทีแรกคิดว่าจะเข้าไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตามห้างฯ ที่ไหนได้ เขากลับพามาตลาดสดชื่อ “ตลาดทรัพย์ยั่งยืน” ซึ่งไม่ใช่อื่นไกล...สมบัติครอบครัวหล่อนเอง

“ตลาดเนี่ยนะพี่เชน...” หล่อนมองกึ่งไม่แน่ใจ

“ซื้อของสดก็ต้องที่ตลาดสดสิ...เคยมาเดินช้อปปิ้งที่นี่หรือเปล่า ตลาดทรัพย์ยั่งยืนน่ะ” น้ำเสียงเขาล้อเลียน

“หึ...ทำกับข้าวไม่เป็น จะมาเดินตลาดสดทำไม” หล่อนแกล้งเฉไฉ

“ไม่กล้าเดินล่ะสิ” เขาแหย่ต่อ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” หญิงสาวย่นจมูก ไม่อยากให้เขามองหล่อนเป็นคุณหนูไฮโซ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ “ปกติไม่มีเรื่องจำเป็นต้องมานี่...ที่บ้านก็มีแม่ครัวทำกับข้าวให้กินอยู่แล้ว...ไปบ้านพี่เชนก็แค่เป็นลูกมือ ไม่เคยต้องมาซื้อของทำเองสักที”

“งั้นวันนี้เรามาเดินตลาดกัน” เขาสรุป

รุ่งรตีไม่ขัด ปกติหล่อนไม่ค่อยทำตัวเป็นคุณหนูอยู่แล้ว ถ้าบอกว่าเป็นพวกติสต์เซอร์ก็ว่าไปอย่าง ช่วงหลังหญิงสาวชักให้คำจำกัดความตัวเองไม่ค่อยถูก ตั้งแต่ใกล้ชิดกับครอบครัวเชน ก็มีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ โดยไม่ขัดฝืนแม้แต่น้อย เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ตนเองพอใจ



ตลาดทรัพย์ยั่งยืนยุคแรกเป็นแค่ตลาดสดขนาดกลาง อาศัยติดริมถนนใหญ่ การเดินทางสะดวก มีบริเวณว่างเป็นที่จอดรถมาก จึงมีแม่ค้าจับจองกันเยอะ การค้าขายไปได้ดีระดับหนึ่ง จนคุณนายพวงทองก้าวมาบริหาร จัดระบบ แบ่งโซนเป็นระเบียบ มีการจัดเก็บรายได้เข้มงวดจริงจัง รายได้จากตลาดจึงเพิ่มขึ้น

จากนั้นแอบซื้อที่ดินรอบๆ ไว้ทั้งหมด จนกระทั่ง “เสี่ย” ตาย ได้ตลาดแห่งนี้เป็นกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ คุณนายจึงขยายตลาดขนาดกลางเป็นขนาดใหญ่ จนใหญ่ที่สุดในจังหวัดต่อมา

พื้นที่ถูกจัดแบ่งเกิดประโยชน์คุ้มค่า ด้านหน้าติดถนนใหญ่สร้างตึกแถวให้เช่า ส่วนฝั่งติดถนนเส้นรองก็ขยายตลาดจากด้านในจนเต็ม แบ่งเขตเป็นตลาดสด ตลาดผ้า ตลาดขายส่ง และตลาดขายของฝากประจำจังหวัด มีที่จอดรถกว้างขวาง รับได้ทั้งรถจ่ายตลาดประจำ และรถบัส รถทัวร์ รับนักท่องเที่ยวมาซื้อของฝากกลับบ้าน

รุ่งรตีไม่เคยเดินตลาดนี้เลยตั้งแต่โตมา สมัยเด็กเคยมากับพ่อ รู้สึกไม่ชอบตลาดที่เต็มไปด้วยผักปลา พื้นเฉอะแฉะ ไม่น่าเดินเหยียบ

เชนบอกว่าจะซื้อของตลาดสด ไม่รู้ต้องย่ำตลาดแฉะๆ แบบสมัยก่อนหรือเปล่า แต่ตั้งปณิธานแล้วว่า ถ้าเกิดต้องลุยตลาดเช่นนั้นจริง หล่อนจะไม่แสดงท่าคุณหนูยี้...ให้เชนขำขัน ดูถูกเด็ดขาด




บทที่ ๒๒



“ตลาดทรัพย์ยั่งยืน” ถึงจะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรทรัพย์ยั่งยืนฯ แต่เป็นส่วนที่ใหญ่และอยู่ริมนอกสุด สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าโรงแรม ห้างสรรพสินค้า หากคิดเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์

รุ่งรตีตาค้างนิดๆ เมื่อเดินตลาด สมบัติครอบครัวตนเองอีกครั้ง หลังจากไม่เคยสนใจแวะเวียนมานับสิบปี

“โอ้โห มันใหญ่โตขนาดนี้เชียวหรือคะ”

หญิงสาวเงยหน้ามองเพดานทรงโค้งสูงมีพัดลมระบายอากาศตัวใหญ่ เบื้องล่างเป็นตลาดผ้า ทั้งผ้าโหล ผ้าพับ เสื้อผ้าราคาถูกสำหรับกลุ่มชาวบ้าน

“นี่แค่ส่วนเดียวนะ จะให้พี่พาทัวร์ทั้งหมดเลยมั้ย” เชนถาม

“แหะ แหะ อย่าดีกว่า รุ้งชักมีลางสังหรณ์ว่าตัวเองต้องเดินจนขาลาก”

ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ ที่จริงเขาจงใจจอดรถด้านนี้เพื่อให้รุ่งรตีเดินดูตลาดทั่วถึง ครบทุกส่วน อย่างน้อยจะได้รู้จักกิจการครอบครัวตัวเองบ้าง ดูท่าเจ้าหล่อนคงถอดใจตั้งแต่ผ่านด่านแรกแล้ว

ตลาดแต่ละด้านจะมีที่จอดรถเฉพาะ เมื่อรุ่งรตีบอกว่าขี้เกียจเดิน เชนจึงพากลับขึ้นรถแล้วขับอ้อมมาด้านตลาดสด ระหว่างทางก็แนะนำให้หญิงสาวรู้จักตลาดในส่วนต่างๆ ซึ่งเจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักทำเหมือนเข้าใจ แต่สมองคงไม่บันทึกข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลย

ตลาดสดด้านนี้มีทั้งส่วนที่เป็นของเก่าและส่วนต่อเติมใหม่ แผงแม่ค้าด้านในสร้างอย่างมีระเบียบ ถูกสุขลักษณะ พื้นแห้งมีทางระบายน้ำตามแบบสุขาภิบาล รุ่งรตีต้องลบภาพตลาดสดเก่าๆ ออกจากความทรงจำจนหมด

“พี่เชนจะซื้ออะไรบ้าง แม่ค้าเยอะอย่างนี้ มีเจ้าประจำหรือเปล่า”

ที่ถามเช่นนี้ เพราะตนเองไม่มีนิสัยชอบเดินตลาดสด คุยกับแม่ค้าตามแบบแม่บ้านว่างงานทั่วไป

“ขี้เกียจเดินล่ะสิ” เชนดักคอรู้ทัน

“แหม...ก็มันกว้างเหลือเกินนี่”

หญิงสาวพูดไม่ผิด ตลาดสดนี้กว้างมาก แผงแม่ค้าเรียงรายลานตา ขนาดเป็นยามสาย ตลาดน่าจะวาย ก็ยังมีแม่ค้าของของไม่ต่ำกว่าครึ่งตลาด

เชนพาหญิงสาวไปยังท้ายตลาด เป็นด้านที่มีรูปแบบตลาดเก่าอยู่ แผงขายเป็นแคร่ไม้เก่า คนขายส่วนใหญ่เป็นคนแก่ ขายผักสด ขายปลา หัวหอม กระเทียม ของกินชาวบ้านประเภทไข่มดแดง รังผึ้ง นางพญาปลวก

รุ่งรตีเห็นสินค้าเหล่านี้ก็หันมามองเชน เหมือนจะถามว่า ซื้อของพวกนี้ไปทำกินแน่หรือ...

ชายหนุ่มไม่ตอบ พาหญิงสาวไปที่แผงขายผักด้านหลัง ซึ่งเหลือผักอยู่กำสองกำ คนขายเป็นหญิงชรา ผมหงอกขาว ใบหน้าอารมณ์ดี

“ขายดีจังยายหอม เหลือแค่สองสามกำเอง” เชนทักคุ้นเคย

“อ้าวไอ้หนูนี่เอง ทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้ล่ะ”

“มาช่วยเหมาผักยายไง จะได้กลับบ้านซะที” เขาตอบ

“เฮ้ยไอ้หนู จะเหมายายหอมเจ้าเดียวได้ยังไง ของยายด้วยสิ”

แม่ค้าวัยชราอีกคนร้องเรียกเชนอย่างคุ้นเคย มีไมตรี...จากนั้นแม่ค้า พ่อค้าคนอื่นก็ทักชายหนุ่มเรียกช่วยซื้อของกันสนุกสนาน

รุ่งรตีเพิ่งทราบ เชนรู้จักแม่ค้าท้ายตลาดชนิดนับกันเป็นลูกเป็นหลาน เขาช่วยซื้อของจากแม่ค้าแต่ละคนเจ้าละนิดละหน่อย จนรวมเป็นถุงใหญ่

เสร็จแล้วช่วยยายหอมเก็บร้าน เท่านั้นไม่พอยังชวนหญิงสาวขนของตามไปส่งยายหอมถึงบ้าน

“อุ๊ย บ้านยายอยู่ไกลหรือเปล่า”

รุ่งรตีหลุดปากถาม หล่อนไม่ใช่คนโอบอ้อมอารีขนาดช่วยคนแก่ขนของตามไปส่งถึงที่ไกลๆ ได้

“ไม่ไกลหรอก อยู่หลังตลาดนี่เอง” เชนตอบ



หลังตลาด...เป็นสถานที่อีกแห่งที่รุ่งรตีไม่เคยย่างกรายมาเลย พอมาถึงก็อดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นเรือนแถวไม้เก่าเรียงยาวนับสิบ...ห้องยายหอมอยู่ริมสุด บันไดไม้ที่เดินอยู่ในสภาพชำรุดน่าหวาดเสียว รุ่งรตีเห็นแล้ว นึกแหยง...เรือนพักลูกจ้างบ้านหล่อนยังดีกว่าที่นี่เป็นล้านเท่า

“เดินระหวังหน่อยนะไอ้หนู บันไดมันผุ”

ยายหอมมีแก่ใจหันมาเตือน

“ทำไมไม่บอกให้คนมาซ่อมล่ะยาย”

เชนถามพลางเดินขึ้นอย่างระวัง

“ซ่อมหลายรอบแล้ว ไม่อยากไปกวนเขามาก”

ยายหอมหมายถึงคนดูแลความเรียบร้อยของตลาด

รุ่งรตีมองยังห้องอื่นในเรือนแถวเดียวกัน พบคนแก่วัยเดียวกับยายหอมหลายคน พวกคนหนุ่มสาวที่มาอาศัยเป็นครอบครัวก็มี ดูไม่ต่างจากสลัม บ้านพักคนชรา

“เอ้าเข้ามาสิ ขอบใจนะที่ช่วยยายขนของมาเก็บ”

ยายหอมเปิดประตู หน้าต่างห้องออกให้สว่างโล่งขึ้น

เชนเก็บของยายหอมอย่างคนเคยทำประจำ หญิงสาวสังเกตดูสภาพ “บ้าน” ของแกพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง

“บ้าน” หรือเรือนพักยายหอม โล่ง ว่างแทบไม่มีสมบัติอะไรนอกจากเสื่อกับหมอน ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ใบหนึ่ง ด้านหลังเป็นห้องน้ำที่รุ่งรตีไม่กล้าใช้หากไม่จำเป็นจริงๆ

ยังดีที่ห้องนี้อยู่ริมสุดของเรือนแถว หน้าต่างเปิดลมโกรก แสงสว่างพอเพียง นอกหน้าต่างเห็นแปลงผักเขียวสด ซึ่งเจ้าของปลูกไว้ขายที่ตลาดนั่นเอง

“กินข้าวกับยายมั้ย” ผู้ชราเอ่ยปากชวนอย่างอารี

“ไม่หรอกจ้ะ ผมพาน้องเขามาซื้อของ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”

เชนขอตัว สังเกตท่าทางอึดอัดของรุ่งรตีออก

“นั่นแน่...น้องที่ไหน ยายไม่เคยเห็นแม่จิตใสแกมีลูกสาวสักคน” คนแก่ทักรู้ทัน

“น้องจริงๆ หลายคุณนายพวงทองไง” เชนตอบยิ้มๆ

ชื่อคุณนายพวงทองหลุดออกมา ยายหอมให้ความสนใจรุ่งรตีจริงจัง

“อ้าว แล้วลูกใครล่ะ ราม ลักษณ์ หรือสมุทร” แกรู้จักลูกชายคุณนายพวงทองทุกคน

“ลักษณ์ค่ะ” รุ่งรตีตอบถนอมคำ

“เออ...ค่อยดีหน่อย ถ้าเป็นลูกเจ้ารามนั่น ต้องถามต่อว่าใครเป็นแม่...เพราะพ่อคุณเจ้าชู้เหลือเกิน” พูดอย่างนี้แสดงว่ารู้จักคนตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลดี

“เอ่อ...ยายรู้จักพวกลุง พวกอาด้วยหรือคะ” รุ่งรตีให้ความสนใจ

“รู้สิหนู ยายนี่เป็นแม่ค้ารุ่นแรกของตลาดเลยนะ ตั้งแต่ก่อนใช้ชื่อตลาดทรัพย์ยั่งยืนซะอีก ตอนนั้นเสี่ย...ปู่ของหนูเป็นเจ้าของ ใช้ชื่อตลาดเป็นภาษาจีน ยายจำไม่ได้แล้ว พอคุณนายแกมาเป็นเจ้าของ ก็เลยเปลี่ยนเป็นชื่อไทย ช่วงแรกแกมาเดินเก็บเงินค่าตลาดเองด้วยซ้ำ เรียกว่าบาทสลึงไม่มีกระเด็น พอหลังๆ มีกิจการมากขึ้น ก็ให้ลูกมาเก็บ ลูกคุณนายพวงทองทุกคนต้องมาเดินเก็บเงินแม่ค้าที่นี่ทั้งหมดแหละ ยายเลยรู้จักไง”

รุ่งรตีเพิ่งได้ความรู้ใหม่ ทั้งที่จริงควรรู้นานแล้ว...อย่างว่า...ชีวิตหล่อนเกิดมาเพื่อเสวยสุขไม่เคยรู้จักทุกข์ของคนอื่น ไม่เคยลำบากเรื่องการทำงานหาเงิน

ฟังไปชักเริ่มสงสัย เชนพามาคุยกับยายหอม มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

กลับออกมาจากเรือนแถวยายหอม...รุ่งรตีเห็นใบหน้าเชนมีรอยยิ้มบางๆ

“ยิ้มอะไรพี่เชน” หล่อนถามคาดคั้นนิดๆ

“ยิ้มไม่ได้เหรอ” เขาย้อนถามอารมณ์ดี

“ไม่ได้...บอกมานะว่าขำอะไรรุ้ง” หญิงสาวเดากิริยาเขาถูก

“เก่งจัง” น้ำเสียงล้อเลียน พูดกลั้วหัวเราะ “ก็เพิ่งเห็นคุณหนูมาเที่ยวบ้านยาจกครั้งแรกไง”

หญิงสาวเพิ่งเข้าใจ ตลอดเวลาที่อยู่ห้องพักแคบๆ โทรมๆ ของยายหอม หล่อนคงแสดงกิริยาอึดอัด ลำบากใจออกมาให้เชนสังเกตเห็นจนนึกขันหล่อน

“รุ้งไม่ได้แสดงอะไรน่าเกลียดซะหน่อย” หล่อนเถียง

“ก็ใช่...แต่พี่ดูแววตาออก มันบอกว่ารุ้งไม่อยากอยู่ในนั้นสักนาที ยิ่งตอนแกชวนกินข้าวรุ้งยังเผลอเบ้หน้าด้วย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ฟังแล้วไม่อยากเชื่อ

“นี่แหละ...คนไม่มีเงินจริง” เชนปิดท้าย

ถึงตอนนี้รุ่งรตีเพิ่งกระจ่างใจ ตอนคุยกันในรถ หล่อนถามกวนโมโหว่า...แบบไหนถึงจะเรียกว่าคนไม่มีเงิน...เชนไม่ตอบ แต่พามาดูของจริงในตลาดหล่อนเอง



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP