ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

การเสพสิ่งบันเทิงหรือทำผิดศีล ทำให้ละกิเลสยากขึ้นอย่างไร



ถาม - การนั่งสมาธิหรือปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นการสั่งสมกำลังใจเพื่อจะนำไปตัดกิเลส
แล้วถ้าเราฟังเพลง ดูหนัง หรือทำอะไรที่ผิดศีล มันจะเป็นการลดทอนกำลังใจลงไหมครับ

การนั่งสมาธิ จริงๆ แล้วเป็นความสงบนะครับ เป็นการเอาความสงบ
เพื่อที่จะทำให้กิเลสที่มันหยาบๆ ทั้งหลายมันระงับลงชั่วครู่นะครับ
เพื่อที่จะเอาสมาธิที่ได้มานั้นมารู้ต่อ มารู้ตามจริงว่า
ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในกายในใจนี้เลยที่มีความเที่ยง
หรือว่ามีอะไรที่เป็นหลักฐานของความเป็นตัวตน
มีแต่หลักฐานของความไม่ใช่ตัวตนทั้งสิ้น
นี้คือจุดประสงค์เริ่มแรกที่เราต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนนะครับ
เมื่อเข้าใจว่าจะทำสมาธิไปทำไม ในที่สุดเราก็จะทำสมาธิไปเพื่อเจริญสติ
ให้มีความเข้าใจอย่างสมบูรณ์แบบนะ ไม่ใช่แค่เข้าใจด้วยมุมมอง
แต่เข้าใจด้วยการหยั่งซึ้งถึงความจริงในกายใจตัวเองว่า
ไม่มีอะไรที่เที่ยง ไม่มีอะไรที่ใช่ตัวตน

ตัวนี้คือจุดประสงค์หลักนะครับที่ต้องทำความเข้าใจกัน

คำถามก็คือว่าถ้าหากเราไปเอากิเลสมาเข้าสู่จิตสู่ใจ
มันจะเป็นการบั่นทอน มันจะเป็นการลดทอนกำลังหรือเปล่า
อันนั้นแน่นอนครับ
ถ้าหากว่าเราดูนะว่าการปฏิบัติธรรมหรือว่าการเจริญสติแบบพุทธ
ไม่ได้แค่เอาตรงแค่ความมีสมาธิ หรือเอาสติเอาความรู้นะ
ท่านยังบอกด้วยว่าเพื่อที่จะทำทางให้สมบูรณ์แบบ
เราต้องดูกันที่องค์มรรค ว่ามีครบ ๘ ประการหรือเปล่า
หนึ่งในองค์มรรคนั้นก็คือ มีดำริที่จะออกจากกาม
มีดำริที่จะออกจากความติดใจทั้งหลายทั้งปวง

เพราะว่าที่สุดของการเจริญสติปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
คือการเลิกติดใจในภาวะของกายใจ สามารถเห็นตามจริงได้


คือพอเลิกติดใจแล้ว
มันก็จะมีความสามารถที่จะเห็นตามจริง เห็นแจ้ง เห็นประจักษ์
ว่ากายใจมีความไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่อะไรที่น่าเอา ไม่ใช่อะไรที่น่ายึด
ทีนี้ถ้ายังดำริในกามอยู่ ยังติดใจในกามอยู่
โอกาสที่เราจะมีความปลอดโปร่งมากพอที่จะเห็นตามจริงว่า
กายใจนี้ไม่เที่ยง กายใจไม่ใช่ตัวตน มันแทบจะเป็นศูนย์เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ราคะ โทสะ โมหะ
กำลังครอบงำจิตใจของเราอยู่เต็มๆ นะครับ
โอกาสที่จะเห็น โอกาสที่จิตมันจะเปิดออกรับความจริงมันยากมาก
เพราะฉะนั้นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมรรค หนึ่งในองค์มรรค
ท่านถึงบอกว่าต้องดำริที่จะออกจากกาม เห็นกามเป็นโทษ โดยความเป็นโทษ

ทีนี้การที่เราเป็นฆราวาสแล้วก็ดำริออกจากกามด้วยนี่มันยาก
ยกเว้นแต่เป็นฆราวาสที่เบื่อ เบื่อหน่ายชีวิตแบบโลกๆ แล้ว
พร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะไปบวชแล้วนะครับ
หรือตั้งใจไว้แล้วละ มีการเคาท์ดาวน์ไว้เรียบร้อยเลย
๖ เดือน ๑ ปี ๒ ปี สะสางอะไรเรียบร้อยแล้ว
หรือว่าตกลงกับญาติพี่น้องเรียบร้อยแล้วว่า
ถ้าพ่อแม่สิ้นแล้วนะ หรือว่าภาระตรงนี้ ลูกเต้าเลี้ยงจนกระทั่งเขาโตแล้วนะ
เราจะไปบวช แล้วปลอดโปร่งโล่งใจกันแล้ว ตกลงกับทุกฝ่ายได้ ทุกฝ่ายยินดี
แบบนี้ก็เรียกว่าเป็นการเคาท์ดาวน์เตรียมตัว
ซึ่งถ้าหากว่าดูคนประเภทนี้นะ ระหว่างที่เขาเตรียมตัวบวชจริงๆ
ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการคลุกคลีกิเลสทั้งหลาย การบันเทิงทั้งหลาย
เพื่อที่จะเตรียมพร้อมความเป็นพระ พูดง่ายๆ เป็นพระก่อนที่จะบวช

แต่ทีนี้ถ้าหากว่าเรายังติดใจอยู่ ตัดสินใจอยู่ว่าจะเป็นฆราวาสไปเรื่อยๆ
ไม่ได้มีเป้าหมาย ไม่ได้มีทิศทางชัดเจนว่า สุดท้ายแล้วเราจะบวช
แบบนี้นะคือต้องทำความเข้าใจกันนิดหนึ่งว่า
การเจริญสติหรือปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
ในขณะที่อยู่ในเมือง ครองเพศฆราวาสแบบนี้
เป็นไปเพื่อที่จะทำให้สติมีการสั่งสมตัวขึ้นไปทีละนิดทีละหน่อย วันละนิดวันละหน่อย
ไม่ใช่จะเอาทางตรง แต่เป็นทางแบบที่ว่าเดินบ้างพักบ้างนะครับ

สรุปก็คือการที่เราจะไปเกลือกกลั้วกับการบันเทิง ไปดูหนังฟังเพลง
หรือทำอะไรที่ผิดศีล นั่นยิ่งแล้วใหญ่เลยนะถ้าผิดศีล
การดูหนังการฟังเพลงแต่ละครั้งจะทำให้เรามีอาการยึดติดอยู่ว่า
สิ่งนี้ดี สิ่งนี้น่าชอบใจ สิ่งนี้น่าหวงไว้
อันนี้ไม่ใช่ในระดับของการคิดแต่เป็นระดับของจิตเลยทีเดียวว่า
เราจะยึดไว้ จิตเขาจะมีอาการแบบนั้น

ไม่ใช่ความคิดของเรานะ
แต่เป็นอาการของจิตเลยทีเดียวที่คว้าไว้ไม่ปล่อย

ยิ่งถ้าเกิดผิดศีลนะ มันไม่ใช่แค่ยึดไว้เฉยๆ
แต่สภาพของจิตเองจะมีความมัวหมอง

ธรรมชาติของการผิดศีลนะ จะทำให้จิตมัวหมอง
จะทำให้จิตมีความกระวนกระวาย กระสับกระส่ายไปในทางมืด
จะทำให้จิตเหมือนกับมีม่านกั้นขวางระหว่างตัวเองกับความจริง
สังเกตดูเถอะ คนโกหกเก่งๆ นี่นะจะไม่ค่อยรับรู้อะไรตามจริงได้ง่ายๆ
จะรู้สึกว่าตัวเองฉลาด จะรู้สึกว่าคนอื่นเขาโง่กว่าตัวเองหมด
เพราะตัวเองหลอกคนอื่นเขาได้นี่ ก็เห็นเป็นไอ้หน้าโง่ไป
ทั้งๆ ที่จริงๆ บางทีเขาไม่ได้โง่ แต่ว่าเขาตามไม่ทัน
เพราะว่าเรายังแนบเนียน เรายัง...สีหน้าสีตายังเป็นมนุษย์มนาอยู่
แต่ถ้าเมื่อไรที่หน้าตาจอมโกหกมันเบ่งบานเต็มที่แล้วนี่นะ
เอาหน้าไปให้ใครเขาดูเขาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อถือแล้ว
ไม่ต้องพูดเลย ไม่ต้องมาแสดงหลักฐานอะไรกัน
ยังไม่ทันอ้าปาก เห็นลิ้นไก่ก่อนเลยนะครับ
แล้วตัวจิตตัวใจของคนที่โกหกเก่งๆ
ก็จะดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกไปหมด

พวกนี้นะ ถ้าหากว่าเอาตามคำถามนะ
ถ้าหากว่าทำผิดศีลจะเป็นการลดทอนกำลังใจลงไหม
มันไม่ใช่แค่การลดทอนกำลังใจอย่างเดียว
แต่จะทำให้ใจไม่มีความสามารถที่จะเห็นตามจริงได้เลยทีเดียว

สังเกตเถอะคนที่ผิดศีลมากๆ นี่นะพอพูดถึงธรรมะปุ๊บ หันหน้าหนีเลย
อย่าว่าแต่จะมาฟังว่าเขาปฏิบัติธรรมกันอย่างไรนะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP