ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

วัยมัธยมจะมีวิธีฝึกเจริญสติอย่างไร



ถาม - ถ้ายังเป็นนักเรียนอยู่มัธยมควรจะเลือกทางโลกหรือทางธรรมก่อนดีครับ หากเราจะเลือกทั้งสองอย่างควบคู่กันไป ควรปฏิบัติอย่างไรครับ

สำหรับวัยมัธยมนี่นะ เป็นช่วงแรกเลยที่ผมสนใจพุทธศาสนา
แล้วผมก็ถูกถามบ่อยมากว่า เริ่มต้นสนใจพุทธศาสนาจากอะไร เมื่อไหร่นะครับ
ผมก็ตอบคำเดิมว่า ผมเริ่มต้นสนใจไม่ใช่เพราะอยากได้บุญ
ไม่ใช่เพราะอยากที่จะเห็นตัวเองสูงกว่าผู้อื่น เหนือกว่าผู้อื่น
ไม่ใช่เพราะเหตุผลอะไรอื่นทั้งสิ้น แต่ว่าชีวิตมันมีความทุกข์
แล้วก็ได้ข่าวว่าพุทธศาสนามีคำตอบสำหรับคนเป็นทุกข์ได้

การที่เราจะไปเอาคำตอบจากพุทธศาสนา
ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเรียนมัธยมจบเสียก่อน ไม่จำเป็นที่เราจะต้องขึ้นมหาวิทยาลัยเสียก่อน
ไม่จำเป็นต้องทำงาน ไม่จำเป็นต้องแก่เสียก่อน
ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่บอกคำตอบในพุทธศาสนาให้ว่าพ้นทุกข์ต้องทำอย่างไร
ตั้งแต่เราก่อนสิบขวบ เราก็จะสามารถที่จะรู้จักพุทธศาสนาได้ตั้งแต่ก่อนสิบขวบ
วัยแล้วก็เพศไม่ใช่ข้อจำกัด ไม่ใช่กำแพงกีดขวางนะครับ
ถ้าหากว่าเราอยู่มัธยมแล้วเราได้คำตอบของพุทธศาสนาแล้วว่า
ศาสนาพุทธบอกว่าวิธีที่จะพ้นทุกข์ คือดูกายใจโดยความเป็นของไม่เที่ยง
แล้วเราสามารถเข้าใจคำตอบนั้นอย่างขึ้นใจนะ
แล้วก็สามารถที่จะเอามาสังเกตระหว่างที่ว่างจากการเรียน

มีช่วงไหนว่างจากการเรียนบ้าง
ผมจะยกตัวอย่างให้ถ้ายังค้นหาไม่เจอนะ
ตื่นนอนขึ้นมา ช่วงนั้นไม่ต้องทำอะไร
มันสามารถเห็นได้ว่าเพิ่งตื่นขึ้นจากฝัน ออกมาจากความฝัน
มีความฟุ้งซ่านตกค้างออกมาแค่ไหน
ความฝันที่ผ่านมาหรือว่าการหลับนอนที่เรารู้สึกว่าปราศจากความฝันในคืนที่ผ่านมา
ให้ความรู้สึกเป็นสุขหรือเป็นทุกข์
สังเกตง่ายๆ เลยตื่นนอนขึ้นมานี่นะ มันเป็นชีวิตใหม่แบบเล็กๆ มันเป็นชาติใหม่แบบเล็กๆ
เราสามารถสังเกตได้เลยว่าชีวิตใหม่ของเราแต่ละเช้านั้นน่ะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์

ถ้าหากว่าเป็นทุกข์ก็ให้บอกตัวเองว่า
แสดงว่าชาติเล็กๆ ชาติก่อนแบบเล็กๆ ที่ผ่านมานี่ทำไว้ไม่ดี
มันทำให้เกิดความฝัน มันทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน
หรือทำให้เกิดการนอนไม่เต็มอิ่ม
อะไรก็แล้วแต่แหละ ที่เป็นหลักฐานแสดงในช่วงเช้า
ว่าชีวิตใหม่ในเช้าวันนั้นไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่
หรือถ้าหากว่ามีความสุข เราก็บอกตัวเองว่า
เออ ชาติก่อนเล็กๆ ที่ผ่านมา วันก่อนหรือว่าคืนที่ผ่านมานี่เราทำไว้ดีพอ
แล้วการทำไว้ดีพอนั้นน่ะ มีผลให้เราตื่นขึ้นมามีชีวิตใหม่ในเช้าวันนั้นอย่างมีความสุข

ความสุขกับความทุกข์ที่เรามองเห็น ณ ขณะของการตื่นนอนมีความสำคัญแค่ไหน
มันมีความสำคัญกับความเข้าใจของเราว่าอยู่ๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ นะ
มันเกิดขึ้นจากการสะสม สะสมวันก่อนนะ เรามีมาดีพอแค่ไหนหรือว่าไม่ดีพอแค่ไหน
จากนั้นให้สังเกตว่าอารมณ์สุขอารมณ์ทุกข์
ที่เกิดขึ้น ณ ขณะตื่นนอน อีกแป๊บหนึ่งมันก็จะหายไป
หรือถ้าหากว่ายังมีแรงส่งของเก่าอยู่นะ ถ้าหากว่าทำไว้ไม่ดีมากๆ
ทำอะไรก็แล้วแต่ จะพูดไม่ดี จะทำไม่ดี
หรือว่าผิดพลาด หรือว่ามีความวิตกกังวลอะไรก็แล้วแต่
มันจะมีแรงดันของความทุกข์ให้มีอายุยืนต่อไป ไม่ใช่แค่ช่วงเช้าที่ตื่นนอนมา
แต่ระหว่างวัน ช่วงสาย ช่วงบ่าย บางทีมันแย่ลง
แต่ถ้าหากว่าเรามีแรงดันของความสุขมากพอ ทำอะไรดีๆ มามากพอ
ไอ้ความสุขความสดชื่นในช่วงเช้าเนี่ย มันก็มีอายุยืนต่อไปเช่นกัน

ถ้าหากสังเกตอยู่อย่างนี้มันได้อะไร
อย่างน้อยที่สุดนะ ได้ข้อสังเกต
ว่าจิตว่าใจของเราในแต่ละวัน มันดีหรือไม่ดียังไง
มันมีความรู้สึกว่าเป็นฝ่ายบวกหรือฝ่ายลบยังไง
ข้อสังเกตตรงนี้นะ เราไม่ต้องเอาไปเบียดบังเวลาเรียนอะไรเลย
เราสังเกตไปทุกวันๆ ทุกวันเข้านะ
มันเกิดความรู้สึกขึ้นมาได้เองเลยว่าจิตของเรา ความรู้สึกของเรามันไม่เที่ยง

แล้วจิตของเรา ความรู้สึกของเรานี้ ถ้าหากว่าแบ่งซอยย่อยเข้ามา
ในแต่ละลมหายใจ แต่ละลมหายใจ
ดูซิว่าหายใจเข้าครั้งนี้ยังมีความสุขอยู่หรือเปล่า
หายใจครั้งนี้ยังมีความทุกข์อยู่หรือเปล่า
แค่ถามตัวเองง่ายๆ อย่างนี้นะ
หายใจแต่ละครั้ง ยังมีความสุขอยู่หรือเปล่า ยังมีความทุกข์อยู่หรือเปล่า
มันจะได้คำตอบขึ้นมาเองว่า แต่ละลมหายใจมีความสุขความทุกข์ไม่เท่ากัน
ความสุขมันจะมาในรูปของความรู้สึกสบายกายสบายใจ
ความทุกข์มาในรูปของความอึดอัดกายอึดอัดใจ
แล้วความอึดอัดความสบายที่ถูกสังเกตรู้ว่าไม่เที่ยงอยู่เรื่อยๆ อย่างนี้แหละ
มันจะทำให้จิตไม่ไปยึดมั่นถือมั่นกับอะไรต่ออะไรภายนอกตามไปด้วย
ถ้าหากว่าเห็นซะแล้วว่าทั้งสุขทั้งทุกข์
มันเป็นแค่อะไรที่เกิดขึ้นแป๊บหนึ่งด้วยเหตุ แล้วก็ต้องดับลงเป็นธรรมดา

ทำผ่านเดือนผ่านปีไป แค่ทำเล่นๆ นะยังไม่ต้องนั่งสมาธิ ยังไม่ต้องเดินจงกรม
จิตมันได้คำตอบในชีวิตแล้วว่าอะไรๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น นี่แหละแก่นของพุทธนะครับ
เริ่มเจริญสติแบบนี้แหละ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP