จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

โลกธรรม


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

093_destination


เมื่อเดือนก่อน ผมได้สนทนากับญาติธรรมท่านหนึ่ง
ท่านได้นำเรื่องที่ท่านได้สอนลูกมาเล่าให้ฟัง
ผมเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์ จึงขอนำมาเล่าต่อนะครับ

ญาติธรรมท่านนี้เป็นพ่อ และได้ถามลูกว่า “รู้ไหมว่าทำไมจึงมีความร้อน?
ลูกตอบว่า “เพราะมีดวงอาทิตย์”
พ่อบอกว่า “ไม่ใช่”
ลูกตอบอีกว่า “เพราะจุดไฟ”
พ่อบอกว่า “ไม่ใช่”
ลูกตอบอีกว่า “เพราะไม่เปิดแอร์”
พ่อบอกว่า “ไม่ใช่”

ลูกตอบอีกว่า “เพราะแอร์เสีย”
พ่อบอกว่า “ไม่ใช่”
ลูกพยายามตอบมาอีกสักพักหนึ่ง ก็นึกคำตอบอื่นไม่ออกแล้ว จึงขอให้พ่อเฉลย
พ่อเฉลยคำตอบว่า “เพราะว่ามีความเย็น”
ลูกได้ยินคำตอบแล้ว ก็ร้องว่า “หา??? "

จากนั้น ลูกก็ถามพ่อว่า “ทำไมเพราะมีความเย็น จึงมีความร้อนล่ะพ่อ?
พ่อจึงอธิบายว่า “เรามีความร้อนได้ เพราะมีสิ่งมาเปรียบเทียบ
หากไม่มีความเย็นมาเปรียบเทียบ โดยทุกอย่างร้อนเท่ากันหมดแล้ว
ในโลกนี้ก็จะไม่มีความร้อน เพราะทุกอย่างร้อนเท่ากันหมด
แต่เพราะมีความเย็นมาเปรียบเทียบ เราจึงมีความร้อน
หากไม่มีความเย็นมาเปรียบเทียบ ก็จะไม่มีความร้อน”
ลูกฟังแล้วก็พยักหน้าทำนองว่าเข้าใจ

หลังจากนั้น พ่อก็ถามคำถามลูกต่อไปว่า “ทำไมจึงมีความสุข?”
คราวนี้ ลูกตอบได้แล้วว่า “เพราะมีความทุกข์”
พ่อถามต่อไปว่า “ทำไมจึงมีชนะ?
ลูกตอบว่า “เพราะมีแพ้”
พ่อถามต่อไปว่า “ทำไมจึงมีดีใจ?
ลูกตอบว่า “เพราะมีเสียใจ”
แล้วพ่อก็สรุปให้ลูกฟังว่า นั่นแหละจำเอาไว้ว่า
ร้อน เย็น สุข ทุกข์ ชนะ แพ้ ดีใจ เสียใจ ... สิ่งเหล่านี้เป็นของคู่กัน
ผลัดกันมาแล้วก็ผลัดกันไปเป็นเรื่องธรรมดาของโลก
เราจะไปหวังให้มาเพียงอย่างเดียวที่เราชอบไม่ได้ เพราะมันเป็นของที่เป็นคู่กัน
ฉะนั้น เวลาสิ่งที่เราชอบใจมา เราก็ไม่ควรหลงระเริง แต่เราควรระลึกว่ามันอยู่ไม่นาน
เวลาสิ่งที่เราไม่ชอบใจมา เราก็ไม่ต้องระทมทุกข์เกินไป แต่เราควรระลึกว่าเดี๋ยวมันก็ไป
มันก็ผลัดกันมา และผลัดกันไปอย่างนี้เป็นธรรมดาโลก

สิ่งที่ญาติธรรมท่านนี้ได้สอนลูกของเขานั้น สามารถเทียบเคียงได้กับ “โลกธรรม” นะครับ
โดยในโลกธรรมสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสอนว่า
โลกธรรม ๘ ประการนี้ ย่อมหมุนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม
คือ ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑
นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑
ธรรมในหมู่มนุษย์เหล่านี้ คือ ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑
นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ เป็นสภาพไม่เที่ยง ไม่แน่นอน
มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แต่ท่านผู้เป็นนักปราชญ์ มีสติ ทราบธรรมเหล่านั้นแล้ว
พิจารณาเห็นว่ามีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ธรรมเหล่านี้ย่อมย่ำยีจิตของท่านไม่ได้
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%E2%C5%A1%B8%C3%C3%C1%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33

โลกธรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่คู่กับโลกเป็นธรรมดา
อ่านดูแล้ว ฟังดูแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเข้าใจได้ง่าย ๆ
แต่ในชีวิตจริงของเรานั้น เราคงจะเห็นได้ว่ามีหลายท่านที่ยึดติดในสิ่งแปรปรวนเหล่านี้
โดยยังหลงยึดมั่นถือมั่นทุ่มเทสิ่งทั้งหลายเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ และสุขอันไม่เที่ยง ไม่แน่นอน
และท้ายสุดก็โดนความแปรปรวนของธรรมเหล่านี้ ย่ำยีจิตใจของท่าน ๆ เหล่านั้น
บางคนก็ต้องไปทำบาปอกุศลกรรมต่าง ๆ มากมาย
เพียงเพื่อแก่งแย่ง ไขว่คว้า หรือรักษาธรรมอันแปรปรวนเหล่านี้
บางสิ่งบางอย่างนั้นก็ต้องลงทุนลงแรงมากมายเพื่อที่จะให้ได้มานะครับ
แต่พอได้มาแล้ว ปรากฏว่าอยู่ได้ไม่นานก็แปรปรวนไปเสียแล้ว
ดู ๆ ไปแล้วก็ไม่น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงของเราเสียเลย

ทีนี้พวกเราก็มีทางเดินให้เลือกนะครับว่า เราจะยอมให้ธรรมเหล่านี้ย่ำยีจิตใจไปเรื่อย ๆ
หรือเราจะเลือกเดินในทางของนักปราชญ์ผู้มีสติ และทราบถึงความแปรปรวนของธรรมเหล่านี้
และเราก็ไม่ปล่อยให้ธรรมเหล่านั้นมาย่ำยีจิตใจเราอีกต่อไป



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP