วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๒๑


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



บทที่ ๑๗



ปริศนาการตายของสีดา มีแต่คนตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเท่านั้นที่สงสัย ค้างคาใจ พิทักษ์มั่นใจคนที่จับเขา ถ้าไม่ใช่รามก็ต้องได้รับคำสั่งจากราม ให้เค้นหาความจริง...เขาควรตอบเช่นไรถึงจะเอาตัวรอดได้

มึงยังยืนยันคำเดิมอีกมั้ย ว่าเป็นอุบัติเหตุ คำถามเนิบช้า ข่มขู่

มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เขาพยายามตอบทั้งที่เสียดท้องน้อย

ถึงขั้นนี้มึงยังโกหกกูอีก...

...พลั่ก...อีกหมัดประเคนจากความมืด พิทักษ์มึนเบลอ ตาลาย สติไม่ปะติดปะต่อ

ไฟที่ส่องหน้าทำให้เขาไม่สามารถเห็นว่ามีใครอยู่บริเวณนี้บ้าง ไม่เห็นหน้าคนข่มขู่...น้ำเสียงพอคุ้นหู...ไม่แน่ใจเคยได้ยินที่ไหน

กูให้โอกาสมึงพูดความจริงอีกครั้ง เสียงตะคอกดังเหนือหัว ว่ามา...คุณสีดาตายยังไง

บุญส่ง พิทักษ์เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา...บุญส่ง มือขวาของราม เคารพซื่อสัตย์ต่อตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล คำเรียกขาน คุณราม คุณสีดา ผ่านหูเขามาบ้างจนทำให้นึกออกในที่สุด

...ความเงียบเกิดขึ้นเป็นฉากกั้น ก่อนบรรยากาศกดดันจะคลายตัว...

ฝ่ายที่อยู่เงามืดหัวเราะเหี้ยม

ใช่...กูเอง มึงรู้ว่าเป็นกูแล้วมีประโยชน์อะไร เหตุการณ์คืนนี้คุณรามไม่รู้เรื่อง ตัวท่านอยู่ในงานเลี้ยง รับแขกผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่รู้หรอกว่ากูจับมึงกับเมียมาไว้ที่นี่

พิทักษ์นิ่งอั้น รู้สึกเหมือนถูกโยนลงเหวลึก เขาไม่เชื่อคำพูดบุญส่ง การพูดเช่นนี้คือการตัดรามและครอบครัวทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลออกจากข่ายผู้ต้องหาทันที

คุณจับผมมาทำไม พิทักษ์ถามคำเดิม

ไอ้ห่านี่...กูพูดตั้งนาน หลายครั้งแล้ว ยังโยกโย้อยู่ได้...คิดหรือว่าจะมีใครเชื่อว่าคุณสีดาตายด้วยอุบัติเหตุจริง ทั้งที่เด็กลูกจ้างบ้านมึงได้ยินเสียงทะเลาะกัน แล้วกลางดึกคุณสีดาก็ถูกพาตัวออกไป ไม่ได้ขับรถออกไปคนเดียว...

คราวนี้คนฟังสะดุ้งเฮือก เขาปิดปากเด็กคนนั้นดีแล้วส่งกลับพม่า ให้เงินพอสมควร...ที่สำคัญเขาไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะเห็นเหตุการณ์มากขนาดนี้

คุณจะไปเชื่ออะไรกับคำพูดของเด็ก ดึกดื่นป่านนั้นมันจะไปรู้เรื่องอะไร

แต่กูเชื่อว่ะ พูดเยาะหยัน ถึงคำพูดเด็กอาจใช้เป็นหลักฐานสำคัญในศาลไม่ได้ เพราะมึงอาจหาเรื่องแก้ต่างได้เป็นร้อยเป็นพัน ทำให้คำพูดเด็กไม่มีน้ำหนัก ลบความน่าเชื่อถือของพยาน...แต่กูก็เชื่อ...เพราะมีพยานอีกคนที่มึงจะบิดพลิ้วไม่ได้

พิทักษ์งุนงง จนกระทั่งชื่อหนึ่งหลุดจากปากฝ่ายตรงข้าม

อีเนื้อนวล ชู้รักของมึงไงล่ะ

พิทักษ์ใจหล่นวูบ นึกถึงชะตากรรมหญิงคนรัก หล่อนคงโดนข่มขู่บังคับ จน รีด ความจริงออกมาหมดแล้ว

นวลอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง เขาละล่ำละลักถาม

ยังไม่ตาย คำตอบเยาะหยัน กูไม่ได้ทำอะไรรุนแรงหรอก...ไม่ต้องห่วง

วาจาลากเสียง ซ่อนนัย พิทักษ์เย็นวาบ เป็นห่วงคนรักอย่างรุนแรง

มึงทำอะไรนวล...มึงทำอะไรนวล

เขาดิ้นรนร้องโวยวาย ผลคือโดนอีกหนึ่งหมัดเข้าสงบสติอารมณ์

ถ้ามึงทั้งสองคนอยากออกไปจากที่นี่โดยมีลมหายใจอยู่ ก็รีบพูดความจริงสิวะ

ไม่รู้ กูไม่รู้

งั้นก็ดี ต่อให้มึงปฏิเสธยังไง พวกกูก็รู้อยู่ดีว่ามึงกับชู้รักเป็นคนฆ่าคุณสีดา ถึงมึงไม่ตอบ กูก็จะฆ่ามึงกับเมีย แก้แค้นแทนนายกูให้สิ้นเรื่องไปเลย

คนพูดไม่ได้บอกว่าข่มขู่ ล้อเล่น

ถ้าฉันตาย นายของแกก็เป็นผู้ต้องสงสัยคนแรก พิทักษ์ปากสั่น ฝืนเอ่ยปากสู้ ฉันกับเขามีคดีเรื่องมรดกกันอยู่ ตำรวจต้องพุ่งประเด็นไปที่เขา ยังไงนายแกก็หนีไม่พ้น

เสียงหัวเราะในความมืดดังลั่น ขำขัน สะใจ

มึงนี่มันโง่หรือฉลาดกันแน่...กูบอกกี่ครั้งแล้วว่างานนี้นายกูไม่รู้ กูทำของกูเอง...ต่อให้ตำรวจสืบมาถึงก็จะเจอแต่หลักฐานของกูทั้งนั้น ต่อให้ถูกจับกูก็จะพูดอย่างที่พูดอยู่นี่...กูทำคนเดียว

คำลงท้ายหนักแน่น...เน้น...จนพิทักษ์ขนลุกซู่ หากบุญส่งยอมเป็นผีตายแทนราม รับสารภาพผิดทั้งหมดคนเดียว โอกาสที่รามจะพ้นผิดก็สูง

แล้วแรงจูงใจล่ะ ทำไมแกต้องฆ่าฉัน เขาพยายามหาทางรอด

ง่ายนิดเดียว กูก็บอกว่า กูหลงรักคุณสีดามาตลอด แค้นมึงนานแล้วที่แย่งคุณสีดาไป และบอกว่า กูเชื่อว่ามึงเป็นคนฆ่าคุณสีดา กูเลยฆ่ามึงกับชู้ แก้แค้นให้คุณสีดา

บุญส่งตอบไม่ติดขัดคล้ายมีบทบอกล่วงหน้า

มึงเลือกเอา จะยอมพูดความจริงแล้วรอดตาย หรือเก็บความจริงไว้กอดนอนในนรก

พิทักษ์ลังเล เขาพยายามมองหากล้องที่อาจมีการแอบถ่ายบันทึกปากคำ ถ้ามีจริง คำพูดของเขาก็จะเป็นหลักฐานมัดตัวเข้าคุก ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามรอดตัว เพราะมีคนยอมรับสารภาพแทน

แน่ใจได้ยังไงว่าฉันกับนวลจะรอด นวลอยู่ที่ไหน ขอให้ฉันเห็นหน้าเขาก่อน มันเป็นการต่อรองที่สมเหตุผล

ได้...กูจะให้มึงดูหน้าชู้รักก่อน จะได้มีกำลังใจพูดความจริง

จบคำพูดก็มีไฟอีกดวงจุดสว่าง ส่องจับยังร่างที่มัดติดเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา

นวล... พิทักษ์อุทานลั่น

เนื้อนวลสะบักสะบอม แขนขามัดติดเก้าอี้ เสื้อผ้าขะมุกขะมอมยับเยิน ปากถูกมัดด้วยผ้า ดวงตาเบิกโต ตื่นกลัว พยายามดิ้นรนเอาตัวรอด

พิทักษ์อาศัยแสงสว่างจุดนั้นมองหาฝ่ายตรงข้าม แต่มันถูกดับลงในระยะเวลาสั้น ราวกับอีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดในใจเขา

เอาละ คราวนี้พูดความจริงได้หรือยัง คำถามไม่ข่มขู่เช่นทีแรก น้ำเสียงแสดงถึงความมีอำนาจเหนือกว่า

ได้ ดูจากสภาพเนื้อนวล เขาเชื่อว่าหล่อนคง คาย ความจริงหมดแล้ว เปล่าประโยชน์ที่จะมาโกหกปิดบังเอาตัวรอด

ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเขาคือคนร้าย มั่นใจสีดาถูกฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุ เขาก็ยากจะพลิกแพลง เปลี่ยนดำเป็นขาว คนพวกนี้ไม่ใช่ตำรวจที่เขาสามารถอ้างเรื่องสิทธิ เรื่องกฎหมายการข่มขู่พยาน ผู้ต้องสงสัยจนเอาตัวรอดได้

นี่คือคนที่ฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ ฉะนั้น ทางที่ดีควรพูดออกไปก่อน ถ้ามีการบันทึกภาพ เสียงเป็นหลักฐาน เอาผิดทางกฎหมาย เขายังอ้างได้ว่าถูกข่มขู่ จนต้องยอมโกหกพูด ความจริง อย่างที่คนกลุ่มนี้ต้องการฟัง

แม้ความจริงที่เขาอ้างว่าเป็นการโกหกเอาตัวรอดนั้น...จะเป็นเรื่องที่ เกิดขึ้นจริง ก็ตาม



เหตุการณ์คืนวันนั้น...

หลังจากสีดากลับถึงบ้านก็เตรียมเข้านอน ป่วย เพลีย ร่างกายอยากพักผ่อน หล่อนมียาลดไข้ใช้ประจำอยู่ในห้องนอน แต่หามันไม่พบ ไม่แน่ใจหมดแล้วหรือย้ายที่เก็บ เรียกลูกจ้างเอายามาให้ แต่ก็เป็นยาลดไข้อีกแบบ ไม่ใช่ที่ใช้ประจำ กำลังจะให้เด็กออกไปซื้อ ไม่ก็ช่วยหายาในห้องนอน ก็ขี้เกียจเห็นว่าดึกแล้ว พวกลูกจ้างนอนอีกเรือนนอกตัวบ้าน มันจะลำบากเสียเวลาจึงไล่กลับไปนอน

นึกถึงสามีได้...พิทักษ์จะละเอียดกว่ารู้ว่าของเก็บที่ไหน ตั้งใจโทรศัพท์ไปถาม ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในงานเลี้ยงรุ่นพวกทนายที่ห้องจัดเลี้ยงโรงแรม...บังเอิญมือถือหล่อนแบ็ตฯหมด จึงใช้โทรศัพท์โต๊ะทำงานพิทักษ์แทน ซึ่งปกติหล่อนไม่เคยยุ่งกับเครื่องนี้

ตอนที่โทรเกิดอาการเบลอ ตาลาย แทนที่จะกดหมายเลขสามี กลับเผลอกดปุ่มโทรซ้ำหมายเลขสุดท้ายที่โทรออกจากเครื่อง

สีดาไม่รู้ว่านั่นเป็นหมายเลขของใคร หัวมึนจากพิษไข้ที่เริ่มแสดงฤทธิ์ คิดอะไรไม่ออก ได้ยินสัญญาณเรียก คิดว่าโทรติด รอคนรับสาย จนกระทั่งมีเสียงหวานใส ฉอเลาะดังมาจากปลายสาย...สีดาตาสว่าง พิษไข้แทบกระเจิงหนีทันที

แหม...ทักษ์ขา กว่าจะโทรมาหานวลได้ ให้รอตั้งนาน...แล้วทำไมใช้เครื่องที่บ้านล่ะ อีแก่มันไม่อยู่หรือคะ

เพียงเท่านี้ปรอทโทสะก็พุ่งปรี๊ดติดเพดาน อาการมึนเบลอ เพลียหมดแรงจากพิษไข้หายทันที

คุณเป็นใคร สีดาสะกดกลั้นโทสะ หลุดคำพูดได้สามคำ

ฝ่ายนั้นนิ่งนาน ก่อนมีเสียงหัวเราะแว่วเบาๆ วางสายดังกริ๊ก

สีดาตัวร้อนวาบ หน้าชาเหมือนถูกตบด้วยมือที่มองไม่เห็น กดสายเรียกซ้ำเบอร์นั้นอีกครั้ง พอมีสัญญาณติด กำลังจะพูดก็ถูกวางสาย พยายามโทรซ้ำอีกสองสามครั้งปรากฏปลายสายไม่ว่าง ไม่รู้อีกฝ่ายจงใจไม่รับสาย หรือกำลังโทรศัพท์เล่าเหตุการณ์ตื่นเต้นให้ ใครบางคน ฟัง

เพียงแค่คิดสีดาก็เกิดเพลิงโทสะประดังท่วมท้นทั้งศีรษะ ราวเปลวไฟเผาร่าง ทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะ มือไม้สั่น หน้าซีด ขบริมฝีปากแน่น ดวงตาวาวโรจน์ร้อนแรง กดโทรศัพท์อีกครั้งคราวนี้ เป็นเบอร์ของพิทักษ์

เสียงตอบมาว่า...ไม่มีสัญญาณ...อาจจะแบ็ตฯหมด...อยู่ในจุดไม่มีคลื่น หรือกระทั่ง...สายไม่ว่างเนื่องจากมี ผู้หญิงนิรนาม กำลังโทรหา พูดจาด้วยเสียงฉอเลาะแบบเมื่อครู่

สีดาพยายามโทรซ้ำหลายรอบจนติด สัญญาณดังนานแล้วขาดหาย ต้องโทรซ้ำอีกครั้งมีสัญญาณเรียกเข้า ดังหลายครั้ง สุดท้ายค่อยมีคนรับ

ทักษ์...นี่ดานะ สีดากรอกเสียงรัวเร็ว

อือ...มีอะไรหรือดา น้ำเสียงเรียบเนือย ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

ทำไมตะกี้ไม่รับสาย หล่อนถามนำ

ผมไม่ได้ยินน่ะ เสียงเพลงมันดัง เขาไม่โกหก สีดาได้ยินเสียงเพลงงานเลี้ยงแว่วเข้าโทรศัพท์

บอกดามานะว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร สีดาทนคุยอ้อมค้อมไม่ไหว ถามเข้าประเด็นคาใจ

ใครกันดา ผู้หญิงคนไหน เขาเหลอหลา ดูท่าไม่รู้เรื่องจริงๆ

สีดาสูดลมหายใจยาวลึก ข่มหัวใจที่กำลังเต้นแรงด้วยโทสะ เลือดในกายฉีดพล่านแทบทะยานออกไปลากคอสามีกลับบ้านทันใด

ตะกี้ดาโทรศัพท์ที่เครื่องบนโต๊ะทำงานคุณ กดเบอร์เรียกซ้ำแล้วไปติดเบอร์ผู้หญิงคนหนึ่งเขาชื่อนวล และบอกว่ารู้จักคุณด้วย

พิทักษ์อึ้งชั่วครู่

ชื่อนวล...ผมไม่แน่ใจ ดากดเบอร์ผิดหรือเปล่า

จะผิดได้ยังไง มันเป็นเบอร์เรียกซ้ำที่คุณโทรออกครั้งสุดท้าย...รีบกลับมาคุยกันที่บ้านเดี๋ยวนี้เลยนะทักษ์

สีดาแผดเสียงใส่โทรศัพท์แล้ววางหู ร้องไห้สะอึกสะอื้น ยังดีที่ห้องนอนปิดมิดชิด เปิดเครื่องปรับอากาศ คนนอกไม่ได้ยิน

ระหว่างรอสามี อารมณ์หล่อนแปรเปลี่ยนขึ้นลงหลายรูปแบบ ปวดหัวแทบระเบิด ความรัก ความแค้น เศร้าใจสุมอกอัดแน่น กระทั่งถึงจุดหนึ่ง...ถามตนเอง

...ถ้าพิทักษ์มา จะทำอย่างไร...จะพูดอย่างไร...จะถามอย่างไร...

ผู้ชายคนไหนบ้างกล้ายอมรับตัวเองมีเมียน้อย พิทักษ์เป็นทนาย ลิ้นคารมพลิกพลิ้วเปลี่ยนดำเป็นขาวไม่ยาก ต่อให้หล่อนเค้นคอถามเขา แน่หรือจะได้รับฟังความจริง

หากต้องการความจริง...ควรถามใคร...ปัญหานี้มาพร้อมคำตอบ

คำตอบที่ได้ก่อให้เกิดความลังเลอย่างแรง

ถ้าต้องการฟังความจริง ต้องถามผู้หญิงคนนั้น

สีดากล้าพอจะโทรหาศัตรูหัวใจเวลานี้หรือไม่?



เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที สีดารีบยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานพิทักษ์ นึกถึงเบอร์ผู้หญิงคนนั้นที่หล่อนโทรซ้ำทวนหลายรอบ จนเห็นเบอร์จำได้ พอมั่นใจก็รีบกดทันที

สัญญาณเรียกดังประมาณสองสามครั้งก่อนผู้หญิงคนเดิมจะรับสาย

ฮัลโหล หล่อนลากเสียงยาวหวาน

คุณชื่อนวลใช่ไหม สีดาสงบใจถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ

ค่ะ...คุณนาย คราวนี้คนพูดไม่มีท่าทีจะวางหูใส่เช่นครั้งแรก

ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ

เอ...เรารู้จักกันด้วยหรือคะ ถามพลางหัวเราะหยอกล้อ

เธอคงไม่รู้จักฉันหรอก...แต่น่าจะรู้จักสามีฉัน...เขาชื่อพิทักษ์ สีดาพูดตรงๆ

ฝ่ายตรงข้ามเงียบนิดนึง

ค่ะ...ฉันรู้จักคุณพิทักษ์...คุณคงเป็นภรรยาเขา...ชื่อสีดา เจ้าหล่อนไม่ครั่นคร้ามสักนิด

ใช่...ฉันเป็นภรรยาเขา...ขอถามคุณตรงๆ สักเรื่อง...

สีดากลั้นใจชั่วขณะ ยิงคำถามสำคัญ

คุณมีอะไรกับสามีฉันใช่ไหม

ปลายสายมีความเงียบกั้นกลาง คล้ายอีกฝ่ายกำลังชั่งใจไตร่ตรอง สีดานึกคาดคะเนคำตอบที่จะได้รับหลายทาง กลัวเป็นคำตอบทีเล่นทีจริง ล่อหลอกให้หล่อนหัวปั่นอีก

ใช่ คำตอบเรียบตรงผิดคาด

คำพูดนี้ไม่ผิดกับซุงท่อนใหญ่กระแทกใจสีดาจนจุกเสียด พูดไม่ออกบอกไม่ถูก...บางที...ถ้า...ผู้หญิงคนนั้นจะโกหก...ไม่ใช่...ไม่จริง...สีดาคงเป็นสุขกว่านี้

คุณ... สีดาพูดติดขัด สมองอื้ออึง คิดอะไรไม่ออก

ฉันชื่อเนื้อนวล...อยู่กับผัวคุณมาเป็นปีแล้ว...และฉันพร้อมจะแทนตำแหน่งคุณทุกเมื่อ

อีกฝ่ายพูดหนักแน่น จริงจัง จนคนเป็น เมียหลวง เกิดอาการใจฝ่อ ทำอะไรไม่ถูกราวตนเองเป็นคนผิดที่โทรศัพท์เที่ยวระรานคนอื่น

ถ้าอยากเจอฉันเมื่อไหร่ก็พร้อมทุกเมื่อ...คืนนี้ยังได้ บอกผัวคุณให้พามาหาฉันได้เลยถ้ากล้าจริง

สีดาวางโทรศัพท์อย่างหมดแรง หัวมึนชา ตึงเปรี๊ยะ นึกถึงคำพูดสุดท้ายของเมียน้อย...ฝ่ายนั้นท้าหล่อนไปหาคืนนี้...ถ้ากล้าจริง...

มันเป็นการท้าทายที่สีดายอมไม่ได้เด็ดขาด



พิทักษ์มาถึงบ้านในเวลาต่อจากนั้น...ทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง สีดาต้องการให้เขาพาไปหาเมียน้อย แต่เขาไม่ยอม ทะเลาะกันถึงขั้นสีดาลงไม้ลงมือกับพิทักษ์...หล่อนถูกเขาผลักล้มศีรษะกระแทกน็อกกับขอบเตียง พิทักษ์โมโห หน้ามืดไม่สนใจ รีบออกจากบ้าน ตั้งใจไปต่อว่าเนื้อนวลเรื่องคุยโทรศัพท์ท้าทายสีดา

พอไปถึงเขาก็พ่ายเสน่ห์ของหล่อน...พูดไม่ออก เนื้อนวลถามถึงสีดาว่าเป็นอย่างไร พิทักษ์นึกได้ว่าผลักเมียล้มแล้วมาอย่างไม่สนใจ

เนื้อนวลทัก...อย่างนั้นทำไมสีดาไม่โทรมาตามสามีที่นี่อีก...พิทักษ์ฉุกใจอาจเกิดเรื่อง ลองโทรศัพท์กลับบ้าน แต่ไม่มีคนรับสาย...เขาไม่กล้าขับรถกลับทันที ให้เนื้อนวลขับรถส่งรอที่งานเลี้ยงก่อน...พวกเพื่อนจะได้เห็นหน้า เป็นพยานเวลาว่าเขาอยู่จนงานเลิก

จากนั้นก็นั่งรถพร้อมกับเนื้อนวลไปที่บ้าน จอดรถเลยสองสามเสาไฟฟ้า แอบเข้าบ้านขึ้นห้องนอนโดยพวกลูกจ้างไม่รู้ เห็นสีดาฟุบนิ่งหน้าเตียง ลองจับชีพจร เช็คลมหายใจ เขาไม่ใช่หมอ พยาบาลเลยไม่รู้...คนที่ไม่มีลมหายใจกับหายใจอ่อนระรวยต่างกันอย่างไร จึงคิดว่าสีดาตายแล้ว

เวลานั้นทำอะไรไม่ถูกพักใหญ่...ด้วยสมองที่ฉับไว จึงตัดสินใจไม่ช้าเกินไปนัก...ต้องทำลายศพ...

เขาเลือกที่จะใช้รถสีดาอีกคันขับพาศพหล่อนออกไป...ก่อนออกไปก็ตรวจเช็คดีแล้วว่าไม่มีลูกจ้างคนไหนรู้เห็น เพราะเรือนลูกจ้างกับที่จอดรถหน้าบ้านมันไกลกัน ด้านหนึ่งอยู่หลังสุดริมรั้ว อีกด้านอยู่หน้าประตู...รถออกมาอย่างสะดวก พบเนื้อนวลดักรอกลางทาง...หญิงสาวเสนอให้เอาศพเผานั่งยาง พิทักษ์ค้าน ต้องการให้เป็นอุบัติเหตุ

ระหว่างที่สองคนกำลังเถียงเรื่องทำลายศพ สีดาก็ค่อยได้สติ เนื้อนวลพิทักษ์ตกใจ กลัวสีดาโวยวายเรื่องถึงตำรวจจึงใช้ผ้าอุดปาก จนขาดใจตาย

พิทักษ์ทำแผนให้เป็นอุบัติเหตุ รถพุ่งชนราวกั้นจมน้ำ ตำรวจจะได้ชันสูตรว่าหล่อนจมน้ำตายขาดอากาศหายใจ

เขารู้จักตำรวจที่ทำคดี หมอที่ชันสูตรศพ มีวิธีพูดและใช้เงินทำให้คนเหล่านั้นมองข้ามประเด็นปลีกย่อยต่างๆ ทั้งที่หากชันสูตรจริงจะพบรอยฟกช้ำจากการกระแทก ร่องรอยการดิ้นรนของคนพยายามหายใจ

ยิ่งกว่านั้น เขาเป็นสามีผู้ตาย มีสิทธิไม่อนุญาตให้ผ่าศพโดยรีบเผาก่อนจะมีการชันสูตรภายหลังได้ พิทักษ์คิดว่าตนเองจะรอด แต่ไม่สามารถหนีพ้น

เหตุการณ์ที่เขาเล่า ตรงกับที่เนื้อนวลพูด ต่างกันแค่พวกของบุญส่งไม่จำเป็นต้องใช้ลูกล่อลูกชนในการเปิดปากหญิงสาวมากเท่าผู้ชายเท่านั้นเอง



พิทักษ์จบเรื่องพลางหอบหายใจเหน็ดเหนื่อย เหตุการณ์ที่พยายามจะลบเลือนได้ย้อนทวนกลับมาโลดแล่นในสมอง ผลักไสไม่ออก

มึงนี่มันสารเลวได้ใจจริงๆ บุญส่งพูดแกมเยาะ

ฉันก็พูดไปหมดทุกอย่างแล้ว จะเอายังไงอีก

นั่นสิ กูจะเอายังไงกับมึงอีกดี ผู้อยู่ในเงามืดพูดแบบคนมีแต้มสูงกว่า

เอ๊ะ ตะกี้แกบอกว่าจะปล่อยเราสองคน พิทักษ์ตื่นตระหนกหน้าถอดสี

ก็จริง...ปล่อยยังไงดีล่ะ ปล่อยให้ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณสีดาดีมั้ย น้ำเสียงฝ่ายตรงข้ามไม่ได้บอกว่าล้อเล่น

อย่า... พิทักษ์ร้องลั่น

ถ้าจะให้กูปล่อยมึงไป...มึงควรทำประโยชน์ให้กูได้บ้าง บุญส่งพูดช้าๆ

แกจะเอาอะไร เงินใช่มั้ย ต้องการเท่าไหร่บอกมา พิทักษ์ละล่ำละลักพูด ตอนนี้เขาตกเป็นเบี้ยล่างจำเป็นต้องยอมทุกอย่าง

มีเท่าไหร่ล่ะ คำถามเยาะ ถ้ากูบอกว่าต้องการทั้งหมดที่มึงมี มึงจะให้กูได้มั้ย

พิทักษ์นิ่งอึ้ง...พูดไม่ออก...คิดไม่ถึงจะเจอแบบนี้ เขาอยู่กับสีดาก็หวังเงิน...บัดนี้มีคนต้องการเงินทั้งหมดนั่น...แลกกับชีวิตเขา

หรือว่า...สิ่งที่ได้มาด้วยความมิชอบ...ก็ย่อมจากไปด้วยความมิชอบเช่นกัน

ดะ...ได้...บอกมาเลย...จะ...ให้ทำ...ยังไง แต่ละคำหลุดจากปากยากเย็น...ความรักชีวิต กับความห่วงหวงในสมบัติกำลังต่อสู้กันอย่างแรง

งั้นก็เซ็นเอกสารนี่ซะ บุญส่งโยนเอกสารชุดหนึ่งไว้บนตักพิทักษ์

อะไร เนื่องจากตาพร่าและถูกมัด เขาจึงอ่านหนังสือบนตักไม่สะดวก

สัญญายินยอมสละมรดก...ผลประโยชน์รายได้ตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล

บุญส่งพูดยืดยาว ที่จริงหนังสือฉบับนั้นคือคำยินยอมที่เขาจะไม่ฟ้องร้องขอแบ่งทรัพย์สินส่วนของสีดาอีก พร้อมกับขอถอนตัวไม่ยุ่งกับทรัพย์สินทุกชิ้นของตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล

พิทักษ์ถอนใจยาว เขาพยายามต่อสู้ทางกฎหมายด้วยความยากลำบาก สุดท้ายต้องยอมแพ้กับอำนาจมืด

พร้อมจะเซ็นหรือยัง บุญส่งถามเสียงเข้ม

พิทักษ์แค่นหัวเราะ หน้าอก ลำคอจุกแน่น อธิบายไม่ถูก

ถ้าไม่แก้มัดก่อน แล้วผมจะเซ็นได้ยังไง

คำพูดประโยคนี้คือการประกาศยอมแพ้



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP