จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

ดีใจเมื่อได้จ่ายภาษี


งดงาม

This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it


087_destination



เมื่อประมาณสองหรือสามสัปดาห์ก่อน ท่านผู้อ่านคงได้ทราบข่าวเรื่องดารากับการโกงภาษี
ผมไม่ได้จะมาวิเคราะห์หรือสรุปว่าดาราที่เป็นข่าวนั้นโกงหรือไม่ได้โกงภาษีนะครับ
แต่ผมตั้งใจจะมาคุยในส่วนของเรื่องการเสียภาษีและโกงภาษี
ซึ่งในส่วนของการโกงภาษีนั้น ผมได้เคยเขียนไปแล้วในอดีต
ในบทความตอนที่ชื่อว่า “โกงงบประมาณ โกงภาษี โกงใคร”
http://www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=454:2010-09-20-08-06-15&catid=66:-desitinationdhamma&Itemid=59
ในที่นี้ผมจะมาคุยในอีกส่วนหนึ่งในด้านที่เราเสียภาษีบ้าง

ในช่วงเวลาที่มีข่าวดาราและการโกงภาษีดังกล่าว ผมได้เห็นบางท่านบ่นทำนองว่า
คนโน้นคนนั้นมีรายได้เยอะแต่กลับเสียภาษีน้อย หรือมีทางหลบเลี่ยงภาษีมากมาย
ส่วนตนเองมีรายได้น้อยกลับต้องเสียภาษีตลอด และหลบเลี่ยงไม่ได้เลย
ซึ่งเป็นทำนองว่าเรามองการเสียภาษีเป็นเพียงการทำหน้าที่และเป็นภาระของเรา
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ขอแนะนำว่าเราสมควรเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องดังกล่าวเสียใหม่

หลายท่านรู้สึกว่าการที่เรา “เสียภาษี” นั้น ดูเหมือนว่าเราต้องสูญเสียอะไรไป
เหมือนกับทำนองว่าเสียเงิน เสียแฟน เสียเวลา เสียชีวิต เสียใจ เสียความรู้สึก ฯลฯ
ก็ทำให้รู้สึกว่าการ “เสียภาษี” นั้นเป็นเรื่องของการสูญเสีย
คำว่า “เสีย” ผนวกกับต้องสละเงินนั้นอาจลวงตาทำให้เราไม่เห็นความจริงว่า
แท้ที่จริงแล้วเป็นการสูญเสียจริงหรือไม่
ก่อนที่คุยกันต่อไป ผมจึงขอเปลี่ยนคำว่า “เสียภาษี” มาใช้คำว่า “จ่ายภาษี” นะครับ
เผื่อว่าจะมีผลในการช่วยลดความรู้สึกด้านลบลงบ้างสำหรับบางท่านสำหรับคำว่า “เสีย” นี้
(แต่ถ้อยคำเรียกนี้ ก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความเข้าใจในสิ่งที่เราทำนะครับ)


ถามว่าเมื่อเราจ่ายภาษีแล้ว เงินภาษีนั้นนำไปใช้เพื่อประโยชน์แก่ใคร
ตอบว่าเงินภาษีนั้นนำไปใช้เพื่อประโยชน์แก่คนทั้งประเทศไทย
ซึ่งก็รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์
ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ญาติพี่น้องเรา ครอบครัวเรา และตัวเราด้วย
เช่นนี้ การโกงภาษีจึงเท่ากับว่าโกงทุกคนในประเทศไทย รวมทั้งโกงตัวเอง
แต่ในทางกลับกัน การจ่ายภาษีก็เท่ากับว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อประโยชน์
แก่ทุกคนในประเทศไทย รวมทั้งเพื่อตัวเองด้วยเช่นกัน

พวกเราหลายท่านคงเคยได้ร่วมงานกฐิน ผ้าป่า และงานบุญอื่น ๆ มาหลายงานแล้ว
เราลองพิจารณาดูว่าจะมีงานบุญไหนบ้างที่เรี่ยไรแล้วไปใช้เป็นประโยชน์
เพื่อทุกคนในประเทศ ทุกภูมิภาค ทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วในประเทศ
โดยได้ประโยชน์มากมายหลากหลายทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ถนนหนทาง
ระบบไฟฟ้าประปา ระบบสาธารณูปโภค บำรุงรักษาวัดวาอาราม และศาสนสถาน
สถานที่ราชการ สถานที่สาธารณประโยชน์ ฯลฯ ทั่วประเทศทั้งหมดในงานบุญเดียว

จะเห็นได้ว่าเราจะหาโอกาสร่วมทำบุญในงานบุญกุศลลักษณะดังกล่าวได้ยากมาก
แต่ขอเรียนว่าโอกาสในการทำบุญกุศลในลักษณะนี้ก็มีอยู่แล้ว คือการจ่ายภาษีนั่นเอง
เพราะเงินภาษีที่เราจ่ายแก่รัฐไปก็เป็นเพื่อประโยชน์แก่ทุกคน ทุกพื้นที่ และทุกสิ่งดังที่กล่าว
ปัญหาคืออยู่ที่ใจของเราเองมากกว่า
เวลาที่เราจ่ายภาษี เราจึงไม่ควรมองว่าเราต้องเสียภาษี เราไม่อยากเสียภาษี เราอยากเลี่ยงภาษี
แต่เราควรจะพิจารณาเห็นว่าเราได้มีโอกาสทำบุญกุศล และดีใจที่ได้มีโอกาสเสียภาษี

มีอยู่หลายคนที่ทำบุญโดยบริจาคเงินเข้าวัด หรือบริจาคเงินช่วยมูลนิธิมากมาย
แต่พอถึงเวลาต้องชำระภาษีแล้ว กลับหลีกเลี่ยงและเลือกที่จะโกงภาษี
ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีความรู้ความเข้าใจ โดยพึงพอใจในการทำบุญแก่คนกลุ่มเล็กน้อยวงจำกัด
แต่พอได้มีโอกาสทำบุญแก่คนกลุ่มใหญ่ทั้งประเทศกลับพยายามหลีกเลี่ยงและโกง
หรือเลือกที่จะสร้างบุญกุศลในระดับทาน แต่สร้างบาปอกุศลในระดับผิดศีล

บางท่านอาจจะแย้งว่า เงินภาษีนั้นเป็นเงินที่เราต้องจ่ายตามกฎหมายอยู่แล้ว
การที่เราจ่ายเงินไปตามกฎหมายตามที่เราต้องจ่ายนั้น เรายังจะได้บุญกุศลอยู่อีกหรือ
ขอเรียนอธิบายว่าบุญกุศลนั้นเริ่มต้นที่เจตนาเป็นสำคัญ
ยกตัวอย่างสมมุติว่า เราพักอาศัยอยู่บ้านพ่อแม่ของเรา
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านได้สั่งเราให้ซื้ออาหารกลับไปให้ท่านทานด้วย
ซึ่งหากเราไม่ซื้ออาหารให้ท่าน ท่านจะไล่เราออกจากบ้าน (สมมุติว่าเป็นอาหารมื้อสำคัญมาก)
หากเราซื้อให้ท่าน เพราะเรากลัวโดนไล่ออกจากบ้านนั้น ก็เป็นเจตนาแบบหนึ่ง
หากเราซื้อให้ท่าน โดยระลึกว่าต้องการตอบแทนบุญคุณท่าน
ต้องการให้ท่านได้ทานอาหารอร่อย ๆ เราดีใจที่ได้มีโอกาสซื้ออาหารให้ท่าน ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
หากเราซื้อให้ท่าน โดยเราโมโหว่ามาสั่งบังคับเรา เราจึงซื้ออาหารให้โดยคิดในใจว่า
อยากให้อาหารนี้สร้างคอเลสเตอรอลอุดตันเส้นเลือดให้พ่อแม่ตายไปเสียเลย ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

เราจะเห็นได้ว่าในกรณีแรกนั้น เจตนาก็เป็นไปทางกลาง ๆ ไม่ได้เป็นบาปอะไร
ในกรณีที่สองนั้น เจตนาเป็นบุญกุศล การกระทำดังกล่าวเป็นการกตัญญูและเป็นกุศล
ในกรณีที่สามนั้น เจตนาเป็นอกุศล การกระทำดังกล่าวเป็นการอกตัญญูและเป็นสร้างบาปอกุศล
ทั้งที่ทั้งสามกรณีนี้ การกระทำภายนอกนั้นเหมือนกัน คือเราซื้ออาหารให้พ่อแม่เหมือนกัน
แต่บุญกุศล และบาปอกุศลที่เกิดขึ้นนั้นไม่เหมือนกัน เพราะว่าเจตนาในใจไม่เหมือนกัน
ในทำนองเดียวกันกับการเสียภาษี แม้ว่าเราก็ต้องเสียภาษีตามกฎหมายอยู่แล้วก็ตาม
แต่หากเราระลึกใจให้ถูกต้องเหมาะสมก็ย่อมจะสามารถเป็นการสร้างบุญกุศลได้
ปัญหาคือ เราต้องการให้การเสียภาษีดังกล่าวเป็นโอกาสสร้างบุญกุศลหรือเปล่า
หรือเราจะปล่อยโอกาสให้ผ่านไป โดยแค่คิดเพียงว่าเราโดนกฎหมายบังคับให้เสียภาษีเท่านั้น

บางท่านอาจจะแย้งว่าเราจะเสียภาษีไปทำไม เพราะท้ายสุดก็จะถูกนักการเมือง (บางคน)
และข้าราชการ (บางคน) คอรัปชั่นไปเยอะแยะมากมาย
อย่างเช่นที่อ่านพบจากข่าวนั้น เห็นว่าบางทีโกงกัน ๓๐
% บ้าง ๔๐% บ้าง หรือมากกว่านั้น
ขออธิบายว่า หากเราเห็นว่าเพราะการคอรัปชั่นเป็นเหตุให้เราไม่สมควรเสียภาษี
เท่ากับว่าเราเองกำลังโดนกิเลสหลอกให้พลาดโอกาสสร้างบุญกุศล และให้กระทำผิดศีล
ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า สมมุติว่ามีพระภิกษุรับบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านเรา
ซึ่งระหว่างเดินทางกลับวัดนั้น ท่านจะถูกกลุ่มโจรดักปล้นอาหารบิณฑบาตไปบางส่วน
โดยกลุ่มโจรก็มาดักปล้นหรือรีดไถเอาอาหารบิณฑบาตจากท่านทุกวัน ๆ
ถามว่าเหตุโจรดังกล่าวจะถือเป็นเหตุให้เราเลิกตักบาตรกับพระภิกษุดังกล่าวหรือไม่
ถ้าถามผม ผมก็ตอบว่า “ไม่” เพราะการที่เราตักบาตรให้แก่พระภิกษุนั้น
บุญกุศลของเราได้สำเร็จนับแต่เมื่อเราทำเสร็จแล้ว
ส่วนที่โจรมาปล้นอาหารบิณฑบาตไปนั้นก็เป็นการสร้างบาปกรรมของโจรนั้นเอง
ไม่ได้ทำให้บุญกุศลที่เราทำไว้ดีแล้วนั้น ลดน้อยถอยลงหรือกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย
ในทำนองเดียวกับการเสียภาษีครับ เมื่อเราเสียภาษีของเราถูกต้องดีแล้วด้วยเจตนากุศล
เราก็ได้บุญกุศลของเราครบถ้วนแล้ว ส่วนใครจะโกงหรือคอรัปชั่น เขาก็ต้องรับกรรมของเขาไป

ฉะนั้นแล้ว การที่เรามีโอกาสได้จ่ายภาษีนั้น เท่ากับว่าเราได้มีโอกาสทำบุญกุศล
เพียงแต่ว่า เราพึงระลึกใจให้ถูกต้องเหมาะสมเท่านั้นว่าไม่ใช่เรื่องการสูญเสีย
แต่เป็นการได้โอกาสในการทำบุญกุศล และเป็นสิ่งที่เราพึงดีใจที่ได้มีโอกาสดังกล่าว
อนึ่ง ในการเสียภาษีนั้น หากเราต้องการทำบุญโดยจ่ายภาษีในจำนวนมากขึ้น
ก็มีวิธีการง่าย ๆ ว่าเราหักค่าใช้จ่ายหรือหักค่าลดหย่อนน้อยกว่าที่เรามีสิทธิ
ซึ่งก็เท่ากับว่าเราได้จ่ายภาษีมากขึ้น หรือได้จ่ายเงินเพื่อร่วมทำบุญกุศลในจำนวนมากขึ้น

บางท่านอาจจะมีคำถามว่าโดยลักษณะของการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นนี้
เท่ากับว่าแต่ละปีเราก็มีโอกาสเสียภาษีไม่เกิน ๒ ครั้งคือ
ในเวลายื่นเสียภาษีกลางปี (สำหรับบางท่าน) และในเวลายื่นเสียภาษีปลายปีใช่ไหม
และหากบางท่านนั้นมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นเสียภาษีแล้ว
ก็เท่ากับว่าเขาไม่มีโอกาสเสียภาษีเพื่อร่วมทำบุญในลักษณะดังกล่าวด้วยใช่ไหม
ขออธิบายว่า การเสียภาษีนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เกิดขึ้นแค่ปีละหนึ่งหรือสองครั้งหรอกครับ
แท้จริงแล้ว เราทุกคนเสียภาษีกันอยู่แทบทุกวันในชีวิตประจำวันของเรา
อย่างเช่น สำหรับพนักงานเงินเดือนแล้ว ทุกสิ้นเดือนเราถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
เราก็ระลึกใจได้ว่าเราได้มีโอกาสเสียภาษีเมื่อโดนหักภาษี คือได้มีโอกาสทำบุญกุศลแล้ว
หรือเวลาเราไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
ก็เท่ากับว่าเราได้มีโอกาสเสียภาษีแล้ว
หากเราไม่คิดอะไรในเรื่องนี้ มันก็แค่เป็นเพียงการซื้อของธรรมดา ๆ คราวหนึ่ง
แต่หากเราระลึกว่าเราเสียภาษีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เราดีใจที่ได้เสียภาษี
เราระลึกใจว่าได้ทำบุญกุศล ก็ย่อมจะไม่ใช่แค่การซื้อของธรรมดา ๆ แต่เป็นการได้ทำบุญกุศล
ในทำนองเดียวกัน เวลาไปเติมน้ำมัน (ซึ่งต้องเสียภาษีสรรพสามิต)
หรือไปทานอาหารที่ร้านอาหารหรือไปใช้บริการในสถานที่ต่าง ๆ (ซึ่งเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม) ก็เช่นกัน
ถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้เสียภาษีด้วย

ในเรื่องของการทำหน้าที่ของตนเองและระลึกใจให้เป็นบุญกุศลนี้
นอกจากเรื่องการเลี้ยงดูพ่อแม่ และการเสียภาษีแล้ว ก็ยังสามารถนำมาปรับใช้กับเรื่องอื่น ๆ ได้
อย่างเช่น การสงเคราะห์คนอื่น ๆ ในครอบครัว หรือการสงเคราะห์ญาติ
หรือการทำหน้าที่บางอย่าง เช่น เป็นครูอาจารย์ทำหน้าที่ให้วิทยาทานแก่ลูกศิษย์
เป็นข้าราชการทำหน้าที่ให้บริการประชาชน หรือเป็นเอกชนทำหน้าที่ให้บริการแก่ผู้อื่น เป็นต้น

ก็สามารถระลึกใจให้เป็นกุศลได้ในทำนองเดียวกัน

โดยสรุปแล้ว หากบางท่านรู้สึกว่าการเสียภาษีนั้นเป็นภาระหรือเป็นเรื่องสูญเสียของเรา
ขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ โดยพิจารณาว่าเราจ่ายภาษีเพื่อสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม
แก่ทุกคนในประเทศ แก่ทุกพื้นที่ในประเทศ อันย่อมเป็นการสร้างบุญกุศล
และเราพึงจะดีใจที่เราได้มีโอกาสจ่ายภาษี หรือได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลนั้นครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP