วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๑๗


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



บทที่ ๑๔



กว่ารามจะได้เข้าพบนายภาสกร ต้องเสียเวลาทำตามขั้นตอนยุ่งยากมากมาย ผิดกับแต่ก่อนที่สามารถต่อโทรศัพท์สายตรงถึงทันที

วันนี้กับวันก่อนสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิม จำต้องทนโดนแกล้งเลื่อนนัดถ่วงเวลาหลายครั้ง จนมีโอกาสเข้าพบที่ห้องทำงานในพรรคอย่างเป็นทางการตามกำหนดนัดหมาย มีเวลาพูดคุยได้เพียงไม่เกินครึ่งชั่วโมง

สวัสดีครับอาภาส รามยกมือไหว้ทักทาย

เป็นยังไงบ้างราม ไม่ได้เจอกันตั้งแต่งานเผาสีดา สบายดีมั้ย

คำพูดจาทักทายของภาสกรยังเหมือนเดิม ยกเว้นแววตาไม่มีความจริงใจ

ครับอา

มาวันนี้มีธุระอะไรหรือ คำพูด รอยยิ้มไม่ต่างจากผู้ใหญ่ใจดี

ผมมีเรื่องจะมาเรียนปรึกษา รามเกริ่นนำ

เกี่ยวกับเรื่องงานหรือเรื่องในครอบครัว ภาสกรถาม

เรื่องครอบครัวครับ รามตอบตามตรง

ใบหน้าภาสกรมีรอยยิ้ม ดวงตาฉายร่องรอยฉับไว บอกแค่นี้ก็สามารถรู้...หลานนอกไส้มีเรื่องอะไรมาปรึกษา

เกี่ยวกับเรื่องน้องเขยตัวแสบหรือเปล่า คำถามรู้ทัน

ครับ รามไม่ปิดบัง

มันคงยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเมียล่ะสิ

ครับ

แล้วมันรู้มั้ยว่าดาได้สมบัติอะไรบ้าง

ถ้าไม่มีคนค้าน ศาลสั่ง...มันก็มีสิทธิตรวจสอบได้ครับ

อืมม์...เท่าที่อาประเมินคร่าวๆ ก็ไม่น้อยนะ อย่างร้านครัวพวงทองหรือไม่ก็ขอส่วนแบ่งรายเดือนจากบริษัทกงสี สองอย่างนี้ก็กินไปได้จนตายแล้ว

ภาสกรพูดยิ้มๆ ผู้จัดการมรดกตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเช่นเขาทราบดี ทายาทคุณนายพวงทองมีรายได้จากบริษัทกงสีกันเดือนละเท่าไหร่ต่อคน มันน่าแค้นใจถ้าต้องถูกแบ่งปันให้คนนอก

ครับ...เท่าที่ผมทราบ บริษัทกงสีก็ยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ ร้านครัวพวงทองก็ยังไม่โอนให้ดา ส่วนพวกโฉนดที่ดินต่างๆ ที่เป็นส่วนของดาก็ยังโอนไม่เรียบร้อยทั้งหมด

ใช่...แต่ถึงยังไงมันก็ต้องเรียบร้อยอยู่แล้ว พินัยกรรมแม่พวกเธอชี้ชัดแล้วว่าจะแบ่งอะไรให้ใครบ้าง...ต่อให้คนนั้นตายไป คนที่เป็นทายาทก็ต้องได้รับส่วนแบ่งตามกฎหมายอยู่ดี

ภาสกรพูดแบบเป็นกลาง ใบหน้ามีรอยยิ้มแปลก ทำไมเขาจะไม่รู้ พี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลจะเดือดร้อนเต้นพล่านแค่ไหน หากสมบัติส่วนของสีดาต้องตกเป็นของสามีตามกฎหมาย

ครับ...พินัยกรรมฉบับแรกของแม่บอกชัดว่าจะให้อะไรกับใครบ้าง แต่ก็มีพินัยกรรมฉบับที่สอง...บอกว่าจะตัดใครออกจากกองมรดกบ้างเหมือนกัน

รามพูดด้วยน้ำเสียงพยายามสะกดกลั้นอารมณ์รุ่มร้อน

หือม์... ภาสกรทำเสียงแปลกใจ เลิกคิ้วน้อยๆ เชิงสงสัย ดวงตาคู่นั้นฉายแววเท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงสารพัด

อาจำได้ว่า พวกเราพี่น้อง พร้อมใจกันเผาพินัยกรรมฉบับนั้นแล้วนี่

ครับ แต่ยังมีสำเนา และยังมีพยานที่ได้เห็นพินัยกรรมฉบับจริงอีกแปดท่าน

นัยน์ตาภาสกรมีรอยยิ้ม...ยิ้มเยาะหยัน คล้ายมองบุคคลนี้อยู่ใต้ฝ่าเท้าตนก็ไม่ปาน เวลานี้เขามีไพ่เหนือกว่าตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล ที่รามพูดเช่นนี้แสดงว่าต้องการให้ผู้จัดการมรดกทุกคนออกหน้ายืนยันรับรองสำเนาพินัยกรรมฉบับที่สองของคุณนายพวงทอง

แล้วยังไง ถึงรู้เท่าทันยังแกล้งถาม

ผมมาขอความเป็นธรรมจากคุณอาครับ รามเดินหมากอีกตา เขาจงใจไม่พูด ขอความช่วยเหลือ เปลี่ยนคำพูดอีกประโยคแทน

ภาสกรเลิกคิ้วมองราวกับต้องการให้อีกฝ่ายอธิบายความนัย

คุณอาก็ทราบว่าดาตายอย่างมีเงื่อนงำ พิทักษ์มันก็แสดงพิรุธหลายอย่าง แต่ขาดทั้งพยาน หลักฐาน กฎหมายเลยเอาผิดกับมันไม่ได้ แล้วอย่างนี้คุณอายังจะให้มันมานั่งกินนอนกินสมบัติพวกเราอีกหรือครับ

อืมม์ เรื่องนี้ก็พูดยากนะ อาไม่ใช่ตำรวจ แต่ถ้าพูดถึงความเป็นธรรมนี่...อาเองก็ได้รับความไม่เป็นธรรมออกบ่อยๆ จนชินเสียแล้ว

รามสะอึก โดนไม้นี้ก็พูดไม่ออก ภาสกรจงใจอ้างเรื่องเขาบิดพลิ้วไม่เข้าพรรคเป็นเรื่อง ไม่เป็นธรรม อีกเรื่อง

ความไม่เป็นธรรมบางเรื่องมันแก้ไขได้ครับคุณอา

รามพูดช้าเบา...การที่ภาสกรต้องการให้เขาเข้าพรรค ก็เพื่อต้องการเงินสนับสนุน

นั่นสิ อย่างเรื่องพิทักษ์มันจะฮุบสมบัติสีดาน่ะ มันแก้ไขง่าย แค่เอาพินัยกรรมตัดสีดาออกจากกองมรดกมายืนยันก็เรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องความไม่เป็นธรรมที่อาโดน...ท่าจะแก้ไขยากกว่า

ภาสกรจ้องตาคู่สนทนาเสมือนต้องการเอ่ยวาจาโดยไม่ใช้คำพูด

โธ่! คุณอามีผมเป็นหลานอยู่ทั้งคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ผมก็ช่วยได้ทั้งนั้นครับ รามพูดหนักแน่น จ้องตาตอบแทนคำยืนยัน

นั่นสิ แต่อายังคิดไม่ออกเลยว่า...ทำยังไงอาถึงจะได้รับความเป็นธรรมที่สมน้ำสมเนื้อ

รามอึ้ง...ภาสกรพูดอย่างนี้เล่นเขาหนาวใจ...การต่อรอง...ถ้าฝ่ายที่ขอเป็นผู้เสนอก่อน ฝ่ายที่ให้ยังพอมีโอกาสพิจารณาน้ำหนักมากน้อย ภาสกรพูดอย่างนี้แสดงว่าต้องการให้เขาเป็นผู้เสนอ ราคาความเป็นธรรม ก่อน...เช่นนั้นย่อมเป็นโจทย์ยากเสียแล้ว...เขาควรเสนอเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม...มีแรงดึงดูดพอให้อีกฝ่ายสนใจ และไม่มากเกินจนหมดตัว

ผมคิดว่า...พอจะบอกได้ครับ รามเริ่มต้นเข้าสนาม

เกมต่อรอง ราคา เริ่มขึ้น นี่คือเหตุผลที่รามไม่ต้องการให้พี่น้องทุกคนเข้ามาวุ่นวาย แม้กระทั่งลักษณ์...เกมต่อรองราคาครั้งนี้ คนยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี...นักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคอย่างภาสกรย่อมไม่ต้องการให้คนอื่นรู้มากนักว่า...ตนเองก็มี ราคา และ ซื้อหา ได้เช่นกัน



ทันทีที่พิทักษ์ได้รับอำนาจจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกสีดา เขาก็ได้พบซองสีน้ำตาล จ่าหน้าถึงตนเรียบร้อย วางอยู่บนโต๊ะทำงาน

ในนั้นเป็นเอกสาร สำเนาพินัยกรรมคุณนายพวงทอง เขียนด้วยลายมือชัดเจน มีพยานลงชื่อครบ ตัวสำเนามีลายเซ็นรับรองจากพี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลทุกคน รวมถึงผู้จัดการมรดกทั้งสามพร้อมเพรียง

สำเนาพินัยกรรมฉบับนั้น เขียนข้อความที่ทำให้พิทักษ์โทสะลุกโพลง สลับกับเย็นวาบด้วยความขุ่นแค้น โกรธเคือง...มันเป็นข้อความตัดนางสีดาและนางสาวสุขศจี ออกจากกองมรดกของตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล



เชนหาที่จอดรถร่มๆ แถวหน้าศาลจังหวัดเรียบร้อย จึงลงจากรถเดินตามหาคุณจิตใส ระยะนี้เป็นช่วงเวลาวุ่นวายในชีวิตคุณจิตใสอีกครั้งหนึ่ง

นับจากเธอยินดีเซ็นรับรองพินัยกรรมฉบับสองของคุณนายพวงทอง นั่นก็ทำให้เธอเข้าสู่วังวนการแก่งแย่งสมบัติระหว่างตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลกับทนายความผู้เป็นสามีสีดา

พิทักษ์สู้สุดฤทธิ์ด้วยแนวทางตามกฎหมาย ไม่ยอมรับพินัยกรรมฉบับสองที่เป็นฉบับสำเนาเด็ดขาด ใช้มันเป็นข้ออ้างสู้คดีเต็มที่

ฝ่ายตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเตรียมรับมือปัญหานี้อยู่แล้ว ยอมขึ้นศาลสืบพยานยืนยันพินัยกรรม หาหลักฐาน พยานแวดล้อมมาสู้อย่างไม่ถอย

ฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้จัดการมรดก และเคยเห็นพินัยกรรมฉบับจริงมาก่อน คุณจิตใสจำเป็นต้องมาขึ้นศาลจนเหนื่อยโดยไม่มีคำปริปากบ่นหลุดออกมาสักน้อย เชนเสียอีกยังนึกเหนื่อยใจบ่นแทนมารดาตนเป็นบางครั้ง

ชายหนุ่มพบมารดานั่งรอที่เก้าอี้ด้านนอก สีหน้าปกติ ไม่มีร่องรอยอิดโรย เขาเข้าไปหาชวนขึ้นรถ

เป็นยังไงบ้างครับแม่ เชนชวนคุยระหว่างทาง

ก็ดีจ้ะ คุณจิตใสตอบด้วยน้ำเสียงตามแบบฉบับของเธอ

ศาลตัดสินหรือยังครับ เขาถาม

ยังจ้ะ คุณจิตใสตอบสั้นๆ

เชนเห็นอย่างนั้นเกือบยิ้มไม่พูดต่อ รู้ใจกันดีพอดูออก แม่ไม่พร้อมเล่ารายละเอียด เรื่องบางเรื่องหากคุณจิตใสไม่เห็นประโยชน์ที่จะพูด เธอจะเฉยเสีย ผิดกับผู้หญิงวัยเดียวกันที่มักพูดจาได้ไม่หยุดตลอดวัน

รถแล่นออกจากศาลจังหวัด เชนหันมาถามมารดาอีกคำ

กลับบ้านเลยนะครับ

คุณจิตใสนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนตอบเรียบๆ ผิดคาด

อย่าเพิ่งเลย แม่อยากหาที่เย็นๆ นั่งพักสักหน่อย

ที่ไหนครับ เชนสงสัย ที่จริงบ้านเขาร่มรื่น เย็นสบายน่าพักผ่อนอยู่แล้ว

ไปโรงเจดีมั้ยจ๊ะ คำถามนี้บอกจุดหมายปลายทาง

พูดถึงโรงเจ เชนอดคิดถึงคุณนายพวงทองไม่ได้ เขาอยากเดาใจแม่ว่าต้องการพบคุณนายด้วยเรื่องบางเรื่อง อาจเกี่ยวกับปัญหาการแก่งแย่งมรดกที่วุ่นวายอยู่นี่ก็ได้

ครับแม่ เขาตอบรับ

คุณจิตใสเหลือบตามองลูกชาย เห็นท่าอย่างนี้ก็เดาได้...เดี๋ยวคงมีคำถาม

เรื่องมรดกคุณยาย มันวุ่นวายกว่าที่คิดหรือครับ เชนอดถามไม่ได้

แล้วลูกว่ายังไงล่ะจ๊ะ คุณจิตใสย้อนถาม

ก็...เท่าที่ฟังจากรุ้ง เห็นว่า ที่บ้านเขาอะไรๆ ดูแปลกไปหมด อย่างน้าจีถูกตัดออกจากกองมรดกแท้ๆ ยังขยันไปเที่ยวฮ่องกงบ่อยๆ ยังกับขับรถไปกรุงเทพฯ อีกอย่าง...น้าหมุดก็ไม่ค่อยเข้ากรุงเทพฯ ประจำเหมือนเคย บางทียังพาน้าเกตุมาค้างที่บ้านด้วยเสียเลย ส่วนน้าลักษณ์ยิ่งแล้วใหญ่ สีหน้าดูเครียดเอา เครียดเอาทุกวัน

เชนพูดเรื่อยๆ สายตามองถนน ขับรถมีสมาธิ เขากับรุ่งรตีพบกันบ่อยจนสนิทสนมคุ้นเคย การสืบคดีสีดาอาจไม่คืบหน้านัก แต่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดคืบหน้ากว่าเดิม หญิงสาวมักเล่าเรื่องในบ้านให้ฟังบ่อยไม่ต่างจากคนครอบครัวเดียวกัน

ตอนนี้แม่แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้นจ้ะ

คุณจิตใสใช้ประโยคนี้ตอบปัญหาข้อสงสัยทั้งหมดของลูกชาย

ระยะนี้เป็นช่วงอึมครึมในบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล ศึกนอกกับอดีตน้องเขยนับเป็นงานใหญ่ คลื่นใสใต้น้ำในครอบครัวก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก

เมื่อทุกคนยอมรับให้ใช้พินัยกรรมฉบับสองของคุณนายพวงทองก็มีการดำเนินปฏิบัติตามคำสั่งพินัยกรรม กงล้อเงินตราเริ่มเคลื่อนไหว ผลประโยชน์หลักเดิมของสีดาที่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ถูกโอนเข้าบัญชีราม...สุขศจีถูกตัดรายได้จากบัญชีกงสี ทันทีที่พินัยกรรมได้รับลายเซ็นรับรองจากผู้จัดการมรดกทั้งสาม

ตลาดสด ร้านครัวพวงทองถูกดูแลควบคุมโดยศรีนวล ภรรยารามเต็มที่ สุขศจีสามารถมาทำงานเหมือนเดิม แต่หล่อนต้องเป็นรองพี่สะใภ้ รามจงใจวางศรีนวลเป็นตัวแทนสีดา ทั้งหน้าที่การงานและส่วนของการรับผลประโยชน์

สุขศจีหลักลอย ไม่สนใจงาน เดินทางไปฮ่องกงบ่อยขึ้น สมุทรไม่ยอมคลาดสายตาจากผลประโยชน์ทรัพย์สิน...ที่เคยเข้ากรุงเทพฯ ประจำก็หยุดยอมอยู่เฝ้าสมบัติ ระวังจับตาดูพี่ชายใหญ่

ลักษณ์มองเหตุการณ์ออกแต่แรก ถ้าใช้พินัยกรรมฉบับสอง อำนาจการตัดสินใจส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราม แม้จะมีเขากับสมุทรเป็นทายาทที่เหลือด้วยก็ตามที

รามติดต่อให้ความสนิทสนมกับภาสกรเหมือนเดิม ยังเปรยว่าจะเข้าพรรคด้วย เงินบัญชีกงสีถูกถ่ายโอนออกไปแนบเนียนโดยเขาพูดไม่ออก รามบอกคำเดียว...ต้องใช้เงินจำนวนนี้ ซื้อ ลายเซ็นภาสกร

แล้วเรื่องของลูกกับรุ้งล่ะจ๊ะ คุณจิตใสเปลี่ยนเรื่องคุย

ผมกับรุ้ง...ยังไงหรือครับ เชนหันมาถาม นึกหวั่นวูบ แม่มีจิตสัมผัสอาจรู้สึกถึงบางสิ่งในใจลูกชายก็ได้

เห็นว่าไปสืบเรื่องการตายของสีดาน่ะ

คุณจิตใสพูดอย่างนี้ เชนก็แอบถอนใจ...หารู้ไม่มารดามีรอยยิ้มอยู่ในหน้า...รู้ทัน หากพูดถึงอีกเรื่องจะทำให้ลูกชายกระอักกระอ่วนใจอย่างไร

ครับ...ล่าสุดไปถึงพม่า ตั้งใจจะไปตามหาลูกจ้างของน้าสีดา แต่ก็ไม่พบ คลาดกันนิดเดียว เห็นว่าบุญส่งมารับตัวไป

คุณจิตใสฟังถึงตรงนี้ เริ่มรู้สึกแปร่ง คล้ายจะบอกว่า เด็กลูกจ้าง คนนี้เป็นกุญแจสำคัญในคดี...การที่บุญส่งรับตัวเด็ก หมายถึงรามต้องได้ข้อมูลสำคัญ...ข้อมูลที่ตำรวจจะไม่มีวันได้ยินจากปากเด็กหรือใคร

งั้นเด็กคนนี้คงอยู่ที่บ้านของราม คุณจิตใสบอก

ครับ...วันก่อนผมแวะไปบ้านน้าราม พบตัวเด็กจริงๆ แต่ไม่มีโอกาสได้คุยอะไร แกมาทำงานเป็นลูกจ้างที่นั่น ดูมีความสุขดี

เชนไม่อยากพูดต่อว่า...คงได้เงินค่าเปิดปาก แถมความคุ้มครองอีกไม่น้อยทีเดียว

แล้วยังไงต่อ

รุ้งเลยให้ลองหาทางคุยกับหมอที่ชันสูตรชั้นต้น เชนหยุดนิดนึงรอคำถาม...เมื่อไม่ได้ยินจึงเล่าต่อ หาตัวแกยากมากเลยครับ ทางโรงพยาบาลบอกว่าแกย้ายไปกรุงเทพฯ แล้ว พอตามไปที่กรุงเทพฯ โรงพยาบาลทางนั้นบอกว่าแกออกไปอยู่โรงพยาบาลเอกชน ตามหากันนานจนพบ...พอเจอตัวถึงรู้ว่าเป็นรุ่นพี่ผมสมัยเรียนมัธยม เคยทำกิจกรรมด้วยกัน แกเลยยอมคุยกับผม...บอกว่า...ตอนนั้นศพดูเหมือนคนจมน้ำตาย...แกเห็นรอยฟกช้ำที่ศีรษะแต่ไม่ได้เขียนในใบรายงาน

เชนหยุดพูด ตั้งใจรอคำถามจากมารดาอีกครั้ง แต่คุณจิตใสยังนั่งนิ่งทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี

ผมเลยถามแกว่า...ทำไมพี่ไม่ขอผ่าพิสูจน์...แกบอกว่า...ไม่ได้รับคำยินยอมจากสามีผู้ตาย อีกอย่างคิดว่ารอยฟกช้ำนั้นอาจเกิดจากการกระแทกตอนรถชนราวกั้นก็ได้

เชนนิ่งนิดนึง เรียบเรียงคำพูด

ตอนนั้นผมสังเกตรุ่นพี่คนนี้อยู่...ดูเหมือนแกจะปิดบังความจริงอย่างเหตุผลที่ไม่ลงในใบรายงานว่าพบรอยฟกช้ำ...ผมคิดว่าถามไปคงไม่ได้คำตอบ...อีกอย่างเท่าที่แกพูดขนาดนี้ก็ถือว่า หลุด มากแล้วต้องรีบหาทางกลบเกลื่อน ผมเลยพอคลำทางตั้งสมมุติฐานได้อีกอย่าง

ตั้งว่ายังไง

คุณจิตใสสนใจเอ่ยถาม

เชนพูดถึงการตั้งสมมุติฐานของเขาให้คุณจิตใสฟังว่า

คืนนั้นน้าสีดาไม่สบาย ต้องกลับบ้านกินยาแล้วนอน...จะเป็นไปได้มั้ยว่าสามีแกอยู่บ้านมีเรื่องทะเลาะกันจนเกิดอุบัติเหตุ เขาคิดว่าภรรยาตายเลยพาตัวขึ้นรถ นำศพทิ้งน้ำอำพรางคดี

เชนเล่าเรื่องคุณนายพวงทองชี้ตัวฆาตกรให้แม่ฟังแล้ว จึงพูดได้ไม่ต้องปิดบัง

คืนนั้นพิทักษ์เขาอยู่งานเลี้ยง มีพยานยืนยันตั้งเยอะ คุณจิตใสแย้ง

อาจแวบมาก็ได้ครับ เชนตั้งสมมุติฐานต่อ

ถ้ามา หรือมีการทะเลาะกัน ลูกจ้างต้องรู้ แต่นี่คำให้การบอกว่าไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คุณจิตใสยกคำให้การมาค้าน

ครับ...ต้องรู้แน่ แต่ที่บอกไม่รู้นี่ก็ไม่แน่ใจเด็กรู้แค่ไหน ผมว่าการที่เด็กถูกส่งกลับพม่า มันเป็นการปิดปากอย่างเบา ฉะนั้น คงไม่น่ารู้ละเอียดนัก

ถึงไม่ละเอียด แต่ก็ต้องเป็นกุญแจดอกหนึ่งใช้คลายปมเรื่องได้

ผมก็ว่าอย่างนั้นครับแม่ ตอนนี้น้ารามได้เด็กคนนี้ไป แถมเลี้ยงดูอย่างดี แสดงว่าสิ่งที่เด็กรู้มันต้องมีประโยชน์ไม่น้อย

คุณจิตใสนิ่งครู่หนึ่ง ทอดสายตามองถนนเบื้องหน้า จิตแตะสัมผัสจิตรามขณะนี้ รู้สึกถึงความอหังการอย่างใหญ่ ที่เธอไม่จำเป็นต้องเจาะละเอียดภายในก็รู้เลาๆ รามกำลังมีทุกอย่างในกำมือ เขามั่นใจจะชนะน้องเขย รู้ช่องทางจัดการ...รอแค่เวลาตะครุบเหยื่อเท่านั้น

ลมหายใจถูกระบายแผ่วเบา วางจิตเป็นกลางไม่สืบสาว เท่าที่รู้แค่นี้ก็พอมองเห็นอนาคตบางอย่างรำไร...ถ้ามีสิ่งใดที่เธอทำได้...คงเป็นการตักเตือนผู้เป็นเหมือนน้องชาย ให้รู้จัก อโหสิ ไม่จองเวร

รถแล่นมาถึงหน้าห้างทรัพย์ยั่งยืนคอมเพล็กซ์ ถัดไปเป็นโรงแรมทรัพย์ยั่งยืนแกรนด์รอยัล โรงเจอยู่ด้านหลัง เชนกำลังหาที่จอดรถส่งแม่ใกล้สุด ไม่ให้คุณจิตใสต้องเดินไกลนัก



เชนมาโรงเจครั้งนี้รู้สึกแปลกกว่าครั้งก่อน ปกติที่นี่จะร่มรื่นเย็นสบายด้วยต้นไม้ใหญ่ ไม่ต่างจากสวนสาธารณะกลางเมือง วันนี้กลับร้อนอ้าว อึดอัดทั้งที่แดดไม่จัดนัก ไม่น่าร้อนกว่าปกติ หันมองมารดาดูว่ารู้สึกเช่นเดียวกับตนหรือไม่

คุณจิตใสสัมผัสความร้อน...ไม่ใช่ร้อนเพราะอากาศภายนอก คลื่นความร้อนถูกถ่ายทอดมาจากบางสิ่งที่อาศัยสถานที่นี้พำนักพักพิง

บนศาลาโรงเจยังปิดเช่นเดิม แต่มันไม่ล็อก สามารถเปิดประตูเข้าไปได้...

อากาศด้านในเย็นกว่าด้านนอก หน้าต่างข้างในเปิดกว้าง แสงสว่างจับพระพุทธรูปที่ประดิษฐานเบื้องหน้า สองแม่ลูกคุกเข่าก้มลงกราบงดงามอ่อนน้อม กระแสความเย็นลอยเอื่อยรายล้อมราวกับกระแสเมตตาแห่งพระพุทธองค์ประทานแก่สัตว์โลก

คุณจิตใสนั่งพับเพียบเงยหน้ามองพระพักตร์พระพุทธรูป ซึมซับกระแสเมตตาจากพระองค์ รอยยิ้มบนใบหน้าเธอคลับคล้ายรอยยิ้มพระพุทธรูป

เชนไม่กล้าเอ่ยปากส่งเสียง ตั้งแต่เข้ามาในศาลาเขารู้สึกถึงความแตกต่างของอากาศภายในกับภายนอก พอสังเกตเห็นสีหน้า กิริยามารดาก็ยิ่งสำรวมตนสงบ คุ้นเคยจนรู้ว่าคุณจิตใสกำลังทำบางสิ่งที่ต้องใช้สมาธิกว่าปกติ

จิตใสซึมซับพระเมตตาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อให้เกิดกระแสเมตตาใหญ่ในใจคุณจิตใส ระลอกความปรารถนาดีกระจายออกกว้างขวางแทบไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ความเย็นจากคลื่นเมตตาแผ่ซ่านทั่วอณูบรรยากาศรอบกาย ทำให้ในศาลาที่มีความเย็นอยู่แล้วยิ่งสงบเย็นเป็นสุขกว่าเดิม

เชนสัมผัสความเย็นนี้ รู้สึกถึงคลื่นอากาศรอบตัวแปรเปลี่ยนช้าๆ ไอเย็นซ่านก่อตัวทีละน้อยรอบๆ ก่อนแผ่กระจายยังเบื้องนอก

แรกทีเดียวชายหนุ่มยังไม่สามารถจับต้นชนปลายสิ่งใด คิดแค่พาแม่มากราบพระในศาลาโรงเจ แล้วจู่ๆ อากาศรอบตัวกลับเย็นสบายผิดหูผิดตา...พอตั้งสติ เริ่มเข้าใจ...คุณจิตใสอาศัยพระเมตตาของพุทธองค์เป็นสิ่งเหนี่ยวนำ ก่อให้เกิดเมตตาในใจ แผ่กระแสความเย็นใสแห่งเมตตานี้กระจายออกรอบตัว

แม่กำลังแผ่เมตตาให้ใคร...เชนตั้งคำถาม

คำตอบ มาถึงในเวลาอันสั้น

เสียงลากล้อรถเข็นแว่วมารอบศาลา ระลอกแผ่วสัมผัสได้ด้วยจิตคนคุ้นเคย เชนพยายามเงี่ยหูฟัง ในใจสดับเสียงกังวานชัด

...สาธุ...

เสียงคุณนายพวงทอง



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP