วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๑๖


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



 


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



ช่วงหลังงานศพสีดา เป็นช่วงเวลาที่รุ่งรตีใกล้ชิดกับเชนมากขึ้น จากการได้เห็นวิญญาณคุณนายพวงทองแสดงฤทธิ์ชี้หน้าฆาตกร คนทั้งสองจึงรู้สึกเป็นหน้าที่ต้องหาหลักฐาน พยานมาคลี่คลายคดีให้ได้

คุณนายพวงทองชี้มายังพิทักษ์กับผู้หญิงแปลกหน้าอีกคน...สองคนนี้ย่อมมีส่วนฆาตกรรม

เชนสืบจนรู้...ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นชื่อเนื้อนวล เป็นภรรยาลับที่พยายามออกหน้าของพิทักษ์...รู้อย่างนี้รุ่งรตีรีบฟันธง มั่นใจ งานนี้เป็นคดีฆาตกรรมเชิงชู้สาวแน่ ปัญหาอยู่ที่หลักฐาน พยาน แรงจูงใจที่หนักแน่นกว่านี้

ความที่หญิงสาวมีเวลาว่างมากกว่าใคร สามารถตระเวนทั่วไม่มีใครสนใจ จึงสืบเสาะแบบงูๆ ปลาๆ พอได้รายละเอียดบ้างแต่เบาบาง ไม่มีน้ำหนักพอน่าเชื่อถือ

เคยคิดเล่นๆ จะไปถามวิญญาณคุณนายพวงทองให้รู้แล้วรู้รอด ถึงเรื่องราวคดีนี้ จะได้หาหลักฐานถูกจุด

เชนแย้ง

พี่ว่าคุณยายก็อาจจะไม่รู้มากกว่าเรานักหรอก

อ้าว...ทำไมล่ะ

บอกไม่ถูกแฮะ เขายากหาคำอธิบาย คือคุณยายท่านอาจรู้ด้วยสัมผัสแบบท่านได้ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกสาว เพราะฆาตกรย่อมมีกระแสความคิด ความรู้สึกบางอย่างที่แผ่ออกมาทำให้ท่านรู้...แต่เรื่องจะให้ท่านไปรู้ละเอียดว่า พวกเขาวางแผนฆ่ายังไง ทิ้งเบาะแส ร่องรอยตรงไหนบ้าง พี่ว่ายากนะ

แหม...พี่เชนพูดเหมือนติดต่อคุณย่าประจำจนรู้ใจกันดี

เปล่า...พี่ก็แค่รับการติดต่อจากท่านนานๆ ครั้ง บางทีก็วูบวาบ รู้สึกชัดว่าโลกที่ท่านอยู่ไม่มีความสุขนัก แต่ด้วยสัญญา ความจำเก่า ด้วยแรงห่วงแรงผูกพันต่อลูกและสมบัตินี่แหละ ทำให้ท่านพยายามสื่อสารกับพวกเรา

พี่เชนบอกว่า โลกของคุณย่าไม่ค่อยมีความสุข ก็แสดงว่าคงมีความทุกข์มากกว่าพวกเรา และเมื่อมีความทุกข์มากก็ไม่น่ามีความสามารถไปรู้เรื่องรายละเอียดยิบย่อยของคดีฆาตกรรมได้ใช่มั้ย

เชนยิ้มรับ เขาไม่มีจิตหยั่งรู้เรื่องวิญญาณอะไรนัก ไม่สามารถรับรองคำพูดรุ่งรตีได้ว่าจริงหรือไม่ เขาพูดตามความรู้สึกเท่านั้น

การที่รุ่งรตีหันมาสนใจงานสืบสวนคดีสีดา ทำให้หล่อนเปลี่ยนแปลงตนเองหลายอย่าง จากคนหลักลอย ไม่เป็นโล้เป็นพาย เอาแต่เที่ยวกลางคืน หาเรื่องผลาญเงินพ่อไปวันๆ ก็กลายเป็นคนช่างสังเกต ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ตื่นเช้าขึ้น เที่ยวกลางคืนน้อยลง ลดการแต่งตัวเป็นจุดเด่น เพราะเมื่อสืบสวนหาเบาะแส จำเป็นต้องทำตัวเองให้กลมกลืนกับผู้คน ยิ่งเข้าบ้านเชนบ่อยๆ ก็ซึมซับนิสัยคุณจิตใสมาไม่น้อย

ที่จริงพื้นใจหญิงสาวไม่ใช่คนก้าวร้าว อยากทำตัวเด่นมีปัญหา ที่ผ่านมาหล่อนถูกวางผิดที่ผิดทาง เข้ากลุ่มเพื่อนฝูงเด็กมีปัญหาที่คิดหาทางออกกันแบบผิดๆ...พอถูกแยกตัวมาอีกจุดหนึ่ง ได้พบคนดีๆ จิตใจเยือกเย็นเมตตา ประกอบกับพบประสบการณ์แปลก เร้าความสนใจ กระตุ้นตัวตนอีกด้านที่ไม่เคยมีโอกาสแสดงออก ให้โลดแล่นเต็มที่

รุ่งรตีเผยตัวเองอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งหล่อนแทบไม่อยากเชื่อเหมือนกัน



การสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติมคดีสีดาแทบไม่คืบหน้า ศพถูกเผาแล้วไม่มีโอกาสผ่าพิสูจน์ พยานบุคคลที่บ้านเป็นลูกจ้างชาวพม่าถูกส่งตัวกลับประเทศ พยานแวดล้อมอื่นล้วนสนับสนุน เทน้ำหนักช่วยเหลือพิทักษ์ หลักฐานในบ้านไม่มีเหลือ ถ้าไม่ถูกตำรวจเก็บ พิทักษ์ก็ให้ลูกจ้างทำความสะอาด เคลียร์ จนเรียบร้อย

เชนลองตั้งสมมุติฐาน เมื่อรู้ฆาตกรคือพิทักษ์กับเนื้อนวล เช่นนั้นคนทั้งคู่จะฆ่าสีดาอย่างไร เมื่อไหร่...ลักษณะไหน

ผลการชันสูตรเบื้องต้น สีดาตายเพราะน้ำท่วมปอด...ขาดอากาศหายใจ

ถ้าถูกฆาตกรรม...วิธีที่ทำให้ตายคือต้องโปะยาสลบอย่างแรง จับยัดใส่รถแล้วปล่อยทิ้งน้ำ หรือจับเธอกดน้ำให้ตายก่อนแล้วค่อยนำศพใส่รถทิ้งน้ำ

มันอาจเป็นได้ทั้งสองประเด็น หรืออาจไม่ใช่เลย...อย่าลืม...ศพไม่ได้ถูกผ่าพิสูจน์ละเอียด กระทั่งผลชันสูตรเบื้องต้นก็ไม่แน่จะเชื่อถือได้ สีดาอาจตายด้วยวิธีอื่นก่อนแล้วนำศพทิ้งน้ำอำพรางคดี

ระยะเวลาตายตามผลชันสูตร น่าจะเป็นเวลาประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง ตอนนั้นพิทักษ์อยู่ในงานเลี้ยงรุ่นทนาย มีพยานเวลาหลายคน ทำให้เขารอดจากการเป็นผู้ต้องสงสัย

ส่วนเนื้อนวลไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย ไม่ถูกสอบสวน ไม่มีใครรู้เวลานั้นหล่อนอยู่ไหน รุ่งรตีไม่สามารถหาข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ในวันเกิดเหตุได้มากอย่างต้องการ

หญิงสาวเสนอเชนให้ปรึกษาบิดาหล่อนกับราม แต่เชนไม่เห็นด้วย ช่วงเวลานี้พี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลกำลังเผชิญศึกมรดกกับอดีตน้องเขย หากบอกเรื่องข้อสงสัยนี้ มันอาจเกิดผลร้ายลุกลามเกินควบคุม

คนอย่างรามไม่ใจเย็นพอจะหาหลักฐาน หากรู้แน่ใครฆ่าสีดา รับรองเขาต้องสั่งเก็บพิทักษ์และเนื้อนวลภายในวันเดียวแน่

การตามรอยของสองหนุ่มสาวจึงดำเนินเงียบๆ วงแคบ เชื่องช้า ยากบอกได้ว่าเมื่อใดจะพบเบาะแสต้องการ



สุขศจีกลับจากฮ่องกงไม่ทันไร พบความเปลี่ยนแปลงในบ้านและกิจการตระกูลมากมายที่ตลาด ร้านครัวพวงทองมีคนมาทำงานแทนสีดา แล้วเป็นคนที่หล่อนรู้จัก คุ้นเคยแต่ไม่สนิทสนมนัก ศรีนวล ภรรยาของราม

รามเป็นคนเจ้าชู้ มีเมียหลายคน ที่ยกย่องจริงคือศรีนวล เมียคนแรกที่โอบอุ้ม ลำบากด้วยกันมาตั้งแต่รุ่นสร้างเนื้อสร้างตัว

ศรีนวลเคยเป็นแม่ค้าที่ตลาดมาก่อน หล่อนสวยจัดเตะตารามตั้งแต่แรกเห็น ระยะเวลานั้นคุณนายพวงทองยังไม่มีทรัพย์สินมากมายขนาดนี้ ศรีนวลเข้ามาอยู่บ้านฐานะสะใภ้ก็จริง แต่ไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร อีกทั้งต้องทำงานหนักในบ้าน นอกบ้าน จนยากมีใครทนไหว

พอมีลูกคนแรก รามขออนุญาตแม่ออกไปอยู่บ้านส่วนตัว คุณนายพวงทองยินยอมและสั่งให้ศรีนวลอยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว ไม่ต้องทำงานกิจการครอบครัวอีก เธอจึงหลุดจากการยุ่งเกี่ยวธุรกิจตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล...คิดไม่ถึง...พอคุณนายพวงทองตาย สีดาตาย รามจะให้ภรรยาตนกลับมาดูแลงานแทนเร็วขนาดนี้

สุขศจีตั้งใจจะพูดกับพี่ชายใหญ่ให้รู้เรื่อง พอดีได้รับโทรศัพท์นัดประชุมพี่น้องเสียก่อน จึงอดใจรอ ตั้งใจสะสางข้อคาใจให้เสร็จสิ้นทีเดียว



ในที่ประชุม

ผู้ร่วมประชุมมีสี่คน ราม ลักษณ์ สมุทร และสุขศจี แต่ละคนเตรียมตัวพูดคุยเรื่องคาใจกันให้เสร็จสิ้น โดยเฉพาะสุขศจี อารมณ์ร้อนตั้งแต่รู้ข่าวมีคนมาทำงานแทนสีดาแล้ว

เฮียทำอย่างนี้ได้ยังไง

สุขศจีพูดใส่รามตั้งแต่ประโยคแรก ไม่ต้องเกริ่นกล่าวก่อนประชุม

เฮียทำอะไร รามเสียงแข็ง แกนั่นแหละ หายไปไหนมา ทำไมถึงติดต่อไม่ได้ รู้มั้ย ตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว

รู้สิ ก็เฮียเอาเมียมาทำงานแทนเจ้ดานี่ไง...ทำไมไม่บอกกล่าวกันก่อน

จะบอกตอนไหน แกเล่นหายหัวไปฮ่องกง ตามตัวไม่ได้ ติดต่อก็ไม่ได้

แล้วก่อนจีไปทำไมไม่บอก เงียบอยู่ได้ตั้งนาน พอไปแค่นี้ก็เล่นแทงข้างหลังกันเลย

ใครแทงข้างหลังแก พูดดีๆ นะไอ้จี รามตะโกนเสียงดังลั่น

ใจเย็น ค่อยๆ พูดกันก็ได้น่า ลักษณ์ห้ามทัพ

เย็นยังไงไหว ดูสิ คนผิดแท้ๆ ดันมาพูดใส่เฮียฉอดๆ แบบนี้ รามอารมณ์ขุ่น

จีผิดตรงไหน พูดดีๆ นะเฮีย

เอาละ เอาละ จะอธิบายให้ฟัง

ลักษณ์ตะโกนห้ามทัพก่อนจะทะเลาะกันมากกว่านี้

ทั้งสองฝ่ายยอมสงบใจฟังด้วยอารมณ์ขุ่น ลักษณ์ถอนใจยาว สมุทรนิ่งเงียบอมยิ้มเหมือนดูละครสักฉาก

ที่เฮียเขาเอาซ้อศรีมาทำงานแทนดาก็เพราะมีเหตุผล ลักษณ์อธิบายใจเย็น

เหตุผลอะไร ทำไมไม่บอกกันก่อน สุขศจีไม่หายขุ่นใจ

ก็ตอนนั้นจีไม่อยู่ จะบอกก่อนได้ยังไง

ลักษณ์เริ่มอารมณ์เสียตาม

งั้นแปลว่าจีผิดคนเดียวงั้นสิ

ฟังให้จบก่อนได้มั้ย ลักษณ์ถอนใจ รู้หรือเปล่า ตอนนี้ไอ้พิทักษ์มันทำเรื่องยื่นร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกของดา

อ้าว ทำอย่างนั้นได้ยังไง

พูดเรื่องนี้สุขศจีเข้าใจเร็ว หากแบ่งสมบัติส่วนสีดาให้พิทักษ์ ตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลทุกคนย่อมไม่ยอมแน่นอน ถึงกฎหมายจะว่าอย่างไรก็ตาม

ตามกฎหมายมันทำได้ ลักษณ์พูด

ก็จริง...แต่เรื่องอะไรจะให้มัน...นี่มันทรัพย์มรดก เรื่องนี้สุขศจีเห็นตรงกับพี่น้อง

นั่นแหละ เฮียเขาถึงให้ซ้อศรีมาทำงานแทนดา ตอนที่จีไม่อยู่ไง

แสดงว่าพอจีมา ซ้อก็จะเลิกใช่มั้ย

ไม่ คนตอบคือราม ถ้าทำอย่างนั้น ไอ้พิทักษ์มันก็แทรกตัวเข้ามาทันที

สุขศจีอยากจะเถียง แต่จนถ้อยคำ...รามพูดถูก...พิทักษ์ต้องหาทางแทรกตัวเข้ากิจการกงสีแทนเมียที่ตายแน่ ถึงหล่อนไม่อยากให้ศรีนวลยุ่งเกี่ยวขอบเขตความรับผิดชอบตน อย่างไรก็ดีกว่าให้อดีตพี่เขยที่ตนไม่ยอมรับเข้ามาอยู่ดี

แล้วเราจะทำยังไง สุขศจีถาม

ก็นี่แหละ เราถึงต้องมาประชุมกัน รามตอบ

เรามีทางที่จะไม่ให้ไอ้พิทักษ์ได้รับสมบัติของพวกเราหรือเปล่า สุขศจีถามไม่เจาะจง

เห็นเฮียบอกว่ามีอยู่นี่ แต่ต้องรอให้แกเห็นชอบก่อน สมุทรเอ่ยปากเป็นครั้งแรก สุขศจีสนใจทันที

จะทำยังไงหรือเฮีย

รามยังไม่ตอบ ลุกขึ้นยืนมองทุกคนก่อนเปิดแฟ้มหยิบเอกสารบางอย่างมาวางไว้เบื้องหน้า ลักษณ์เหลือบตามองเอกสารนั้น ระบายลมหายใจแผ่วเบา...เป็นไปตามคาดจริงๆ รามเตรียมแผนการนี้ไว้ดัดหลังอดีตน้องเขย

สมุทรหยิบเอกสารตรงหน้ามาอ่านก่อนผิวปากหวือ...ไม่กล้าออกความเห็น

สำหรับสุขศจี...ทันทีที่เห็นเอกสารฉบับนี้ หล่อนตัวชาวาบ หน้าเผือดคิดไม่ถึง ไม่อยากเชื่อ ยังมีเอกสารชิ้นนี้อยู่...ไหนทุกคนพร้อมใจกันเผามันเรียบร้อยแล้ว...

เอกสารฉบับนั้นคือสำเนาพินัยกรรมตัดสีดาและสุขศจีออกจากกองมรดก...

พินัยกรรมฉบับนี้ รามนำมาให้ทุกคนดู วันเปิดพินัยกรรมแรกเป็นพินัยกรรมที่ทุกคนลงมติไม่เห็นด้วย จนพร้อมใจเผามันทิ้ง ใช้พินัยกรรมฉบับเดิมที่ทุกคนรับมรดกส่วนแบ่งเท่าเทียมกัน

ไหนว่าเผาหมดแล้ว

สุขศจีเอ่ยเสียงอ่อนอ่อย หวาดกลัวลึก

ถ้าเผาหมดเราจะมีอะไรสู้กับมัน

รามสวนทันที ป้องกันไม่ให้ใครว่าเขาทำผิดคำพูดแอบเก็บสำเนาพินัยกรรมไว้

แสดงว่าเฮียจะใช้พินัยกรรมนี้ตัดเจ้ดาออกจากกองมรดก เพื่อไม่ให้พิทักษ์มันมีส่วนในสมบัติของเราใช่มั้ย สมุทรถาม

ใช่ รามตอบ พินัยกรรมเรามีแล้ว ผู้จัดการมรดกของเราก็ได้เห็นฉบับจริง ก่อนมันจะถูกเผา ถ้าให้พวกท่านเซ็นพยานรับรองสำเนาคงไม่มีปัญหา

ลักษณ์ถอนใจ เหลือบตาดูสีหน้าน้องสาว สุขศจีเหมือนน้ำท่วมปาก พูดไม่ออก คัดค้านความคิดพี่ใหญ่ไม่ได้ เห็นเสือร้ายเตรียมจ้องตะครุบแบ่งส่วนสมบัติอยู่...หากสนับสนุนความคิดนี้ก็เท่ากับตนเองต้องถูกตัดออกจากกองมรดกตามพินัยกรรมเช่นกัน

มันมีข้อขัดข้องอยู่นิดนึง รามมองน้องสาว

สุขศจีรู้ พี่ชายใหญ่จะกล่าวอะไร

พินัยกรรมฉบับนี้ตัดจีออกจากกองมรดกด้วย

คำพูดรามไม่ผิดจากที่ทุกคนคิด น้ำเสียงเขาฟังเหมือนเห็นใจน้องสาว

ถ้าเราจะเล่นเกมนี้กับพิทักษ์ จำเป็นต้องมีคนเสียสละ รามพูดช้าๆ

สุขศจีนิ่งเงียบตลอดเวลาที่พี่ชายใหญ่พูด หล่อนกำลังรอ...รอประโยคสุดท้ายที่จะเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของการประชุม

จีจะว่ายังไง รามพูดคำนี้ในที่สุด

ถึงตอนนี้จะว่าอย่างไร สุขศจีไม่รู้จะพูดคำไหน มองหน้าพี่ชายอีกสองคน ลักษณ์และสมุทรไม่ออกความเห็น...ดูก็รู้...ทุกคนเห็นด้วยตั้งแต่ต้น ใครจะยอมเสียสมบัติหากมีทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเลือกนั้นตนเองไม่ต้องสูญเสียอะไรเลย

จะให้จีพูดว่ายังไง หล่อนพูดช้าๆ เยือกเย็น ถ้าจีบอกว่าไม่ยอม ทุกคนก็ต้องยกเหตุผลเรื่องไอ้พิทักษ์มาพูด...ซึ่งโอเค จีเข้าใจ...ยอมรับได้

หยุดพูดชั่วครู่ จ้องหน้าพี่ชายทั้งสาม ก่อนเข้าสู่วาจาสำคัญ

ถ้าจียอมตกลง...ให้ใช้พินัยกรรมนี้สู้กับพิทักษ์ได้ จะมีใครให้ความมั่นใจกับจีได้บ้าง ว่าเมื่อเรื่องเรียบร้อยแล้วจียังได้สมบัติส่วนของจีครบทุกบาทเหมือนเดิม

รามเกือบโพล่งรับปากทันควัน ถ้าไม่ทันฉุกคิด หากใช้พินัยกรรมฉบับล่าสุด ย่อมต้องยกเลิกพินัยกรรมฉบับแรก ทรัพย์สิน ผลประโยชน์จะถูกแบ่งสาม สุขศจีไม่มีสิทธิในทรัพย์สมบัติตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล หากพวกพี่ทุกคนจะไม่ยอมแบ่งให้ทีหลัง

รามคนเดียวรับปากไม่ได้ ลักษณ์กับสมุทรจำเป็นต้องรับปากยืนยันเช่นกัน

สำหรับเฮียไม่มีปัญหาอะไรหรอก รามพูดออกตัวไว้ก่อน

ลักษณ์มองหน้าผู้พูด เห็นพี่ชายส่งไม้ความรับผิดชอบต่อมาให้

เอาอย่างนี้มั้ย ตอนนี้เราเหลือกันแค่สี่คนพี่น้อง สมมุติว่าเราใช้พินัยกรรมฉบับใหม่ตัดจีกับดาออกจากกองมรดกก็จริง แต่ในทางปฏิบัติเรายังแบ่งรายได้หลักจากกงสีเหมือนเดิม เข้าบัญชีแต่ละคนตามปกติ ลักษณ์เสนอ

เฮียลักษณ์อย่าลืมนะ ไอ้พิทักษ์มันเป็นทนาย นักกฎหมาย ถ้ามันสืบรู้เรื่องเราแอบแบ่งเงินกงสีเข้าบัญชีจีทุกเดือนหลังใช้พินัยกรรมฉบับใหม่แล้ว มันจะใช้เป็นข้ออ้างในศาลได้ สมุทรค้าน

กลัวอะไรวะ เราก็บอกว่าเป็นเงินเดือนเงินพิเศษอะไรก็ได้ รามพูดง่ายๆ

ไม่ได้หรอกเฮีย รายได้พวกเราทั้งหมดต้องผ่านมารวมในบริษัทกงสี ต่อจากนั้นค่อยแบ่งผลประโยชน์กัน ถ้าจีได้รับเงินจากบริษัทตามจำนวนตัวหารพี่น้อง รับรองได้ไอ้พิทักษ์มันย้อนศรเอาแน่ คิดดู...ตำแหน่งหน้าที่อะไรจะมีเงินเดือนเป็นล้าน

เหตุผลสมุทรทำเอาทุกคนอึ้ง ยอมรับ

งั้นก็แบ่งสามตามพินัยกรรมใหม่ แล้วพวกเราค่อยแบ่งเงินตัวเองมาฝากอีกบัญชีให้จี ถือว่าเป็นเงินของพี่ให้น้องแต่ถ้ายังกลัวว่าใช้ชื่อบัญชีของจีแล้วมันอาจเกิดปัญหาคาดไม่ถึง ก็ใช้ชื่อบัญชีร่วมพวกเราสามคนแทนแล้วกัน

ลักษณ์เสนอทางออก ซึ่งน่าเป็นทางออกที่ดีกว่าทางอื่นไม่น่ามีใครคัดค้าน

จีก็เบิกเงินตามใจไม่ได้เหมือนเดิม สุขศจีขัดขึ้น

เราลงเงื่อนไขให้ใช้ลายเซ็นสองในสามเบิกเงินก็ได้ ลักษณ์บอก

ก็ยังวุ่นวายอยู่ดี เฮียแต่ละคนตามตัวกันยาก

เอาตามนี้แหละ ดีสุดแล้ว เบิกเงินใช้ลายเซ็นสองในสาม...ตามตัวยากนิดหน่อยเป็นไร แล้วแกก็จะใช้เงินอะไรนักหนา แค่ตัวคนเดียว เงินทองสมบัติเก่าที่มีเก็บส่วนตัวก็เยอะแยะ

รามพูดอย่างรำคาญใจ สำหรับเขา ทางออกที่ลักษณ์เสนอดูจะดีที่สุดแล้ว

ถ้าเป็นบัญชีชื่อร่วมพวกเฮียสามคน นี่จีไม่ได้แช่งนะ แค่พูดเผื่อไว้ ถ้าพวกเฮียเป็นอะไรไปจีจะทำยังไง ต่อให้ใช้สองลายเซ็นเบิกได้ก็เถอะ พวกเมียๆ ลูกๆ เฮียเขาจะยอมให้เราเบิกได้เหรอ

สุขศจียิงคำถาม เล่นเอากลุ่มพี่ชายตอบยากอีกครั้ง เรื่องบางอย่างหากมีแค่พี่น้องมันคุยกันง่าย จบได้ไม่ยาก พอมีครอบครัวแต่ละฝ่ายเข้ามาเกี่ยว ปัญหามักวุ่นวายตามหลัง

ศรีนวล...เมียของรามนั้นคม เค็มจนใครรู้กัน ลูกสาวลูกชายเรียนปริญญาโทต่างประเทศใช้เงินกันแบบลูกเศรษฐี หากรามเป็นอะไรไปมีหรือจะยอมปล่อยทรัพย์สมบัติที่มีชื่อสามีร่วมด้วยให้น้องสาว

เกตุ...เมียของสมุทร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หล่อนทำบริษัทเงินทุน ฉะนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีชื่อสามี รับรองไม่ยอมให้กระเด็น

ลักษณ์ก็มีลูกสาว...รุ่งรตีอาจไม่ใช่คนโลภมาก แต่ใครจะรู้อนาคต หากหล่อนไม่มีบิดาเป็นถุงเงิน ที่รูดบัตรอย่างนี้ จะคิดทำเช่นไร

ถ้าสุขศจีพูดเรื่องเป็นเรื่องตายก่อนหน้านี้ รับรองต้องมีเสียงตำหนิอย่างแรงจากพี่ทุกคน คราวนี้คนตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลต่างรู้ พวกตนอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ ความตายสีดายังคลุมเครือ รามเคยถูกลอบยิง สมุทรถูกเปลี่ยนยางรถ จึงไม่มีใครไว้ใจความปลอดภัยตัวเองแน่

งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน รามเอ่ยปากตัดปัญหา ถ้าจีตกลงยอมให้ใช้พินัยกรรมใหม่จริง พวกเฮียจะเปิดบัญชีร่วมอย่างที่บอกนี่แหละ ถ้าจีไม่ไว้ใจอนาคตพวกเฮีย...งั้นเอาอย่างนี้ พวกเฮียทุกคนจะทำใบมอบอำนาจไว้ให้จีเลย คนไหนเป็นอะไรไป จีจะได้สิทธิจัดการกับเงินส่วนของจีได้โดยไม่ต้องกลัวใครจะเอาไป

ลักษณ์สะกิดใจ พี่ชายคนโตพูดถึงการทำใบมอบอำนาจง่ายดาย ปลอดโปร่ง เรื่องนี้ถ้าทำไม่ละเอียด รัดกุม จะกลายเป็นปัญหาย้อนกลับให้แก้วุ่นวายทีหลัง

เอาเถอะ...จะทำจริงค่อยดูอีกทีแล้วกัน หากค้านตอนนี้เท่ากับไม่ไว้ใจน้องสาวตัวเอง ทั้งที่หล่อนยอมเสียสละขนาดนี้...ว่าไงว่าตามกัน

สุขศจีเพิ่งยิ้มออก...รอยยิ้มของหล่อนเหมือนเป็นการเปิดประตูประกาศสงครามกับศัตรูภายนอก ที่คิดเข้ามาช่วงชิงสมบัติตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล

บางที...รอยยิ้มของหล่อนอาจหมายถึงการประกาศชัยชนะล่วงหน้าด้วย

เชนกับรุ่งรตีคลำทางไปหาเนื้อนวลได้อีกนิด...หล่อนเคยเป็นช่างเสริมสวยที่กรุงเทพฯ เพิ่งมาเปิดร้านเสริมสวยกึ่งสปาที่นี่ไม่นาน เป็นร้านในทำเลดี ลงทุนด้วยตัวเลขเจ็ดแปดหลัก ทุนนี้ตรวจสอบได้ว่ามาจากเงินบัญชีของพิทักษ์

คืนวันเกิดเหตุเนื้อนวลไม่ได้อยู่จนถึงเวลาปิดร้าน ไม่มีพยานเวลาว่าคืนนั้นหล่อนอยู่ที่ไหน กับใคร

เชนสืบรู้อีกเรื่องว่า พิทักษ์รู้จักคุ้นเคยกับตำรวจที่ทำคดี และมีสายสัมพันธ์อันดีกับตำรวจทั้งโรงพัก ไม่น้อยหน้ารามพี่เมียตนเอง

รุ่งรตีพุ่งประเด็นไปที่พยานอีกคน...เด็กลูกจ้างชาวพม่าที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ...หญิงสาวได้ชื่อที่อยู่ของเด็กคนนั้นในพม่า จึงชวนเชนออกตามหา เรื่องนี้ชายหนุ่มใช้เวลาตรวจสอบ ติดต่อเพื่อนฝูงตนสองสามวันก่อนออกเดินทาง

ทั้งคู่เข้าพม่าด้วยความช่วยเหลือบริการจากเพื่อนของเชน...ไปถึงที่หมายปรากฏว่า เด็กลูกจ้างของพิทักษ์กลับมาทำงานเมืองไทยอีกรอบแล้ว โดยมีนายจ้างใหม่มารับถึงที่

รุ่งรตีสอบถามชื่อนายจ้างคนใหม่...พอรู้ว่าคนที่มารับเด็กลูกจ้างเก่าของพิทักษ์เป็นใคร ต้องนิ่งอั้นชั่วขณะ

คนที่มารับลูกจ้างเก่าของพิทักษ์กลับเมืองไทยคือ...บุญส่ง...มือขวาของราม

เชนมั่นใจ...คนที่ติดตามสืบคดีสีดา ไม่ได้มีแค่เขากับรุ่งรตีเสียแล้ว



หลังจากสุขศจียอมให้ใช้พินัยกรรมอีกฉบับเพื่อต่อสู้กับพิทักษ์ ขั้นตอนต่อไปคือ ทำอย่างไรให้สำเนาพินัยกรรมนั้นมีผลเต็มทางกฎหมาย เพราะฉบับจริงถูกเผาไปแล้ว

ผู้ที่เห็นพินัยกรรมลายมือคุณนายพวงทองฉบับจริงก่อนถูกเผามีทั้งหมดแปดคน นั่นคือพี่น้องทั้งห้าตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล และผู้จัดการมรดกทั้งสาม

พี่น้องทั้งห้าเหลือสี่คน...ส่วนผู้จัดการมรดกทั้งสามยังอยู่ครบ

ท่านมงคล...อดีตประธานศาลฎีกา

นายภาสกร...หัวหน้าพรรคการเมือง

คุณจิตใส...หลานสาวคุณนายพวงทอง

บุคคลทั้งสามถือเป็นบุคคลเชื่อถือได้ ทั้งตำแหน่ง หน้าที่และการได้รับความไว้วางใจจากคุณนายพวงทอง เมื่อทั้งสามยอมเซ็นรับรองสำเนาพินัยกรรม ยอมขึ้นศาลสืบพยานเกี่ยวกับหลักฐานพินัยกรรมชิ้นนี้ รับรองพิทักษ์ไม่มีทางบิดพลิ้ว อย่างมากก็เดินหน้าสู้ทั้งที่เห็นลางแพ้

การจะให้ผู้จัดการมรดกทั้งสามเซ็นรับรองสำเนาพินัยกรรม พร้อมขึ้นศาลสืบพยานไม่นับว่าง่าย แต่ไม่ถึงกับยาก

กับคุณจิตใส...ไม่มีปัญหา เมื่อเธอเห็นพินัยกรรมฉบับจริงแล้ว จึงไม่ยากถ้าให้เธอยอมเซ็นรับรอง

ส่วนท่านมงคล...ความที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ ผู้คนนับหน้าถือตา พี่น้องทั้งสี่จึงต้องขอเรียนพบเพื่ออธิบายที่มาที่ไป รายละเอียดต่างๆ รวมถึงเหตุผลที่ต้องใช้พินัยกรรมฉบับถูกเผาแล้วกลับมาใช้อีก

หลักจากท่านฟังเหตุผลทั้งหมดก็เข้าใจ รับปากช่วยเหลือโดยไม่มีปัญหา

ปัญหาจริงอยู่ที่ผู้จัดการมรดกคนที่สาม

นายภาสกร...หัวหน้าพรรคการเมืองที่เคยชวนรามเข้าร่วมพรรคในฐานะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รามมีท่าทีเออออ ก่อนจะหักหลังกลับคำพูดด้วยการหันเหไปทางพรรคการเมืองใหญ่กว่า

ความแค้นนี้ จะมีผลให้นายภาสกรปฏิเสธการช่วยเหลือหรือไม่

ครั้งนี้สี่พี่น้องหารือกัน...จะทำอย่างไร...ยกทีมไปกันทั้งหมดเช่นตอนขอเข้าพบท่านมงคลคงไม่ได้ กลายเป็นอาศัยพวกมาก แสดงความขลาดกลัว

ลักษณ์เสนอตัวไปกับราม มั่นใจจะอาศัยความใจเย็น รอบคอบและวาทศิลป์ส่วนตัว เกลี้ยกล่อมให้นายภาสกรเข้าใจได้

รามไตร่ตรองอีกครั้ง...ความที่รู้จักภาสกรดีกว่าใครจึงปฏิเสธน้องชาย

ไม่ต้องหรอก งานนี้เฮียจะไปคนเดียว รามบอก

ไม่ไหวแน่ เฮียเพิ่งไปขัดใจเขามาอย่างนี้ ลักษณ์ค้าน

ก็เพราะเพิ่งไปขัดใจเขามาน่ะสิ เฮียถึงต้องไปเอง รามยืนยัน

ทำไม

คนผูกต้องเป็นคนแก้ งานนี้เฮียรู้จักอาภาสดีกว่าใคร รู้ว่าควรพูดแบบไหน...ยังไง...เขาถึงจะยอมฟัง

รามหยุดพูดเท่านี้ ตัดสินใจเด็ดขาด จะเดินเข้าหาภาสกรตัวคนเดียว ไม่มีแม้กระทั่งลูกน้องติดสอยห้อยตาม

เขารู้จักภาสกรดีกว่าพี่น้องทุกคน รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะให้คนคนนี้ยอมร่วมมือช่วยเหลือ การเดินเข้าหาภาสกรเป็นหน้าที่ของราม เป็นงานที่ต้องทำให้สำเร็จ ก่อนเผชิญศึกกับพิทักษ์ น้องเขยนักกฎหมาย



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP