จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

บริโภคอะไรเป็นประจำ


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it


081_destination



เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนว่าจะเขียนบทความเรื่องอะไร
แต่ก็ได้ลองหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาอ่าน เผื่อว่าจะพบข่าวอะไรที่น่าสนใจ
ผมอ่านข่าวไปแบบผ่าน ๆ ก็เห็นมีข่าวอาชญากรรม ข่าวการเมือง ข่าวต่างประเทศ
ข่าวเศรษฐกิจ ข่าววงการไอที ข่าววงการกีฬา ข่าววงการบันเทิง โฆษณาต่าง ๆ
อ่านไปจนหมดทุกหน้าแล้ว ก็ไม่พบว่ามีข่าวไหนที่น่าสนใจพอที่จะหยิบขึ้นมาเขียนได้

แต่เมื่อลองประมวลข่าวทั้งหมดที่ได้อ่านไปแบบผ่าน ๆ ทุกหน้าแล้ว
ผมก็ได้ข้อสรุปส่วนตัวมาข้อหนึ่งว่า ข่าวหนังสือพิมพ์ที่อ่านผ่าน ๆ ไปทุกหน้านี้
ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดของข่าวในหนังสือพิมพ์นั้น
มีแต่ข่าวที่ช่วยสร้างอกุศลให้แก่จิตใจเราทั้งสิ้น
โดยแทบไม่ปรากฏข่าวที่ช่วยสร้างกุศลให้แก่จิตใจเราเลย

ท่านผู้อ่านไม่ต้องเชื่อผมนะครับ แต่น่าจะลองหยิบหนังสือพิมพ์มาพิจารณาเอง
แล้วก็ลองอ่านไล่หัวข้อข่าวไปแบบผ่าน ๆ ว่า
มีข่าวอะไรที่เป็นกุศลบ้างไหม มีข่าวอะไรที่จะให้เราอนุโมทนาได้บ้างไหม
อย่างข่าวอาชญากรรมก็มีเรื่องฆ่ากัน ทำร้ายกัน ค้ายาบ้า เด็กนักเรียนตีกัน
โกงข้อสอบ พนันฟุตบอล แต่ละเรื่องก็ล้วนแล้วแต่ผิดศีลธรรมทั้งสิ้น
ข่าวการเมืองนี้ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะทราบ ๆ กันดีอยู่แล้ว
แต่ละวันก็มีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แก่งแย่งอำนาจ ผลประโยชน์ และตำแหน่ง
ข่าวต่างประเทศ ก็มีเรื่องปัญหาในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งวิกฤติเศรษฐกิจของยุโรป
อ่านแล้วก็ไม่พบว่าข่าวไหนจะช่วยสร้างกุศลในใจได้อย่างไร

ข่าววงการกีฬา ก็มีเรื่องฟุตบอลยูโร 2012 และข่าวผลของกีฬาประเภทอื่น ๆ
อ่านไปแล้วก็เห็นว่าทำให้หลงไปเชียร์ หลงไปตาม หลงไปดูมากกว่า
ข่าวเศรษฐกิจก็พบแต่เรื่องห่วงใยเรื่องเงินทองและเศรษฐกิจในอนาคต
ข่าววงการไอที ก็มีแนะนำอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ
อ่านไปแล้วก็มีแต่สร้างความอยากในใจให้ต้องการสินค้าไอทีใหม่ ๆ เหล่านั้น
ข่าววงการบันเทิง ก็เห็นมีแต่ข่าวดาราคนนั้นเป็นแฟนกับคนนี้
ดาราคนนั้นยังโสดยังไม่อยากมีแฟน ดาราคนนี้เพิ่งเลิกกับคนโน้น
หรือดารานั้นโน้นไปฉลองงานนั้น ไปซื้อของแพง ๆ ที่นี้
ไม่เห็นจะมีข่าวอะไรจะช่วยสร้างกุศลในจิตใจเราได้มากขึ้นเลย
ไม่เคยเห็นจะมีข่าวบอกว่าดาราเชิญชวนเราให้ถือศีล ทำสมาธิ และเจริญปัญญา
อย่างดีที่สุดก็อาจจะมีแค่ข่าวว่าดาราไปทำบุญที่โน้น ไปปฏิบัติธรรมที่นี้ หรือไปบวช
แต่ก็นาน ๆ จึงจะเห็นสักทีนะครับ โดยข่าวส่วนใหญ่ก็จะไม่ใช่เรื่องสร้างกุศลหรอก

ในส่วนของเรื่องย่อนิยายก็มีแต่ทำให้หลง หรือทำให้เกิดราคะและโทสะ คงไม่ต้องอธิบายมาก
ส่วนโฆษณาขายของต่าง ๆ นั้นก็มีแต่พยายามสร้างกิเลสให้เราอยากได้ของที่เขาโฆษณา
เมื่อลองไล่ ๆ พิจารณาสิ่งทั้งหลายที่บรรจุลงมาในหนังสือพิมพ์แล้ว
จะเห็นได้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดก็มีแต่จะช่วยสร้างกิเลสหรืออกุศลในใจเรา
ส่วนที่จะช่วยสร้างกุศลในใจนั้นมีน้อยมาก แทบจะไม่มี หรือว่าไม่มีเสียเลย

จริง ๆ แล้วไม่ใช่เฉพาะแต่ในหนังสือพิมพ์นะครับ
หากเราจะพิจารณาไปที่เนื้อหาในโทรทัศน์บ้าง ก็จะพบทำนองเดียวกันว่า
เนื้อหาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดก็มีแต่จะช่วยสร้างกิเลสหรืออกุศลในใจ
ส่วนที่จะช่วยสร้างกุศลในใจนั้นมีน้อยมาก แทบจะไม่มี หรือว่าไม่มีเสียเลย
หากเราจะลองมองไปที่ป้ายโฆษณาต่าง ๆ ที่เราได้เห็นในแต่ละวัน
ระหว่างที่เราเดินทางออกมานอกบ้าน เพื่อไปทำงานหรือไปสถานที่ต่าง ๆ ก็ดี
เราก็จะพบเห็นในทำนองเดียวกันในป้ายโฆษณาเหล่านั้นว่า
พยายามจูงใจสร้างกิเลสหรืออกุศลให้เรามากกว่าที่จะช่วยสร้างกุศลในใจเรา
ทีนี้หากเราบริโภคเนื้อหาสื่อที่ช่วยสร้างกิเลสหรืออกุศลในใจอยู่เป็นประจำแล้ว
ในอนาคตจะเป็นอย่างไร อนุสัยที่ไปสะสมอยู่ในใจเราจะสะสมด้วยอะไร
จะดีหรือไม่ดี จะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ (ในทางธรรม) ก็คงจะพิจารณากันได้

ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
ทำไมเนื้อหาที่นำเสนอโดยสื่อต่าง ๆ จึงมีแต่เรื่องที่ช่วยสร้างอกุศลมากกว่ากุศล
?
ตอบว่า เพราะว่าเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันชื่นชอบบริโภค
หากสื่อนำเสนอแล้วคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่สนใจ ไม่ดี หรือไม่ติดตาม
สื่อเหล่านั้นก็ต้องปรับตัว ต้องพยายามสรรหาเนื้อหาต่าง ๆ
เพื่อนำเสนอให้ตรงใจกับคนส่วนใหญ่ในสังคม เพื่อให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสื่อนั้น ๆ
แต่ในเมื่อสื่อปัจจุบันนำเสนอแต่สิ่งที่ช่วยสร้างอกุศลเป็นส่วนมาก
ก็แสดงว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมสนใจบริโภคเนื้อหาที่ช่วยสร้างอกุศลเช่นนี้
โดยไม่ได้สนใจบริโภคเนื้อหาที่ช่วยสร้างกุศลแต่อย่างใด

อย่างสมมุติหากมีรายการโทรทัศน์ให้พระภิกษุมาสอนให้ถือศีล นั่งสมาธิ เดินจงกรม
เทียบกับให้มีละครดาราดัง ๆ รัก ๆ ใคร่ ๆ มาให้ชม พาใจให้หลงไปเรื่อย ๆ แล้ว
คนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันชื่นชอบบริโภคละครดังกล่าวมากกว่า
มีเพียงคนส่วนน้อยมากที่จะชื่นชอบรายการโทรทัศน์ที่ให้พระภิกษุมาสอน
หลาย ๆ คนอาจเรียกละครในโทรทัศน์ว่าเป็นละครน้ำเน่า
แต่ลองสังเกตดูว่าทำไมละครน้ำเน่าถึงได้มีเรตติ้งดีมาก มีโฆษณาเยอะแยะ
ฉายได้อยู่เรื่อย ๆ จบเรื่องนี้ ก็มีเรื่องนั้นมาต่อ จบเรื่องนั้น ก็มีเรื่องโน้นมาต่อ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันชื่นชอบบริโภคละครน้ำเน่าดังกล่าว
ดังนี้ เราก็พึงทราบว่าเราอยู่ในสังคมที่ส่วนใหญ่ชอบบริโภคละครน้ำเน่าครับ

เช่นนี้แล้ว ที่เราอาจจะเคยได้ยินกันว่า มนุษย์ส่วนใหญ่เมื่อตายแล้วจะไปอบายภูมินั้น
ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใด แต่พึงเห็นด้วยว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง
เราลองพิจารณาเนื้อหาสื่อทั้งหลายที่มนุษย์เราบริโภคกันในแต่ละวันแล้ว
ก็คงพอจะคาดการณ์เห็นในอนาคตได้ว่าเมื่อตายแล้วส่วนใหญ่จะได้ไปไหนกัน

ลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเราว่า แล้วเราจะทำอย่างไร?
หากเราจะปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปตามกระแสของเนื้อหาสื่อที่เขาใส่ลงมาให้
เราอาจจะอ้างว่า เราเปลี่ยนเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ไม่ได้ เปลี่ยนเนื้อหาในโทรทัศน์ไม่ได้
เขาใส่อะไรลงมา เราก็จำเป็นต้องบริโภคไปตามนั้น นั่นก็เพียงเป็นการอธิบายในทางโลก
แต่ในทางธรรมแล้ว เท่ากับว่าเราโดนคนอื่นจับมัดไว้กับเก้าอี้
แล้วพวกเขาก็กรอกสารพิษคือเนื้อหาสื่อสร้างกิเลสและอกุศลเหล่านั้นใส่ปากเรา
โดยเราก็ยินดีอ้าปากให้เขากรอกสารพิษเหล่านี้ลงมาเสียด้วย
ผลที่สุดก็คือเราก็รับมาแต่เนื้อหาสื่อสร้างกิเลสและอกุศลเยอะแยะเต็มใจเราไปหมด
แล้วเราก็ถูกกระแสเนื้อหาสื่อเหล่านี้ลากไปอบายภูมิในท้ายที่สุดด้วย
(จริง ๆ แล้ว ใจเราก็ไปอบายตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันแล้วล่ะ)

เราจึงต้องพยายามระมัดระวังตัวเองอย่าปล่อยให้กระแสเนื้อหาสื่อลากเราไป
โดยผมเห็นว่ามีอยู่ ๓ ข้อที่ควรพิจารณาเลือกทำนะครับ
ข้อแรก ก่อนจะบริโภคเนื้อหาสื่อใด ๆ ควรพิจารณาก่อนว่าจำเป็นหรือไม่
ไม่ควรไปบริโภคเนื้อหาสื่ออย่างพร่ำเพรื่อ โดยควรพิจารณาด้วยว่าเนื้อหาช่วยสร้างกุศลหรือไม่
หากในเวลาใด เราอยู่เฉยว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งหาเนื้อหาสื่อเหล่านั้น
ก็พึงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ ช่วยสร้างกุศลมาทำจะดีกว่า
เช่น ฟังธรรม อ่านหนังสือธรรมะ สวดมนต์ ปฏิบัติในรูปแบบ ฯลฯ
จะดีกว่าหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน หรือหยิบรีโมตคอนโทรลไปเปิดโทรทัศน์ เพื่อผ่านเวลานั้นไป
บางทีเราไม่ได้ไปบริโภคเนื้อหาสื่อเอง แต่มีเพื่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ มาเล่าให้ฟังก็ยังมี
เราก็ต้องรู้จักที่จะปกป้องตัวเอง และคัดกรองเนื้อหาสื่อต่าง ๆ ที่จะเข้ามา

ข้อสอง หากหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหาสื่อที่สร้างอกุศลเหล่านั้นไม่ได้
ก็อาจพึงพยายามเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนอกุศลให้เป็นกุศล
อย่างเวลาเห็นข่าวคนเขาฆ่ากันทำร้ายกัน เราก็พิจารณาว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
คนที่ถูกฆ่านั้นเพราะเขารับกรรมของเขา คนที่ฆ่าเขาก็จะต้องไปรับกรรมของเขาที่ทำไม่ดี
คนอื่นเป็นไปตามกรรมของเขา เราก็จะเป็นไปตามกรรมของเรา
ก็พยายามสร้างกรรมดีเอาไว้ ส่วนกรรมอะไรที่ไม่ดีก็ควรละเว้นอย่าไปทำ
เห็นข่าวเศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่หรือเจริญรุ่งเรืองก็พิจารณาเห็นถึงความไม่เที่ยง และเปลี่ยนแปลง
เราไม่สามารถไปฝากผีฝากไข้ฝากชีวิตของเราไว้กับเศรษฐกิจและการเงินได้
เห็นข่าวการเมืองทะเลาะกัน ก็พิจารณาเห็นโทสะ โลภะ และโมหะของทุกฝ่าย
พิจารณาเห็นถึงความน่ากลัวของกิเลสตัณหาทั้งหลาย
โดยเนื้อหาสื่ออื่น ๆ ก็ทำนองเดียวกันครับ เราพิจารณาปรับเข้ามาสอนธรรมะแก่จิตใจเราได้
แต่กรณีนี้หมายถึงว่าเราจำเป็นต้องบริโภคเนื้อหาสื่อนั้น ๆ นะครับ
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีความจำเป็นอะไรเลย แต่ก็ไปมัวใช้เวลาดูละครวันละหลายชั่วโมง
แล้วอ้างว่าดูละครเพื่อสอนธรรมะแก่จิตใจตนเอง อย่างนั้นเรียกว่าโดนกิเลสหลอกครับ

อย่างผมเคยเห็นบางท่านโพสต์ลงในเฟสบุ๊คเรื่องคนใจร้ายทำร้ายสัตว์อย่างโหดร้าย
มีบางท่านเข้ามาอ่านแล้วก็โพสต์สาปแช่งคนใจร้ายนั้น ต้องการให้เขาได้รับโทษ
เช่นนี้ก็เป็นการสร้างโทสะและพยาบาทในใจเราขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่รู้ทัน
ตรงนี้หากจะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส โดยเราลองพิจารณาเรื่องเมตตาก็ได้
เราสงสารสัตว์ที่โดนทำร้ายว่ามันต้องรับกรรมของมัน
เราสงสารคนใจร้ายที่ทำร้ายสัตว์อย่างโหดร้ายว่าเขาจะต้องได้รับกรรมของเขา
เราสงสารคนที่นำมาโพสต์ว่าเขาก็ต้องมีความทุกข์ในชีวิตของเขา
เราสงสารคนอื่น ๆ ที่กดไลค์ และโพสต์ความเห็นว่าพวกเขาก็มีความทุกข์เช่นกัน
เราสงสารตัวเองว่าเราเองก็มีความทุกข์เช่นกัน และทุกคนต่างก็วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏนี้
พิจารณาไปแล้วก็เจริญเมตตาแก่ทุกคนโดยไม่ได้แบ่งแยก
แล้วก็เจริญเมตตาแก่ตนเอง โดยพยายามภาวนาเพื่อให้ตนเองพ้นจากสังสารวัฏนี้

ข้อสาม เราพึงหัดมี “สติ” อยู่เสมอ รวมทั้งในช่วงเวลาที่บริโภคเนื้อหาสื่อทั้งหลายเหล่านั้น
หากบริโภคเนื้อหาสื่อเหล่านั้นแล้ว มีความสุข ความทุกข์ หรือเฉย ๆ ก็ให้รู้ทัน
มีโทสะ โลภะ โมหะผ่านเข้ามาในใจ ก็ให้รู้ทัน จิตเกิดกุศลหรืออกุศล ก็ให้รู้ทัน
สติจะเป็นสมอเรือที่คอยฉุดยึดไม่ให้เราไหลไปตามกระแสแห่งอกุศลเหล่านั้นครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP