วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๑๓


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


คุณจิตใสติดรถรามไปสำนักงานทนายความของพิทักษ์ ระหว่างทางพยายามตั้งสติให้จิตโปร่งใสปกติอย่างเคย ภาพนิมิตที่เห็นแวบไปแวบมาคอยรบกวนทั้งที่ยังลืมตา สุดท้ายเจ้าตัวต้องวาง...ทำใจรู้...มันเป็นเช่นนั้น ไม่พยายามแก้ไข รักษาจิตอีก

ถึงสำนักงานทนายความต้องแปลกใจ คนที่ต้องการพบพิทักษ์ ไม่มีแค่รามคนเดียว...ลักษณ์ สมุทร สุขศจี รุ่งรตีตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

อ้าวเฮีย...มาที่นี่เหมือนกันเหรอ ทำไมไม่เปิดโทรศัพท์ ต้องโทรผ่านเลขา สุขศจีทักถาม คุณจิตใสถึงรู้ บุญส่งได้ข่าวจากใคร

เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงวะ รามถามไม่เจาะจง

พิทักษ์มันโทรศัพท์ไปตามหาเมียที่บ้านเรา ลักษณ์ตอบ รุ้งเป็นคนรับสาย เลยไล่ถามคนโน้นคนนี้จนรู้กันทั้งบ้าน

คุณจิตใสมองหญิงสาวผู้ถูกเอ่ยถึง เป็นครั้งแรกที่ไม่เห็นเจ้าหล่อนแต่งหน้าแต่งตัวเต็มที่ แสดงให้เห็นทุกคนต้องรีบมาทันทีที่รู้ข่าว

แล้วมันอยู่ที่สำนักงานมั้ย รามถามต่อ

ไม่อยู่หรอก แต่เดี๋ยวคงมา เห็นคนในนั้นบอกว่ามันออกไปแจ้งความ สมุทรตอบ

ทุกคนรวมกันเป็นขบวนใหญ่ นั่งรอตรงโซฟารับแขกสำนักงานทนายความ สีหน้าเคร่งเครียด สงสัย อยากรู้ พนักงานลูกจ้างสำนักงานรีบนำกาแฟของว่างมาเสิร์ฟ ก่อนทำตัวหายจากบริเวณนั้นด้วยเกรงบารมี

รุ้ง...ไหนลองเล่าให้ลุงฟังอย่างละเอียดหน่อยสิ ว่ารับโทรศัพท์พิทักษ์มันตอนไหน ยังไง รามหันมาถามหลานสาว

รุ่งรตีกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ มองหน้าลุง ป้า อาๆ อย่างขยาด รู้สึกคิดผิดจริงๆ ที่ตามขบวนมากับพวกเขาด้วย

ค่ะ หล่อนรับคำ ก่อนพยายามเล่าเรื่องให้รวบรัด กระชับ ได้ใจความที่สุด


หลังตื่นจากฝันร้าย รุ่งรตีนอนต่อแบบหลับๆ ตื่นๆ ไม่เต็มตาจนรุ่งเช้า ลุกขึ้นรับอากาศบริสุทธิ์ ร่างกายเพลียโหลแบบนอนไม่เต็มตา ภาพในฝันยังติดตามทั้งที่ยังตื่น...ทั้งภาพอาสีดา...คุณย่าพวงทอง...ทำเอาหมดอารมณ์นั่งนอนทอดหุ่ยในห้องนอนยันเที่ยงยันบ่ายเช่นเคย

อาบน้ำ แต่งตัวง่ายๆ เดินเล่นรอบบ้าน จนค่อนข้างสาย มีโทรศัพท์ดังขึ้นที่ห้องรับแขก ปกติลูกจ้างเป็นคนรับ แต่ตอนนั้นห้องรับแขกไม่มีคนอยู่ หล่อนจึงรับสายเอง

ได้ยินเสียงอาเขยมาตามสาย ถามหาอาสีดา...รุ่งรตีตอบไม่ถูก บ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลไม่ใช่เล็กๆ ใครไปใครมาจะได้รู้กันหมด ยิ่งรุ่งรตีไม่ค่อยสนใจใครอยู่แล้ว จึงบอกให้อีกฝ่ายวางหูก่อนหล่อนจะไปถามคนอื่นให้แล้วค่อยโทรกลับ

เสร็จแล้วจึงถามพวกลูกจ้างถึงอาสีดา...คำตอบเหมือนกันคือไม่เห็น...ไม่รู้...ไม่ทราบ...หากสีดามาค้างที่นี่บ้านหลังใหญ่สี่ชั้น มีห้องหับมากจนเกินจะนับ ก็คงไม่มีใครรู้เหมือนกัน

ทางที่ดี...ไล่ถามมันหมดทุกคน

โชคดีที่ลักษณ์ สมุทร สุขศจียังไม่ออกไปทำงาน ทุกคนจึงรู้เรื่องสีดาหายตัว รุ่งรตีโทรกลับหาพิทักษ์ คราวนี้ลักษณ์พูดสายเอง

ทักษ์เหรอ...ดาไม่ได้อยู่ที่นี่...มีเรื่องอะไรกัน ลักษณ์ถามเสียงเข้ม

ไม่มีเรื่องอะไรกันหรอกครับพี่...ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน กลับบ้านก็ไม่เจอดาแล้ว ไปไหนก็ไม่บอก จนเช้านี่แหละ ผมถึงโทรมาถามพวกพี่

เมื่อวานฉันไปส่งดากลับบ้านเอง เห็นกับตาตอนเขาเข้าบ้าน จะบอกว่าไม่อยู่ได้ยังไง

ผมก็ไม่รู้พี่ งงไปหมดแล้ว โทรถามพวกเพื่อนเขาตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่มีใครรู้ จนโทรมาที่นี่แหละ ถ้ายังไม่ได้ข่าว เห็นทีต้องไปแจ้งความแล้ว

ใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ คิดดีๆ พวกเด็กในบ้านไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเลยหรือไง

พวกมันก็ไม่รู้พี่ ถามอะไรก็บื้อกันหมด

งั้นเดี๋ยวพวกฉันจะไปที่บ้านแก ช่วยถามให้

ไม่ต้องก็ได้พี่ เดี๋ยวผมจะออกไปแจ้งความแล้ว

เฮ่ย จะรีบไปทำไม

ผมอยากให้ตำรวจช่วยตามให้ดีกว่า

งั้นก็ตามใจ แล้วไปเจอกันที่สำนักงานแกแล้วกัน

ได้เลยครับพี่

ลักษณ์วางหูเสร็จ ทุกคนพร้อมใจไปสำนักงานของพิทักษ์ด้วยความเป็นห่วงสีดา ทีแรกรุ่งรตีไม่คิดจะตาม แต่ภาพในฝันยังคอยรบกวน จนนึกอยากพิสูจน์ให้รู้แล้วรู้รอด

ขณะจะออกจากบ้าน สุขศจีนึกถึงรามได้ จึงโทรหาแต่เครื่องเขาปิด เลยเปลี่ยนเป็นโทรเข้าเครื่องที่เทศบาลแทน จนรามรู้เรื่องและตามมารวมกันที่สำนักงานทนายความแห่งนี้


รุ่งรตีเล่าเฉพาะตอนรับโทรศัพท์ เรื่องจึงไม่ละเอียดนัก ลักษณ์กับสุขศจีช่วยเสริมจนจบ ทุกคนฟังแล้วรู้สึกแปร่งแปลก เหมือนพบหลุมขนาดใหญ่ที่ไม่สมเหตุสมผล

ดามันไปไหนกัน ทำไมไม่บอกใคร รามส่งคำถามลอย ไม่หวังจะมีใครตอบได้

เมื่อคืนดามันบอกว่าไม่สบายนะเฮีย จะไปไหนได้ ผมไปส่งให้ถึงบ้าน ลักษณ์พูด

นั่นสิ แล้วไอ้พิทักษ์มันบอกว่าเมียไม่อยู่บ้านได้ยังไง รามสงสัย

ที่จริงเราน่าจะไปถามพวกลูกจ้างที่บ้านเขานะเฮีย สุขศจีออกความเห็น

เรื่องนั้นต้องทำแน่ แต่ต้องรอเจอตัวไอ้ทักษ์มันก่อน

นั่นสิ ฟังดูมันแปลกๆ พิกล สมุทรออกความเห็นบ้าง

เรื่องนั้นทุกคนรู้ ที่ยังตอบคำถามตัวเองไม่ได้คือ อะไร ที่ซ่อนเบื้องหลังความแปลก

ลักษณ์ยืนยันว่าส่งน้องสาวถึงบ้าน ทำไมพิทักษ์กลับมาไม่พบเมีย เป็นไปได้อย่างไรที่พวกลูกจ้างไม่รู้ไม่เห็นการหายตัวของสีดา...มันเป็นข้อสงสัยชิ้นใหญ่...คิดดูแล้วทุกคนเห็นตรงกันว่าควรสอบถามลูกจ้างให้ชัดๆ ดีกว่าฟังคำพูดพิทักษ์ฝ่ายเดียว

ตลอดเวลาที่พี่น้องพูดคุยกัน คุณจิตใสนั่งเงียบ เสมือนไม่มีตัวตน สีหน้าแววตาผ่อนคลาย จิตใจวางภาระบางอย่างลง สายตาที่มองแต่ละคนจึงมีแต่เมตตา ทั้งที่จิตสัมผัสบอกให้รู้ถึงเปลวร้อนรนจากจิตใจบางดวง เพียงแต่กระจกใจเธอไม่ใสพอจะแยกออกว่ามาจากใครเท่านั้น

คุณจิตใสละสายตาจากกลุ่มผู้มากด้วยวัยไปยังหญิงสาวคนเดียว ยิ้มให้อย่างมีไมตรี รุ่งรตีขยับตัวมานั่งใกล้ สัมผัสกระแสความเย็นใจได้ชัด

เป็นห่วงอาของเรามากมั้ย ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยถาม

ก็...คงไม่มากเท่าพวกคุณพ่อ คุณลุง คุณอาหรอกค่ะ รุ่งรตียิ้มแหยตอบตามตรง

มาเป็นเพื่อนพ่อเราแบบนี้ก็ดีแล้วละ

รุ่งรตีไม่รู้จะตอบอย่างไร ใจจริงไม่ได้นึกห่วงใครมากมายเท่าใด แต่อยากตามมาดูให้รู้เรื่อง ความฝันของหล่อนจะเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่

คุณจิตใสสัมผัสกลุ่มก้อนสงสัยในใจหลานสาว ทำให้นึกฉงน ความสงสัยที่หนาแน่นเช่นนี้ แสดงว่าหญิงสาวต้องมีเหตุไม่ธรรมดา ปกติรุ่งรตีไม่ได้รักใคร่สนิทสนมกับสีดาฉันอาหลานอะไรนัก ไม่น่าห่วงใยเกินธรรมดา แต่นี่...ความสงสัยแบบนี้...เกิดขึ้น...คุณจิตใสชักสนใจ อยากรู้ถึงเรื่องที่หญิงสาวยังไม่ได้บอกเกี่ยวกับสีดาขึ้นมาจริงๆ


พิทักษ์ไม่ปล่อยให้ทุกคนรอนานนัก เขากลับมาจากสถานีตำรวจโดยไม่สามารถแจ้งความลงบันทึกประจำวันตามที่คาด แต่อาศัยความคุ้นเคยกับตำรวจ ประกอบกับสีดาเป็นคนดังของจังหวัด พวกตำรวจจึงวิทยุสืบหาเร่งด่วนแล้ว

เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง ไหนลองเล่าให้ฟังซิ รามคาดคั้นน้องเขย

คือ...เมื่อคืนนี้ผมกลับบ้านดึกไปหน่อย ปกติดาจะเข้านอนแล้ว ผมเลยไม่ได้คิดอะไร พอเข้าห้องไม่เจอเขาก็แปลกใจ ออกมาถามเด็กในบ้าน พวกนั้นตอบตรงกันว่าดากลับบ้านตอนหัวค่ำ...น่าจะเป็นตอนที่เฮียลักษณ์มาส่งเขานั่นแหละ...มาถึงก็บอกเด็กเอายามาให้กิน เสร็จแล้วก็ขึ้นนอน ก่อนเข้าห้องยังกำชับพวกนั้นว่าอย่ารบกวน เขาไม่สบาย จะพักผ่อน เลยไม่มีใครไปยุ่งด้วย จนผมกลับมาแล้วไม่เจอเขานั่นแหละครับ

ตามหาดูในบ้านดีหรือยัง ลักษณ์ถาม

ดูดีแล้วครับเฮีย โธ่...บ้านผมไม่ได้ใหญ่โตอย่างบ้านพวกพี่นะจะได้หากันไม่เจอ น้องเขยตอบพลางเหน็บ ทำเอาลักษณ์หน้าตึง รามเครียดมากขึ้น

แล้วเจ้ดาแกออกจากบ้านไปตอนไหน มีใครรู้มั้ย สมุทรถาม

ไม่รู้ พิทักษ์ตอบสมุทร

ทุกคนถอนใจเกือบพร้อมกัน ยิ่งคุยกับพิทักษ์ก็เหมือนพายเรือวนในอ่างไม่ไปไหนสักที

จริงสิ...รถของเจ้แกเข้าอู่...เจ้แกจะไปไหนได้ยังไง สุขศจีเปิดประเด็นใหม่

เด็กในบ้านเห็นรถแปลกๆ มาจอดหน้าบ้านมั้ย ลักษณ์ตามประเด็นน้องสาว

ไม่มี ไม่เห็นเลย ผมถึงมืดแปดด้านอยู่นี่ไง

รุ่งรตีฟังผู้ใหญ่คุยกันโดยไม่กล้าออกความเห็น ไม่คิดจะพูดจา ดูออกว่าทุกคนเคร่งเครียด และดูออกอีกอย่างนึงคือ...พิทักษ์โกหก...

ถึงรุ่งรตีไม่ใช่คนฉลาดปราดเปรื่อง แต่ก็รู้จักคนในสังคมปลิ้นปล้อนไม่น้อย พวกปากอย่างใจอย่าง พวกผู้ชายมาจีบหวังฟันฟรี เจอคนพวกนี้มาก จะเกิดความรู้สึกจับคำพูดที่ไม่จริงใจออกมาได้

อย่างพิทักษ์...ถูกถามอะไรมักตอบ...ไม่รู้ไว้ก่อน...เหมือนกลัวเผลอหลุดปากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนเป็นชนวนให้คนฟังจับประเด็นสืบสาว ถามตลบหน้าตลบหลังจนจับโกหกได้ในที่สุด

รุ่งรตีดูพ่อ ลุง อาๆ ก็รู้คนเหล่านี้ไม่เชื่อคำพูดอาเขย...ไม่น่าแปลก ขนาดหล่อนยังรู้ว่าเขาโกหก แล้วผู้ใหญ่ผ่านโลกมามากอย่างนั้น จะไม่รู้เชียวหรือ

รถที่บ้านอาพิทักษ์มีกี่คัน รุ่งรตีหลุดปากถามโดยไม่ตั้งใจ หล่อนฝันเห็นสีดาขับรถ จึงคิดเองว่า อาของตนต้องขับรถออกจากบ้านแน่ แต่สุขศจีเพิ่งบอกว่ารถสีดาเข้าอู่

ก็มีของอา กับของอาสีดาคนละคัน พิทักษ์ตอบหลานเมีย

นอกจากนี้ไม่มีคันอื่นเลยหรือ รุ่งรตีถามต่อ ที่บ้านหล่อนมีรถตั้งหลายคัน เลือกขับได้ไม่ซ้ำ จึงคิดว่าอาของตนก็น่าจะมีรถสำรองอยู่เหมือนกัน

ก็มีอีกคัน มันเก่าแล้ว อาเขาไม่ค่อยได้ใช้หรอก อย่างมากให้แม่ครัวไปจ่ายตลาด พิทักษ์ตอบพลางสังเกตปฏิกิริยาจากทุกคนรอบตัว รู้สึกเหมือนถูกสอบสวนกลายๆ

งั้นแสดงว่าเจ้ดาก็อาจขับรถออกไปเองได้สิ สมุทรพูดขึ้น

ก็ใช่ พิทักษ์ตอบ

แล้วมีใครสังเกตมั้ยว่า รถคันนั้นยังอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ลักษณ์ถาม

พิทักษ์นั่งคิดชั่วครู่ ยังไม่ทันเอ่ยปากตอบ เด็กในสำนักงานทนายความก็รีบเข้ามาบอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น

คุณพิทักษ์ครับ ตำรวจโทรศัพท์มา บอกว่าพบรถยนต์คันหนึ่งตกอยู่ในคูน้ำข้างทาง ตรวจสอบทะเบียนแล้วเป็นรถของคุณสีดา




บทที่ ๑๑


รถยนต์สามคันวิ่งตามกันบนถนนนอกเมือง คันแรกเป็นของพิทักษ์ คันที่สองเป็นของลักษณ์ มีสมุทรและสุขศจีนั่งมาด้วย คันสุดท้ายเป็นของราม ซึ่งมีคุณจิตใสกับรุ่งรตีอาศัยตามมา

หลังจากรู้จุดที่รถสีดาเกิดอุบัติเหตุ ทุกคนต่างขับรถไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด หวังทันการกู้ซากรถ เท่าที่ทราบคนขับยังติดอยู่ในรถ ไม่รู้ชะตากรรมแน่นอน แต่การที่มีคนเพิ่งพบรถจมในคูน้ำเมื่อเช้า หลังจากจมมาทั้งคืน โผล่แค่ท้ายเลขทะเบียน น่าจะคาดเดาชะตากรรมคนขับได้

รุ่งรตีอยู่บนรถที่มีการพูดจาน้อยคำ คนขับของรามคือบุญส่ง มีรามนั่งด้านหน้า ไม่ปริปาก ปล่อยญาติผู้พี่กับหลานสาวนั่งด้านหลัง

หญิงสาวตอบไม่ถูก ทำไมถึงขอมานั่งรถคันเดียวกับคุณจิตใส แทนที่จะนั่งรถของบิดา อาจเป็นเพราะรู้สึกรถคันนั้นมีความอึดอัด บอกไม่ถูก เปรียบเทียบกับความเย็นเมื่ออยู่ใกล้คุณจิตใสแล้วห่างกันลิบลับ

นั่งมาด้วยกันอย่างนี้ คุณจิตใสไม่พูดอะไรเหมือนกัน แต่ความเงียบของคุณจิตใสไม่ก่อให้เกิดความอึดอัดแก่คนอยู่ใกล้ หนำซ้ำยังแผ่ความสงบ อบอุ่นใจ

รุ่งรตีมองออกนอกหน้าต่างผ่อนคลาย รถแยกจากทางใหญ่สู่ทางเล็ก รถแล่นสวนกัน สภาพถนนไม่ค่อยดีนัก ขรุขระเป็นช่วงๆ ความที่รถมีช่วงล่างนุ่ม รับแรงสะเทือนได้ดี คนที่นั่งจึงแทบไม่รู้สึก

รถวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง รุ่งรตีเริ่มคุ้นกับสภาพสองข้างทาง...พงหญ้าสูงสลับกับต้นไม้ใหญ่ เส้นทางขรุขระมากขึ้น ยิ่งดูยิ่งชัดเจนจนเกือบแน่ใจ

...หล่อนเคยเห็นถนนสายนี้ในฝัน...เมื่อคืน...

...บนถนนที่มีรถวิ่งคันเดียว...คนขับคือสีดา...

รุ่งรตีตัวชา ขนลุก ความทรงจำผุดขึ้นมาเกือบกลายเป็นภาพหลอน จุดชนวนหวาดกลัวให้กลับคืนมาอีกครั้ง

ยิ่งดู...ยิ่งใช่...รุ่งรตีบอกต่อตนเองก่อนจะหันกลับจากภาพภายนอก พบสายตาคุณจิตใสมองมา...รอคอยอยู่แล้ว

คุณป้าคะ รุ่งรตีกำลังนึกคำพูดเพื่อจะบอกความรู้สึกตน...แต่แล้ว

ใกล้ถึงแล้วครับนาย...มีรถยก รถตำรวจอยู่ข้างหน้า เสียงของบุญส่งเรียกความสนใจคนในรถไปยังภาพข้างหน้าแทน

ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร ถนนเป็นทางโค้งเกือบหักศอก ข้างหน้ามีคูน้ำกว้าง ทอดยาวขนานกับถนน เวลานี้มีทั้งรถตำรวจเปิดไฟวาบๆ รถมูลนิธิ รถยกกำลังทำงานขะมักเขม้น ไทยมุงกลุ่มเล็กยืนดู วิพากษ์วิจารณ์กัน

รถสามคันจอดเรียงเป็นแถว พิทักษ์ลงจากรถคนแรก วิ่งตรงไปยังจุดที่กำลังกู้ซาก

คนขับเป็นยังไงบ้าง พิทักษ์ถามตำรวจที่ยืนกำกับดูแล

คุณเป็นอะไรกับเจ้าของรถ ฝ่ายตำรวจย้อนถาม

รถคันนี้เป็นของเมียผม พิทักษ์ตอบ

ตำรวจจ้องหน้าเขานิ่งครู่หนึ่งก่อนตอบ

ประตูรถล็อก งัดออกลำบาก เราไม่กล้าทุบกระจก คิดว่าคนขับไม่น่ารอด ดูจากสภาพแล้วรถน่าจะจมอยู่ในโคลนไม่ต่ำกว่าสี่ห้าชั่วโมง ก็...รอให้เขากู้รถขึ้นมาก่อน น่าจะงัดประตูได้สะดวกกว่านี้

ราม ลักษณ์ สมุทร สุขศจี คุณจิตใสและรุ่งรตีเดินตามมาทันคำพูดตำรวจประโยคที่ว่า คนขับไม่น่ารอด จึงยืนนิ่ง พูดไม่ออก

พิทักษ์ยืนยัน รถคันนี้เป็นของสีดา...ถ้าเช่นนั้น...คนขับจะเป็นใครได้...

เวลาแห่งการรอคอยช่างเนิ่นนาน กว่ารถจะถูกกู้ลากขึ้นมาจอดบนถนนเรียบร้อย สภาพรถภายนอกกันชนหน้า ฝากระโปรงยุบเนื่องจากชนราวกั้นทางโค้งหลุดลงคู ประตูทุกด้านถูกล็อกสนิทต้องใช้ช่างงัด

จากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ได้เห็นร่างอันไร้วิญญาณของสีดา ไหลลงมากองกับพื้นทันทีที่ประตูรถเปิดอ้าออก

เสียงอุทานตกใจดังมาจากคนดูรอบๆ พี่น้องทั้งสี่ถลันเข้าไปหา แต่ช้ากว่าพิทักษ์ที่เข้าไปถึงเมียเขาเป็นคนแรก

ดา... เขาร้องอย่างเสียใจ พร้อมกับเข้าไปจะอุ้มร่างนั้นแต่ถูกตำรวจดึงตัวไว้

ให้เจ้าหน้าที่เขาตรวจเธอก่อนเถอะคุณ เผื่อยังไงอาจยังมีหวัง

เจ้าหน้าที่พยาบาลตรวจร่างกายสีดาตามหน้าที่ ทั้งที่พอจะคาดเดาสภาพได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

เสียชีวิตแล้ว คำพูดตอกย้ำ ยืนยันให้คนฟังฝังแน่น

ตำรวจปล่อยให้สามีผู้ตายเข้าไปหาศพภรรยาโดยไม่ห้ามปราม พี่น้องทั้งสี่ยืนมองใกล้ๆ ความรู้สึกต่อภาพตรงหน้า มันอธิบายไม่ถูก

นอกจากเศร้าเสียใจจากการสูญเสียพี่น้องร่วมสายเลือดแล้ว พวกเขายังนึกสงสัย สีดาตายได้อย่างไร มันแทบไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย

หมวด...พอจะบอกได้มั้ยว่านี่เป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม รามหันไปถามนายตำรวจที่ยืนใกล้ๆ

ตำรวจหนุ่มมองหน้าคนถามแล้วก็พอรู้ว่าเป็นใคร จึงไม่กล้าตอบสุ่มสี่สุ่มห้า

ดูตามรูปการณ์แล้ว อาจจะเป็นอุบัติเหตุครับ แต่ยังไงต้องให้หมอชันสูตรอีกที

งั้นก็ดี ตรวจสอบเก็บหลักฐานทั้งหมดเลยหมวด เสร็จแล้วผมอยากได้ผลชันสูตรศพด้วย

คำพูดของรามได้ยินถึงหูพิทักษ์ เขาเงยหน้าจากศพภรรยา มองพี่เมียด้วยแววตาเข้ม

เฮียราม พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง

หมายความตามที่พูด รามพูดช้า...ชัด กูไม่เชื่อว่าน้องกูจะตายด้วยอุบัติเหตุ

ได้ยินรามพูดอย่างนี้ ทุกคนนิ่งอึ้ง ขณะที่ความเศร้าโศกเสียใจกำลังเกิดขึ้นจากการสูญเสียพี่น้องร่วมสายเลือด แต่แล้ว ทุกคนกลับรู้สึกเหมือนมีเปลวเพลิงปริศนาบางอย่างกำลังลุกโชติช่วงท่ามกลางความเสียใจเหล่านั้น ความร้อนแรงของมัน สามารถแผดเผาน้ำตาให้ระเหยในพริบตา


งานศพสีดาถูกจัดขึ้นอย่างกระชับ รวดเร็ว ไม่มีการทำพิธีใหญ่โตเช่นงานคุณนายพวงทอง ไม่มีการเก็บศพร้อยวันตามธรรมเนียม ทั้งหมดเป็นความต้องการของพิทักษ์ สามีของผู้ล่วงลับ ซึ่งกว่าจะจัดงานตามที่ต้องการได้ ก็ต้องผ่านการปะทะคารมอันดุเดือดกับเหล่าพี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลอย่างหนัก แทบทำให้คนตายอาจรีบฟื้นมาห้ามทัพได้

รามไม่ต้องการให้ทำพิธีศพจนกว่าจะมีการผ่าชันสูตรตรวจสอบเรียบร้อย ระบุได้ว่าการตายของสีดาเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ ทั้งที่ผลชันสูตรขั้นต้นบอกว่าตายด้วยอุบัติเหตุ น้ำท่วมปอดขาดอากาศหายใจ

ไม่มีพี่น้องคนไหนยอมเชื่อ สีดาจะขับรถออกมาในถนนเปลี่ยวจนพลาดขับรถตกคู จมโคลนจมน้ำตาย ตำรวจสอบปากคำทุกคนตั้งแต่พิทักษ์ พี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล ลูกจ้างในบ้านพิทักษ์ คำตอบส่วนใหญ่จะออกมาในแนวเดียวกัน ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่มีแง่มุมใดจะส่อไปในทางเหตุฆาตกรรม

การชันสูตรศพ สอบสวนบุคคลใกล้ชิด ลูกจ้างในบ้าน รวมทั้งหาพยานหลักฐานต่างๆ ดำเนินไปสามสี่วัน ผลออกมาว่าเป็นอุบัติเหตุ พิทักษ์ก็ติดต่อขอรับศพ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา

รามคัดค้าน ต้องการให้ทางนิติเวชผ่าศพพิสูจน์อย่างละเอียดอีกที แต่พิทักษ์ค้านหัวชนฝา

จะผ่าศพทำไมอีกล่ะครับเฮีย ทางนี้ก็ยืนยันแล้วว่าดาตายด้วยอุบัติเหตุ น้ำท่วมปอดขาดอากาศหายใจ เป็นอาการจมน้ำตาย

ถ้ากูจะผ่า แล้วมึงมีปัญหาอะไร ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ รามก็ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับน้องเขยออกหน้าออกตา

ผมอยากจะเผาศพดา วิญญาณเธอจะได้ไปสู่สุคติสักที

จะให้วิญญาณดามันไปสู่สุคติ หรือทำลายหลักฐาน ปล่อยคนร้ายลอยนวลกันแน่

เฮียพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง พิทักษ์ขึ้นเสียงกับพี่เมีย

กูหมายความอย่างที่พูด มีใครเชื่อบ้างวะ ว่าดามันตายด้วยอุบัติเหตุ

หลักฐาน พยาน ผลชันสูตรก็ยืนยันออกทนโท่

ใครเชื่อก็โง่

คนที่ไม่เชื่อนั่นแหละ มีอคติเกินไป

ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง สุดท้ายพิทักษ์ใช้สิทธิสามีตามกฎหมาย นำศพสีดาออกจากโรงพยาบาลเพื่อทำฌาปนกิจสำเร็จ ไม่หวั่นเกรงกับความโกรธเคืองของพี่ชายใหญ่อย่างราม อีกทั้งยังจัดงานรวบรัด กำหนดสวดไม่กี่คืนก็เผา ยิ่งสร้างความบาดหมางกับครอบครัวทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลกว่าเดิม

เขาเป็นผัวตามกฎหมาย เราจะไปทำอะไรเขาได้ล่ะเฮีย สุขศจีพูดให้พี่ชายใหญ่เย็นลง

มันกำเริบเกินไป ไม่เห็นหัวพวกเราอยู่ในสายตาเลย รามแค้นเคือง

จะว่าไป พวกเราก็ไม่ค่อยเห็นมันเป็นน้องเขยอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ลักษณ์พูดตรงไปตรงมา ตอนพวกเขาแต่งงานเราก็ไม่ยอมรับสักคน ขนาดแม่เองยังประกาศตัดแม่ตัดลูก ถึงเวลานี้จะไปพูดอะไรได้

อย่างนั้นก็เถอะ มันน่าจะเห็นแก่หน้าพวกเราบ้าง สมุทรเข้าข้างพี่ชายใหญ่ ถึงเจ้ดาจะไม่ใช้นามสกุลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล แต่คนทั้งเมืองก็รู้ว่าแกลูกใคร เป็นน้องใคร...ไอ้พิทักษ์มันทำแบบนี้เท่ากับหยามหน้าพวกเราชัดๆ

สมุทรไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อพี่เขยคนนี้สักครั้ง

สี่พี่น้องปรับทุกข์กัน ไม่อาจทำอะไรได้ ตลอดงานสวดศพไม่กี่คืน พวกเขาจึงสลับกันไปงานอย่างไม่เต็มใจ และอยู่ในฐานะแขกมากกว่าเจ้าภาพ

การตายของสีดาจะก่อให้เกิดสิ่งใดตามมากันแน่ พี่น้องคนใกล้ชิดมั่นใจ นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ คนก็ตายไปแล้ว ศพก็จะถูกเผา พยานหลักฐานที่จะมาคัดค้านก็ไม่มี

หรือจะให้ปริศนานี้ละลายหายไปกับสายลม

ไม่สิ...ความลับไม่มีในโลก รออีกหน่อยกาลเวลาจะเป็นผู้เปิดเผย...ก่อนทุกอย่างจะกระจ่าง...มีใครรู้บ้าง ผลกระทบจากการตายของทายาทตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลนั้น มันก่อแรงสะท้อนกว้างเพียงใด


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP