ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา

[๗] ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรไปในที่สงัดหลีกเร้นอยู่ ได้มีความปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า
พรหมจรรย์ (พระศาสนา) ของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระองค์ไหนไม่ดำรงอยู่นาน ของพระองค์ไหนดำรงอยู่นาน
ดังนี้ ครั้นเวลาสายัณห์ ท่านออกจากที่หลีกเร้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่า
พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าไปในที่ลับหลีกเร้นอยู่ ณ ตำบลนี้
ได้มีความปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า
พรหมจรรย์ (พระศาสนา) ของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระองค์ไหนไม่ดำรงอยู่นาน ของพระองค์ไหนดำรงอยู่นาน.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า สารีบุตร พรหมจรรย์ (พระศาสนา) ของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี พระนามว่าสิขี และพระนามว่าเวสสภู ไม่ดำรงอยู่นาน
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ พระนามว่าโกนาคมนะ และ
พระนามว่ากัสสปะ ดำรงอยู่นาน.

ส. อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พรหมจรรย์ (พระศาสนา) ของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี พระนามว่าสิขี และพระนามว่าเวสสภู
ไม่ดำรงอยู่นาน พระพุทธเจ้าข้า.

ภ. สารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี พระนามว่าสิขี
และพระนามว่าเวสสภู ไม่ทรงขวนขวายเพื่อจะแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย
อนึ่ง สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้ง ๓ พระองค์นั้นมีน้อย สิกขาบทก็มิได้ทรงบัญญัติ
ปาฏิโมกข์ก็มิได้ทรงแสดงแก่สาวก เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น
เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน
จึงยังพรหมจรรย์ (พระศาสนา) นั้นให้อันตรธานโดยฉับพลัน
สารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บนพื้นกระดาน ยังไม่ได้ร้อยด้วยด้าย
ลมย่อมกระจาย ขจัด กำจัดซึ่งดอกไม้เหล่านั้นได้ ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร
เพราะเขาไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ฉันใด เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น
เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน
จึงยังพรหมจรรย์ (พระศาสนา) นั้นให้อันตรธานโดยฉับพลันฉันนั้นเหมือนกัน
เพราะพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้นไม่ทรงขวนขวาย
เพื่อจะทรงกำหนดจิตของสาวกด้วยพระหฤทัย แล้วทรงสั่งสอนสาวก.

สารีบุตร เรื่องเคยมีมาแล้ว พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภู
ทรงกำหนดจิตภิกษุสงฆ์ด้วยพระหฤทัยแล้วทรงสั่งสอน พร่ำสอน
ภิกษุสงฆ์ประมาณ ๑,๐๐๐ รูป ในไพรสณฑ์อันน่าสะพรึงกลัวแห่งหนึ่งว่า
พวกเธอจงตรึกอย่างนี้ อย่าได้ตรึกอย่างนั้น จงทำในใจอย่างนี้ อย่าได้ทำในใจอย่างนั้น
จงละส่วนนี้ จงเข้าถึงส่วนนี้อยู่เถิด
ลำดับนั้นแล จิตของภิกษุประมาณ ๑,๐๐๐ รูปนั้น
อันพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภูทรงสั่งสอนอยู่อย่างนั้น
ทรงพร่ำสอนอยู่อย่างนั้น ได้หลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น
ในเพราะความที่ไพรสณฑ์อันน่าสะพรึงกลัวนั้นซิ เป็นถิ่นที่น่าสยดสยอง
จึงมีคำนี้ว่า ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งยังไม่ปราศจากราคะ เข้าไปสู่ไพรสณฑ์นั้น โดยมากโลมชาติย่อมชูชัน.

สารีบุตร อันนี้แลเป็นเหตุ อันนี้แลเป็นปัจจัย ให้พรหมจรรย์ (พระศาสนา) ของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี พระนามว่าสิขี และพระนามว่าเวสสภู ไม่ดำรงอยู่นาน.

ส. อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พรหมจรรย์ (พระศาสนา) ของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ พระนามว่าโกนาคมนะ และพระนามว่ากัสสปะ
ดำรงอยู่นาน พระพุทธเจ้าข้า.

ภ. สารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ พระนามว่าโกนาคมนะ
และพระนามว่ากัสสปะ มิได้ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย
อนึ่ง สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้ง ๓ พระองค์นั้นมีมาก สิกขาบทก็ทรงบัญญัติ
ปาฏิโมกข์ก็ทรงแสดงแก่สาวก เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น
เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน
จึงดำรงพรหมจรรย์ (พระศาสนา) นั้นไว้ได้ตลอดระยะกาลยืนนาน
สารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บนพื้นกระดาน ร้อยดีแล้วด้วยด้าย
ลมย่อมกระจายไม่ได้ ขจัดไม่ได้ กำจัดไม่ได้ซึ่งดอกไม้เหล่านั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะเขาร้อยดีแล้วด้วยด้าย ฉันใด เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น
เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน
จึงดำรงพรหมจรรย์ (พระศาสนา) นั้นไว้ได้ตลอดระยะกาลยืนนาน ฉันนั้นเหมือนกัน.

สารีบุตร อันนี้แลเป็นเหตุ อันนี้แลเป็นปัจจัย ให้พรหมจรรย์ (พระศาสนา) ของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ พระนามว่าโกนาคมนะ และพระนามว่ากัสสปะ ดำรงอยู่นาน.



ปรารภเหตุให้ทรงบัญญัติสิกขาบท

[๘] ลำดับนั้นแล ท่านพระสารีบุตรลุกจากอาสนะ ทำผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง
ประนมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วกราบทูลว่า
ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ข้าแต่พระสุคต ถึงเวลาแล้ว ที่จะทรงบัญญัติสิกขาบท
ที่จะทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก อันจะเป็นเหตุให้พรหมจรรย์ (พระศาสนา) นี้
ยั่งยืนดำรงอยู่ได้นาน.


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เธอจงรอก่อน สารีบุตร เธอจงรอก่อน สารีบุตร
ตถาคตเทียวจักรู้กาลในกรณีย์นั้น พระศาสดายังไม่บัญญัติสิกขาบท
ยังไม่แสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก ตลอดเวลาที่ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะบางเหล่า
ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ ต่อเมื่อใดอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า
ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท
แสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ
อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่ายังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
ตลอดเวลาที่สงฆ์ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยภิกษุผู้บวชนาน
ต่อเมื่อใด สงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยภิกษุผู้บวชนานแล้ว
และอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่าย่อมปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท แสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก

เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ
อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่ายังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
ตลอดเวลาที่สงฆ์ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยแพร่หลาย
ต่อเมื่อใด สงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยแพร่หลายแล้ว
และอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่าย่อมปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท แสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก
เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ
อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
ตลอดเวลาที่สงฆ์ไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่เลิศโดยลาภ
ต่อเมื่อใดสงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่เลิศโดยลาภแล้ว
และอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่าย่อมปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท แสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก
เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ
(อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
ตลอดเวลาที่สงฆ์ไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยพาหุสัจจะ
ต่อเมื่อใดสงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยพาหุสัจจะแล้ว
และอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่าย่อมปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้
เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท แสดงปาฏิโมกข์แก่สาวก
เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ)
สารีบุตร ก็ภิกษุสงฆ์ไม่มีเสนียด ไม่มีโทษ ปราศจากมัวหมอง บริสุทธิ์ผุดผ่อง
ตั้งอยู่ในสารคุณ เพราะบรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้
ภิกษุที่ทรงคุณธรรมอย่างต่ำ ก็เป็นโสดาบัน
มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง เป็นผู้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.


(เวรัญชกัณฑ์ พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๑)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP