ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

นีวรณปหานวรรคที่ ๒ ว่าด้วยการละนิวรณ์


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา

ว่าด้วยเหตุเกิดแห่งนิวรณ์ ๕
[๑๒] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกามฉันท์ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์แห่งกามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังสุภนิมิต (นิมิตงามคืออารมณ์ชวนกำหนัด) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายซึ่งสุภนิมิต
กามฉันท์ที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นด้วย
กามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ด้วย.

[๑๓] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งพยาบาทที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์แห่งพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังปฏิฆนิมิต (นิมิตกระทบใจคืออารมณ์ชวนขัดเคือง) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายซึ่งปฏิฆนิมิต
พยาบาทที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นด้วย
พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ด้วย.

[๑๔] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งถีนมิทธะที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์แห่งถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังความไม่ยินดี (ในอธิกุศล) ความง่วงงุน ความบิดกาย (ด้วยความเกียจคร้าน)
ความเมาอาหาร และความย่อหย่อนแห่งจิตนี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีจิตย่อหย่อนแล้ว
ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นด้วย
ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ด้วย.

[๑๕] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งอุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์แห่งอุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดแล้วก็ดี
เหมือนดังความไม่เข้าไปสงบจิต (ด้วยสมถะและวิปัสสนา) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีจิตไม่เข้าไปสงบแล้ว
อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ด้วย.

[๑๖] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งวิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์แห่งวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังอโยนิโสมนสิการ (ความทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย คือคิดไม่ถูกทาง) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย
วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้นด้วย
วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ด้วย.

ว่าด้วยเหตุไม่ให้นิวรณ์ เกิดขึ้น
[๑๗] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่งกามฉันท์ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งกามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังอสุภนิมิต (นิมิตไม่งาม) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำไว้ในใจโดยแยบคายซึ่งอสุภนิมิต
กามฉันท์ที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย
กามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย.

[๑๘] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่งพยาบาทที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี เหมือนดังเมตตาเจโตวิมุตตินี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำไว้ในใจโดยแยบคายซึ่งเมตตาเจโตวิมุตติ
พยาบาทที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย
พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย.

[๑๙] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่งถีนมิทธะที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังอารัมภธาตุ (ธาตุคือความเพียรริเริ่ม) นิกกมธาตุ (ธาตุคือความเพียรพยายาม)
ปรักกมธาตุ (ธาตุคือความเพียรบากบั่น) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีความเพียรอันเริ่มแล้ว
ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย
ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย.

[๒๐] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่งอุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งอุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังความเข้าไปสงบจิต (ด้วยสมถะและวิปัสสนา) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีจิตเข้าไปสงบแล้ว
อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย.

[๒๑] ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่งวิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ดี
เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี
เหมือนดังโยนิโสมนสิการ (ความทำไว้ในใจโดยแยบคาย) นี้เลย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำไว้ในใจโดยแยบคาย
วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิดขึ้นย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย
วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย.

นีวรณปหานวรรคที่ ๒ จบ


(นีวรณปหานวรรคที่ ๒ เอกธัมมาทิบาลี
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๒)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP