จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

เล่าเรื่องปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายนที่ผ่านมา ผมได้พาญาติ ๓ ท่านไปทำบุญที่เชียงใหม่
โดยตั้งใจว่าจะไปนมัสการหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ที่วัดอรัญญวิเวกนะครับ
เมื่อไปถึงที่วัดแล้ว ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านไม่อยู่ โดยท่านเดินทางไปที่อื่น
เราก็ถวายผ้าไตรและสิ่งของอื่น ๆ แก่พระภิกษุรูปอื่นที่วัด และขอหนังสือธรรมะกลับมาอ่าน
จากนั้น ก็ไปไหว้พระประธานที่อุโบสถ ได้พบญาติธรรมกลุ่มหนึ่งนำพัดลมจำนวนมากมาถวายวัด
พอเห็นแล้ว ผมก็อนุโมทนาด้วยทันที แต่ก็ไม่ได้อยู่รอร่วมถวายกับพวกเขานะครับ
เพราะมีโปรแกรมต้องไปที่อื่นต่อ จากนั้น พวกผมก็เดินทางออกจากวัดครับ

ตามโปรแกรมที่วางไว้แต่เดิมนั้น ผมนัดว่าจะพาญาติทั้ง ๓ ท่านเดินทางไป
กราบไหว้พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริบนดอยอินทนนท์
แต่แล้วผมก็เปลี่ยนใจโดยขอเปลี่ยนโปรแกรมกะทันหัน โดยบอกญาติทั้ง ๓ ท่านว่า
ผมจะพาไปกราบไหว้พระพุทธบาทสี่รอยที่วัดพระพุทธบาทสี่รอยดีกว่า
(โดยขณะนั้นก็คิดว่า รอไว้ไปดอยอินทนนท์ในวันหลังก็ได้
แต่วันนี้ไปพระพุทธบาทสี่รอยก่อนดีกว่า เพราะว่าเดินทางไปยากกว่า
และก็อยู่ในเส้นทางที่ใกล้กับวัดอรัญญวิเวกมากกว่าด้วย)

บางท่านอาจจะไม่รู้จักพระพุทธบาทสี่รอยว่าคืออะไรนะครับ
ผมขออนุญาตข้ามไปก่อนในตอนนี้นะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังในตอนหน้า
โดยในตอนนี้ขอเล่าเรื่องปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ก่อนครับ

ผมเดินทางไปถึงวัดพระพุทธบาทสี่รอยตอนเกือบ ๑๑ โมงเช้า
โดยก็พาญาติทั้ง ๓ ท่านไปทำบุญและกราบไหว้พระประธานในอุโบสถเป็นลำดับแรก
พร้อมกับเตรียมของไปถวายสังฆทานด้วย
พอเข้าไปในอุโบสถก็พบว่าไม่มีพระภิกษุสงฆ์ แต่เห็นมีญาติธรรมชุดขาวกลุ่มหนึ่งนั่งสมาธิอยู่
และมีของเตรียมถวายรออยู่ โดยมีต้นไม้ในกระถางวางอยู่ต้นหนึ่งด้วย
ผมก็พาญาติทั้ง ๓ ท่านกราบไหว้พระพุทธรูป นำปัจจัยใส่ตู้ทำบุญ และปิดทองลูกนิมิต
ระหว่างนั้นเอง ท่านเจ้าอาวาสก็เดินเข้ามาในอุโบสถ เพื่อรับถวายสังฆทาน

ญาติธรรมชุดขาวกลุ่มนั้นก็เข้าไปนั่งด้านหน้าเตรียมถวายสังฆทาน
ผมและญาติ ๓ ท่านก็ไปนั่งด้านหลัง เพื่อเตรียมถวายของที่พวกผมเตรียมมาด้วย
มีญาติธรรมชุดขาวตัวแทนท่านหนึ่งเข้าไปเรียนท่านเจ้าอาวาสว่า
ได้นำต้นพระศรีมหาโพธิ์มาถวาย โดยขออนุญาตปลูกในบริเวณวัดพระพุทธบาทสี่รอยนี้

ผมขอหยุดชั่วคราวไว้ตรงขณะที่กำลังถวายสังฆทานนี้
แล้วขอย้ายมาเล่าเรื่องต้นพระศรีมหาโพธิ์ก่อนนะครับ
เผื่อว่าบางท่านอาจจะไม่ทราบว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์คืออะไร
“ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ก็คือต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าท่านประทับในเวลาที่ท่านได้ตรัสรู้
ซึ่งปัจจุบันนี้สถานที่ตั้งของต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้อยู่ในเขตประเทศอินเดียที่เรียกว่าพุทธคยา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ตั้งอยู่ในพุทธคยานี้ ไม่ใช่ต้นแรก แต่เป็นต้นที่ ๔ แล้วครับ
โดยขออธิบายย่อ ๆ ดังนี้ว่า ในระหว่างรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ. ๒๑๘ - พ.ศ. ๒๖๐)
พระเจ้าอโศกมีศรัทธานับถือในพระพุทธศาสนาและได้หมั่นเสด็จไปนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์
จนกระทั่งพระมเหสีองค์ใหม่มีใจอิจฉาริษยา จึงใช้ให้คนไปวางยาพิษเพื่อทำลายต้นพระศรีมหาโพธิ์

หลังจากวางยาพิษมาเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ในปีที่ ๓๗ แห่งรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ก็ล้มลง ซึ่งเมื่อพระเจ้าอโศกได้เห็นดังนั้นแล้วก็ตกพระทัยมาก
จนกระทั่งเป็นลมล้มลง หลังจากฟื้นแล้ว ก็ทรงเสียพระทัยมาก
เพราะเข้าใจว่าเป็นความผิดของตนที่ได้สร้างบาปกรรมก่อสงครามเข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย
เมื่อตนเองได้มานมัสการและปฏิบัติธรรมภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
จึงเป็นเหตุให้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้นล้มลง เมื่อทรงเสียพระทัยดังนั้นแล้วก็ล้มป่วยหนัก
พระมเหสีองค์ใหม่เห็นว่าผิดแผน ตอนแรกนึกว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์ล้มลงแล้ว
จะทำให้พระเจ้าอโศกหันมาสนใจตนเองมากขึ้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
โดยกลับทำให้พระเจ้าอโศกล้มป่วยหนัก และอาจจะถึงสวรรคตเสียด้วย
จึงได้ไปสารภาพกับพระเจ้าอโศกว่าตนเองเป็นผู้ใช้คนอื่นไปทำลายต้นพระศรีมหาโพธิ์
พระเจ้าอโศกได้ทราบดังนั้นแล้ว ก็ทรงมีกำลังใจดีขึ้น
จึงได้รับสั่งให้นำนมโค ๑๐๐ หม้อมารดที่บริเวณรากของต้นพระศรีมหาโพธิ์
พร้อมทั้งกราบสักการะและอธิษฐานต่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ว่า
หากต้นพระศรีมหาโพธิ์ไม่แตกหน่อขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็จะไม่ยอมลุกขึ้นจากพื้นดินเป็นอันขาด
จากนั้น พระองค์ก็ทอดพระวรกายลงอยู่กับพื้นดินในบริเวณนั้น
โดยพร้อมที่จะยอมสละชีวิตพระองค์ หากต้นพระศรีมหาโพธิ์ไม่แตกหน่อขึ้นมา
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต้นพระศรีมหาโพธิ์จึงได้แตกหน่อออกมาที่รากเดิม
โดยถือว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่แตกหน่อออกมานี้ เป็นต้นที่สองนะครับ

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สองนี้ได้ดำรงอยู่จนถึงปี พ.ศ. ๑๑๐๐
ก็ถูกกษัตริย์ชาวฮินดูจากแคว้นเบงกอลส่งกองทัพมาทำลายวัดวาอารามและต้นพระศรีมหาโพธิ์
โดยเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แตกหน่อออกมาอีก
กษัตริย์ฮินดูได้ให้ทหารฟันลำต้นลงมาก่อน แล้วขุดรากขึ้นทิ้ง พร้อมกับเอาไฟเผา
เพื่อไม่ให้เหลือเชื้อพันธุ์ไว้ปลูกได้อีกในอนาคต
แต่เผอิญว่ายังขุดปลายรากแก้วทิ้งไม่หมด โดยยังเหลือติดในดินอยู่

หลังจากที่กองทัพจากเบงกอลเดินทางกลับไปแล้ว
พระเจ้าปูรณวรมันซึ่งเป็นกษัตริย์ในราชวงศ์ของพระเจ้าอโศกที่ครองแคว้นมคธ
ได้เดินทางมาถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์ทรงเศร้าโศกเสียพระทัยมาก
พระองค์จึงได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระเจ้าอโศก
โดยได้สั่งให้จัดการบำรุงรากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เหลืออยู่
และให้ใช้น้ำนมจากแม่โค ๑,๐๐๐ ตัวรดให้ชุ่มอยู่เสมอ
พร้อมทั้งทอดพระวรกายลงกับพื้น และอธิษฐานว่า
หากต้นพระศรีมหาโพธิ์ไม่แตกหน่อขึ้นมาแล้ว พระองค์จะไม่ลุกขึ้นจากพื้นดินแห่งนี้เป็นอันขาด
โดยพร้อมที่จะยอมสละชีวิตพระองค์เองเช่นเดียวกับพระเจ้าอโศกมหาราช
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต้นพระศรีมหาโพธิ์จึงได้แตกหน่อออกมาจากรากเดิม
โดยถือว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่แตกหน่อออกมานี้ ถือเป็นต้นที่สาม
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สามนี้หมดอายุขัยตามธรรมชาติเมื่อมีอายุผ่านไปได้หนึ่งพันสองร้อยกว่าปี

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สี่นี้ได้ทำการปลูกโดยนายพลเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม
(ซึ่งเป็นนักโบราณคดีชาวอังกฤษ) ในระหว่างที่ประเทศอังกฤษได้ปกครองประเทศอินเดียอยู่
โดยได้พบหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิม ๒ หน่อ สูง ๖ นิ้ว และ ๔ นิ้ว
ท่านเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮมจึงได้นำหน่อต้นสูง ๖ นิ้วปลูกลงที่เดิม
และนำหน่อสูง ๔ นิ้วไปปลูกทางทิศเหนือห่างจากต้นเดิมประมาณ ๕๐ เมตร

ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นคำอธิบายโดยย่อเกี่ยวกับต้นพระศรีมหาโพธิ์นะครับ
ผมขอตัดเรื่องกลับมาขณะที่กลุ่มญาติธรรมชุดขาวกำลังถวายสังฆทาน
โดยในสังฆทานนั้นมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ด้วย และขออนุญาตปลูกในวัดด้วย
ตัวแทนกลุ่มญาติธรรมชุดขาวได้ถวายภาพถ่ายให้ท่านเจ้าอาวาส
ซึ่งเป็นภาพในช่วงที่ได้หน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อินเดีย และได้นำมาเพาะปลูกขยายพันธุ์
โดยได้แสดงภาพแต่ละขั้นตอน เรื่อยมาจนถึงมาเป็นต้นที่กำลังจะถวายนี้
หลังจากถวายภาพและอธิบายเสร็จ กลุ่มญาติธรรมชุดขาวก็ได้นำปัจจัยใส่ซอง
เพื่อรวมถวายเป็นสังฆทานด้วย โดยผมและญาติทั้งสามท่านก็ได้ร่วมทำบุญใส่ซองด้วย

077_destination01

(ภาพที่ ๑ ระหว่างถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์ และสังฆทาน
จะเห็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ตั้งอยู่ในถุงหน้าโต๊ะนะครับ)

จากนั้นก็กล่าวคำถวายสังฆทาน ทำการประเคนถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์
พร้อมทั้งของสังฆทานอื่น ๆ แล้วท่านเจ้าอาวาสก็กล่าวและสวดให้พร
เสร็จจากนั้นแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการนำต้นพระศรีมหาโพธิ์ไปปลูกลงดิน
โดยกลุ่มญาติธรรมชุดขาวได้ขุดหลุมรอไว้แล้ว ๒ หลุมตั้งแต่เช้า เพื่อให้เจ้าอาวาสได้เลือก
แต่ท่านเจ้าอาวาสได้แนะนำให้เปลี่ยนไปปลูกทางทิศอื่น
เพราะตรงบริเวณที่ขุดสองหลุมแรกนั้น อาจจะมีการก่อสร้างอื่น ๆ เพิ่มเติมได้
จึงต้องขุดหลุมใหม่ โดยท่านได้พาไปชี้บริเวณให้ปลูก โดยเป็นบริเวณปลอดการก่อสร้างในอนาคต
โดยกลุ่มญาติธรรมชุดขาวได้ชักชวนให้พวกผมไปช่วยปลูกด้วยนะครับ
เพราะบอกว่าต้องมีบุญร่วมกันแน่ ๆ ซึ่งญาติธรรมชุดขาวท่านหนึ่งบอกผมว่า
มารอตั้งแต่แปดโมงเช้าแล้ว และจริง ๆ แล้วควรจะปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์เสร็จตั้งแต่ก่อนสิบโมง
แต่ท่านเจ้าอาวาสติดภาระงานอื่น เพิ่งจะมารับถวายได้ตอนสิบเอ็ดโมง
หลังจากที่พวกผมเข้ามาในอุโบสถไม่นานนี้เอง แสดงว่ามีเหตุจะต้องได้ทำบุญร่วมกัน

หลังจากทราบบริเวณที่จะปลูกแน่นอนแล้ว ทุกคนก็มาช่วยผลัดกันขุดหลุมนะครับ
โดยระหว่างที่ขุดนั้น มีต้นไม้ใกล้ ๆ ยื่นกิ่งหลายกิ่งมาเบียดทำให้ขุดลำบาก
ผมจึงไปยืนช่วยจับกิ่งไม้หลายกิ่งรวบไว้ด้วยกันแล้วก็ยืนจับไว้
ญาติธรรมชุดขาวท่านเดิมเล่าให้ฟังว่า
หัวหน้าคณะของกลุ่มได้เดินทางไปประเทศอินเดีย เพื่อนมัสการสังเวชนียสถาน
และได้อธิษฐานว่าจะขอต้นพระศรีมหาโพธิ์มาปลูก
ซึ่งก็มีโอกาสได้หน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์มาจริง ๆ จึงได้นำกลับมาเพาะเป็นหลายต้น
โดยมีโครงการว่าจะนำไปปลูกถวายวัด ๘๐ วัดทั่วประเทศไทย
ขณะที่มาพบผมที่วัดพระพุทธบาทสี่รอยนี้ ทางคณะได้ถวายและปลูกไป ๔๐ กว่าวัดแล้ว
(พึงอนุโมทนานะครับ อนึ่ง ทุกท่านในกลุ่มนี้ได้รู้จักกัลยาณมิตร จึงมีโอกาสเช่นนี้)

077_destination02

(ภาพที่ ๒ ระหว่างขุดหลุม)

ตอนที่กลุ่มญาติธรรมชุดขาวปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ถวายวัดก่อนที่จะมาวัดพระพุทธบาทสี่รอย
ท่านเจ้าอาวาสในวัดดังกล่าวได้มาปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ด้วยตนเอง
พร้อมกับมอบพระใส่ไหมาหนึ่งไห (เป็นพระใหม่นะครับ ไม่ใช่พระเก่าหรือพระกรุอะไร)
เพื่อให้ทางคณะญาติธรรมชุดขาวนำมาปลูกลงใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่จะปลูกในวัดต่อไป
(ทำนองว่าหากเวลาผ่านไปร้อยปี พระในไหดังกล่าวก็เป็นกรุพระครับ)
ซึ่งหลังจากที่เราขุดหลุมเสร็จแล้ว ก็นำไหพระวางลงในหลุม แล้วกลบด้วยดินปลูกต้นไม้

077_destination03

(ภาพที่ ๓ นำไหพระวางลงในหลุม)

077_destination04

(ภาพที่ ๔ เทกลบด้วยดินปลูกต้นไม้)

จากนั้น กลุ่มญาติธรรมชุดขาวก็บอกให้ผมไปนิมนต์ท่านเจ้าอาวาสมาปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์
ผมจึงเดินกลับไปที่อุโบสถเพื่อนิมนต์ท่านเจ้าอาวาส
ซึ่งปรากฏว่าท่านเจ้าอาวาสท่านกำลังติดธุระกับโยมอีกกลุ่มหนึ่ง
ท่านจึงบอกว่าให้คณะปลูกกันเองได้เลย โดยท่านจะอธิษฐานจิตในพวงมาลัยให้ไปวางก่อน

077_destination05

(ภาพที่ ๕ ท่านเจ้าอาวาสอธิษฐานจิตในพวงมาลัย)

จากนั้น ผมก็รับพวงมาลัยมาจากท่านเจ้าอาวาสแล้วเดินกลับมา
มอบให้กับกลุ่มญาติธรรมชุดขาว ซึ่งเขาก็นำพวกมาลัยไปวางไว้บนดินเหนือไหพระก่อน

077_destination06

(ภาพที่ ๖ นำพวงมาลัยวางไว้บนดินเหนือไหพระ)

หลังจากนั้นก็นำต้นพระศรีมหาโพธิ์ลงปลูก แล้วเอาดินกลบรอบ ๆ
แล้วก็นำหญ้าคา (ไม่แน่ใจว่าหญ้าอะไร) มามัดและวางไว้รอบ ๆ ต้นพระศรีมหาโพธิ์
นำดอกไม้ของหอมมาโรย จากนั้นก็นำน้ำนมโค (ยูเอชที) ๖ กล่องมารดให้ชุ่ม
(การนำน้ำนมโคมารดให้ชุ่มนี้ก็เหมือนในสมัยพระเจ้าอโศกและพระเจ้าปูรณวรมันที่เล่าข้างต้น)
แล้วก็ตามรดน้ำด้วยน้ำเปล่า ท้ายสุดก็สวดมนต์เพื่อสักการะ เป็นอันเสร็จพิธี

077_destination07

(ภาพที่ ๗ นำต้นพระศรีมหาโพธิ์ลงปลูกพร้อมกับนำดินกลบรอบ ๆ
ที่เห็นในภาพสีเหลือง ๆ แดง ๆ นั้นคือ ดอกไม้ของหอม)

077_destination08

(ภาพที่ ๘ นำหญ้าคา (ไม่แน่ใจว่าหญ้าอะไร) มามัดและวางไว้รอบ ๆ)

077_destination09

(ภาพที่ ๙ นำดอกไม้ของหอมมาโรย)

077_destination10

(ภาพที่ ๑๐ นำน้ำนมโค (ยูเอชที) มารดให้ชุ่ม)

077_destination11

(ภาพที่ ๑๑ รดด้วยน้ำเปล่าจากขวดน้ำหลายขวด)

077_destination12

(ภาพที่ ๑๒ สวดมนต์เพื่อสักการะเป็นขั้นตอนสุดท้าย)

077_destination13

(ภาพที่ ๑๓ ปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ)

ผมเข้าใจว่าท่านผู้อ่านอาจจะเคยเห็นภาพพิธีการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ของบางวัดนะครับ
แต่อาจจะไม่เคยเห็นภาพของคณะญาติโยมที่ปลูกกันเอง
ผมจึงนำภาพเหตุการณ์มาฝาก และเพื่อท่านอาจจะได้อนุโมทนากันครับ
บางท่านอาจจะบอกว่า “ดีจังเลย อยากจะมีโอกาสปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดบ้างจัง”
ผมขออนุญาตแนะนำดังนี้นะครับ
เราคงทราบว่าการสร้างกุศลนั้นแบ่งเป็น ๓ ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ทาน ศีล และภาวนา
เราลองพิจารณาว่าการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดถือเป็นการสร้างกุศลแบบไหน
เราจะเห็นได้ว่าโดยหลักของกิจกรรมแล้ว การปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ถือเป็นการถวายทาน
แต่หากมองให้ละเอียดแล้ว จะเห็นได้ว่าในระหว่างที่ปลูกนั้น เราไม่ได้ไปทำผิดศีลอะไร
หากเราระลึกใจและตั้งใจจะรักษาศีล ก็เป็นการถือศีลได้
หรือในระหว่างที่ปลูกนั้น หากเราภาวนาเป็น เราก็สามารถภาวนาไปด้วยพร้อมกันได้
แต่หากถามผมนะ ก็มองว่าโดยหลักของกิจกรรมแล้ว ก็ถือเป็นการถวายทานมากกว่า

การปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ถือเป็นทานประเภทไหน หากจะพิจารณาแล้ว
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชาวพุทธระลึกถึงพระพุทธเจ้า
ดังนั้น การปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ก็เทียบได้ใกล้เคียงกับการถวายพระพุทธรูป
ซึ่งหากเราปลูกเพื่อประโยชน์โดยรวมแห่งพระพุทธศาสนา
ก็ย่อมจะถือเป็นสังฆทานได้เสมือนกับว่าเราสร้างหรือถวายพระพุทธรูปเพื่อ
ประโยชน์โดยรวมแห่งพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน
อย่างเช่น เวลาที่เราไปทำบุญที่วัด และได้ซื้อสังฆทานถังจากวัดที่มีพระพุทธรูปด้วย
ในเวลาที่เราถวายนั้น ก็ถือเสมือนกับว่า เราได้ถวายสิ่งที่ช่วยให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเช่นกัน
เพียงแต่ว่าเราพึงทำจิตใจให้มีคุณภาพพอ และระลึกใจให้ถูกต้อง ก็จะได้บุญกุศลทำนองเดียวกัน
ที่สำคัญก็คือ หากท่านได้ถือศีล และภาวนาอยู่แล้ว
การถือศีลและภาวนาถือเป็นบุญกุศลที่ประณีตยิ่งกว่าทานเสียอีกครับ

หากบางท่านจะบอกว่าสร้างและถวายพระพุทธรูปเป็นเรื่องยาก และเกินกำลัง
ผมแนะนำว่าแค่เพียงเรานำปัจจัยหยอดเงินลงตู้สร้างพระพุทธรูปในวัด
หรือนำปัจจัยใส่ซองผ้าป่าหรือซองกฐินสร้างพระ ก็ถือเป็นการร่วมสร้างและถวายพระพุทธรูปแล้ว
โดยก็ถือเป็นทานในทำนองเดียวกับการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้แหละครับ
เพียงแต่ว่าเราพึงทำจิตใจให้มีคุณภาพพอ และระลึกใจให้ถูกต้องเท่านั้น

(ผมยังค้างเรื่องพระพุทธบาทสี่รอยอยู่นะครับ โดยจะมาเล่าต่อในฉบับหน้าครับ)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP