โหรา (ไม่) คาใจ Astro FAQ

อุทาหรณ์ก่อนตกงาน


Aims Astro

ถาม – ดิฉันเพิ่งหางานใหม่ได้หลังจากที่ตกงานอยู่ครึ่งปี ตอนนั้นที่ลาออกเพราะทะเลาะกับเจ้านาย โชคยังดีที่มีญาติพี่น้องหยิบยื่นความช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นคงลำบากมากเพราะไม่เคยเตรียมตัว เตรียมใจที่จะว่างงานมาก่อน เนื่องจากบริษัทเดิมที่เคยทำงานมาร่วม ๑๐ ปีนั้นมั่นคงมาก เลยอยากให้ช่วยเขียนคำแนะนำดีๆ สำหรับคนที่อาจจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ค่ะ

ช่วงที่ผ่านมานี้มีลูกค้าหลายท่านประสบปัญหาเรื่องงานค่ะ ทั้งจากเนื้องานเองที่อาจจะไม่ตรงตามความถนัด ปัญหาเรื่องผู้คนในที่ทำงาน บางรายบริษัทกำลังจะปิดตัวลงจึงจะต้องถูกเลิกจ้าง (ซึ่งแน่นอนว่าย่อมจะได้เงินชดเชยตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าตกงานนานๆ ก็อาจจะลำบากได้เหมือนกัน) บางรายหนักยิ่งกว่านั้นคือมีความกดดันจากปัจจัยต่างๆ จนทนอยู่ไม่ได้ ต้องลาออกไปเอง เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้าลูกเดียวเลยค่ะ

ข้อมูลที่ลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ทำงานกินเงินเดือนบอกเล่าไว้ก็คือ ตั้งแต่ตอนเริ่มหางานก็เลือกเฟ้นบริษัทที่มั่นคง แล้วก็มีความเชื่อมั่นในความถาวรคงทนของหน่วยงานมาตลอดค่ะ บางคนทำงานมานานปี แต่พอเกิดปัญหาบางอย่างเข้าก็ทำให้ต้องตัดสินใจลาออก ดังกรณีของคุณมัลคอล์ม (นามสมมติ) ลูกค้าชายซึ่งประสบปัญหานี้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของตนเอง แต่ด้วยสภาวะในที่ทำงานที่เกิดขึ้นทำให้คิดว่าทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว จนต้องตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่เคยทำอยู่ถึงสิบกว่าปี

ในวันที่สนทนากันนั้นคุณมัลคอล์มมีความเครียดสูงมาก แต่เมื่อตรวจดวงแล้วก็เห็นว่าไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะพื้นดวงนั้นดีอยู่แล้ว เรียกว่าเติบโตและใช้ชีวิตมาอย่างสบายๆ ก่อนหน้านี้ถึงหน้าที่การงานจะไม่ค่อยโดดเด่น แต่ก็ราบรื่น ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็ดูจะเป็นไปด้วยดี ตัวคุณมัลคอล์มเองก็เคยช่วยเหลือผู้อื่นด้วยน้ำใจจริงๆ เมื่อตรวจดวงแล้วคิดว่าการออกจากงานคราวนี้จะเป็นผลดีในอนาคตเสียด้วยซ้ำ เพราะการเงินในช่วงปีหน้ามีแนวโน้มที่จะดีขึ้น ถ้ายังทำงานที่เก่าก็อาจจะไม่ได้รายได้ที่ดีกว่าเดิมสักเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความเข้าใจว่าคุณลูกค้านั้นไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญปัญหานี้ เลยออกจะเป็นทุกข์อยู่มากดังนั้นหลังจากที่ปลอบ (และขู่ไม่ให้ลูกค้าคิดสั้นฆ่าตัวตาย - -‘’) อีกทั้งให้ข้อมูลต่างๆ ตามที่อ่านดวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวก็ดูมีน้ำเสียงที่ดีขึ้น แต่ก็ยังกังวลอยู่ดีเพราะมีครอบครัวที่ต้องดูแล

เนื่องจากเห็นว่าเป็นวาระเหมาะสมที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ดิฉันจึงบอกคุณมัลคอล์มไปว่าอันที่จริงการที่จะต้องตกงานคราวนี้มันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เพราะทำให้คุณได้ทบทวนตัวเอง ที่ผ่านมาอาจจะลืมไปว่าโลกนี้มันไม่แน่นอน ไม่ได้วางแผนเผื่อวันที่จะเจอวิกฤตการณ์ พอมีเหตุให้ต้องออกจากงานเข้าโดยไม่คาดฝัน ก็เลยเครียดมาก ฉะนั้นต่อแต่นี้ไปต้องปฏิรูปชีวิตบางส่วนเสียใหม่ให้มีความพร้อมในการที่จะตกงานได้ทุกเมื่อ จะได้ไม่ทุกข์สาหัสอย่างที่ประสบอยู่ค่ะ

ในประเด็นตรงนี้ก็อยากเล่าสู่กันฟังว่ามีหลายคนที่ประสบปัญหามากเมื่อต้องตกงาน บางคนไม่มีงานร่วมปี ไร้คนพึ่งพา แถมบางทีชีวิตตัวเองก็แทบไม่รอดแล้ว แต่ยังต้องเป็นที่พึ่งพิงให้ญาติมิตรอีก ดังนั้นเพื่อไม่ให้เดือดร้อนในยามชีวิตพบความไม่แน่นอน ใครที่ยังไม่เตรียมการ ก็ควรเริ่มเสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่า สำหรับสิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ ได้ข้อมูลมาจากลูกค้าที่เคารพ หนังสือและบทความต่างๆ ค่ะ รวบรวมแล้วประมวลมาในหัวข้อ “อุทาหรณ์ก่อนตกงาน” ดังต่อไปนี้ค่ะ

ประการที่หนึ่ง คือสร้างกุศลอย่างสม่ำเสมอ ทำทาน รักษาศีล และเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งการเจริญสตินั้นจะได้เรียนรู้ว่าแม้แต่กายใจของตนเอง ก็ยังอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ มีความแปรปรวน และไม่อยู่ในการบังคับของเรา ดังนั้นเรื่องต่างๆ ในโลกก็เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้จะยอมรับได้ง่ายขึ้นว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน วิกฤตอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าไม่พบก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดประเหมาะเคราะห์ไม่ดี วิบากดำเล่นงานจะได้ไม่ตกใจนัก เพราะเผื่อใจไว้แล้วว่าโลกนี้มันไม่เที่ยง การรักษาใจนี่สำคัญอันดับหนึ่งจริงๆ นะคะ ดังที่เคยปรากฏในข่าวว่าคนตกงานบางคนฆ่าตัวตาย ทั้งๆ ที่ถ้ารอเวลาสักหน่อย ไม่แน่หรอกค่ะ ในวันหน้าเราอาจจะต้องขอบคุณที่ทำงานเก่าที่เขาให้ออก เพราะว่าเราได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิมเสียอีก

ประการที่สองก็คือต้องพยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ลองสมมติว่าถ้าเราตกงานวันนี้ ด้วยทักษะความสามารถที่มี จะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอยู่หรือไม่ หาโอกาสไปอบรมเพิ่มเติม ทั้งด้านวิชาการ วิชาชีพ หรือภาษาต่างประเทศ บางคนพอต้องตกงานนี่เครียดเลยค่ะ เพราะอายุมาก ภาษาก็ไม่ค่อยคล่อง แถมความสามารถก็ลดลงเนื่องจากงานที่เคยทำไม่ต้องใช้ทักษะเป็นพิเศษ ดังนั้นควรสร้างโอกาสเข้าร่วมการอบรมต่างๆ ถ้าได้ประกาศนียบัตรก็เก็บไว้อ้างอิง (ถึงกระดาษใบเดียวอาจจะไม่สามารถการันตีความสามารถได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องยอมรับว่ากระดาษใบนี้มันเป็นของจำเป็นในการพิจารณาคุณสมบัติเพื่อรับเข้าทำงานอยู่เหมือนกัน) นอกจากนี้ยังควรติดตามข่าวสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ จะได้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยค่ะ การพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง ก็นับเป็นความไม่ประมาทอย่างหนึ่งนะคะ

ประการที่สามคือหาอาชีพสำรองไว้บ้าง ในยามที่งานหลักอาจประสบปัญหา ก็ยังพอมีรายได้ไม่ถึงกับเป็นศูนย์ซะเลยทีเดียว มีลูกค้าจำนวนหนึ่งเลยค่ะที่มีอาชีพเสริมแบบต่างๆ เช่น รับแต่งหน้า ขายเครื่องสำอาง ขายอาหารและเครื่องดื่ม เป็นนายหน้าขายที่ดิน รับจ้างถ่ายภาพ ฯลฯ บางคนรายได้เสริมเกินกว่ารายได้หลักไปแล้วก็มีค่ะ แบบนี้ถึงจะต้องตกงานก็ไม่กระทบกระเทือนมากนัก

ประการที่สี่คือมีเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เรื่องนี้มีลูกค้าบางท่านเล่าว่าเพื่อนในที่ทำงานของเธอส่วนใหญ่ ถ้าตกงานจะลำบากมาก เพราะใช้เงินเดือนชนเดือนตลอด ฟังแล้วก็เข้าใจในภาระที่หลายคนต้องแบกรับค่ะ บางคนทำงานคนเดียวแต่ต้องดูแลคนทั้งครอบครัว แต่อย่างไรก็ตามการมีเงินสำรองไว้ในยามฉุกเฉินก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมเจียด กระเบียดกระเสียรเก็บให้ได้เพื่อป้องกันความลำบากในอนาคต บทความเรื่อง "Why You Need an Emergency Fund" (คลิก http://bit.ly/bZlwTP) ระบุว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นชอบว่าควรมีเงินเก็บให้พอใช้ชีวิตได้ ๓-๖ เดือน ขึ้นอยู่กับสถานะของแต่ละคน เช่น มีบุตรหรือไม่ มีหนี้สินหรือเปล่า มีเบี้ยประกันต้องจ่ายไหม ฯลฯ การมีเงินสะสมไว้เผื่อฉุกเฉินทำให้ยามพบความไม่แน่นอน ชีวิตเราจะได้ไม่เดือดร้อนเกินไปนักค่ะ สำหรับคนที่คิดว่าการเก็บเงินให้ได้จำนวนดังกล่าวอาจจะลำบากสักหน่อย ก็แนะนำให้เริ่มทีละน้อยๆ เปิดบัญชีแยกไว้ ใจแข็งกับตัวเองแล้วค่อยๆ ออมนะคะ นอกจากนี้ก็ยังมีการลงทุนแบบต่างๆ ซึ่งขอเชิญอ่านได้ที่คอลัมน์ “กระปุกออมสิน” (^(oo)^)

ประการที่ห้าคือสร้างมิตรและสายสัมพันธ์อันดีกับผู้คนรอบข้าง ด้วยการมีน้ำใจไมตรี ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เพราะบางครั้งเราอาจได้ข่าวตำแหน่งงานใหม่ๆ จากแวดวงคนรู้จัก หรือเพื่อนฝูงจะเปิดบริษัทใหม่ก็อาจจะดึงเราไปช่วยงานก็ได้ (แต่ถ้าช่วยเขาแล้วเขาไม่ช่วยตอบก็อย่าเสียใจ เพราะความสุขจากการให้ก็เป็นรางวัลที่ดีพอสำหรับหัวใจเราแล้วค่ะ ^__^) ผลแห่งการมีน้ำใจนี้ ทำให้ลูกค้าบางรายพอจะต้องตกงานก็มีบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงช่วยกันหางานให้ทำน่าดู เพราะเคยเอื้อเฟื้อคนรอบข้างมาก่อนค่ะ

หน้าที่การงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะ เพราะเกี่ยวข้องกับปากท้องของตนเองและครอบครัวโดยตรง เราจึงไม่สามารถละเลยได้ แต่ว่าก็ว่าเถอะค่ะงานทางโลกนั้นน่ะ เรามีโอกาสว่างงานในบางเวลา เนื่องจากการจะได้ทำงานนั้นๆ ไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของเราเพียงผู้เดียว แตกต่างอย่างยิ่งจากงานทางธรรมอันเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า อีกทั้งเป็นเอกสิทธิ์ของเราเพียงผู้เดียวเท่านั้น ในการตัดสินใจว่าจะเลือกปฏิบัติหรือไม่ และถ้าหากปฏิบัติด้วยความพากเพียรไม่ย่อท้อ จนสิ้นชาติขาดภพ พบบรมสุขคือพระนิพพาน ก็จะไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด ไม่ต้องพบปัญหาชีวิตต่างๆ ไม่ต้องพบทุกข์ทรมานจากการตกงานใดๆ สิ้นสุดทุกข์ทุกประการในวัฏสงสารตราบชั่วนิรันดร์ค่ะ

: )

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สำหรับท่านที่สนใจดูดวงกับคุณ
Aims Astro สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ตามลิงค์ด้านล่างค่ะ http://sites.google.com/site/aimsastro/



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP