วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๓


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


ห่างไปไม่กี่คืบ เชนมองเห็นเงาร่างรางๆ บนเก้าอี้เข็น รายละเอียดมิได้กระจ่าง่ด้วยสายตา หากแต่สัมผัสรับรู้ภายใน ปรากฏภาพคุณยายพวงทองเด่นชัดบนเก้าอี้เข็น ที่แกอาศัยใช้มันเป็นปีก่อนที่จะตาย

ช่วยยายด้วย

เสียงเดิมก้องในใจ

รอบกายสว่างไสวด้วยแสงตะวัน อากาศปลอดโปร่ง เชนจึงไม่นึกหวาดกลัวเช่นที่ควรจะเป็น หนำซ้ำกลับช่วยให้จิตใจตั้งมั่น ผ่อนคลายเหมือนพูดคุยกับคนธรรมดาทั่วไป

คุณยายจะให้ผมช่วยอะไรครับ เชนยังคงขยับริมฝีปากถาม

ช่วยพายายไปหาทุกคน คำตอบกึ่งกลางสมอง

ใครบ้างครับ เขาสงสัย

ทุกคน ที่กำลังประชุมกันอยู่ คำตอบแผ่วเบา ทิ้งเป็นช่วงๆ

เชนนึกถึงการประชุมเปิดพินัยกรรม ทุกคนในนั้นคือทายาทและผู้จัดการมรดก คุณยายพวงทองต้องการไปที่นั่น แสดงว่าการเปิดพินัยกรรมมีปัญหา

แล้วจะให้ผมพาไปยังไงครับ

เชนสงสัย ที่จริงวิญญาณคุณนายพวงทองน่าจะไปเองได้ ไม่น่ามายุ่งเกี่ยวกับเขา

ขอยายอาศัยเชนไปด้วย เสียงติดต่อยิ่งนาน ยิ่งแผ่วเบา

อาศัย เขาทวนคำอย่างงุนงง หมายความว่าคุณยายจะอาศัยร่างผมหรือครับ

นึกถึงการ เข้าสิง แล้วอดหวั่นใจไม่ได้

ไม่ใช่ เสียงตอบ บอกความอึดอัดยากอธิบาย แค่เธอพายายออกไปเท่านั้น

ถึงตรงนี้เชนมีความคิดบางอย่างแล่นผ่าน ถ้ามัวสงสัยอย่างนี้ ยิ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร สู้ปล่อยให้จิตใจ ความรู้สึกเป็นผู้ดำเนินนำทางดีกว่า

ได้ครับ เขาตอบง่ายๆ จิตใจปลอดโปร่ง ภาพเงารางๆ ของคุณนายพวงทองยังคงอยู่...ทว่าภาพที่ปรากฏในใจเชนกลับชัดเจนกว่า

คุณนายพวงทองนั่งบนเก้าอี้เข็น สีหน้าอึดอัด กลัดกลุ้ม ราศีหม่นมัว สัมผัสคลื่นความทุกข์ทยอยชัดออกมา

ความเมตตาบังเกิดขึ้นในใจ อยากช่วยเหลือบุคคลตรงหน้าให้สมปรารถนา คลื่นอ่อนโยนจากจิตแผ่กระทบยังคุณนายพวงทอง...ไม่จำเป็นต้องคิดหาวิธีพาวิญญาณดวงนี้ขึ้นไปบนโรงแรมอย่างไร เชนรู้สึกเห็นตนเองกับคุณนายพวงทองมีด้ายเส้นเล็กๆ เชื่อมคล้อง ตราบใดเขาประคองความรู้สึกอ่อนโยนี้ไว้ ก็จะยังมีกระแสดึงดูดให้คุณนายพวงทองเกาะตามไปได้เอง


สมัยมีชีวิต คุณนายพวงทองแทบไม่เคยตั้งข้อสงสัย ตายแล้วไปไหน คิดแต่ว่า เมื่อมีชีวิตจะทำอย่างไร ให้ร่ำรวย สมอง จิตใจคิดแต่ อยากจะได้ ไม่จบไม่สิ้น

ถึงมีหลานที่ดีอย่างคุณจิตใสพาเข้าวัด ทำบุญบ้าง ก็ทำไปอย่างนั้นเอง ความเลื่อมใสแทบไม่มี สักแต่ทำตามคำชักชวน นานครั้งจิตอาจมีปีติกับกุศลที่เกิด แต่ไม่เห็นมันจะมีประโยชน์ดีเด่นน่ารักษาแต่อย่างใด

กระทั่งเวลาตาย จึงพบว่าทรัพย์สิน เงินทองที่เสาะแสวงหา สะสมมาทั้งชีวิต ไม่อาจมีค่าเทียบได้เลย กับจิตที่เกิดเป็นกุศลแม้ชั่วเสี้ยววินาที

เพราะเสี้ยววินาทีนั้น คุณนายพวงทองถึงไม่ลำบากไปกว่านี้

ชีวิตใหม่ของคุณนายอยู่ในโรงเจที่ตนระลึกได้ก่อนตาย มันอาจไม่สุขสบายอะไร แต่ก็ไม่ลำบากเร่ร่อน รอนแรม หรือทุกข์ทรมานต้องรับโทษทัณฑ์เกินจินตนาการในนรก

คุณนายพวงทองหม่นซึมไปวันๆ ดวงจิตครุ่นคิดเหนี่ยวนำแต่อดีตตน สมบัติของตน ไม่อาจรู้ ตัวตนเก่าดับไปแล้ว นี่คือสภาพใหม่ ชีวิตใหม่ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ชีวิตเหมือนอยู่ในกรงขังที่มองไม่เห็น

จนวันนี้ได้พบเชน...สัญญาเก่าบอกว่าเป็นคนคุ้นเคย กระแสสุภาพอ่อนโยนของเขาคล้ายคลื่นความเมตตาของคุณจิตใส ผิดแต่ฝ่ายหลังจะมีดวงจิตเมตตา อ่อนโยนที่ใหญ่กว่า เห็นความสว่างมาแต่ไกล

คุณนายพวงทองรู้ว่าวันนี้จะมีการเปิดพินัยกรรม รู้ด้วยว่าจะต้องมีปัญหาตามมา...ความที่ผูกพันกับสัญญาเก่า ติดยึดกับภาพอดีต กับสมบัติเก่า ของกู ทำให้จิตใจร้อนรุ่ม กระสับกระส่าย กระวนกระวาย ทรมาน ไม่อาจหาหนทางทำสิ่งใดได้

พอพบเชน เหมือนพบหนทาง...จิตใจอ่อนโยนเมตตาเช่นนี้ย่อมสามารถอาศัย พึ่งพิง หากเจ้าตัวยินยอม

ยังเป็นบุญ ที่ชายหนุ่มเข้าใจ มิเช่นนั้น คุณนายพวงทองก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้...ไม่อาจแม้เข้าใกล้ เพราะความร้อนรุ่มของตน ไม่สามารถผสานเข้ากับความชุ่มเย็นได้

เมื่อเขายินยอม ก็เหมือนมีทางสายน้อยให้เกาะอาศัย คุณนายพวงทองติดตามเชนจนออกจากกรงเล็กๆ แห่งนี้ไปสู่กรงที่กว้างกว่าเดิม กรง ที่ตนเคยคิดว่ามันเป็น อาณาจักร อันน่าภาคภูมิ


เชนมาแค่หน้าห้องประชุม เขาไม่คิดโผล่เข้าไปโดยไม่คำนึงถึงกาลเทศะ...แต่เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับคุณนายพวงทอง พอที่จะเข้าไปเห็นและมีส่วนร่วมในปัญหาที่เกิดขึ้น

คุณแม่ทำอย่างนี้ มันไม่ยุติธรรมกับน้องเรานะ

ลักษณ์ลูกคนรองกล่าวขึ้นมากลางที่ประชุม

แล้วคุณแม่มีเหตุผลอะไร ที่มาตัดเจ้สีดา ทั้งที่เจ้แกก็ดูแลงานให้ไม่เคยบกพร่อง สมุทร บุตรคนที่สี่ออกความเห็น

เฮียว่าเหตุผลมันก็อยู่ในข้อความที่ทุกคนอ่านอยู่แล้วนี่ไง ทุกคนก็รู้ แม่เกลียดไอ้พิทักษ์มันขนาดไหน ดาก็ยังไปแต่งงานกับมัน รามอธิบายกึ่งใส่อารมณ์

แต่ดารักเขา สีดาพูดเสียงเครือ แม่ใจร้าย คิดว่าทุกคนที่เข้ามาหวังแต่สมบัติ คิดจะมาปอกลอกพวกเรา

ก็หรือไม่จริงล่ะ รามพูดใส่ หมดกับมันไปกี่สิบล้านแล้ว นี่ขนาดเพิ่งอยู่กันไม่กี่ปี

แต่จีสงสัย ทำไมต้องตัดจีด้วย สุขศจี น้องคนเล็กพูดบ้าง จริงอยู่จีใช้เงินเปลือง เถียงแม่ ทะเลาะกับแม่เป็นประจำ ขัดใจแม่จนเป็นเรื่องปกติ แต่เหตุผลแค่นี้ ถึงขนาดต้องตัดออกจากกองมรดกเลยเหรอ

ทุกคนเงียบครู่หนึ่ง ก่อนมีคำพูดตั้งข้อสงสัยสำคัญ

แล้วที่สำคัญ ทำไมพินัยกรรมที่ตัดเจ้ ตัดจีถึงเป็นลายมือของแม่ ลายเซ็นพยานก็เป็นของเฮียราม ไม่ใช่ลายเซ็นคุณลุง คุณอา พี่จิตใส แบบพินัยกรรมฉบับในมือทนาย

พวกแกคิดว่าเฮียปลอมพินัยกรรมหรือไง

รามพูดเสียงกร้าว หากไม่มีผู้ใหญ่นั่งฟังอยู่ด้วย เขาคงอาละวาดเสียงดังลั่นไปแล้ว

ก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดมากกว่านี้ ท่านมงคลผู้อาวุโสสุดต้องรีบเอ่ยปาก

เอาละ เอาละ พอกันก่อนได้มั้ย แต่ละคนอายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว มาเถียงกันเป็นเด็กไปได้ หัดใช้เหตุผลกันบ้าง ค่อยพูดค่อยจา มันก็พี่น้องกันทั้งนั้น

จะมากน้อย ท่านมงคลก็มีบารมี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนเคารพทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ทุกคนจึงยอมสงบปากคำ

เรามาตกลงกันให้เรียบร้อยดีกว่า จะเอายังไงกับพินัยกรรมฉบับนี้ นายภาสกรพูด

นี่คือการตั้งคำถามให้ทุกคนคิด...จะทำอย่างไร

ถ้ามันเป็นพินัยกรรมปลอม แล้วรามได้มาอย่างไร...หากเป็นพินัยกรรมจริง จะยอมทำตามหรือไม่...ถ้าทำตาม คนที่เสียผลประโยชน์จะยอมรับได้แค่ไหน

เฮียรามพิสูจน์ได้มั้ยว่า นี่เป็นพินัยกรรมจริง

ก็นี่ลายมือแม่ ลายเซ็นของแม่ เห็นกันอยู่ทนโท่

แต่แม่อายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว สมองอาจเลอะเลือนก็ได้ เขียนอะไรเรื่อยเปื่อยตามอารมณ์

พวกเราก็รู้ว่าแม่สมองคมแค่ไหน ไม่งั้นไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวมาจนป่านนี้ได้หรอก

ถึงยังไง ตอนที่เขียนพินัยกรรมนี้ แม่ก็ยังเป็นคนป่วย จะเชื่อถือได้สักแค่ไหน

เฮียก็อยู่ตอนแม่เขียนพินัยกรรมนี้ คำพูดเฮีย ลายเซ็นเฮียเชื่อถือไม่ได้หรือไง

ทำไมแม่ไม่เรียกทนายมาทำให้เป็นเรื่องเป็นราว ธรรมดาเรื่องพวกนี้แม่รอบคอบจะตาย...


เสียงโต้เถียงดังอื้ออึงทั่วห้องประชุม คุณนายพวงทองเฝ้าดูด้วยความหม่นหมอง สรรพเสียงต่างๆ อาจไม่ได้ยินชัดเจนทุกคำ แต่กระแสโทสะกราดเกรี้ยวของลูกแต่ละคนที่สาดใส่กัน มันร้อนเร่าดังเปลวไฟโหมแรงลุกโชน มันท่วมจิตใจคุณนายพวงทองจนแทบทนไม่ไหว ยิ่งดู ยิ่งใกล้ ยิ่งทุกข์ทรมาน...แต่ยากจะผละหนี สายใยห่วงหาอาวรณ์ ร้อยรัดไม่อาจสลัดหลุด ถึงทุกข์แสนทุกข์ก็ต้องทนก้มหน้ารับไป

วินาทีนี้คุณนายพวงทองอยากตะโกนร้อง อยากบอกให้ทุกคนเงียบเสียง หยุดใช้อารมณ์ หยุดพ่นเพลิงโทสะ ไฟโลภะใส่กันเสียที

ทว่า...ที่ทำได้คือนิ่งดู...ทบทวนผลจากสิ่งที่ตนเองกระทำ

พินัยกรรมลายมือเจ้าปัญหานั้นเป็นพินัยกรรมจริง คุณนายพวงทองเขียนด้วยความแค้นเคืองลูกสาวทั้งสอง...คนหนึ่งไปแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่สมควร...อีกคนชอบโต้เถียง สร้างความขัดเคืองใจแก่เธอเป็นประจำ มีปากเสียงรุนแรงจนเธอต้องเข้าโรงพยาบาล...

นั่นเป็นพินัยกรรมจริง...แต่คุณนายพวงทองไม่ต้องการให้มันมีผลทางกฎหมาย

เจตนาที่ทำก็เพื่อขู่ลูกสาวให้อยู่ในโอวาท...เพียงคาดไม่ถึง ตนเองจะตายก่อนมีโอกาสแก้ไข ทำลายมัน

คุณนายพวงทองไม่เคยคิดถึงเรื่องความตายอย่างแท้จริงมาก่อน ทำพินัยกรรมไว้ก็เพื่อความไม่ประมาท ในใจยังรู้สึกต่อรองกับมัจจุราช...ฉันยังอยู่อีกนาน...ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก

ขนาดอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว คุณนายพวงทองยังลืมตัว...ลืมตาย

ตอนนี้ทำอย่างไรถึงจะสามารถคลี่คลายปัญหานี้ได้ มีใครที่สามารถถ่ายทอดความในใจตน

คุณนายพวงทองมองออกไปนอกห้อง พบชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นหลานนั่งรออยู่ หากอาศัยปากของเชน จะมีใครเชื่อหรือไม่?

เพียงแค่คิด ความเหนื่อยหนักก็ทับถมใจ ลูกเธอแต่ละคนอยู่ในวัยกลางคน นับเป็นผู้ใหญ่ ใครก็นับหน้าถือตา หากให้เด็กรุ่นหลานมาบอกเรื่องปมพินัยกรรม รับรองไม่มีใครเชื่อ

ใครล่ะ...จะช่วยได้

ขณะคิดก็มองเห็นคุณจิตใสนั่งเงียบบนเก้าอี้ผู้จัดการมรดก ความยินดีค่อยปรากฏ ลูกคุณนายพวงทองนับถือคุณจิตใสเหมือนพี่คนโต เลี้ยงดูกันมาแต่เล็กแต่น้อย อย่างไรเสียคงยอมฟังกันบ้าง

ทันทีที่คิด ก็เดินเข้าไปหา ส่งเสียงเรียกเบาๆ

จิตใส จิตใส

แรกทีเดียวคุณจิตใสไม่สามารถรับการสื่อสารนี้ สายตา สมาธิจดจ่อสังเกตอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในห้องประชุม สังเกตมองเช่นคนวงนอก วางใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียง รับฟังคำพูดทุกฝ่าย พิจารณาไตร่ตรองด้วยเหตุผล เมื่อจิตจดจ่อกับการไตร่ตรอง พิจารณาปัญหา จึงยากสังเกตการณ์สื่อสารแปลกปลอมที่แทรกเข้ามา

คุณนายพวงทองหนักแรง เหนื่อยใจ เห็นหลานตนอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่เชื่อมการสื่อสารไม่ได้ ดวงจิตผู้รับสว่างจนไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายทำได้เพียงส่งความนึกคิดเข้าไปซ้ำๆ รอเวลาคุณจิตใสเผลอ จะมีช่วงที่สามารถสอดแทรกได้

เสียงโต้เถียงซาลงชั่วครู่ จังหวะนั้นคุณจิตใสรับสัมผัสคลื่นแปลกปลอมที่อ้อยอิ่งรอบตัว จึงใช้ใจแตะกระแสคลื่นนั้น เกิดภาพคุณนายพวงทองขึ้นรางๆ

...สำเร็จ...คุณนายพวงทองค่อยโล่งอก เส้นทางถูกเชื่อมติด คุณจิตใสทอดสะพานรับสิ่งมาเยือน

จิตใส ช่วยอาหน่อยเถอะ

คุณนายพวงทองส่งเสียงร้อนรน

คุณจิตใสรับสัมผัสกระวนกระวายนั้นชัด ตั้งจิตแผ่เมตตาอันเป็นกุศล ให้ฝ่ายตรงข้ามเย็นลงจนคลื่นที่ส่งมาเริ่มราบเรียบชัดเจน

อามีเรื่องให้ช่วย ฟังให้ดีนะ...

คุณนายพวงทองสงบลงพอจะเรียบเรียงคำพูดส่งสารออกไปอย่างไม่กระท่อนกระแท่น

นิ่งเงียบอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนคุณนายพวงทองจะได้รับกระแสใสเย็นกลับมา คล้ายจะแปลเป็นคำพูดที่ว่า...

จิตจะพยายามช่วยค่ะคุณอา...

คุณนายพวงทองเบาใจ ถอยออกมาดูลูกด้วยความหวังที่จะมีการสงบศึก


การโต้เถียงด้วยประเด็นพินัยกรรมว่าจริงหรือปลอมยังไม่ได้ข้อยุติ...คุณจิตใสนิ่งรอจนกระทั่งมีจังหวะพูด จึงเอ่ยปากเรียบๆ

พี่ขอถามสักคำ ถ้าทุกคนคิดว่าไม่มีพินัยกรรมฉบับหลังนี้ แล้วทำตามพินัยกรรมฉบับแรกอย่างเดิม จะมีใครลำบากมั้ย มีใครสูญเสียอะไรหรือเปล่า

แต่อีกฉบับก็เป็นพินัยกรรมของคุณแม่จริงๆ นะพี่จิต รามค้านยืนยันคำเดิม

ตอบคำถามพี่ก่อนสิ คุณจิตใสพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

ถ้าผู้ตั้งคำถามเป็นคนอื่น รับรองต้องมีการโต้เถียงกันอีกยก แต่นี่คือคุณจิตใส ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ใหญ่ เคยเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็ก จนอายุปาเข้าไปกลางคนเช่นนี้ ความเกรงใจย่อมมี ความนับถือไม่ต่างจากแม่คนที่สอง ทุกคนจึงเงียบงัน ครุ่นคิด

ไม่มีครับ ลักษณ์ตอบคนแรก

ผมก็เหมือนเฮียลักษณ์ สมุทรตอบตามมา

รามถอนใจ พูดอะไรไม่ออก เห็นลางแพ้รำไร...สีดากับสุขศจีค่อยหายใจคล่องขึ้น แต่ไม่กล้าพูดอะไร ตนทั้งสองไม่นับว่ามีสิทธิ์ออกความเห็น

นั่นสิ คุณจิตใสพูดต่อ พี่ฟังแล้ว พวกเราเถียงกันอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดถึงความเป็นพี่เป็นน้อง อะไรก็เอาแต่ตัวหนังสือเป็นหลัก...แต่ละคนอายุก็มากแล้ว มีลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวครอบครัวมั่นคง ผู้คนนับหน้าถือตา

ทุกคนเงียบ รวมทั้งผู้จัดการมรดกอีกสองท่าน

เอาละ พี่ว่าเราอย่าทำอะไรให้กินแหนงใจกันเลย...ถ้าพี่เสนอให้ทุกคนทำตามพินัยกรรมฉบับแรก แล้วทิ้งพินัยกรรมฉบับสองเสีย ไม่มีใครได้มากกว่าใคร ยุติธรรมที่สุดแล้ว...มีใครจะคัดค้านหรือเปล่า

คำถามนี้สะเทือนถึงผู้เกี่ยวข้องทุกคน เป็นแรงสะเทือนทั้งด้านบวกและลบ...แรงสะเทือนที่อาจก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ในอนาคต



บทที่ ๓


แล้วความต้องการของแม่ รามกล้าค้านได้เพียงเท่านี้

เราไม่อาจรู้ความต้องการแท้จริงของคนตายหรอก คุณจิตใสตอบ ทุกคนก็รู้ว่าแม่พวกเธอเป็นอย่างไร ท่านอาจเปลี่ยนความคิด ความต้องการได้รวดเร็วจนไม่มีใครตามทัน และบางที ตอนนี้อาจนึกเสียใจอยู่ก็ได้ ที่เขียนพินัยกรรมฉบับหลังขึ้นมาให้ลูกทะเลาะกัน

ถึงตอนนี้ คนกล้าค้านยังต้องเงียบ คุณจิตใสจึงพูดปิดท้าย

คุณอาพวงทองตายไปแล้ว แต่พวกเธอยังมีชีวิตอยู่ คิดดูนะ พวกเธอจะอยู่กันอย่างพี่น้องที่รักใคร่ปรองดองกัน หรือจะยอมบาดหมางด้วยเรื่องสมบัติ ที่เป็นของนอกกายพวกนี้

ทั้งห้องเงียบกริบ เงียบจนยากมีใครบอกได้ว่ามีอะไรซ่อนภายใน สีหน้าพี่น้องทั้งห้าไม่สู้ดีนัก ผู้จัดการมรดกอีกสองคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีแต่คุณจิตใสที่ปลอดโปร่ง รู้แก่ใจ...หมดหน้าที่ตนเอง ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้

ในห้องประชุมเดิม ที่หน้ารูปคุณนายพวงทอง...พี่น้องทั้งห้า ยืนเรียงหน้ากระดาน มือถือธูปคนละดอก สีหน้าเรียบนิ่งยากอ่านความรู้สึก แววตาต่างซ่อนเร้น เก็บงำความคิดตน

ผมกับน้องทุกคนมาจุดธูปเพื่อขอขมาดวงวิญญาณของแม่ รามเป็นคนกล่าว ที่ไม่อาจทำตามประสงค์ในพินัยกรรมฉบับหลังได้...

คำพูดท้ายก่อให้เกิดประกายฉายวับในดวงตาสีดาและสุขศจีชั่วแวบก่อนหรี่แสงเก็บอารมณ์

เนื่องจากพวกเราไม่อยากให้เกิดความร้าวฉานในหมู่พี่น้อง และไม่อยากให้ตระกูลเราเป็นที่ครหากับคนทั่วไป ดังนั้น พวกเราจึงขอปฏิบัติตามพินัยกรรมฉบับแรก หวังว่าแม่คงจะเข้าใจและให้อภัยด้วย

พูดจบก็ปักธูปบนกระถางเป็นคนแรก ตามด้วยลักษณ์ สมุทร สีดา และสุขศจี

การโต้เถียงเอาเป็นเอาตาย จบลงด้วยการประนีประนอม ทุกฝ่ายไม่มีใครได้มากน้อยกว่ากัน ผู้อาวุโสที่เป็นผู้จัดการมรดกก็ยอมรับ เห็นด้วย ตกลงกันได้จึงมีการจุดธูปขอขมาดวงวิญญาณคุณนายพวงทองปิดท้าย

เราจะทำยังไงกับพินัยกรรมฉบับนั้น ลักษณ์ถาม

ไหนๆ แล้วก็เผามันทิ้งเสียเลยสิ สมุทรออกความเห็น

ผู้จัดการมรดกและทายาทต่างมองหน้ากัน จุดประสงค์เพื่อดูว่ามีใครคัดค้านหรือไม่...ผลคือเงียบ...การไม่พูดเท่ากับยอมรับ

คุณจิตใสระบายลมหายใจแผ่ว จากสัมผัสบอกว่า สิ่งแปลกปลอมนั้นยังอยู่ในห้องประชุม...แต่ไม่แสดงสัญญาณคัดค้าน...

เปลวไฟแลบเลียพินัยกรรมฉบับสอง นัยน์ตาทุกคู่จ้องมองมันราวกับผู้ร้าย...คุณจิตใสถอยห่างจากวง ในสายตาเธอ สิ่งที่กำลังมอดไหม้นั้นแค่กระดาษแผ่นหนึ่ง ที่ผู้คนให้ความสำคัญ ติดยึด ยินดี ชิงชังมัน... สุดท้ายมันคือกระดาษที่กำลังกลายเป็นฝุ่นผง ขี้เถ้าคืนสู่ธาตุเดิมของมัน

น่าเสียดายที่หลายคนในห้องไม่เข้าใจ...ไม่ยอมจะเข้าใจ...คุณจิตใสถึงเหลือบเห็นพินัยกรรมถ่ายสำเนาฉบับที่ถูกเผา ถูกสอดไว้ในแฟ้มเอกสารทายาทคุณนายพวงทองบางคน

เรื่องนี้ยังไม่จบ...มันอาจเป็นแค่ฉากเริ่มต้นเท่านั้น ทายาททั้งห้ามีมุมมืดที่ซ่อนเร้น มีเบื้องหลังที่หลายคนไม่รู้

คุณจิตใสไม่ต้องการรับรู้...เพียงเท่านี้ ในใจก็มีก้อนเหนื่อยหน่ายลอยมากระทบ...จะหลบลี้หนีไม่ได้...สายใยกรรมเชื่อมโยงตนเองกับคนตระกูลนี้ไว้แล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือคลี่คลายปัจจุบันให้ผ่านทีละเปลาะจนกว่าแรงเหวี่ยงของมันจะหมดกำลัง


ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน เชนเหลือบมองใบหน้ามารดาหลายครั้ง มีบางสิ่งอยากบอกอยากระบายแต่พยายามยับยั้งชั่งใจ ไตร่ตรอง จนสุดท้ายฝ่ายที่นั่งนิ่งมาตลอดต้องเอ่ยปากก่อน

มีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟังหรือเปล่าเชน

ครับ เชนไม่ปิดบัง แต่ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี

ก็พูดเท่าที่คิดได้ก่อนสิ คนเป็นแม่แนะนำ

ผมเจอคุณยายพวงทอง เชนโพล่งออกมาดื้อๆ มองหน้ามารดาดูปฏิกิริยาตอบสนอง

แล้วต่อจากนั้นล่ะ คุณจิตใสถามราวไม่เห็นแปลกประหลาด

แม่ไม่สงสัยหรือครับว่าผมเจอคุณยายพวงทองที่ไหน ได้ยังไง เชนกลับสงสัยเสียเอง

คุณจิตใสยิ้มน้อยๆ ในหน้า

แม่ว่าปัญหานั้นมันไม่น่าสนใจ เท่ากับว่า พอลูกเจอเธอแล้ว เป็นยังไงต่อ

นั่นสิ...เชนยอมรับ

พอตั้งหลักได้ ชายหนุ่มจึงลำดับเรื่องราวตั้งแต่ต้น เล่าให้มารดาฟังจนถึงตอนที่พาคุณนายพวงทองไปส่งหน้าห้องประชุม

จากนั้นผมก็ไม่พบแกอีกเลย...ตอนเลิกประชุม ทุกคนออกมา ผมก็ไม่รู้สึกว่าแกอยู่แถวนั้น เลยไม่รู้ว่าแกเป็นยังไงบ้าง เชนสรุป

อืม... คุณจิตใสรับคำแค่นั้น

แม่คิดว่ายังไงครับ เชนถามความเห็น

ไม่คิดจ้ะ คำตอบง่าย ชายหนุ่มผิดคาด

อ้าว... เขาบ่น ผมนึกว่าแม่จะพูดอะไรบ้าง

คุณจิตใสไม่ตอบ หนำซ้ำยังย้อนถาม

เชนเล่าให้แม่ฟังจบแล้ว รู้สึกยังไงบ้างล่ะ

คำถามนี้จุดประกายให้ย้อนคิด มองดูตนเอง...นั่นสิ...เขารู้สึกอย่างไร...เล่าจบแล้ว...ก็จบ...แค่นั้นไม่มีอะไรมาก...ต่อให้เคยอยากฟังความเห็นของแม่ แต่ขณะนี้ความต้องการมันดับลงเสียแล้ว

พอได้คำตอบ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ

แม่นี่ช่าง...เหลือเกินจริงๆ

คุณจิตใสยิ้มในใบหน้า สายตาอ่อนโยนทอดมองบุตรชาย การที่เชนสามารถติดต่อคุณนายพวงทองได้ ไม่นับเป็นเรื่องน่ายินดีนัก หนำซ้ำอาจพาเรื่องวุ่นวายติดตามมาอีกไม่น้อย ถ้าเลือกได้ ตนคงไม่ต้องการให้บุตรชายเกี่ยวโยงกับเรื่องเหล่านี้

ทว่า...การที่เชนสามารถ สื่อสาร กับคุณนายพวงทองได้ ก็นับว่ามี สายกรรม ต่อกันไม่มีทางหลีกเลี่ยง คุณจิตใสทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP