วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๒


cover_krongfire

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


คุณนายพวงทองอ่อนล้า เรี่ยวแรงหายใจถดถอยเต็มที ฝืนดึงดันเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ ร่างกายอยู่เหนือการควบคุม ไม่อาจสั่งการ ไม่ผิดกับท่อนไม้ผุที่ต้องพังลงดินหมดอำนาจฉุดรั้ง

ภาพอดีตหมุนย้อน แต่ละภาพชวนให้คุณนายขนลุกชูชัน หนาวเยือกจับหัวใจ ทั้งหลายล้วนเป็นภาพร้ายตบแถวหลอกหลอน ฉุดกระชากวิญญาณให้จมดิ่งลึกลง ลึกลง

กว่าที่ดินแต่ละแปลงจะมารวมเป็นผืนใหญ่งาม สร้างอาณาจักรทรัพย์ยั่งยืนฯ มันไม่ง่ายดาย ใช่จะเดินมาถึงมือเอง มีบางแปลงคุณนายพวงทองต้องใช้วิธี พิเศษ นอกระบบจึงได้มัน โดยเฉพาะแปลงสำคัญสุด...ที่ดินตลาด... จะมีกี่คนรู้...เบื้องหลังอุบัติเหตุที่เกิดกับเสี่ยนั้นเป็นอย่างไร การได้มาเป็นเจ้าของตลาดลำบากแค่ไหน

กระทั่งขึ้นศาลต่อสู้กับเมียหลวงเสี่ยก็ยังใช้วิธีการยอกย้อน นอกตำรากฎหมายที่คุณนายพวงทองใช้จนสามารถเอาชนะได้

การขอสัมปทานเดินรถ ตลอดจนถึงเปิดอู่ต่อรถทัวร์จนใหญ่โต คุณนายพวงทองต้องใช้ทั้งวิชามาร การต่อสู้เผ็ดร้อนเท่าใดจึงสามารถเป็นใหญ่ กำจัดคู่แข่งกี่คน เส้นทางถึงสะดวกราบรื่น

ยิ่งคุณนายพวงทองก้าวสูงเท่าไหร่ เสียงสาปแช่งยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เบื้องหน้าผู้คนเกรงกลัว เคารพนบน้อม ลับหลังมีเสียงก่นด่าอาฆาต ตั้งแต่ระดับเศรษฐีคู่แข่งยันแม่ค้าเล็กๆ ที่ขายของในตลาด

คุณนายพวงทอง คม เค็ม ฉลาด เด็ดขาด และอำมหิต

ภาพที่เวียนมาให้เห็นวาระสุดท้ายจึงไม่มีดีงาม

ยามจิตตกขนาดนี้ คุณนายพวงทองกลับมองเห็นแสงสว่างตรงหน้าประตู เป็นแสงนวลอ่อนฉายความเย็นฉ่ำดับไฟรุ่มร้อน

คนใกล้ตายพยายามตะเกียกตะกายมองให้เห็นชัด แสงสว่างนั้นมาจากไหนกันแน่...สัมผัสอบอุ่นเช่นนี้เป็นสิ่งที่ชวนให้เกาะติดมากกว่าภาพร้อนรุ่มที่ปรากฏตลอดเวลา

คุณนายพวงทองมองเห็นต้นตอความสว่างแล้ว...แสงอ่อนโยนมาจากใบหน้าผู้สูงวัยคนหนึ่ง อายุน้อยกว่าเธอร่วมสิบปี สีหน้าฉายแววเมตตา คลื่นความเย็นแผ่มาจากคนผู้นี้

...คุณจิตใส...

ถ้าถามว่า ตลอดชีวิตคุณนายพวงทองเคยทำดีกับใครบ้าง บุคคลแรกที่ปรากฏชัดคือ จิตใส ลูกกำพร้าของพี่ชายคนโตที่เธอรับดูแลส่งเสีย

จิตใสเข้ามาในชีวิตคุณนายพวงทองช่วงเริ่มตั้งตัว ลำบากมาด้วยกัน เกื้อกูลกัน คอยดูแลลูกให้ ขณะที่คุณนายพวงทองออกไปตากหน้าบุกบั่นทำงานสร้างตัว เห็นสุขเห็นทุกข์กันมาตลอด เป็นคนเดียวที่กล้าออกปากคัดค้าน ห้ามปรามเมื่อเห็นคุณนายพวงทองทำผิด เป็นคนเดียวที่ชวนคุณนายพวงทองทำบุญได้ คนใกล้ชิดจะรู้คุณจิตใสยังเป็นบุคคลเดียวที่คุณนายพวงทองยอมรับฟังมากกว่าใคร

ยามคุณนายพวงทองพบคุณจิตใส ไม่ต่างจากเห็นพระมาโปรด รวบรวมเรี่ยวแรงชี้มือไปทางประตู พยาบาลที่อยู่ใกล้รีบก้มลงมาถามว่าต้องการอะไร

จิตใส

คุณนายพวงทองหลุดคำพูดแรกออกมา หลังเปิดฝากครอบออกซิเจน

ตามจิตใสให้ที พูดได้เท่านี้ก็หมดแรง มือตก หัวใจเต้นผิดจังหวะ

หมอกลุ่มหนึ่งรีบตรวจอาการ ขณะที่หมออีกคนเดินตรงไปหน้าประตูเพื่อบอกความต้องการคนไข้กับลูกที่รออยู่หน้าห้อง


คุณหมอหยุดยืนมองสายตาหลายคู่ที่จ้องตรงมาราวกับเขาเป็นผู้นำข่าวสำคัญ ดวงตาแต่ละคู่มีแววกระหายใคร่รู้...ปนเปความหวัง...เป็นดวงตาที่คนเป็นหมอเห็นมาหลายครั้ง...โชคดีที่คราวนี้เขาไม่ใช่ผู้นำข่าวร้าย

คุณนายท่านต้องการพบคุณจิตใส พูดจบเหมือนปลดภาระลงจากบ่า

ลูกคุณนายพวงทองหลีกทางให้กับหญิงสูงวัยคนหนึ่ง พร้อมกับชายหนุ่มที่ตามติดคล้ายบอดี้การ์ด

นายแพทย์มองหน้าคุณจิตใสด้วยความพิศวง สตรีมีอายุคนนี้มีใบหน้าผุดผ่อง ขาวนวล ดวงตาเรียวทอประกายนุ่มราวสายน้ำเย็นใส ฉายราศีบางอย่างทำให้ผู้เห็นนึกเคารพ เกิดความเย็นใจ ส่วนชายหนุ่มที่เดินตามมีรูปร่างสูง แข็งแรง สมส่วน หุ่นเหมือนนักกีฬากลางแจ้ง ผิวสีแทน โครงหน้าคมสัน นัยน์ตากลมโต ผมตัดสั้นขับดวงหน้าสว่างทั้งที่ไม่ใช่คนผิวขาวเฉกเช่นคุณจิตใส

เมื่อทั้งคู่ก้าวออกมายืนตรงหน้า ราวกับมีราศีข่มเหล่ามหาเศรษฐีทั้งห้าจนแทบไม่มีเหลือ

เชิญครับ คุณหมอเดินนำหน้า กิริยาเต็มไปด้วยความเคารพโดยไม่ต้องฝืน

ลูกของคุณนายพวงทองขยับตัว ทำท่าจะตามไปด้วย หมอจึงรีบพูดกันไว้ก่อน

ถ้าจะเข้าไปก็ช่วยยืนดูอยู่ห่างๆ อย่าพูดจาอะไรรบกวนคนไข้นะครับ

ท้ายเสียงมีความเกรงใจอยู่บ้าง อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็มีศักดิ์ศรีบารมีคับเมือง


คุณจิตใสนั่งลงข้างเตียงคนไข้ ดวงตาทอดมองร่างผอมบางที่หายใจแผ่วเบาด้วยแววอ่อนโยน สัมผัสใจบอกให้รู้ เส้นด้ายชีวิตคุณนายพวงทองจวนขาดเต็มที ร่างกายแทบไม่มีกำลังดึงลมหายใจ ดวงไฟริบหรี่ใกล้ดับ

คุณอา... คุณจิตใสส่งเสียงปลุกสติ เรียกคนใกล้ตายให้กลับมารับรู้อีกครั้ง

จิต...มาแล้วเหรอ เสียงแผ่วเบา ขาดห้วง

ดิฉันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง น้ำเสียงต่อมาก่อให้เกิดความอุ่นใจ

ช่วย...ด้วย คุณนายพวงทองรวบรวมกำลัง พูดประโยคนี้จนได้

พอคำพูดนี้กระทบหู คุณจิตใสก็สัมผัสภาพที่คุณนายพวงทองเห็น...เป็นภาพประมวลในวาระสุดท้าย ภาพเหล่านั้นล้วนพาให้จิตหม่นมืด ฉุดรั้งลงต่ำจนยากเหนี่ยวนำขึ้นมา

หญิงสูงวัยระบายลมหายใจแผ่ว วางจิตเป็นกลาง ตั้งความเมตตาไว้กึ่งกลางอก บังเกิดความอบอุ่นแนบแน่น ระลึกถึงกุศลที่เคยสร้างก่อนตั้งจิตแผ่เมตตายังดวงจิตที่กำลังหม่นมืดอยู่นี้

คุณอาจำตอนที่เราตั้งโรงทานวันปีใหม่ได้มั้ยคะ

น้ำเสียงคุณจิตใสทอดนุ่ม อบอุ่น พุ่งตรงสู่จิตคุณนายพวงทองโดยตรง

...จำได้...คุณนายพวงทองตอบในใจ...ตอนนั้นเพิ่งชนะคดีกับเมียหลวงเสี่ย ได้ตลาดมาเป็นกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ ช่วงปีใหม่พอดี คุณจิตใสเกลี้ยกล่อมชักชวนให้ทำบุญตลาดครั้งใหญ่ ตั้งโรงทานแจกอาหารข้าวของแก่คนจน อุดหนุนสินค้าจากแม่ค้าตลาดตน...

ปกติคุณนายพวงทองจะไม่ยอมเสียเงินเสียทองทำบุญทำทานง่ายๆ ยิ่งโรงทานใหญ่ขนาดนี้อย่าหวัง...แต่เวลานั้นกำลังดีใจกับความสำเร็จครั้งใหญ่ จึงยอมทำบุญใหญ่ตามคำชักชวน

จำได้มั้ยคะ วันนั้นคนมารับแจกของกันมากมายแค่ไหน คุณจิตใสพูดต่อ

คราวนี้ไม่ตอบ...ภาพในใจคุณนายพวงทองปรากฏชัด...ผู้คนมากมายเรียงราย รอรับของโรงทาน ข้าวปลาอาหารล้นเหลือ ทั้งของกินของแห้งไม่มีอั้น ใบหน้าแต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใส ความอิ่มเอมยินดีของคนเหล่านั้นพาให้จิตใจคุณนายพวงทองปลาบปลื้มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

กระแสแห่งบุญเริ่มมีโอกาสเคลื่อนเข้าจับจิตใจ ขับไล่เงามืดที่หม่นมัว ดึงจิตให้ขึ้นจากหล่มลึกที่เคยติดจม

ความผ่องใสจับจิตทีละนิด ภาพเหตุการณ์วันทำโรงทานดำเนินต่อมาเรื่อย เหมือนภาพยนตร์ฉายไม่มีสะดุด...แต่แล้ว

นี่แก...หยิบไปทำไมตั้งเยอะแยะ แบ่งให้คนอื่นบ้างสิ เสียงของตนแว่วย้อนกลับมาในความทรงจำ

ผู้มารับทานมีหลายรูปแบบ ที่รับพอประมาณ พอกินก็มี...ที่มารับด้วยความโลภก็มาก บางคนก็กอบโกยอาหาร ของกินเสียมากมายโดยไม่คิดแบ่งคนอื่น

พอคุณนายพวงทองเห็นอย่างนั้นโทสะก็พุ่งปรี๊ด ตวาดว่าด้วยความเคยชิน...จิตใจที่เริ่มผ่องใสกลับมืดลงด้วยหมอกโทสะทันที

คุณจิตใสสัมผัสถึงความพลิกเปลี่ยนจิตคุณนายพวงทองในช่วงเวลาเดียวกัน เห็นใบหน้าคนใกล้ตายขมวดขึ้งก็รู้ชัด กุศลแห่งการให้ทานครั้งนั้น มีรอยด่างด้วยโทสะ...จิตของคุณนายพวงทองเกาะโทสะแทนที่จะอิ่มเอมกับความผ่องใส

ช่วงเวลาแห่งการเคลื่อนเปลี่ยนภพชาติใกล้มาถึง หากคุณนายพวงทองยังมีจิตหม่นมืดเช่นนี้ย่อมไปสู่หล่มลึกอบายภูมิแน่นอน

ที่คุณจิตใสมาโรงพยาบาลแต่เช้า ก็เพราะมีสังหรณ์กระตุ้น อยากมาช่วยคุณนายพวงทอง แต่ยามนี้ ดูท่าตนเองไม่อาจต้านกระแสกรรมดำอันมากมายของคุณนายพวงทองได้เลย

ความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า...เช่นนั้นหรือ...




บทที่ ๒


คุณจิตใสแผ่เมตตายังดวงจิตคุณนายพวงทองอีกครั้ง หวังให้ความใสเย็นจะช่วยกล่อมเกลาเงาดำแห่งโทสะที่กำลังเกาะกุม

มันไร้ผล...พื้นใจของคนใกล้ตายหนาแน่นด้วยโลภะ โทสะ กุศลที่เคยทำยังไม่อาจต้านแรงกรรมฝ่ายดำได้

ด้วยดวงจิตที่พยายามเป็นกลาง วางอุเบกขาเป็นหลักใจแต่ต้น คุณจิตใสจึงไม่เอาใจไปเกาะเกี่ยวด้วย เพียงตรึกนึกอีกชั่วแวบว่า คุณนายพวงทองเคยสร้างกรรมดีครั้งใดอีกบ้าง ที่พอจะช่วยพลิกจิตให้กลับฝั่ง ไม่ดิ่งลงอบายลึกต่อหน้าต่อตา

คุณอาจำโรงเจที่อยู่หลังโรงแรมเราได้มั้ยคะ คุณจิตใสเอ่ยปากอีกครั้ง

คุณนายพวงทองเคว้งคว้างเต็มที เสียงคนคุ้นเคยข้างหูจึงเหมือนหลักเกาะสติชิ้นเดียวที่คว้าได้

คำว่า โรงเจ กระทบหู นึกถึงที่ดินแปลงเล็กที่เคยซื้อทิ้งไว้เพื่อให้ที่ดินเต็มผืน พอมีการจัดสรรแบ่งที่สร้างห้างสรรพสินค้า โรงแรม ปรากฏว่าที่ดินส่วนนั้นเป็นติ่งห้อยออกมา ไม่รู้จะทำอะไร ทั้งยังอยู่ในมุมอับด้านหลังที่ไม่มีประโยชน์ทางการค้า จึงได้แต่ปล่อยทิ้งไว้

ครั้งหนึ่งคุณนายพวงทองป่วยเป็นโรคเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด หมอไหนว่าดีก็ไปมาหมด จนกระทั่งพบซินแสจีน แนะนำยาต้มชุดหนึ่ง บอกว่าถ้าจะรักษาให้หายขาด ต้องกินเจควบคู่กันไปด้วย

ปรากฏว่ายาต้มชุดนี้กับการกินเจสามารถรักษาโรคได้ คุณนายพวงทองเกิดศรัทธาซินแส จึงสร้างโรงเจให้ตรงที่ว่างด้านหลังเพื่อให้ซินแสใช้เป็นที่รับรักษาคน

โรงเจแห่งนี้คึกคักช่วงสองปีแรก พอซินแสท่านนี้เสียชีวิตก็กลับซบเซา ไม่ค่อยมีใครสนใจ กระทั่งคุณนายพวงทองเองก็ลืม

คำพูดคุณจิตใสกระตุ้นให้คนป่วยมีสติระลึกได้อีกครั้ง จิตจับที่ความรู้สึก อยากจะให้ ในครั้งนั้น...ภาพโรงเจเก่าๆ ปรากฏในความทรงจำ...เป็นการพลิกจิตครั้งสุดท้าย ก่อนลมหายใจจะสะดุดขาดห้วง

คุณจิตใสระบายลมหายใจยาว ขยับตัวลุกขึ้นถอยห่างจากเตียงคนป่วย...สิ่งที่ควรทำ ได้กระทำเสร็จแล้ว...ผลที่เกิดจะมากน้อยอย่างไร ใจปล่อยวางสิ้น

ขณะหันกลับมามองใบหน้าลูกแต่ละคนของคุณนายพวงทอง บังเกิดสัมผัสบางอย่างปรากฏแก่ใจ...ความตายของคุณนายพวงทองไม่ใช่จุดสิ้นสุด...แต่มันจะเป็นการเริ่มต้นที่น่าสลด...ยามนี้คุณจิตใสไม่อาจทำนายได้ว่าจะเกิดสิ่งใดในอนาคต ดูจากพื้นเหตุต่างๆ ที่คุณนายพวงทองสร้างไว้ก่อนตาย เชื่อได้ว่า...มันย่อมส่งผลตามมาไม่ธรรมดา


เชนขับรถมาส่งแม่ที่โรงแรมทรัพย์ยั่งยืนแกรนด์รอยัล วันนี้จะมีการเปิดพินัยกรรมคุณนายพวงทอง ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องมาร่วมประชุมครั้งนี้

ใจจริงเชนไม่อยากให้มารดาตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล แต่ยากจะทำได้ คุณนายพวงทองเจาะจงเลือกคุณจิตใสเป็นหนึ่งในสามของผู้จัดการมรดก

ตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเริ่มมีปัญหาหลังการตายคุณนายพวงทอง ลูกทั้งห้าล้วนอยากรู้ว่าตนจะได้อะไรบ้าง เร่งเร้าให้เปิดพินัยกรรมโดยเร็ว แต่ทนายความประจำตระกูลถือคำสั่งผู้ตายให้เปิดพินัยกรรมหลังการเผาศพ

ข่าววงในลือกันให้แซ่ดว่าลูกคุณนายพวงทองตกลงกันไม่ได้จะให้สวดกี่คืน เผาเมื่อไหร่ โดยมากคนระดับนี้มักเก็บศพไว้ร้อยวันก่อนจึงเผา มีลูกบางคนต้องการให้เผาเร็วกว่านั้น

การถกเถียงเป็นอย่างไร คนนอกอย่างเชนคร้านจะใส่ใจ สุดท้ายศพคุณนายพวงทองก็ถูกเก็บจนครบร้อยวัน มีพิธีเผาอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ แขกร่วมงานมากมายหนาแน่น ทุกสิ่งในงานละเอียดประณีต ชนิดลือกันได้ข้ามปี เป็นงานศพที่อลังการ ชนิดยากจะหาใครในจังหวัดนี้จัดได้อีก

หลังจากงานเผาให้ชาวบ้านเล่าลือความยิ่งใหญ่ได้แค่วันเดียว พี่น้องตระกูลทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลก็นัดทุกคนประชุมเปิดพินัยกรรมทันที

คุณยายท่านไม่น่าตั้งให้แม่เป็นผู้จัดการมรดกเลยนะ

เชนบ่นกับมารดาขณะขับรถพามายังโรงแรม

แกคงเห็นว่าแม่เป็นหลานล่ะมั้ง คุณจิตใสตอบลูกชาย

ผมกลัวแม่จะปวดหัวน่ะสิ สมบัติคุณยายตั้งเท่าไหร่ ถ้าแม่ต้องมานั่งทำบัญชีรายการโอนให้พวกเขาก็แย่

ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเชน คนเป็นแม่ยังยิ้มไม่เดือดร้อน เรื่องพวกนั้นมีคนอื่นเขาจัดการอยู่แล้ว...คุณยายเขาคงอยากให้แม่เข้าไปดูเฉยๆ ในฐานะผู้ใหญ่คนนึงมากกว่า อย่างน้อยลูกเขาก็เกรงใจแม่

ถึงอย่างนั้นเชนก็ยังเป็นห่วงมารดาอยู่ดี ครอบครัวเขาอยู่กันอย่างสงบสุขราบรื่นมานานจนลำบากอึดอัดใจหากมีเรื่องส่อเค้าความวุ่นวายกรายเข้ามา

ชายหนุ่มส่งมารดาหน้าห้องประชุม คร้านที่จะนั่งรอจึงลงลิฟต์ เดินออกนอกโรงแรมเปลี่ยนบรรยากาศ การเปิดพินัยกรรมครั้งนี้คงต้องใช้เวลานานแน่ ขืนนั่งแช่ข้างนอกคงเบื่อแย่

นอกโรงแรมเป็นห้างสรรพสินค้า ผู้คนหนาตา น่าเวียนหัว เชนอยากหาที่เงียบๆ สักแห่งพักหย่อนใจ นึกถึงโรงเจด้านหลัง ที่นั่นร่มรื่นเงียบสงบ เหมาะเดินไปสูดอากาศพักผ่อน


สิ่งที่กางอยู่เบื้องหน้าทุกคนคือพินัยกรรมของคุณนายพวงทอง ข้อความในนั้นเป็นสิ่งที่ตรงตามความคาดหมาย

ทรัพย์สมบัติต่างๆ ยกเว้นที่ดินแปลงใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม ตลาด ถูกแบ่งเท่าเทียมกัน ทั้งเงินในบัญชี เครื่องประดับ โฉนดที่ดิน ฯลฯ

ส่วนกิจการเดินรถ อู่ต่อรถทัวร์ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ตลาด ซึ่งเป็นรายได้หลักทั้งหมดจะถูกรวมเป็นบริษัทกงสี จัดตั้งเพื่อจัดเก็บรายได้ ดูแลผลประโยชน์รวม ไม่ยอมให้ใครขายกิจการใดๆ แบ่งหุ้นให้ลูกทั้งห้าคนเท่าเทียมกัน รับผลประโยชน์เป็นรายเดือน

สำหรับร้านอาหารครัวพวงทอง ยกให้สีดา ลูกสาวคนแรกเป็นเจ้าของ

พินัยกรรมฉบับนี้ไม่มีใครคัดค้าน แม้ลูกสาวคนโตจะได้มากกว่าบ้าง ทุกคนก็รู้ว่าสีดาเป็นผู้บริหารร้านนี้มาเกือบยี่สิบปี ไม่ใช่เจ้าของก็เหมือนเจ้าของ อีกทั้งรายรับของมัน ไม่อาจเทียบกับกิจการใหญ่ๆ ของคุณนายพวงทอง

เอาละ ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหาอะไร ลุงก็จะจัดการไปตามนี้

ท่านมงคล อดีตประธานศาลฎีกา ประธานผู้จัดการมรดกพูดอย่างสบายใจ

อาก็ดีใจ ที่ทุกคนยอมรับในพินัยกรรม นายภาสกร หัวหน้าพรรคการเมือง หนึ่งในบุคคลที่คุณนายพวงทองไว้ใจให้เป็นหนึ่งในผู้จัดการมรดกรู้สึกโล่งอก


สำหรับผู้จัดการมรดกคนที่สาม คุณจิตใส...ยังไม่พูดอะไร แค่รู้สึก...การเปิดพินัยกรรมวันนี้มันไม่ราบรื่นอย่างที่ใครๆ คิด

เดี๋ยวก่อนครับลุงมงคล รามลูกชายคนโตผู้ตายเอ่ยปาก

คุณจิตใสผ่อนลมหายใจเบา...นั่นไง เริ่มแล้ว

ผมยังมีพินัยกรรมของคุณแม่อีกฉบับ

คำพูดเหมือนแหย่เชื้อไฟในกองเพลิง

ไหน เอามาดูสิ ท่านมงคลออกปาก

พินัยกรรมอีกฉบับเป็นลายมือเขียนของคุณนายพวงทอง มีลายเซ็นพยานกำกับ ใช้ได้ตามกฎหมาย รามนำพินัยกรรมตัวจริงให้ประธานผู้จัดการมรดก และนำฉบับที่ถ่ายเอกสารแจกให้ทุกคนที่ร่วมประชุม

ข้อความที่ปรากฏในเนื้อความพินัยกรรม สร้างความตื่นตะลึงแก่ทุกคน

เป็นไปได้ยังไง สีดาพึมพำ ใบหน้าซีดเผือด

คุณแม่ไม่น่าทำอย่างนี้ สุขศจี ลูกสาวคนเล็กหลุดปากเสียงแผ่วกร้าว เม้มริมฝีปากแน่น

พินัยกรรมฉบับใหม่ เขียนด้วยลายมือ มีข้อความตัดนางสีดา ลูกสาวคนที่สามออกจากกองมรดก เพราะฝืนคำสั่งแม่ แต่งงานกับคนที่ไม่สมควร ต่อมาเป็นข้อความตัดนางสาวสุขศจี ลูกสาวคนสุดท้องออกจากกองมรดก เนื่องจากประพฤติตัวไม่เหมาะสม ใช้เงินเปลือง ไม่รู้ค่าของเงิน ทำร้ายจิตใจมารดาด้วยการชอบโต้เถียง ไม่ฟังคำสั่งสอน ตักเตือนจากแม่

พินัยกรรมฉบับนี้เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางวงประชุม...การเปิดพินัยกรรมที่น่าจะราบรื่นยินดีด้วยกันทุกฝ่าย กลับมีปัญหาใหญ่ เกินกว่าใครคาด

คุณจิตใสคิดไม่ผิด...จากนี้ไป เธอได้แต่เฝ้ารอดู...จะมีการตกลงกันอย่างไร


เบื้องหน้าเชนเป็นโรงเจเล็กๆ ศาลาก่อสร้างคล้ายวัดจีน ขนาดไม่ใหญ่นัก รายรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่น ทันทีที่ย่างเท้ามาถึงก็สัมผัสบรรยากาศเย็นสบายตรงข้ามกับภายนอก

ซินแสที่บุกเบิกโรงเจเป็นคนชอบต้นไม้ ธรรมชาติ พอคุณนายพวงทองยกที่ดิน สร้างโรงเจให้ แกก็หาต้นไม้ใหญ่มาปลูก จนคล้ายสวนสาธารณะกลางเมืองมากกว่าโรงเจ

หลังจากซินแสเสียชีวิต โรงเจเงียบเหงา คุณนายพวงทองก็ลืม มีแต่ลูกศิษย์ซินแสสองสามคนกับเจ้าหน้าที่ พนักงานโรงแรม ผลัดเวรช่วยกันดูแล เทศกาลกินเจที ถึงมีคนมาใช้บริการ

เชนชอบบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ ธรรมชาติ มากกว่าความวุ่นวายของผู้คน สิ่งก่อสร้าง เขาสามารถอยู่คนเดียวกับธรรมชาติได้เป็นวันโดยไม่อึดอัด

ลมเย็นแผ่วพลิ้วต้อนรับผู้มาเยือน อากาศปลอดโปร่ง เชนเข้าไปไหว้พระพุทธรูปด้านใน ก่อนออกมานั่งอ่านหนังสือบนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ ตั้งใจรอมารดาที่นี่ไม่เกินชั่วโมง ค่อยเดินกลับโรงแรม

พอสายตาสัมผัสตัวหนังสือก็รู้สึกหนังตาหนัก เบลอ ความง่วงงุนแทรกซึมโดยไม่บอกกล่าว บรรยากาศรอบตัวหนักกว่าปกติ เป็นความหนักแน่นที่เหมือนการรวมตัวของอากาศ...หูแว่วเสียงคุ้นเคยดังก้องภายในหัว

เชน...เชน เสียงเรียกทำให้สะดุ้งเฮือก อาการง่วงงุนกระจายหาย

ขยับตัวมองรอบๆ ขนลุกซู่ไม่มีเหตุผล รอบกายโล่ง ไม่มีใครสักคน ไม่มีตัวตนยืนยันเจ้าของเสียง บรรยากาศควบแน่นยังรวมตัวใกล้ๆ คล้ายมีใครบางคนยืนแทบหายใจรดต้นคอ

เชน... เสียงเดิมดังกังวานกึ่งกลางประสาท ไม่ได้ผ่านใบหู

คราวนี้มั่นใจชัด ไม่ใช่ประสาทหลอน

ใคร ชายหนุ่มขยับริมฝีปาก หลุดเสียงแผ่วเบา

ช่วยด้วย คำพูดยาวขึ้น จนเกือบแน่ใจเจ้าของเสียง

คุณยาย... ขณะหลุดปากเรียก จิตใจคล้ายถูกเชื่อมต่อ...ลงล็อก

ใช่...ยายเอง เสียงคุณนายพวงทองชัดเจน เชนขนลุกซู่

คุณยายพวงทอง

เชนเอ่ยชื่อด้วยความมั่นใจ รอยเชื่อมประสาทถักทอแน่นหนา คราวนี้เขาไม่เพียงได้ยินแค่เสียง


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP