ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ทำไมจึงบอกว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา


ถาม - ทำไมถึงบอกว่าจิตไม่ใช่ตัวเราครับ

จิตไม่ใช่ตัวเรา ดูง่ายๆ เลย เอาคำถามนี้ก่อนนะ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าถ้าจะยึดตัวตนว่าร่างกายนี้คือตัวเรา
มันยังดีซะกว่าไปยึดจิตว่าเป็นตัวเรา
เพราะว่าร่างกายนี่ตั้งอยู่ บางทีสิบปีบ้าง ร้อยปีบ้าง มันก็คงสภาพอยู่เหมือนเดิม
หรือว่าสืบทอดคลี่คลายมา เปลี่ยนจากเด็กเป็นหนุ่มสาว เป็นแก่ อะไรต่อมิอะไรต่างๆ แล้ว
มันก็ยังเป็นสภาพแบบนี้ แข็งๆ จับต้องได้ มีรูปมีร่าง แบบที่สามารถจำได้ว่าเป็นบุคคลเดิม
แต่ว่าจิต ทั้งวันทั้งคืนมันเหมือนกับลิง
ที่เปลี่ยนจากกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง กระโจนไปหากิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืน
ง่ายๆ เลยนะ อย่างพอตาคุณมองเห็นอะไร แล้วคุณตั้งใจเงี่ยหูฟัง
แค่นั้น จิตเปลี่ยนแล้ว
เปลี่ยนจากจักขุทวาร ไปเป็นโสตวิญญาณ

หรือว่าจิตของคุณนะ สมมติว่าในขณะนี้ที่ตั้งใจฟังคำตอบอยู่ มันเป็นกุศล
แต่สมมติว่าเกิดมีเสียงโทรศัพท์ขึ้นมา ว่าเมียมาตามบอกว่าเกิดเรื่องที่บ้านอะไรอย่างนี้
คุณหงุดหงิดขึ้นมา คุณเกิดความกระวนกระวายขึ้นมา
จิตคุณเปลี่ยน มันเปลี่ยนจากความสว่าง มันเปลี่ยนจากความสบาย
กลายเป็นอกุศล กลายเป็นความกระวนกระวาย นี่แค่นี้เรียกว่าจิตเปลี่ยนแล้ว

ทีนี้ถามว่า ตัวไหนที่เป็นตัวชี้ว่ามันคืออนัตตา
ก็คือตัวที่ควบคุมบังคับไม่ได้
ตัวที่ไม่สามารถที่จะประคองรักษาภาวะของตัวเองไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง
สิ่งใดก็ตามที่ไม่สามารถรักษาตัวเองไว้ได้
สิ่งนั้นพระพุทธเจ้าให้ตัดสินด้วยเหตุด้วยผล ว่ามันไม่ใช่ตัวตนไปหมด
เพราะถ้ามันเป็นตัวตนจริงแล้ว มันต้องสามารถรักษาตัวเองไว้ได้ รักษาภาวะตัวเองไว้ได้
แต่นี่พอเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัยอย่างหนึ่ง
เช่นในขณะนี้ คุณกับผมกำลังคุยเรื่องธรรมะกัน
แล้วจิตคุณสว่าง มีความเป็นกุศล
แต่พอเลิกคุยเรื่องธรรมะ ไปคุยเรื่องเมียแทน มันเกิดความกลุ้มใจขึ้นมา
ไม่ได้บอกว่าคุณมีปัญหาเรื่องเมียนะ อันนี้เป็นสมมุติที่ผู้ชายทุกคน ส่วนใหญ่นะจะเข้าใจได้ง่าย
พอไปคิดเรื่องเมียแล้วเกิดความรู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา จิตเป็นอกุศล
ตรงนั้นคุณก็สามารถเห็นได้ว่ามีเหตุปัจจัยอย่างอื่นแทรกแซงเข้ามาแล้ว
ไอ้เหตุที่เป็นกุศลมันหายไปแล้ว มันก็เกิดผลแบบใหม่ขึ้นมานะ เป็นจิตคนละแบบ
นี่แหละตรงนี้แหละที่พระพุทธเจ้าชี้ให้เห็นว่ามันไม่เที่ยงนะ มันไม่สามารถรักษาตัวเองไว้ได้
ถ้ามีเหตุปัจจัยอื่นมาแทรกแซง มันเปลี่ยนไปได้
หรือต่อให้ไม่มีเหตุปัจจัยอื่นมาแทรกแซง แต่เหตุปัจจัยเก่ามันหมดกำลัง
อย่างวันนี้ในที่สุดผมก็ต้องเลิกคุยกับคุณเรื่องธรรมะ
แล้วพอไม่มีเหตุปัจจัยเหล่านี้แล้ว จิตของคุณมันก็กระเทือน
มันก็ไปคิดเรื่องอื่นที่อาจจะฟุ้งซ่าน หรืออาจจะเกิดความเคร่งเครียดในเรื่องงานเรื่องอะไร

นี่ตรงนี้ แสดงให้เห็นว่าแต่ละภาวะของจิต มันไม่สามารถประคองรักษาตัวเองไว้ได้
มันต้องมีเหตุปัจจัยอะไรอย่างหนึ่งมาเป็นตัวเลี้ยง
หรือไม่ก็มีเหตุปัจจัยอย่างอื่นมาเป็นตัวทำลาย
ไม่สามารถที่จะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งตั้งอยู่ได้ ภาวะใดภาวะหนึ่งที่ตั้งอยู่ได้
นี่แหละตรงนี้พอเราเห็นไปเรื่อยๆ นะ
ว่าจิตเดี๋ยวมันสว่างบ้าง เดี๋ยวมันมืดบ้าง เดี๋ยวมันไปเห็นบ้าง เดี๋ยวมันไปได้ยินบ้าง
แล้วรู้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันเกิดการยอมรับขึ้นมา
ว่าจิตเกิดดับอยู่ทั้งวันทั้งคืนจริงๆ แล้วไม่ซ้ำหน้ากัน
ตรงนั้นแหละที่คุณจะเริ่มยอมรับขึ้นมาว่า จิตไม่ใช่เรา
คุณจะรู้ขึ้นมาว่าจิตที่มันเป็นอนัตตา ก็เพราะว่ามันไม่สามารถบังคับได้



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP