วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๓๐


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


รอยจันทร์มาไม่ทัน ตลอดการเดินทางล้วนถูกขัดขวางจากสิ่งที่มองไม่เห็นมากมาย ขึ้นรถเมล์ รถก็เสียต้องต่อคันใหม่ เปลี่ยนรถสามสี่คันเหนื่อยแทบขาดใจกว่าจะเข้าใกล้ถึงหน้าปากซอย ระยะสุดท้ายต้องวิ่งเข้ามาเพราะไม่มีมอเตอร์ไซค์ ไม่มีแท็กซี่ พอเหยียบเข้าสู่คฤหาสน์นาคพิทักษ์ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงกับแสงสว่างระลอกสุดท้ายเป็นการกล่าวลา

ที่กลางสนามหญ้า เธียรฟุบร่างคล้ายคนหมดสติ ฝนเพิ่งขาดเม็ด เมฆดำคล้อยเคลื่อน เผยดวงจันทร์แจ่ม แสงสกาวอาบไล้ไล่มาทีละน้อยจนทั่วบริเวณ

รอยจันทร์เข้าไปหา จิตใจหวั่นหวาดนึกถึงแต่ภาพร้าย กระทั่งหยุดยืนใกล้ๆ เธียรขยับตัวยันกาย หญิงสาวถอนใจโล่งอก

ริว เธียรออกปากเบาๆ ใจห่วงชายหนุ่มที่มาช่วย

พี่เธียร เสียงตอบกลับเป็นรอยจันทร์

เธียรเงยหน้ามองหญิงสาว ดวงตาฉายประกายรับรู้ก่อนมองรอบตัว

ริว...ริวอยู่ที่ไหน รอยช่วยพี่หาที ภาพสุดท้ายและคำพูดหนุ่มรุ่นน้องทำให้นึกหวั่น

รอยจันทร์ใจหาย สังหรณ์แปลกๆ แล่นจับหัวใจ อากาศรอบตัวเย็นเฉียบฉับพลัน พูดไม่ออกเดินขาสั่นรอบสนามตามหาน้องชาย

สนามหญ้ากว้างโล่งกลางแสงจันทร์ มองไกลจนสุดแนวกำแพง ทั้งสองพยายามเดินหาจนทั่วแทบทุกซอยทุกมุมในอาณาเขตคฤหาสน์นาคพิทักษ์จนอ่อนใจ นั่งหมดแรงตรงบันไดหน้า

ไม่พบ รอยจันทร์พึมพำ

ริวหายไปไหน เธียรพูดเหมือนถามตนเอง

รอยจันทร์ตั้งสติหันมาถามเธียรถึงเรื่องที่เกิด

เรื่องมันเป็นยังไงคะ รอยมาก็เจอแต่พี่คนเดียว

เธียรถอนใจเฮือกใหญ่ บีบมือตนเองแน่น มันเป็นเรื่องน่าละอายใจเกินกว่าจะพูด แต่จำเป็นต้องบอก ไม่เช่นนั้นรอยจันทร์กับเขาคงยากเข้าใจกัน


เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างเขากับสิงหานาคราชถูกถ่ายทอดสั้นๆ เก็บรายละเอียดอีกทีตอนชัยยะนาคามาช่วย และริวโผล่มาพูดจาฝากฝังพี่สาวก่อนหักหาญกับสิงหานาคราชขั้นสุดท้ายจนกระทั่งเกิดระเบิดสีขาวพร่างเสียงดังเปรี้ยง รอยจันทร์มาถึงเวลานั้นพอดี

ฟังจบหญิงสาวนิ่งคิด ขบริมฝีปากแน่น ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าน้องชายจะตาย ริวต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่ง...ไม่ตายง่ายๆ แน่

พรุ่งนี้เราจะลองหาอีกครั้ง กลางคืนมันมืดอาจหลงหูหลงตา หญิงสาวมองเธียรอย่างเป็นห่วง พี่เธียรไปพักผ่อนก่อนนะคะ เหนื่อยมากแล้ว

แล้วรอยล่ะ จะให้หล่อนกลับบ้านตอนนี้ก็น่าเป็นห่วง

ที่นี่มีห้องว่างมั้ยคะ รอยต้องขออาศัยสักคืน พรุ่งนี้จะได้ตามหาริวอีกครั้ง

มีสิ เธียรตอบอย่างยินดี ถ้าไม่เป็นเพราะมึนงงกับการต่อสู้เขาคงเอ่ยปากชวนเองแล้ว

รอยจันทร์ยังมีความหวัง ริวต้องไม่ตาย อาจหายตัวไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ขอเวลาอีกนิดต้องพบแน่ ความมั่นใจเช่นนี้ทำให้หล่อนเข้มแข็ง มีแรงหยัดยืนไม่ยอมแพ้ ทั้งที่ส่วนลึกในใจวูบไหวอ่อนแอ...จะเป็นอย่างไร ถ้าริวไม่กลับมาจริงๆ


-----000-----


รุ่งอรุณและวันต่อๆ มา รอยจันทร์และเธียรไม่อาจพบริวแม้แต่เงา ชายหนุ่มผู้สดใส เป็นที่รักของทุกคนอันตรธานอย่างไร้ร่องรอย เลือนหายเหมือนเงาในน้ำ

สองหนุ่มสาวสืบหาจนเหนื่อยอ่อน รอยจันทร์ยอมหยุดงานทุกอย่างเพื่อตระเวนไปทุกที่ อย่างน้อยขอแค่ข่าวคราวก็ยังดี แต่ก็คว้าน้ำเหลว

ฉุกใจคิดถึงพันเกลียว ต่อให้ริวไม่อยู่บ้านหล่อนแต่ที่นั่นคงมีคำตอบให้

พอไปถึงไม่พบทั้งริว ไม่พบพันเกลียว บ้านปิดเงียบ แทบจนหนทาง รอยจันทร์คิดถึงวัดที่พบพันเกลียวครั้งแรก ไม่แน่หญิงสาวอาจกลับไปถือศีลที่นั่น เวลานี้พันเกลียวน่าจะเป็นบุคคลเดียวที่ให้คำตอบได้ว่าริวอยู่ที่ไหน


-----000-----


ที่วัดป่า สองหนุ่มสาวไม่พบพันเกลียว แต่ได้พบหลวงพ่อเจ้าอาวาสแทน

ท่านเมตตามาพูดคุยปราศรัยชวนอุ่นใจ เธียรตัดสินใจเล่าเรื่องการตามหาริวให้ท่านฟังเผื่อท่านมีข้อแนะนำอะไร ไม่ก็บอกที่อยู่ของพันเกลียวก็ยังดี

หลวงพ่อฟังจบก็ตอบ

ตอนนี้สีกาพันเกลียวเธอหมดภาระหน้าที่ นอกตัว แล้ว อย่าไปรบกวนอีกเลย ให้เธอได้มีเวลากับงาน หน้าที่ ของตนดีกว่า คำพูดของท่านคล้ายวาจาพันเกลียวก่อนลา

ส่วนน้องชายสีกา ท่านพูดกับรอยจันทร์ ถ้าหาไม่เจอก็คือยังไม่เจอ มัวแต่มาวุ่นวายกันจนลืมหน้าที่ของตัวเองกันหรือเปล่า...คนหนึ่งหายไป แต่อีกสองคนยังอยู่ในโลก ภาระหน้าที่รออยู่ จะทำอย่างไรต่อไป ไตร่ตรองดูนะ

คำพูดหลวงพ่อทำให้เธียรและรอยจันทร์ได้สติ หญิงสาวหยุดงานกองถ่ายก็ชะงัก งานที่ค้างมีคนรอไม่น้อย ส่วนเธียรมีปัญหาหนี้สินค้างคา ริวเอาเอกสารจากสำนักงานทนายความมาให้แล้วเขาต้องสานต่อให้เรียบร้อย

ปัญหาเฉพาะหน้ารออยู่เช่นนี้ ควรหรือจะดูดายทอดทิ้งคิดแค่เรื่องส่วนตัว คำพูดหลวงพ่อกระตุ้นให้คิด ตระเวนหาขนาดนี้ยังไม่พบ แสดงว่ายากจะพบ หากต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ภาระหน้าที่ต่อบุคคลอื่นควรทำเช่นไร


-----000-----


สำนักงานทนายความกำลังโกลาหลกันใหญ่ เอกสารสำคัญของตระกูลนาคพิทักษ์หายไปทั้งหมด ถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้แล้ว พวกเขารับเป็นตัวแทนแต่แรกจึงไม่อาจปัดภาระได้

ทุกคนไม่อาจให้คำตอบ เอกสารที่ถูกเก็บในเซฟอย่างดีแน่นหนา หายสาบสูญอย่างไร

ไตรพยายามตามหาเธียร เพื่อจัดการเรื่องหลักฐานเอกสารใหม่ แต่ชายหนุ่มทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหน ไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง มือถือปิด ได้ข่าวว่าไปไหนมาไหนมีสัมพันธ์กับดาราสาวชื่อดัง รอยจันทร์ ก็พยายามติดต่อทางหญิงสาว ก็ไร้ประโยชน์อีกเช่นเคย หล่อนหยุดงานทุกอย่างชั่วคราว พวกกองถ่ายละครปั่นป่วนกันใหญ่ ตามหาที่บ้านไม่เจอ มือถือก็ปิด ทั้งคู่กลายเป็นบุคคลหายสาบสูญจากโลกไปแล้ว

ไตรกับทนายความกำลังถกเถียงเรื่องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เด็กประจำออฟฟิศคนหนึ่งก็เคาะประตูเข้ามาในห้อง

มีคนมาขอพบครับ เด็กมาทำงานใหม่หน้าตาซื่อๆ บอกอย่างเกรงใจ

ใครวะ ทนายถาม

เป็นผู้ชายครับ คำตอบชวนโมโห

เออ แล้วชื่ออะไร

เทียนครับ ชื่อแปลกๆ เหมือนคนแก่

เทียนไหน ไม่เคยได้ยิน ทนายความมองหน้าไตรเป็นเชิงถามว่า คุ้นหูชื่อนี้มั้ย

เขาบอกว่า นามสกุลนาคพิทักษ์

ฉิบหาย!” ทนายความร้องลั่น รีบเชิญเข้ามาเดี๋ยวนี้

เธียร นาคพิทักษ์เข้ามาในห้องด้วยท่าทางปกติ มีมาด คุณชาย คนเดิมไม่น้อย ดวงตาคมมีแววฉลาดเท่าทัน มองหน้าไตรและทนายความพร้อมกับยิ้มตามมารยาท

ได้ข่าวว่าคุณไตรกับทนายต้องการพบผมหรือครับ ชายหนุ่มเริ่มต้น

ใช่ครับ เรามีปัญหาใหญ่ ไตรรีบพูดเข้าประเด็นด้วยความร้อนใจ

เธียรยิ้มในหน้า รอฟังโดยไม่ปริปากถาม

คือ...เอกสารทั้งหมดของคุณมันหายไปครับ ทนายความบอก ถ้ายังไงผมจะให้คุณช่วยเซ็นรับรองเอกสารที่ผมจะไปยื่นขอมาใหม่

คงไม่จำเป็นหรอกครับ เธียรตอบเรื่อยๆ

อ้าว ทั้งสองหลุดปากพร้อมกัน

เอกสารทั้งหมดอยู่ที่ผม ตอนนี้ผมได้ไปปรึกษาเรื่องการบริหารหนี้สินกับผู้ใหญ่หลายท่านรวมทั้งคุณลุงชัยกาล ซึ่งทุกท่านให้คำแนะนำที่มีค่ามากจนผมคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องใช้บริการของคุณแล้ว ชายหนุ่มพูดไม่ใส่ใจคนฟัง

อ้าว ทั้งสองไม่รู้จะพูดอะไรดีกว่านี้

ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือดูแลผมและบริษัทมาตลอด ที่มาวันนี้ผมก็แค่อยากบอกเรื่องพวกนี้เท่านั้นเอง

เธียรลุกขึ้นยืนยิ้มให้แทนคำกล่าวลา ก่อนเดินออกจากออฟฟิศด้วยจิตใจปลอดโปร่ง ถึงรู้ว่าคนพวกนี้หักหลัง คิดหาผลประโยชน์กับตน แต่จิตใจก็ผ่านความโกรธขึ้งอาฆาตแค้นมาแล้ว ไม่คิดกลับไปย่ำอารมณ์เดิมอีก จากนี้ก็มีอีกคนที่เขาควรไปคุยด้วย


-----000-----


จิญยานีกำลังคร่ำเคร่งกับตัวเลขและงานกองพะเนิน ริ้วรอยตรากตรำแตะเป็นตีนกาบนใบหน้า ยิ่งเน้นย้ำอายุที่ร่วงโรยจากวัยสาว ทรัพย์สินมหาศาลที่ได้มาต้องแลกกับภาระรับผิดชอบ หน้าที่การงานที่ต้องทุ่มเทเวลาดูแล ความสุขเมื่อเห็นดอกผลงอกงามเป็นเหยื่อล่อให้โหมกำลังแรงใจเข้าสู้โดยไม่มีวันสิ้นสุด

คุณจิญยานีคะ คุณเธียร นาคพิทักษ์ ขอเข้าพบค่ะ เสียงจากอินเตอร์คอมดังขึ้น

จิญยานีนิ่งอั้น คิดไม่ถึงชายหนุ่มผู้นี้จะมาถึงบริษัท ได้ข่าวว่าเขาหายสาบสูญ ทำไมจู่ๆ โผล่มาที่นี่ หรือระแคะระคาย อะไร บางอย่าง

เชิญเข้ามาได้ ถ้าปฏิเสธจะเป็นพิรุธเกินไป

ชายหนุ่มที่เดินเข้ามา ยังคงรูปลักษณะของเธียรคนเดิม ทั้งการแต่งกายภูมิฐาน กิริยาดีมีมาดสมตัว

สวัสดีครับ เขาเป็นฝ่ายทักทายก่อน

เชิญนั่งค่ะ คำพูดตอบรับตามมารยาท

ผมมีสิ่งนี้มาฝาก ชายหนุ่มยื่นซองสีน้ำตาลวางไว้ตรงหน้าหล่อน เป็นการเข้าวัตถุประสงค์โดยไม่เยิ่นเย้อ

จิญยานีเปิดซองออกดูต้องตกตะลึงงัน คาดไม่ถึงเอกสารชิ้นนี้จะอยู่ในมือเธียร ทั้งที่หล่อนมั่นใจว่า ปิด มันดีเยี่ยม

เอ้อ...หลักฐานนี้ คุณได้มาจากไหน หญิงสาวถามใจสั่น

นี่คือเอกสารรับรองว่าหล่อนจะต้องโอนคืนบริษัทที่ก้องฟ้าใส่ชื่อไว้ให้เมื่อเขาต้องการ หรือหากเขาเสียชีวิตต้องโอนให้กับทายาท

ก้องฟ้าหลงจิญยานีก็จริงแต่จากการคร่ำหวอดวงการธุรกิจมาตลอดชีวิตจึงต้องเตรียมหลักฐานลับไว้ป้องกันตัว


หลังจากก้องฟ้าตาย จิญยานีก็แอบมีสัญญาลับกับไตรและทนายความให้ทำลายหลักฐานชิ้นนี้ทิ้งเสีย แลกกับหล่อนยอมให้พวกเขาถือหุ้นลม รับผลประโยชน์จากบริษัทเหล่านี้ไปตลอด ตราบใดที่มันยังเป็นของหล่อน

ทั้งคู่ยอมรับปาก แต่ยังไม่ทำลาย คิดจะเก็บมันไว้สักระยะ เอกสารชิ้นนี้ไม่มีคนนอกรู้เรื่อง

มันน่าจะเป็นความลับตลอด ถ้าริวไม่แอบขโมยเอกสารของเธียรคืนและพบมันอยู่รวมในกองด้วย

เอกสารชิ้นเดียวที่เธียรบอกว่ามันมีมูลค่าเป็นพันล้าน

ผมขออนุญาตไม่ตอบ เธียรพูดง่ายๆ แต่มั่นใจต้องเป็นเอกสารจริงไม่แปลกปลอมแน่ๆ

จิญยานีพูดไม่ออก ถ้าเธียรได้หลักฐานชิ้นนี้มาแสดงว่าทนายความกับไตรอยู่ฝ่ายเขา ถึงจะปฏิเสธก็ไม่มีประโยชน์ พยายามสงบใจดูท่าทีเขาก่อน จึงจะดำเนินแผนการต่อสู้ เรื่องอะไรจะยอมทิ้งสมบัติมูลค่าพันล้านกันง่ายๆ

คุณจะเอายังไง หล่อนแข็งใจถาม

ให้ผมเอายังไงดีครับ เขาย้อนถามแทนการตอบ

ชายหนุ่มหยุดพูดมองใบหน้าหญิงสาวเห็นริ้วรอยชราเริ่มมาเยือน ผิดจากครั้งก่อนที่ดูสาวกว่านี้ ความร่ำรวยที่มาพร้อมกับภาระความรับผิดชอบ ต้องแบกความโลภเพิ่มขึ้น อีกทั้งอ้างว้างระแวงผู้คนรอบตัว มีความสุขหรือไร

คุณต้องการอะไรกันแน่ จิญยานีถามเสียงแปร่งแปลก เดาใจผู้ชายตรงหน้าไม่ถูก

คุณจะขัดข้องมั้ย...ถ้าผมต้องการ... ชายหนุ่มหยุดพูดชั่วขณะ นัยน์ตาแลตรงหญิงสาว มอบสัญญาฉบับนี้ให้คุณ

จิญยานีรู้สึกเหมือนมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นต่อหน้า ผู้ชายคนนี้ต้องบ้าแน่ๆ ที่กล้ายกทรัพย์สินมูลค่านับพันล้านให้หล่อน

เท่าที่ผมดู เอกสารทั้งหมดอยู่ในซองแล้ว คุณจะจัดการยังไงก็ตามสบาย เธียรยิ้มนิดๆ ลุกขึ้นยืนขอตัว หันหลังกลับเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวมองอย่างตะลึงงัน ทำอะไรไม่ถูก

จิตใจเธียรปลอดโปร่งที่สุด เหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากเขายังเป็นเธียร นาคพิทักษ์คนเก่า ไม่มีมนุษย์ปกติธรรมดาคนไหนที่กล้ายกสมบัตินับพันล้านให้คนอื่นง่ายๆ

ตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ผ่านการขัดเกลาตัวเอง ได้พานพบเรื่องมากมายความคิดค่อยเปลี่ยนไป เคยเป็นเหมือนเจ้าชาย ลอยฟ่องบนกองเงินกองทอง พริบตาก็หมดตัวไม่มีอะไรเหลือ แถมยังไม่อาจจะรักษาชีวิตได้

ในจุดต่ำที่สุดเขากลับมองอะไรกว้างขวาง ความทุกข์สอนให้รู้จักชีวิตอีกด้าน ความตายบอกให้ทราบ ไม่มีใครได้อะไรไปจากโลก

เรื่องจิญยานีและทรัพย์สมบัติเหล่านั้น เขาไม่คิดอะไรมากมาย...นอกจากถามตัวเองถ้าหากดื้อ จะเอาสมบัติพวกนี้ให้ได้ จิตใจตนจะเป็นเยี่ยงไร

ย่อมรุ่มร้อน วุ่นวาย จิญยานีเสียผลประโยชน์มหาศาลต้องสู้สุดฤทธิ์ ชีวิตเขาไม่อาจเป็นสุข...ความรุ่มร้อนจากการอยากได้ อยากมีเป็นเช่นไรเขาเคยสัมผัสมาแล้ว

ถ้าอย่างนั้นสู้ตัดใจให้หล่อนเสียสิ้นเรื่อง ทรัพย์สินพวกนั้นเขาไม่ได้ลงแรงเหนื่อยยากเสาะหาสักกระผีก จะถือสิทธิเอาง่ายๆ เช่นนี้คงเห็นแก่ตัวเหมือนกัน

พอตัดใจละความเสียดาย ความสงบเย็นก็บังเกิด เขาเลือกเป็นคนเดินดินที่มีความอิ่มพอเย็นใจ ดีกว่าเป็นคนร่ำรวยล้นฟ้า แต่หัวอกร้อนเร่าไม่รู้จักพอ


-----000-----


รอย...รอย มาดูอะไรนี่เร้ว

เสียงป้าแดงวี้ดว้ายกระตู้วู้กลางกองถ่าย ทุกคนกำลังร่วมรับประทานอาหารเป็นกลุ่มๆ รอยจันทร์กับผู้จัดการคนใหม่นั่งกินข้าวราดแกงง่ายๆ กันสองคน

มีอะไรคะป้า หญิงสาวเงยหน้าถาม

นี่ไง ดูก่อนเห็นมั้ยใคร คนอะไรหล่อเป็นบ้า ป้าแดงหยิบนิตยสารเล่มใหญ่ชื่อดังยื่นให้ดู

ใครคะ หญิงสาวไม่ค่อยใส่ใจ

นายแบบหน้าปกคนนี้หล่อจัดสะดุดตา รูปร่างหน้าตาเข้าขั้นเพอเฟ็กต์หายาก พอตั้งใจมองจริงๆ จึงนึกสะดุด คุ้นตา

ริว รอยจันทร์อุทาน ภาพที่ถ่ายแฟชั่นคราวก่อนถูกตีพิมพ์ออกมาแล้ว หน้าปกที่วางไว้เป็นรูปคู่สองพี่น้องกลับถูกเปลี่ยนกลายเป็นรูปเดี่ยวชายหนุ่ม

เนี่ย...ทีแรกป้าบอกให้เอารูปคู่ขึ้นปก แต่บอสใหญ่เห็นรูปริวเข้าสั่งเปรี้ยงเลยให้ลงเดี่ยว รอยไม่ว่าอะไรป้านะ เห็นมั้ยน้องชายรอยดูดีเอามากๆ เลยนะขึ้นกล้องจริงๆ

ทุกคนยังไม่รู้ริวหายสาบสูญ รอยจันทร์ไม่ต้องการให้เป็นข่าวครึกโครม บอกแค่คนใกล้ชิดเกี่ยวกับงานว่าริวขอใช้ชีวิตส่วนตัวสักระยะ ช่วงที่ว่างผู้จัดการส่วนตัว เธียรจึงมาช่วยแทนชั่วคราว

ป้าแดงคงจะพล่ามอีกนาน ถ้าไม่ทันเห็นแววตาหดหู่ของรอยจันทร์กับเธียร

เดี๋ยว...เอ่อ...ป้าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

ไม่หรอกค่ะ อ้อ...รอยขอหนังสือเล่มนี้ได้มั้ย

ได้สิ ป้าเอามาฝากอยู่แล้ว ป้าแดงยังคงพูดเรื่อยเจื้อยตามประสา

สองหนุ่มสาวนั่งฟังปล่อยให้เสียงผ่านหู มือเปิดพลิกผ่านหน้ากระดาษช้าๆ

มันคล้ายเป็นอัลบั้มส่วนตัว ทิ้งภาพถ่ายไว้ให้แก่คนที่รักเขา รูปของริวดูราวกับตัวเขาอยู่ใกล้ๆ ท่าทางธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง ดวงตาแจ่มใสฉายเสน่ห์มีชีวิตชีวา รอยยิ้มทำให้คนอยู่ใกล้อบอุ่นสบายใจ ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนเขาไม่ได้ไปไหนไกลเลย

รอยจันทร์พลิกมาถึงรูปคู่ เห็นแล้วแทบกลั้นก้อนสะอื้นไม่ไหว มันสวยสมราวภาพวาดผสานลงตัว แววตายามเขามองหล่อนมันเต็มไปด้วยความรัก ห่วงใย ถ่ายทอดทางภาพถ่ายชัดเจน

พี่เธียร... หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มข้างๆ หยาดน้ำเอ่อคลอ

ริวต้องมีชีวิตอยู่สิ เธียรพูดหนักแน่น

รอยจันทร์อยากเชื่ออย่างนั้น แม่เคยบอกว่า ริว หมายถึงมังกรในภาษาญี่ปุ่น แม่ฝันเห็นพญานาคตอนท้องริว มั่นใจแน่ๆ ว่าต้องได้ลูกชาย

มังกร...นาคา มีอายุยืนยาวเกือบจะเรียกได้ว่าอมตะ ฉะนั้น นาคาเช่นริวต้องยังมีชีวิตอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ความมั่นใจเช่นนี้ทำให้รอยจันทร์ยิ้มได้อย่างเข้มแข็ง




บทที่ ๒๖



อำเภอโพนพิสัย ท่าน้ำวัดไทย ริมแม่น้ำโขง

คืนออกพรรษา ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

จันทร์แจ่มเต็มดวงลอยเด่นเหนือแม่น้ำโขง ผู้คนมากมายหลั่งไหลจากทั่วสารทิศ แออัดแน่นริมท่าน้ำ เสียงจุดพลุ เสียงประทัดดังเป็นระยะ ทุกสายตาจ้องมองเหนือแม่น้ำท่ามกลางความมืดที่โรยตัวช้าๆ เสียงเฮดังลั่นเมื่อลูกไฟสีแดงลอยขึ้นจากแม่น้ำเป็นระลอกแรก

ท่านผู้ชมคะ นี่คือบั้งไฟพญานาคที่ขึ้นมาเป็นชุดแรกของคืนวันออกพรรษานี้ค่ะ

รอยจันทร์ทำหน้าที่พิธีกรสนามรายการมิติเร้นอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วรายการประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นหนึ่งปีที่พบเรื่องราวมากมาย ความลี้ลับ ประสบการณ์ประหลาด วังวนการต่อสู้และที่สำคัญได้รับความรักที่ตกหายคืนมา

สิ่งที่สูญเสียมีอย่างเดียวคือน้องชายอันเป็นที่รัก

คุณรอยจันทร์ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ

เสร็จจากหน้าที่พิธีกร พวกสาวหนุ่มที่ชื่นชอบคนดังต่างเข้ามาขอถ่ายรูปผิดกับปีที่แล้วที่ภาพนางร้ายในจอทีวีทำให้ชาวบ้านหลายคนได้แต่แอบมองเฉยๆ

กว่าจะผ่านผู้คนเข้ามาหลบในรถตู้ได้ก็แทบแย่ รู้สึกเหมือนเข้ามาในโลกส่วนตัว ขณะที่ภายนอกคลาคล่ำด้วยผู้คน

น้ำส้มแช่เย็นถูกส่งมาให้จากมือที่อยู่ด้านใน

ขอบคุณค่ะพี่เธียร หญิงสาวพูดโดยไม่ทันหันไปมอง เธียรอยู่ในระหว่างจัดการเรื่องหนี้สินเก่า ก่อนคิดทำบริษัทของตัวเอง เขาจึงมีเวลาว่างมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ระยะหนึ่ง

แปลกแฮะ คราวนี้ไม่ยักบ่นว่าเป็นน้ำนางเอก กินไม่ได้อีก เสียงทุ้มนุ่มดังกลั้วหัวเราะจากเบาะด้านหลัง

รอยจันทร์ตัวเย็นวาบ มือถือแก้วน้ำส้มอ่อนลงแทบไม่มีแรง ตกในอาการตะลึงครู่ใหญ่ วางแก้วลงหันมองเบาะหลังด้วยใจสั่นระทึก...ความดีใจล้นออกมาปะปนกับความลังเลไม่แน่ใจ กลัวภาพที่เห็นจะไม่ตรงกับสิ่งที่ใจคิด

ริว หญิงสาวอยากตะโกนร้องลั่นด้วยความยินดี เสียงหลุดออกมากลับแผ่วเครือ ความปีติปะทุหัวอกจนแทบทำอะไรไม่ถูก

ใบหน้าชายหนุ่มที่เบาะหลังซ่อนในเงาสลัว รอยยิ้มของเขาสว่างไสวเตะตาชนิดที่เห็นครั้งเดียวก็จดจำได้ ความสว่างของมันฉายโชนถึงจิตใจ

ริว รอยจันทร์เรียกอีกครั้ง ไม่รู้ตัวว่าทำอย่างไรถึงไปอยู่เบาะหลัง และกอดเขาเสียเต็มรัก ไออุ่นและกลิ่นอายคุ้นเคยยังติดจมูก วงแขนที่กอดตอบกระชับแน่นบอกถึงความมีชีวิตไม่ใช่แค่ฝัน

เจ๊นี่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อเรื่อยเชียว ถ้าพี่เธียรเกิดหึงผมขึ้นมาแล้วจะทำยังไง

คำพูดหยอกล้อดังข้างหู วงแขนรัดแน่นเหมือนจะแกล้งก่อนคลายออก เปิดโอกาสให้หล่อนเห็นใบหน้าเขาชัดๆ

ริวไม่เปลี่ยนเลย ใบหน้า แววตา รูปร่าง ยังเป็นน้องชายคนเดิมที่คุ้นเคย

รอยจันทร์มองด้านข้างพบเธียรนั่งอยู่ก่อน สีหน้ายินดีปลาบปลื้ม เห็นอย่างนี้ก็เข้าใจ เขาพบริวก่อนแล้ว

พี่เธียร ทำไมไม่รีบบอกรอยว่าเจอริวที่นี่ เสียงพูดกึ่งดุกึ่งตัดพ้อ

อย่าไปโทษแกเลย ผมบอกเองแหละว่าเจ๊กำลังทำงานอย่าเพิ่งไปยุ่ง ริวตอบแทนให้

แล้วแกหายไปไหนมาไม่ยอมติดต่อตั้งหลายเดือน ความตื่นเต้นดีใจคลายลงก็เริ่มซักไซ้

แค่สามเดือน พรรษาเดียวเอง ริวออด

นั่นแหละตั้งสามเดือน นานนะโว้ย...รู้มั้ยฉันเป็นห่วงแกขนาดไหน รอยจันทร์สวนกลับสวมมาดนางมารร้าย

เล่าก็ได้ ริวหัวเราะขัน เจ๊ไม่ต้องเล่นบทโหดหรอก


-----000-----


สามเดือนสำหรับรอยจันทร์มันช่างนานเหมือนสามปีสิบปี ท่ามกลางความหวังและการรอคอยที่มองไม่เห็นฝั่ง มันช่างเลื่อนลอยและทำร้ายจิตใจอย่างร้ายกาจ

ผิดกับริว...สามเดือนบนโลกมนุษย์ไม่นานเท่าใดนักเมื่ออยู่ใต้บาดาล!

คืนต่อสู้ตัดสินริวมาถึงคฤหาสน์นาคพิทักษ์ตั้งแต่ก่อนกองทัพงูบุก เขารู้ว่าเธียรสำเร็จมนต์อาลัมพายน์จึงไม่ห่วงเท่าใดนัก ใช้เวลาที่มีครุ่นคิดแผนสยบสิงหานาคราช

ลำพังมนตราของมือใหม่คงยากจัดการขั้นเด็ดขาดกับนาคราชผู้ทรงฤทธิ์ ริวต้องเอาตัวเองเข้าแลก ถึงขนาดนั้นก็ต้องรอให้เธียรใช้มนต์จนสุดหล้า ลิดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามจนอ่อนเปลี้ย ให้ชัยยะนาคาจู่โจมจนรวนเร จากนั้นเสี่ยงใช้มนต์อาลัมพายน์ผสานกับอำนาจนาคาเข้าควบคุมในเวลารวดเร็วที่สุด

ริวใช้มนต์อาลัมพายน์ ตบะเขาอยู่เหนือมนตราแล้วหรือ

ยัง...เพราะตบะไม่อาจอยู่เหนือมนตรา เขาถึงต้องลงไปถูกกักขังร่วมกับสิงหานาคราชที่เมืองใต้บาดาล

สถานที่แห่งนั้นชัยยะนาคาและบริวารเก่าของกุมภนาคราชกำลังอยู่ในช่วงตั้งจิตปวารณาถือศีลเข้าพรรษา เพื่อเป็นพุทธบูชา

สิงหานาคราชและริวถูกจองจำร่วมกันที่ถ้ำเล็กๆ หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่รัศมีสีทองเปล่งกำจาย มีเหล่านาคา นาคีทั้งหลายรายล้อมบำเพ็ญตบะ ถือศีลเข้าพรรษา

มันเป็นภาพและบรรยากาศที่งดงามนักสำหรับริว

เมืองใต้บาดาลในช่วงถือศีลเข้าพรรษา ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่ายชาวนาคสงบเสงี่ยม พูดจาน้อยคำ แต่ละวันจะมีการรวมกลุ่มสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย กระแสเสียงกระหึ่มไปทั่ว


วันคืนในที่จองจำเป็นไปด้วยความสงบสุข ริวมักสำรวมจิต เจริญสติสลับกับนั่งสมาธิภาวนาให้อารมณ์นิ่งอยู่ได้เป็นเวลานานๆ พอถึงเวลาชาวเมืองสวดมนต์เขาก็จะร่วมส่งเสียงสวดสอดคล้องประสานด้วยศรัทธาเดียว

ภาพและบรรยากาศเช่นนี้อึดอัด ทารุณ ทรมานต่อสิงหานาคราชอย่างยิ่ง

เขาถูกจองจำร่วมกับมนุษย์ อิทธิฤทธิ์ อำนาจล้วนหายสาบสูญจนหมดไม่ต่างอะไรกับงูดินธรรมดาไร้พิษสง ทุกวันเห็นแต่พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกขัดตาคล้ายถูกหยามหยัน ยิ่งเห็นพญานาคที่ขดตัวเป็นฐานให้เช่นนั้น ยิ่งรู้สึกชาติพันธุ์ของตนโดนดูถูกดูแคลน มีค่าต่ำกว่าปลายบาทแห่งพุทธองค์

ความทรมานที่สุดคือต้องทนฟังเสียงสวดมนต์ที่แสนแสบแก้วหู กระแสคลื่นของนาคทั้งเมืองรวมกับมนุษย์ผู้ต้องขังเดียวกัน ทำให้อารมณ์หงุดหงิดอยากอาละวาด ทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่ยามนี้ตนเองไม่มีกำลังกระทั่งแหกด่านมนตรา

หยุด...หยุดเสียที ข้าเบื่อจะฟังเสียงสวดพวกนี้แล้ว สิงหานาคราชระเบิดอารมณ์ออกมาในวันหนึ่ง

ริวหยุดสวด มองเพื่อนร่วมคุกด้วยความปรารถนาดี ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาสังเกตเห็นปฏิกิริยาของนาคราชผู้ยโสมาตลอด รอยยิ้มนิดๆ ผุดขึ้น

ผมสวดของผมอย่างนี้ทุกวัน ถ้าท่านรำคาญก็สวดสรรเสริญเจ้าปู่บ้างก็ได้ ผมไม่ว่าหรอก ชายหนุ่มแกล้งหยั่งอารมณ์

เจ้าปู่ท่านไม่ต้องการให้ใครมาพร่ำสวดด้วยวาจาอันน่าเบื่อ คำพูดแข็งกร้าว

การที่เราเคารพศรัทธาใครสักคน ระลึกถึงคุณธรรม เมตตาธรรมอันอเนกอนันต์ของท่าน แล้วสวดสรรเสริญเพื่อยกย่อง ฝึกใจให้มีความสำรวมมันน่าเบื่อไร้สาระตรงไหน

ศาสดาของเอ็งมีคุณธรรม เมตตาธรรมอันใด ข้าเห็นมีแต่คำสั่งสอนที่ไร้ประโยชน์ นาคราชเถียง

คำสอนข้อไหนของพระพุทธเจ้าที่ท่านว่าไร้ประโยชน์ ริวถามอย่างสงบเย็น

สิงหานาคราชตอบไม่ถูก ตอนกุมภนาคราชนำคำสอนของพุทธองค์มากล่าวให้ฟัง ตนเองไม่เคยสนใจ มัวแต่คิดแค้นที่พี่ของตนเอาใจออกห่างเจ้าปู่ ซึ่งนาคราชทุกตนต้องเคารพเชื่อฟัง

แล้วคำสอนข้อไหนของศาสดาเอ็งที่มีประโยชน์ คำย้อนด้วยปัญญาหมายให้อีกฝ่ายจนมุม

ริวยิ้ม นี่อาจเป็นโอกาสที่จะทำให้สิงหานาคราชรู้จักพุทธศาสนาดีขึ้น

ทุกคำสอนของพระองค์มีประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ละบทแต่ละถ้อยล้วนถอดออกมาจากพระทัยเพื่อหมู่มวลเหล่าสรรพสัตว์ที่มีความแตกต่างกันทั้งด้านภูมิจิต ชาติพันธุ์

แล้วเอ็งล่ะ คำสอนใดที่ฟังแล้วได้ประโยชน์ คำพูดไล่ต้อน

ถ้าถามอย่างนี้ผมคงตอบยาก เพราะมีมากมายเหลือเกิน เอาเป็นว่าคำกล่าวใดที่ทำให้ผมเกิดศรัทธาในพุทธศาสนาดีกว่า ริวเรียบเรียงความคิดช้าๆ

ผมระลึกชาติได้บางส่วนไม่ทั้งหมด แต่เหตุการณ์หลักสำคัญตอนเป็นนาคผมพอจะจำได้ อย่างเช่นครั้งตามกุมภนาคราชผู้เป็นนายไปฟังพระธรรมเทศนาจากพุทธองค์ คราวนั้นมีเหล่าเทวบุตรเทวดามาฟังมากมาย หมู่นาคราชนาคาก็ไม่น้อย ผมอยู่รวมกับบริวารท่านกุมภ สงบใจฟังอยู่ห่างๆ ถึงกระนั้นกระแสเสียงของพระองค์ก็ยังกังวานชัดคล้ายท่านอยู่ต่อหน้าผู้ศรัทธาธรรม

เนื้อธรรมวันนั้นมีมากมายยืดยาว ท่านเทศน์โปรดตั้งแต่อินทร์ พรหม ลงมาจนถึงเหล่านาค วาจาของท่านนั้นผมอาจจดจำได้ไม่หมดแต่มีอยู่ท่อนหนึ่งที่ผมฟังแล้วสะเทือนเข้าไปถึงหัวอก...


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)

 



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP