วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๒๗


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


แสงแดดอ่อนๆ ส่องระเรื่อเข้ามาในห้องพระ กลิ่นหอมของธูปดอกไม้แห้งลอยอบอวล สายลมรุ่งอรุณพัดแผ่วๆ เธียรรู้สึกตัว ร่างกายเพลีย สมองกลวงโล่ง เงยหน้าเห็นพระพุทธรูปปางสมาธิประดับเด่นบนโต๊ะหมู่บูชา พระเนตรทอดต่ำมายังเขาบังเกิดความอบอุ่นขึ้นมาในจิตใจ ยกมือขึ้นพนมโดยไม่รู้ตัว

ขยับแข้งขาขึ้นนั่งกราบพระ นัยน์ตาจ้องพระพุทธรูปราวกับรอฟังพระธรรมเทศนา ไฟอารมณ์สงบลงหลังจากหลับเต็มตื่น จิตใจปลอดโปร่งความคิดแจ่มใส

ไม่มีคำเทศนาจากพระพุทธรูปนอกจากนิ่งเฉยโดยดุษณีภาพ ความสงบงันต้านรับร้อยการเปลี่ยนแปลง พายุแม้ยิ่งใหญ่รุนแรงไม่อาจเคลื่อนภูเขาได้ อารมณ์ร้อนรุ่มทั้งหลายก็ไม่อาจทำร้ายจิตใจที่ดำรงสติตั้งมั่นได้เช่นกัน

น่าเสียดายเธียรไม่ใช่บุคคลประเภทนั้น หลังจากสัญญาความจำค่อยคืนกลับ อารมณ์ต่างๆ ก็เริ่มนับหนึ่งทำหน้าที่กวนจิตใจต่อไป เพียงแต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อคืน

ประตูห้องพระเปิดช้าๆ ระมัดระวังเหมือนกลัวสัตว์ร้ายคอยขย้ำ เธียรนั่งราบมองคนที่กำลังเข้ามาด้วยใจจดจ่อ หวังว่าจะเป็นรอยจันทร์

อรุณสวัสดิ์ครับ คนที่เยี่ยมหน้ามากลับเป็นริวหลับสบายดีมั้ย

ริวเองเหรอ เสียงเขาผิดหวังนิดๆ

นั่นแน่ ผิดหวังคิดว่าเป็นพี่สาวผมละสิ ชายหนุ่มรู้ทัน

พี่มีเรื่องอยากขอโทษรอยน่ะ เธียรไม่อยากปกปิด ริวน่าจะรู้เรื่องแล้ว

งั้นออกไปอาบน้ำอาบท่าซะ เจ๊ผมเขาทำอาหารเช้ารอพี่อยู่ข้างล่างแน่ะ


รอยจันทร์เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ ให้กับสองหนุ่มและตนเอง ปกติหน้าที่นี้ริวเป็นคนทำ แต่เขากลับถึงบ้านค่อนรุ่งหล่อนไม่อยากกวน

เธียรละเลียดอาหารช้าๆ เหลือบตามองหญิงสาว ใจหวาดๆ กลัวหล่อนยังโกรธเรื่องเมื่อคืน เขาไม่น่าเอะอะอาละวาดขนาดนั้น

รอยจันทร์ไม่แสดงท่าทีผิดปกติ จนเธียรทนอึดอัดไม่ไหวพูดออกมาเอง

เรื่องเมื่อคืนพี่ขอโทษนะรอย เธียรรีบพูดกลัวตนเองไม่กล้า

เรื่องอะไรคะ ทั้งที่รู้ก็อดถามไม่ได้

ที่...พี่อาละวาดโวยวาย สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมจนอดขันไม่ได้

ไม่ให้อภัย ต้องลงโทษ ริวแทรกขึ้น

เรื่องแค่นี้นะ รอยจันทร์เถียงแทนคนผิด

ผมไปดูประตูแล้ว สงสัยบานพับจะพัง ริวพูดหน้าตาเฉยทั้งที่ไม่จริง

ต้องลงโทษให้ทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวหนึ่งวัน

สรุปอย่างนี้หญิงสาวทำหน้าเบ้

อ๋อ แกจะได้ไปเฝ้าไข้แฟนละสิ

ผมจะเป็นพี่เลี้ยงให้ก็ได้ เย็นๆ ไปเยี่ยมน้ำฝนยังทัน เช็คคิวละครเจ๊เรียบร้อยแล้ว

สองพี่น้องพูดเองเออเองโดยไม่ทันฟังว่า คนผิด จะยินดีรับโทษหรือไม่

เธียรตั้งใจบุกสำนักงานทนายความวันนี้ ตั้งใจพูดให้รู้เรื่อง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากพบจิญยานีพูดเรื่องบริษัทของพ่อ ทรัพย์สินมูลค่าพันล้านจะให้ทิ้งเฉยๆ มันยากทำใจ

ว่ายังไงโอเคมั้ยครับพี่ ริวหันมาถาม

ก็ได้ เขารับปาก ถอนใจเบาๆ ไม่อยากให้สองพี่น้องเป็นห่วง ทั้งที่ความอัดอั้นยังไม่คลาย


-----000-----


รอยจันทร์มีคิวถ่ายละครตอนสายเรื่อยไปถึงตอนเย็น ริวทำอย่างที่พูดจริงๆ คือประกบติดเธียรแนะนำเรื่องราวในกองถ่าย ช่วยเช็คบทต่อบท อำนวยความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ ให้กับหญิงสาว รวมถึงคอยรับโทรศัพท์ติดต่องาน จดกำหนดนัดลงคิวงาน เรื่องราวจิปาถะจนเธียรแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องส่วนตัว

ได้นั่งพักอีกทีบนเก้าอี้หลังจอมอนิเตอร์ข้างๆ ริว ดูการแสดงละครพร้อมกับผู้กำกับ


ในจอเป็นการแสดงละครเกี่ยวกับการแย่งชิงมรดกมีพระเอก นางเอก ตัวโกง ตัวอิจฉาเข้าฉากพร้อมกัน แต่ละคนต่างแสดงบทบาทหน้าที่ของตนอย่างถึงพริกถึงขิง วาจาเชือดเฉือน ใส่อารมณ์เต็มที่

ฉากนี้ทุกคนกำลังเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องพินัยกรรมว่ามีเงื่อนงำ ทุกคนพยายามพูดเข้าข้างตัวเอง ทุกคนต่างอ้างสิทธิ ทุกคนต่างแสดงความอยากได้อยากมี ผิดกันแต่วิธีแสดงออกต่างกัน

พระเอกนางเอกใช้วาจาคำพูดมีเหตุผล ควบคุมอารมณ์ตนได้น่าชมเชยไม่แสดงความอยากได้ออกมาโจ่งแจ้ง บทพูดจะกล่าวเป็นเชิงไม่ต้องการสมบัติไม่อยากได้อะไรเลย แค่ขอมีชีวิตสงบสุขก็พอ (ตอนจบกลับได้สมบัติชัวร์ๆ)

ตัวโกงเล่นวาจาชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมอุบายเต็มที่ แสดงกิเลสโลภโมโทสันไม่อาย พูดจาทุกคำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ ไม่คิดถึงคนอื่น

ตัวอิจฉา นอกจากคอยเกาะแขนพระเอกเหมือนตุ๊กแกแล้วยังพูดจายุแยงเชือดเฉือนนางเอกเป็นระยะ แสดงอารมณ์ดิบเต็มที่ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเวลาถูกขัดใจ

มันเป็นละครน้ำเน่ารูปแบบเดิมที่ทีวีไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง ต่อให้ปรับเนื้อเรื่องจากการแย่งชิงมรดกไปยังรูปแบบอื่น ตัวละครหลักๆ เช่นนี้ก็ยังอยู่โครงเรื่องซ้ำซากย่ำไปย่ำมา คนดูเบื่อแต่คนทำยังมั่นใจว่าขายได้

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธียรคงไม่สนใจแม้แต่จะเหลือบแล เพราะรอยจันทร์เล่นด้วยจึงจำใจดูไม่คิดอะไรมากมาย ยิ่งดูคำพูดและภาพที่เห็น กลับกระทบใจอย่างจัง

การแย่งชิงมรดกเช่นนี้ไม่ใช่มีแค่ในละคร ถ้าเขาไปสำนักงานทนายความและบริษัทจิญยานีเนื้อหาของเรื่องราวและการพูดจาก็คงไม่ต่างจากนี้

ละครที่เขาเคยเยาะหยัน สุดท้ายตนเองก็ได้มาเล่นเสียเอง


พวกที่แย่งสมบัติกันตามพินัยกรรมนั่น ได้มีส่วนอาบเหงื่อต่างน้ำเสาะหามันมาหรือไม่ กลับมีหน้าเถียงฉอดๆ ถือสิทธิ ถือความเป็นทายาท กูจะเอา

ลองย้อนมองดูตัวเอง ทรัพย์สมบัติในตระกูลนาคพิทักษ์เหล่านี้ เขาเคยขวนขวาย เหนื่อยยาก ออกแรงทำงานหามันมาบ้างหรือเปล่า

มีแต่เกิดบนกองเงินกองทองใช้จ่ายสุขสบาย พอคนที่ลำบากหามันมาตายลง เขายังมีหน้ามาแย่งชิงรบรากับผู้คนเพื่อเอามรดกสมบัติบ้า ไม่ต่างจากตัวละครที่เขาเหยียดหยาม

เธียรมองดูละครอีกครั้ง นึกวาดภาพเปรียบเทียบละครชีวิตที่เขากำลังจะแสดงมีอะไรต่างกัน

...เขาคงเป็นพระเอกทวงสิทธิของตน ไตรและทนายความเป็นตัวโกง จิญยานีเป็นตัวอิจฉาแสดงตามบทพูดของกิเลส...

ละครทีวีพอผู้กำกับสั่งคัท ทุกอย่างก็จบเก็บฉากเลิก ทุกคนรู้กัน ทั้งหมดแค่การแสดง แท้จริงมันไม่มีอะไรเลย แต่ละครชีวิตของเขาล่ะ...เมื่อผู้กำกับสั่งคัทจะรู้ตัวหรือไม่ มันก็แค่ละครฉากหนึ่งความจริงไม่มีอะไรเลย บ้ากันไปทั้งนั้น

ยิ่งมอง...ยิ่งย้อนดูใจตน ปมความทุกข์ค่อยคลี่คลาย

แม้ยังไม่หมดสิ้น ใจก็เบากว่าเดิม การประจันหน้ากับไตรทนายความและจิญยานียังต้องมี แต่ไม่ใช่ด้วยอารมณ์แบบเมื่อวาน ที่ร้อนรุ่ม แค้นเคือง อยากได้

ใจเธียรเวลานี้เย็นลง เป็นความเย็นที่ไม่แน่ใจว่ามันจะอยู่ได้นานแค่ไหน อารมณ์ปุถุชนเช่นเขาหาความแน่นอนไม่ได้เสียเลย


-----000-----


ริวพาทุกคนเยี่ยมน้องน้ำฝนที่โรงพยาบาล เด็กสาวจะรับการผ่าตัดวันพรุ่งนี้ ใบหน้าหล่อนซีดแต่ดวงตาแจ่มจรัสงดงาม ยามทอดมองชายในดวงใจจะระยิบระยับกระจ่างใส

คุณหญิงเรือนอรปล่อยทุกคนทำตัวตามสบาย พูดคุยให้กำลังใจลูกสาวเต็มที่ คนเป็นแม่ใจคอวิบวับห่วงหา การผ่าตัดที่จะถึงหวังผลแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เธอต้องการให้มีคนมาช่วยตอกย้ำความมั่นใจ พราวพิรุณต้องรอด ลูกสาวแม่รอดมาได้เกือบยี่สิบปีแล้ว จะอยู่ต่อให้แม่ชื่นใจอีกไม่ได้เชียวหรือ

พรุ่งนี้พี่จะมาแต่เช้าเลยจ้ะรับรองได้ ริวรับปากส่งเด็กสาวก่อนเข้าห้องผ่าตัดพรุ่งนี้

พี่ก็จะมาด้วย รอยจันทร์เสริม

พี่เธียรล่ะคะ น้ำฝนเอ่ยถามเมื่อเห็นเธียรนิ่งเงียบผิดปกติ

จ้ะ เขาพยักหน้ารับ เธียรพูดน้อยลงตั้งแต่ออกจากกองถ่าย ริวกับรอยจันทร์นึกห่วงแต่ไม่รู้ทำอย่างไร

น้ำฝนนี่ดอกอะไรจ๊ะสวยจัง รอยจันทร์เห็นเข็มกลัดดอกไม้ในเรซินรูปหัวใจที่ติดอกเสื้อคนป่วย

ชื่อดอก...หัวใจ... น้ำฝนหน้าแดงซ่าน มองริวแล้วไม่กล้าพูดต่อ

ราเมศว์ ริวต่อให้หน้าตาเฉย

รอยจันทร์ทำท่ากลั้นหัวเราะ มองน้องชายแบบไม่เชื่อสายตา

ต๊าย...อย่าบอกนะว่าแกทำของคิกขุอย่างนี้ก็เป็น ถ้าไม่ติดคุณหญิงเรือนอรอยู่ด้วย คงมีคำกัดรุนแรงกว่านี้

ใช่สิ คิกขุของเหมาะสำหรับสาวๆ ไม่ใช่ยายแก่เหนียงยานหาแฟนไม่ได้เหมือนเจ๊นี่ ริวกัดตอบ จงใจฟาดหางถึงชายหนุ่มที่ไม่ค่อยพูดจาด้วย

เธียรเฉยไม่มีปฏิกิริยา ทำตัวเป็นคนนอกไม่เกี่ยวกับวงสนทนานี้


ทุกคนลากลับเมื่อเห็นว่าดึกพอสมควร ทั้งคุณหญิงรวมถึงคนป่วยจะได้พักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดวันรุ่งขึ้น

เมื่อออกจากโรงพยาบาล รอยจันทร์เห็นสีหน้าริวเผือดลง แววตาหม่น ความร่าเริงแจ่มใสเมื่อครู่จางหาย ราวกับที่ผ่านมาเป็นละครฉากหนึ่ง เธียรยังซึมไม่มีวิญญาณดูแล้วชวนอึดอัดใจ

เดินเข้าลานจอดรถรอยจันทร์จึงแกล้งควงแขนเธียรกับริวคนละข้างเดินเคียงแนบชิดกันสามคน ซึมซับไออุ่นแก่กันและกัน

แหม...นานๆ ได้ควงหนุ่มหล่อสองคนสักที น่าพาไปตระเวนราตรียั่วให้พวกนางเอกมันน้ำลายหกกันบ้างนะ

คราวนี้ไม่กลัวเป็นข่าวเหรอ ริวยังมีแก่ใจแซวพี่สาว

เป็นสิดี จะได้ไม่มีใครมาว่าฉันเป็นยายแก่เหนียงยานหาแฟนไม่ได้

พูดอย่างนี้แสดงว่าเจ๊เปิดรับสมัครแฟนแล้วสิ สนใจมั้ยพี่เธียร ริวหันมาหยอก

เธียรฝืนยิ้มนิดๆ เอื้อมมือจับมือหญิงสาวที่ควงแขนเขา

คืนนี้ขอนอนค้างที่บ้านอีกคืนได้มั้ย คำพูดผิดคาด

โอ้โฮแน่ไปเลยพี่เรา เล่นอย่างนี้เชียวนะ...ว่าไงเจ๊ ริวแหย่

อือ หญิงสาวตอบรับ บรรยากาศดีขึ้น


ในเงามืดรอยจันทร์ไม่เห็นแววตาของเธียร เขาพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียวเพื่อไม่ให้ใจฟุ้งซ่าน มัวคิดแค้น เสียดาย หวงแหน อารมณ์พวกนี้ยังกวนใจตลอดเวลา แต่เขายังไม่อยากเผชิญหน้ากับไตร ทนายความและจิญยานีในเวลานี้

ในเงามืดรอยจันทร์ไม่เห็นแววตาของริว จึงไม่อาจรู้น้องชายเสแสร้งทำร่าเริง ดวงตาเขาหม่นเศร้า เงาความกลัวทาทาบทีละน้อย เขาพบคุณยายในห้องคนป่วยอย่างเคย ผิดแต่คราวนี้ไม่ได้พูดจากัน ฝ่ายนั้นยืนนิ่งอยู่มุมห้องมองหลานสาวแววตาแปลกๆ เห็นแล้วชวนใจวาบลึก หนาวเยือกสังหรณ์แปลกๆ เกาะกุมใจ

ริวกำลังกลัว...ไม่ใช่กลัวความตาย แต่กลัวการพลัดพรากจากของรัก...คนรัก กลัวการสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต

จิตใจที่ถูกพันธนาการด้วยอุปทานใยรัก ไม่สามารถตัดได้ด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์



บทที่ ๒๓


ริวยืนรอหน้าห้องผ่าตัดมือกำดอก หัวใจราเมศว์ ไว้หลวมๆ ใจคอกระวนกระวายไม่อาจสงบนิ่งอย่างเคย ยืนอยู่อย่างนี้ร่วมชั่วโมงทั้งที่รู้การผ่าตัดใช้เวลานาน

เขา รอยจันทร์ และเธียรมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้า พูดจาให้กำลังใจเด็กสาวก่อนเข้าห้องผ่าตัด รอยจันทร์รีบไปทำงานมีเธียรตามเป็นเพื่อน ริวเฝ้ารอจนกระทั่งพยาบาลเข็นรถมารับ เวลานั้นน้ำฝนยื่นดอกหัวใจราเมศว์ให้เขา


น้ำฝนไม่ได้คืนนะคะ แต่ฝากพี่ริวไว้ก่อน ออกจากห้องผ่าตัดเมื่อไหร่จะมารับ เด็กสาวบอกเสียงใส ดวงหน้ากระจ่าง ดวงตาเป็นประกายเจิดจรัสแก้มเนียนใสกว่าเดิมดูคล้ายแก้วบางใส

ตกลงจ้ะพี่รับฝาก แล้วจะยืนรออยู่หน้าห้องจนกว่าน้ำฝนออกมา เขารับปาก

ดีจัง เด็กสาวยิ้มแก้มใส พี่ริวช่วยก้มหน้ามาใกล้ๆ หน่อยสิคะ

ริวทำตาม ก้มหน้าลงไปมองนัยน์ตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความสุข น้ำฝนใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากตนเองเบาๆ ก่อนยื่นแตะริวฝีปากเขา

รอยอุ่นซ่านจากปลายนิ้วสู่ริมฝีปากเข้าถึงหัวใจ ริวจับนิ้วน้อยๆ ไว้ กดที่ริมฝีปากตัวเองอีกครั้งก่อนจะเอื้อมแตะคืนริมฝีปากหล่อน

เราเสมอกันแล้วนะจ้ะ รอยยิ้มสว่างใสคล้ายตะวันยามอรุณ

พี่ริวขี้โกง เสียงใสๆ ร้องตอบ

เอ...หรือต้องจูบจริง ถึงจะยุติธรรม เขากระซิบเบาๆ พอได้ยินสองคน

น้ำฝนหน้าแดงซ่านนัยน์ตาเปี่ยมสุข รอยยิ้มเบ่งบานราวดอกไม้คลี่กลีบ พวงแก้มเนียนใสไม่คล้ายคนป่วยสักน้อย

ไม่ต้องหรอกค่ะ น้ำฝนตอบเบาๆ มือแตะที่หัวใจตนและเอื้อมแตะหัวใจชายหนุ่ม

แค่หัวใจน้ำฝนอยู่กับหัวใจพี่ริวก็เพียงพอแล้ว

ริวกุมมือเล็กๆ นั้นไว้ถ่ายทอดความอบอุ่นจากหัวใจ ไม่มีคำพูดต้องกล่าวมากความ ดวงตาสองคู่สบกันสื่อความหมายยิ่งกว่าวาจานับพัน หัวใจต่อหัวใจเชื่อมโยงผูกพันก็แทนความรู้สึกอันยิ่งใหญ่เกินกว่าคำพูดบรรยายได้

รถเข็นเคลื่อนจาก ริวคลายมือ น้ำฝนยิ้มให้อีกครั้งด้วยใบหน้าปลอดโปร่งแจ่มใส ริมฝีปากขมุบขมิบน้อยๆ เหมือนมีคำพูดทิ้งท้าย ก่อนรถเข็นจะเข้าสู่ห้องผ่าตัด


เวลาผ่านไปนานเท่าใดยากจะตอบ หน้าห้องผ่าตัดไร้ผู้คน เงียบเสียจนเข็มตกสักเล่มยังได้ยิน ริวปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความกังวลจนลืมสังเกตบุคคลหนึ่งซึ่งมายืนเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

สิงหานาคราช ชายหนุ่มอุทานเบาๆ นึกไม่ถึงจะพบกันที่นี่

คงกระวนกระวายใจมากสินะ นาคราชแปลงพูดเหมือนชวนคุย

ท่านหรือผม ริวตั้งสติยอกย้อน

ข้าไม่มีเหตุอันใดต้องวุ่นวายใจ เอ็งล่ะ...ผู้หญิงที่รักกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย หรือไม่มีใจเป็นห่วงสักนิด

เป็นห่วงสิ แต่กระวนกระวายใจก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้สิงหานาคราชอ่านใจเขาออก ริวก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็น

ข้าช่วยได้ คำพูดสั้นๆ ทำให้ริวใจกระตุก

ขอบคุณ เขาพูดเรียบๆ สิงหานาคราชเป็นศัตรูคงไม่มีจิตใจหวังดีขนาดนั้นแน่

หรือเอ็งต้องการให้หญิงคนรักตาย คำถามหมิ่นหยาม

เป็นหรือตายอยู่ที่กรรมกำหนด เวลานี้หมอทุกคนกำลังช่วยอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว

ถ้ามีหมออีกคน ใช้อิทธิแห่งนาคราชเข้าช่วย ด้วยคัมภีร์มหามนตรา เอ็งคิดว่าโอกาสรอดจะสูงขึ้นหรือไม่ คำพูดที่ชวนลังเลเช่นนี้ สั่นคลอนใจเขาได้เช่นกัน

ท่านต้องการอะไร ริวยอมติดกับดักอย่างเต็มใจ

เอ็งน่าจะรู้ สิงหานาคราชบอกเป็นนัย

เข้าใจแล้ว ถ้าอยากได้อำนาจพิเศษมาช่วยเหลือ ต้องแลกกับการที่เขายอมถอนตัวจากการอยู่ข้างเธียร ทายาทแห่งกุมภนาคราช

ขอบคุณที่หวังดี ริวตอบหลังจากได้คิดชั่วครู่

เอ็งจะไม่เสียใจในการตัดสินใจครั้งนี้แน่หรือ คำถามรุกเร้า

ริวตั้งสติสำรวมจิตใจไม่ให้พลุ่งพล่าน อำนาจตบะสามารถข่มอารมณ์ให้สงบนิ่งชั่วขณะ

ท่านมีอำนาจนาคราช ผมก็มีอำนาจนาคา แต่อำนาจแห่งกรรมอยู่เหนืออิทธิฤทธิ์ทั้งปวง ดวงตาเขาเข้มข้น ปักใจเชื่อมั่นในกรรมวิบาก

ผมทรยศพี่เธียรไม่ได้ ส่วนผู้หญิงที่ผมรัก ก็ขอให้ชีวิตเธออยู่ในการรักษาของหมอเถอะ เพียงท่านไม่ไปก้าวก่ายผมก็สำนึกบุญคุณแล้ว

หากนางตาย เอ็งจะไม่เสียใจ คำถามปนเยาะ

เสียใจสิ ผมก็ปุถุชนคนหนึ่ง มีรัก มีหลง มียึด มีถือ ย่อมต้องเสียใจหากเธอตายไป แต่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน ทุกคนมีเกิดมีตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นได้

ฮึ! คำพูดแค่นั้น ใครก็พูดได้ สิงหานาคราชดูหมิ่น

ก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงตรัสรู้ ไม่มีใครเลยเคยได้ยินวาจา ธรรมะเช่นนี้ น้ำเสียงริวมั่นคงหนักแน่น

ก็ดี ในเมื่อเอ็งเชื่อในวาจาธรรมะ ข้าก็จะคอยดูว่าธรรมะของศาสดานั่นจะช่วยชีวิตผู้หญิงของเอ็งได้หรือไม่ คำพูดประหนึ่งท้าทาย

ธรรมะอาจชุบชีวิตมนุษย์ไม่ได้ แต่ธรรมะทำให้มนุษย์เข้าใจชีวิต เข้าใจความทุกข์ของการมีชีวิตและสูญเสียชีวิต

หึ...หึ เสียงหัวเราะเย้ยหยัน สีหน้าดูหมิ่น แววตาคมกล้าทิ้งรอยก่อนทั้งร่างจะเลือนหายต่อหน้าต่อ


ริวแทบเข่าอ่อน เรี่ยวแรงที่มีเหือดหายต้องอาศัยหลังพิงผนัง เขาไม่ได้ต่อสู้หักหาญกับสิงหานาคราชสักนิด กลับเหนื่อยอ่อนยิ่งกว่าใช้พลังในตัวทั้งหมด

สิงหานาคราชไม่ได้มีเจตนามาต่อรองกับเขา อำนาจนาคารวมกับมนต์อาลัมพายน์ของเธียรยังไม่แน่จะเอาชนะนาคราชผู้นี้ได้ การต่อรองนี้แค่ต้องการกลั่นแกล้งให้ตบะโยกคลอน ใจหวั่นไหวพลุ่งพล่านเท่านั้นเอง

ไม่ว่าจะรับปากการต่อรองครั้งนี้หรือไม่ อย่างน้อยใจไม่อาจสงบ เปลวเพลิงแห่งความกังวล ลังเล ความหวังต้องแลบเลียเผาไหม้จิตใจ หากไม่มีตบะและเหตุผลข่มไว้รับรองสิงหานาคราชได้หัวเราะเยาะจริงๆ คำพูดไม่กี่ประโยคสามารถเล่นงานเขาจนสะบักสะบอม

ถึงแม้จะใช้ตบะสมาธิคุมอารมณ์ตนเองได้ พอยามตบะคลายความหดหู่กังวล ห่วงหาก็เวียนมารบกวนใจอีกครั้ง เหมือนหินทับหญ้า กำลังอ่อนเมื่อไหร่ก็หลุด เพลิงภายในส่งเปลวแลบเลียให้ได้ร้อนรุ่มอีกครา

ถ้าสิงหานาคราชรอดูอีกหน่อยคงได้หัวร่อสาสมใจ

ริวนั่งบนเก้าอี้ยาว นึกถึงคุณยายผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลนี้ ยังไม่เห็นแกตั้งแต่เช้า ทั้งที่น่ามาดูหลานสาว...เขาถอนใจ จะว่าไปที่รู้จักกับน้ำฝนก็เพราะคุณยาย ความสัมพันธ์ตีคู่กันมาตลอดจะนับเป็นญาติก็ว่าได้

หลับตาลง มือคงกำดอกไม้แห่งหัวใจไว้ พักสายตาเอนตัวพิงเก้าอี้ในท่าสบาย กว่าหมอจะผ่าตัดเสร็จคงใช้เวลาเป็นชั่วโมง


ไม่รู้หลับตานานแค่ไหนจู่ๆ ก็มีแสงสว่างกระจ่างจ้าบาดตา ค่อยๆ หยีตามอง พื้นที่รอบตัวขยายออกกว้างสุดสายตา แสงสีขาวพร่างพราวยิบๆ ในทุกอณูบรรยากาศ

ริวลุกขึ้นอย่างเผลอไผล เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว กวาดสายตามองหาใครสักคน นอกจากประกายสว่างใสยังมีร่างหนึ่งยืนไม่ห่างนัก

คุณยาย วิญญาณหญิงชราเข้ามาหา ดวงหน้าผุดผ่องฉายราศีเรื่อเรือง

ฉันมาลา น้ำเสียงเสนาะใสผิดเคย

คุณยายจะไปไหน ถามทั้งที่น่าจะรู้ รอบกายสว่างไสวขนาดนี้จะเป็นที่ใดได้

คุณยายยิ้มละมุนดวงตาอ่อนโยนราวกับมองบุตรอันเป็นที่รัก

ยายขอบใจมากกับทุกสิ่งที่ทำ คุณความดี ความรัก ความห่วงใยที่มีให้หลานสาวยาย

ริวฉุกใจในความหมาย

น้ำฝน... เขาพึมพำเสียงขาดหายลงในลำคอ น้ำฝนเป็นอย่างไรบ้างคุณยาย

คุณยายเข้ามาใกล้เอื้อมมือลูบแก้มเขาเบาๆ ด้วยความปรานี

น้ำฝนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว วาจาประโลมนุ่มนวล แต่ความหมายของมันทำให้หัวใจฉีกขาด ความข่มกลั้น อดทนโดนความหวาดกลัว เสียใจบุกฝ่าออกมา

ไป...ไหน เขาสะกดกลั้นถาม

คุณยายมองยังเบื้องบน...ฟ้าใส สว่างนักแต่ช่าง...กว้างไกลเหลือเกิน

ต่อให้เป็นเบื้องบน ผมก็จะตามขึ้นไป

คำพูดเด็ดเดี่ยว ห้วนตรง แน่นอนเขามีอำนาจนาคา พลังปราณเหนือมนุษย์ ถึงเป็นสวรรค์ชั้นฟ้าก็จะหาวิธีบุกตามหาคนรักให้ได้

ตามไปเพื่ออะไร คำถามแทนวาจาเรียกสติ

ริวอึ้ง...ตามไปเพื่ออะไร?

...เพื่อเรียกให้เธอกลับมาครองร่างที่หมดสภาพใช้งานแล้วอย่างนั้นหรือ...

นอกจากซากสังขารในห้องผ่าตัดแล้ว...ก็ไม่มี น้ำฝน คนเก่าอีก

ถ้าจะมีก็เป็น น้ำฝน ในอัตภาพใหม่ ซึ่งไม่ว่าอย่างไร...ก็ไม่ใช่คนเดิม!


ขณะใจทดท้อ ปวดแปลบแสนรวดร้าว คุณยายเลื่อนมือจากแก้มมาแตะที่หัวใจ

หัวใจรักและความทรงจำงดงามยังอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือ เธอยังพอรักษามันได้...เก็บมันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่ต้องการ

น้ำฝนพูดประโยคสุดท้ายก่อนเข้าห้องผ่าตัดว่า ดีใจมากที่ได้รักเธอ เด็กคนนั้นไม่เคยเสียใจเลยหากต้องตายไป...เธอไม่มีห่วงกังวลใดยามเปลี่ยนภพชาติ เพราะเธอมั่นใจผู้ชายที่เธอรักจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ด้วยความสุขในที่สุด น้ำฝนเชื่อและมั่นใจเช่นนี้ เธอจะทำให้เขาผิดหวังเชียวหรือ

เขาจะมีชีวิตอยู่ด้วยความสุข...เป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อหัวใจฉีกขาดยับเยินขนาดนี้

ริวยิ้มปร่า น้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตา

ผมรู้...มนุษย์เกิดมาต้องตาย ความพลัดพรากจากของรักเป็นเรื่องธรรมดาในโลก แต่ทำไมผมถึงยังเสียใจ ทำไมผมถึงยังอยากให้น้ำฝนไม่ตาย

เมื่อไหร่ที่เธอได้คำตอบ เธอก็จะเข้าใจเอง คำพูดช้าๆ มือถูกดึงกลับอย่างนุ่มนวล และเมื่อไหร่เธอใช้ความเข้าใจนั้นมาพลิกจิตใจเธอ ให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมได้ วันนั้น ยายขอโอกาสกราบเธอเป็นบุคคลแรก


คำพูดสุดท้ายของวิญญาณหญิงชรากังวานก้องอื้ออึงในหู เป็นวาจาที่ก่อให้เกิดปีติปลาบปลื้มขึ้นในใจ น้ำตาไหลโดยไร้สาเหตุ...ไม่ใช่จากความเศร้าสูญเสีย แต่มีขุมกำลังบางอย่างก่อเกิดขึ้นขับดันความรู้สึกให้เอ่อท้นเป็นน้ำตา

แสงสว่างหรี่ลงทีละน้อย หูแว่วเสียงฝีเท้าเดินกันพลุกพล่าน สัมผัสค่อยคืนตัว หน้าห้องผ่าตัดมีคนเข้าออกสับสน คุณหญิงเรือนอรกำลังวิ่งมาใบหน้าหวาดหวั่นซีดเผือด เขาลุกยืนเหมือนคนไม่มีวิญญาณ

น้ำฝน...น้ำฝนเป็นยังไงบ้าง คุณหญิงแทบเขย่าตัวเขาถาม

ริวเบือนหน้าทางประตูห้องผ่าตัด อาจารย์หมอหัวหน้าทีมเดินออกมา ดูจากแววตาและท่าเดินพอจะได้คำตอบ

คุณหญิงถลาเข้าหาอาจารย์หมออย่างร้อนรุ่ม ซักถามรัวเร็วจนฟังแทบไม่ทัน คุณหมอนิ่งรอจนอีกฝ่ายหยุด จึงพูดสามคำสั้นๆ

หมอเสียใจ

สตรีผู้เป็นแม่ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น เข่าอ่อนทรุดฮวบลงกับพื้น น้ำตาไหลพรากดุจทำนบกั้นพังทลาย ไม่มีเรี่ยวแรงพูดจารำพัน ความเศร้าทุกข์ใจท่วมท้นจนทำอะไรไม่ถูก

ริวเซปะทะผนัง ทั้งที่น่าจะรู้ น่าจะเตรียมใจ พอได้ยินเสียงกรี๊ดเขาก็พานถูกความเศร้าโศกกระโจนใส่ เป็นใบ้พูดไม่ออก ชาด้านทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง

ไหนล่ะอำนาจ อิทธิฤทธิ์ที่มี...สั่งฝน สั่งลม เรียกไฟได้ไม่ใช่หรือ พลังแห่งนาคาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ชุบคนตายให้ฟื้นได้หรือไม่ ฉุดรั้งชีวิตจากเงื้อมหัตถ์มัจจุราชได้หรือไม่...ฝ่าฝืนอำนาจแห่งกรรมได้หรือไม่

ไม่ได้ทั้งสิ้น ถ้าทำได้จริง...เขาขอแค่ใช้อำนาจนาคา อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่มี ขจัดความเศร้าโศกช่วยรักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์ ดับไฟกองใหญ่ที่แผดเผาหัวอกขณะนี้ให้สิ้น...ได้หรือไม่


-----000-----


เมื่อได้ข่าวเสียชีวิตของน้ำฝนจากทางโรงพยาบาล รอยจันทร์รีบหยุดงานพาเธียรออกมาทันที นึกห่วงจิตใจริว การสูญเสียคนรักเจ็บปวดเพียงใดหล่อนเคยสัมผัสมาแล้ว ริวอาจเป็นคนเก่งแต่การสูญเสียเช่นนี้มันยากทำใจ

ถึงโรงพยาบาลพบว่าครอบครัวผู้ตายมาถึงกันแล้ว คุณหญิงเรือนอรอยู่ท่ามกลางวงล้อมสามีและลูกๆ ศพน้ำฝนอยู่ในห้อง ทุกคนยังทำใจไม่ได้

รอยจันทร์มองหาน้องชาย เห็นเขายืนเงียบๆ ที่มุมห้อง โดดเดี่ยวห่างจากกลุ่มผู้คน ท่าทางเหมือนต้นไม้แห้งขาดน้ำยืนต้นกลางทะเลทราย

หญิงสาวเข้าไปใกล้ มองแววตาก็รู้เขาเจ็บปวดแค่ไหน กิริยายืนพิงผนังนิ่งไม่มีเรี่ยวแรง หากแตะต้องสักน้อยร่างเขาอาจแตกยับป่นละเอียด

ริว รอยจันทร์ส่งเสียงเบาๆ อย่าเสียใจนะ

หลุดปากแล้วก็อยากด่าตัวเอง คนรักเพิ่งตายจะห้ามเสียใจอย่างไรได้

รอย... เสียงตอบผะแผ่ว ขอกอดหน่อยได้มั้ย

คำขอร้องราวรอนแรมกลางทะเลทรายมาแสนนาน หวังเพียงน้ำบริสุทธิ์สักแก้ว

ได้สิ หล่อนใจสะท้าน ริวไม่เคยพูดเช่นนี้กระทั่งวันที่สูญเสียพ่อแม่ ได้เลย...เต็มที่

ไม่ทันขาดคำร่างสูงๆ ก็เคลื่อนใกล้แขนสองข้างโอบหล่อนแน่น ศีรษะพาดบนไหล่ น้ำหนักตัวโถมทับจนแทบยืนไม่ไหว

แขนที่กอดเย็นเฉียบ ร่างแนบชิดมีอาการสั่นสะท้าน ที่หัวไหล่สัมผัสรอยชื้น รอยจันทร์ยืนนิ่งไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้ากระทั่งเอื้อมมือโอบกอดน้องชาย

รอยรู้มั้ย...ทำไมทรมานอย่างนี้...ริวไม่มีโอกาสแม้แต่จะลาน้ำฝนด้วยซ้ำ น้ำเสียงเลื่อนลอย คำแทนตัวว่า ริว เช่นนี้ไม่เคยใช้นานแล้วตั้งแต่โตขึ้นมา

ความตายมันน่ากลัวจัง...ริวเคยคิด...อย่างไรเสียต้องได้พบน้ำฝนอีกครั้งแต่มันไม่ใช่ น้ำฝนไปแล้ว ไกลมาก ริวตามไม่ถึง ไม่มีโอกาสบอกลา ไม่มีโอกาสทำสิ่งดีๆ ที่อยากทำให้เขาอีกมากมาย...ไม่มีโอกาสกระทั่งได้บอกรักเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งสุดท้าย

รอยจันทร์โอบกอดตอบ ไม่สามารถหาคำพูดมาปลอบประโลม

ริว...พี่จะทำยังไงดี...จะช่วยน้องของพี่ยังไง

หล่อนมีแต่หัวใจที่เป็นห่วง เต็มล้นความรัก อยากบอกให้เขารู้ ยามใดเขาทุกข์ทนรวดร้าวตนก็เจ็บ เสียใจไม่แพ้กัน ขอความโศกเศร้า น้ำตาทั้งหมดที่มีจงยกมาให้พี่สาวคนนี้แบกรับแต่เพียงผู้เดียว


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP