วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๒๖


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



ตั้งโต๊ะเตรียมใส่บาตรที่หน้าสวนสาธารณะ อรุณรุ่งเพิ่งมาเยือน ผู้คนค่อนข้างบางตากว่าปกติ อากาศเย็นสดชื่น ฝูงนกบินจับกลุ่มใหญ่ออกหากิน สายลมแรกตะวันพัดผ่านแมกไม้โบกสะบัดพากระไอบรรยากาศยามเช้าก้าวมาถึง

พวกเขารอใส่บาตรจนแดดเริ่มจัดไม่มีพระผ่านมาสักองค์ทั้งที่ปกติจะมากันหลายสาย หลายขบวน วันนี้เงียบเหงา วังเวงผิดปกติ กระทั่งคนมาวิ่งออกกำลังกายก็น้อยจนแทบไม่มี

มันแปลกผิดปกติเกินไปนะคุณยาย ริวส่งกระแสจิตถามความเห็น

ใช่ คุณยายตะครั้นตะครอ สะบัดร้อนสะบัดหนาว มีพลังอำนาจบางอย่างครอบคลุมบริเวณนี้

อำนาจอะไร ริวสงสัย

ดูเอาเองสิ ฉันมันแค่ผีเร่ร่อน จะไปรู้อะไรมากมาย คุณยายแว้ดใส่

ริวเตรียมตัว ดู แต่เห็นเด็กสาวหน้าซีด เหนื่อยอ่อนจึงถามอย่างเป็นห่วง

รอไหวมั้ย น้ำฝนนั่งพักที่ร่มๆ ก่อนดีกว่านะ

ไม่เป็นไรค่ะ น้ำฝนยิ้มเซียวๆ สงสัยน้ำฝนไม่มีวาสนาได้ทำบุญกับพี่ริวมั้งคะ

มีสิจ๊ะ เขาพูดหนักแน่น

แต่สายขนาดนี้แล้ว คงไม่มีพระมามั้งคะ

ยังไม่สายเท่าไหร่เลย น้ำฝนนั่งพักก่อนนะ

ประคองเด็กสาวนั่งบนเก้าอี้ยาวใต้ร่มไม้จากนั้นกำหนดจิตแผ่ความรู้สึกออกสัมผัสบรรยากาศรอบๆ

ควันมนตราลอยคลุ้งมีอำนาจสะกดไม่ให้ผู้คนอยากผ่าน แม้กระทั่งพระที่จะมาบิณฑบาตก็เปลี่ยนทิศทาง สิงหานาคราชกลั่นแกล้งกระทั่งเรื่องบุญกุศล

นาคราชตนนี้ไม่ศรัทธาพระพุทธศาสนาอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่คิดแกล้งกันเช่นนี้ ช่วงเวลาก่อนกาลแตกหักคงต้องเผชิญวิธีก่อกวนแบบแมวหยอกหนูเช่นนี้เป็นระยะ

...ก็ได้...เมื่อคิดแกล้งกัน...ให้มันรู้ไปวันนี้จะไม่ได้ใส่บาตรทำบุญ

ริวลุกขึ้นไปที่โต๊ะวางอาหารรอใส่บาตร คุกเข่าลงประนมมือจรดหว่างคิ้ว


อิมานิ มะยังภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโนภันเต...

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายภัตตาหาร กับทั้งบริวารเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ...


เขาตั้งใจสวดถวายอาหารจนจบ จิตจดจ่อถึงพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ระลึกภาพหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่เคยช่วยเหลือเขาให้ปรากฏในนิมิต น้อมจิตอาราธนานิมนต์ท่านมารับบาตรด้วยจิตเคารพศรัทธา

...ขอหลวงพ่อผู้เป็นเนื้อนาบุญอันไพศาลแก่โลก ได้เมตตามาโปรดสัตว์รับบิณฑบาตจากระผมด้วยเถิด...

จิตแน่วนิ่งเป็นหนึ่งเดียว ปีติเกิดขนลุกซู่ กระแสความเย็นแผ่กระทบใจ ลืมตาขึ้นมองเห็นชายจีวรเหลืองๆ มาแต่ไกล

พี่ริวคะ...มีพระมาแล้ว

จ้ะ เรามาใส่บาตรด้วยกัน ริวประคองเด็กสาวกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง

หลวงพ่อเดินช้า ๆ ราศีฉายชัด กิริยาสงบสำรวมยิ่ง แสงแดดอ่อนกระทบชายจีวรมองดูมลังเมลืองชวนศรัทธา

ริวกับน้ำฝนร่วมกันหยิบอาหารใส่บาตรด้วยความเคารพ ปีติกำซาบใจรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความอบอุ่น มีแสงอ่อนๆ เจิดจ้าตลอดกาล

หลวงพ่อรับบาตรเสร็จก็เดินจาก สองหนุ่มสาวคุกเข่าพนมมือลา ริวไม่แปลกใจเมื่อเงยหน้าไม่เห็นกระทั่งชายจีวร น้ำฝนไม่ได้มองตามพระ หล่อนพูดกับริวด้วยน้ำเสียงเต็มตื้น

พี่ริวคะ...น้ำฝนรู้สึกใจมันอิ่มจังเลย ปีติล้นหัวอกจนพาให้กายเบาใจเป็นสุขอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน มองทุกสิ่งรอบตัวสวยงามไปหมด

กรวดน้ำให้คุณย่าด้วยสิจ๊ะ ริวแนะนำ

น้ำถูกรดลงดิน ฝากพระแม่ธรณีเป็นสื่อชักพาให้บุญกุศลถึงมือผู้รับ ชายหนุ่มไม่สงสัยเลยว่ากุศลครั้งนี้ถึงคุณยายหรือไม่...ใบหน้าของแกอิ่มเอิบฉายแสงเรืองๆ จิตผู้รับนึกน้อมอนุโมทนาตั้งแต่แรก

เราไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยตระเวนทำบุญต่อนะจ๊ะ

วันนี้มีโปรแกรมทำบุญตามมูลนิธิต่างๆ ที่พวกเขาเคยช่วยงาน ค่าตัวถ่ายแบบของริว รวมกับเงินเก็บส่วนตัวของน้ำฝนถูกนำมาแบ่งเป็นส่วนๆ มอบให้แต่ละมูลนิธิตามความจำเป็น จำนวนเงินอาจไม่มากมาย หากแต่หัวใจผู้มีจิตศรัทธานั้นยิ่งใหญ่ ริวเชื่อว่าต่อให้สิบสิงหานาคราชก็ไม่อาจก่อกวนการทำบุญในวันนี้ได้


-----000-----


รอยจันทร์พักเบรกถ่ายละครมาเช็คโทรศัพท์ว่ามีสายเข้าหรือไม่ ปรากฏว่ามีเบอร์คุ้นๆ ขึ้นชื่อพลาดรับสาย หล่อนรีบโทร.กลับ

เพิ่งได้พักเหรอ เสียงของเธียร

ค่ะพี่เธียรโทร.มานานหรือยัง มีธุระอะไรหรือเปล่า รอยจันทร์เป็นห่วงความรู้สึกของเขา คนเคยมีมากมายกลับต้องหมดตัวในเวลาสั้นๆ มักยากทำใจต่อให้ฝืนทำตัวปกติก็เถอะ

พี่จะไปสมัครงาน

คะ หล่อนงง ยังนึกสงสัยบริษัทไหนกล้ารับเธียร นาคพิทักษ์เข้าทำงาน

เห็นริวมันบอกว่าจะลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวไปเป็นดาราเสียเอง พี่เลยโทร.มาถามว่าคุณรอยจันทร์ จะรับสมัครผู้จัดการคนใหม่มั้ยครับ

ฟังเขามีอารมณ์ขันเช่นนี้ค่อยสบายใจ

ถ้าริวมันลาออกจริงๆก็รับค่ะ แต่คงไม่กล้าจ้างคุณเธียร นาคพิทักษ์หรอก กลัวไม่มีเงินเดือนพอจ่ายให้

งั้นพี่ทำให้ฟรีก็ได้ เขาใจป้ำ

อย่างนี้ค่อยน่าพิจารณาหน่อย หล่อนหัวเราะ

ไปเที่ยวทะเลกันมั้ย จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น

แต่รอยมีคิวถ่ายละครอีกสองสามฉากนะคะ

ไม่เป็นไรพี่รอได้ บอกก่อนนะว่ามีแต่มอเตอร์ไซค์ไปรับ รถยนต์บ้านพี่ขายหมดแล้ว ท้ายเสียงยังซ่อนรอยขื่นลึกๆ

ไม่มีปัญหานี่คะ ขอให้มันวิ่งได้แล้วกัน หญิงสาวใช้น้ำเสียงสดใสช่วยลบรอยหมองในใจเขา

ความเงียบคั่นกลางก่อนเธียรจะหลุดประโยคสุดท้าย

ขอบใจมากนะรอย น้ำเสียงพยายามพูดให้ปกติ กระแสความรู้สึกลึกๆ กลับรุนแรงพลุ่งกระทบใจผู้ฟัง


รอยจันทร์เข้าใจ ตอนแรกเธียรอาจกัดฟันยอมทิ้งสมบัติทั้งหมดเพื่อรักษาศักดิ์ศรี รักษาชื่อเสียงเครดิต พอเห็นสมบัติแต่ละชิ้นหลุดไปต่อหน้าจริง ๆ อารมณ์ความติดยึดมันก็เหนี่ยวนำให้ใจทุกข์ ความเสียดาย ความหวงแหนมันเดินเรียงแถวเข้ามาโดยไม่ต้องเรียก

ต่อให้มีสติตั้งมั่นแค่ไหน กระแสคลื่นตัวกูของกูก็โหมซัดทำหน้าที่ของมันจนใจคลอนแคลน ยอมให้ความทุกข์คลุมใจ สิ่งเดียวที่หล่อนช่วยได้คือแสดงให้เห็นว่า ข้าวของที่เสียไปมันแค่สมบัติโลก มีได้หมดได้

เมื่อมีก็ใช้ตามหน้าที่มัน เมื่อหมดก็แค่รู้มันไม่ใช่ของเรา


-----000-----


การนั่งมอเตอร์ไซค์โดยมีลมเย็นๆ ปะทะร่างตลอดเวลา มันเหมือนได้อิสระสามารถโบยบินไปทุกที่ ประหนึ่งร่างกายเป็นดั่งสายลม ความอัดอั้นตันใจทั้งหลายล้วนคลี่คลายกระจายในอากาศ ปัญหาต่างๆ ที่ประเดประดังล้วนไม่มีผลต่อจิตใจ

เธียรพารอยจันทร์มายังทะเลใกล้ๆ เลือกมุมสงบที่ไม่ค่อยมีคน นั่งมองดวงตะวันตกดินร่วมกัน ดาวดวงเล็กๆ แตะแต้มฟ้าทีละดวง ทั้งสองปล่อยใจความรู้สึกกับบรรยากาศรอบตัว วาจาต่างๆ ล้วนไม่จำเป็น ความเงียบเป็นบทสนทนาที่วิเศษสุดสำหรับเวลานี้

เนิ่นนานกว่าเธียรเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

พี่เคยบอกรักรอยครั้งแรกที่ริมทะเลใช่มั้ย

ค่ะ หญิงสาวยังจำได้

ถ้างั้นพี่ขอพูดอีกครั้ง พี่รักรอย ความรักครั้งนั้นไม่เคยจางหายจากใจ ยิ่งนานยิ่งเพิ่มมากขึ้น พี่เสียใจอย่างเดียว คือไม่สามารถให้ความสุขรอยเต็มที่

รอยจันทร์เอื้อมมือลูบแก้มเขาเบาๆ นัยน์ตาของเธียรทอประกาย ฉายแข่งกับแสงดาว

อะไรคือมาตรฐานวัดความสุขคะ ระหว่างรอยได้เป็นแฟนทายาทมหาเศรษฐีกับเป็นแฟนผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย ความสุขมันจะต่างกันยังไง ในเมื่อผู้ชายทั้งสองคนต่างมีความจริงใจให้รอยเท่าๆ กัน

เธียรพูดไม่ออกแขนโอบร่างหญิงสาวไว้แนบอก คางเกยเส้นผมนุ่ม ลมหายใจผะแผ่วเชื่อมโยงถึงกัน เวลานี้เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องอะไรทั้งนั้น

อนาคตข้างหน้าสั้นยาวเท่าใดเกินรู้ เขาอาจมีชีวิตไม่เกินสองเดือนข้างหน้าก็ได้ ดังนั้นเวลาปัจจุบันที่มีอยู่จึงต้องถนอมรักษามันอย่างมีคุณค่าที่สุด


-----000-----


มอเตอร์ไซค์วิ่งกลับกรุงเทพฯ ด้วยความเร็วปานกลาง เธียรอยากยืดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกับรอยจันทร์ให้นานกว่านี้ จึงไม่เร่งรีบขับเรื่อยๆ ไม่อยากให้ถึงบ้านเร็วนัก เวลายังหัวค่ำ แสงไฟข้างทางสว่างจ้า สีส้มแดงฉาบถนนเป็นเงาหลอกตา

สำหรับคนที่นั่งรถมอเตอร์ไซค์ตอนมีรถใหญ่แล่นแซงอย่างเร็วจะรู้สึกถูกดูดตามไปด้วย ยิ่งขับรถช้ารถคันหลังยิ่งแซงเอาแซงเอา แต่น่าแปลกที่แรงดึงดูดจากรถใหญ่ยิ่งนานยิ่งน้อยลง มีรถคันหนึ่งแล่นแซงอย่างเร็ว ไม่มีกระแสลมพัดดึง เหมือนต่างคนต่างขับอยู่คนโลก

เธียรรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาพยายามเร่งความเร็วรถมากขึ้นแต่ยังมีรถแซงมาต่อเนื่อง คล้ายรถเขาไม่เคยเคลื่อนที่เลย หนำซ้ำข้างทางมีร่างชายคนหนึ่งเดินขนาบตามช้าๆ จังหวะก้าวเดินเชื่องช้าทอดน่องฆ่าเวลา ทว่ายังสามารถตามติดรถได้ตลอดไม่ทิ้งระยะห่างสักนิด

ความหนาวยะเยือกแผ่จับจากข้อมือลามถึงแขน ขนลุกซู่ต้นคอสู่ศีรษะเหลือบมองเข็มไมล์รถเขาบิดด้วยความเร็วเกินร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง

ชายผู้นั้นหันหน้ามามอง เธียรสบตาด้วย ใจแปลบวูบแทบทำอะไรไม่ถูก

หน้าตาที่เห็นไม่ใช่แหลกเละน่ากลัวสยดสยอง เขา หล่อคมราวรูปสลัก มันเป็นความงดงามที่น่าสะพรึงกลัว

นั่นคือร่างแปลงของสิงหานาคราช

สิงหานาคราชเลิกคิ้วทักทาย ดวงตาฉายเรืองราวสัตว์ร้ายซ่อนเล่ห์กล รอยจันทร์หันไปเห็นพาใจกระตุกวูบ เจออิทธิฤทธิ์กันมาหลายครั้งแล้ว ทุกทีมีริวช่วยรับมือเอาตัวรอด ครั้งนี้ริวไม่อยู่นาคราชมิจฉาทิฐิเตรียมวิธีใดมาเล่นงาน



บทที่ ๒๒


เธียรบิดจนสุด มอเตอร์ไซค์พุ่งดุจลูกธนูหลุดจากแหล่ง ลมแรงปะทะหน้าวูบ รอยจันทร์กอดเอวเขาแน่น แนบหน้ากับแผ่นหลังยอมเสี่ยงร่วมกัน กระแสลมโอบล้อมขวางกั้นราวกับมีชีวิต รถทะยานฝ่าแรงลมพยายามทรงตัวมั่นไม่หลุดลอย

ไม่มีความกลัวหลงเหลือในจิตใจรอยจันทร์...ใจพร้อมมอบชีวิตให้เขา ปล่อยใจไปกับการเหินบินแซงรถยนต์หลายคัน ตัดผ่านสายลมแห่งระยะทางเพื่อทิ้งห่างร่างที่ตามติดล้อหลอก

ไม่มีความกลัวหลงเหลือในจิตใจเธียร...ใจหวังปกป้องชีวิตผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง ความกล้าหาญเบ่งบานเต็มหัวใจ ต่อให้รู้ไม่มีทางหลีกหนีแต่ขอทุ่มเทกำลังความสามารถดูสักครา

มอเตอร์ไซค์วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ไม่อาจเร็วกว่านี้ได้อีก พุ่งแซงรถคันอื่นดังวูบๆ แทบมองเห็นเส้นประถนนเป็นเส้นเดียวกัน ลมแรงเสียดผิวสกัดกั้นไม่ยอมให้ทั้งคู่บุกฝ่าต่อไปง่ายๆ

บนความเร็วสูงสุดสิงหานาคราชยังเดินตามเอื่อยๆ ไม่ลำบากแรง ขนาบข้างสองหนุ่มสาวชนิดเกาะไม่ปล่อยโดยสีหน้าไม่แสดงความประสงค์ร้ายสักน้อย

เธียรได้สติ เขาทำบ้าอะไรอยู่ ขับรถเร็วขนาดนี้ถ้าพลาดก็เสร็จกัน ไม่ต้องรอถึงเวลานัดด้วยซ้ำ สิงหานาคราชคงเย้ยหยันได้ชัยโดยไม่ต้องลงมือเลย พอคิดได้ก็ชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ ร่างที่เดินตามยังรักษาระยะห่างเท่าเดิมไม่เร็วขึ้นหรือช้าลง

รถหยุดสองหนุ่มสาวลงมาเผชิญหน้ากับนาคราชแปลง รอบด้านเป็นที่โล่ง รถราแล่นผ่านไปมาเป็นระยะ ริมถนนใต้แสงไฟสีส้มแดงนี้เสมือนเป็นสถานที่พิเศษ ไม่อาจมีใครสนใจเกี่ยวข้อง พวกเขาทั้งสามยืนประจันหน้ากัน โดยไม่รู้สึกมีตัวตนในสายตามนุษย์ทั่วไป


มีธุระอะไร เธียรกระชากเสียง ความแค้นที่ถูกขัดเกลากลับลุกโชน

แวะทักทาย ตอบสามคำง่ายดาย

แค่นี้ใช่มั้ย รอยจันทร์เอ่ยปากบ้าง สิงหานาคราชมองเมิน หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้อยู่ในสายตา

เห็นมีความสุขกันดีกลัวจะลืมกำหนดนัด คำพูดย้ำเตือนแอบแฝงเจตนาร้าย

ไม่ลืม เธียรตอบเน้นคำ

ก็ดี แล้วลืมทรัพย์สมบัติทั้งหมดได้หรือยัง วาจาเยาะ

ของนอกกาย มีได้หมดได้ เธียรพูด

งั้นแสดงว่าไม่เสียใจสักนิดละสิ คำพูดกึ่งเย้ยกึ่งมาดหมายเร้นลึก

เธียรไม่ตอบ คำถามนี้ไม่ว่าตอบอย่างไรล้วนไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง

ถ้าไม่เสียดายก็ดี เวลาเห็นอะไรจะได้ไม่ต้องโกรธแค้น

ดวงตาสิงหานาคราชเผยเล่ห์กล ท่วงท่าไม่ใส่ใจแท้จริงกำลังรอคอยให้ฝ่ายตรงข้ามติดกับดัก

เธียรขยับจะถามรอยจันทร์กระตุกแขนไว้ ไม่ต้องถามหรอก นาคราชแปลงต้องการให้ดูอะไร รับรองไม่ใช่เรื่องดี สู้อยู่เฉยๆ เตรียมใจรอรับดีกว่าอย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตกอยู่ใต้อำนาจฝ่ายตรงข้ามเกินไปนัก

ริมฝีปากฝ่ายนาคขยับแย้มนิดๆ ราวกับหยั่งทราบความในใจ มือยกขึ้นโบกสะบัด ภูมิประเทศรอบตัวแปรเปลี่ยนฉับพลัน...มันไม่ใช่ริมถนนอีกต่อไป


-----000-----


แสงไฟสีขาวนวลส่องสว่างในห้องทำงานที่ไม่กว้างนัก รอยจันทร์ เธียรและสิงหานาคราชยืนหน้าประตูกำลังมองสองคนที่นั่งคุยปรึกษากันด้วยเรื่องสำคัญ ตรงหน้าพวกเขามีกองเอกสารตั้งหนึ่ง เธียรเห็นแล้วฉุกใจ วาจาที่คุยกันเข้าหูชัดเจนทุกคำ

ต่อไปเราจะจัดการยังไง ไตรพูด

ก็ค่อยๆ สะสาง อำนาจทุกอย่างอยู่ในมือเราแล้วนี่ ทนายความตอบรับ

ก็ดี ค่อยๆ จัดการทีละส่วน หนี้บางตัวปล่อยเป็นหนี้เน่าก็ได้ บางตัวก็ยืดระยะเวลาเอา

ใช่ กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย กำไรก็เข้ากระเป๋าพวกเราหลายร้อยล้านแล้ว

ลูกท่านก้องฟ้านี่มันโง่จริงๆ คำพูดจากปากไตร คนสนิทที่ก้องฟ้าไว้ใจที่สุด


ฟังเท่านี้เธียรก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง เขายื่นสมบัติทั้งหมดให้กับคนที่น่าไว้ใจที่สุดช่วยจัดการปัญหาหนี้สินที่ตระกูลนาคพิทักษ์ต้องรับผิดชอบ แต่ถูกตลบหลังหาผลประโยชน์อย่างหน้าด้านๆ

ถ้าหากดื้อแพ่งปล่อยหนี้เสีย ชักดาบหรือเล่นเกมทางธุรกิจ ต่อรองยืดระยะเวลาเขาก็ทำได้ ยอมเสียเครดิต เสียศักดิ์ศรีเพื่อเหลือสมบัติไว้เป็นเสือนอนกิน แต่เขาไม่ทำ

ประการแรกเพราะอยากรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ประการที่สองเพราะไม่แน่ใจจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน คนตายจะเอาสมบัติไว้ทำไม สู้เหลือศักดิ์ศรีไว้ ไม่ถูกตราหน้ายังดีเสียกว่า

เจตนาดีกลับถูกหักหลังด้วยคนที่ไว้ใจ คนที่โลภมากเสียจนไม่คิดถึงผู้อื่น ความซื่อตรงรักศักดิ์ศรีถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโง่ เพลิงโกรธ ไฟแค้นคุโชนขึ้นในใจ สมบัติของเขาแท้ๆ ทำไมต้องให้คนอื่นเอาไปใช้เสวยสุข


นัยน์ตาสิงหานาคราชมีแววสาสมใจ รอยจันทร์นิ่ง พูดไม่ออกได้แต่มองดูการกระทำของคนทั้งคู่จนกระทั่งพวกเขาเก็บเอกสารใบมอบอำนาจของเธียรไว้ในเซฟ

จากนั้นภาพถอยออกมาเรื่อยๆ จากห้องทำงานเลื่อนมาเป็นตึก เห็นป้ายชื่อสำนักงานทนายความ เลื่อนไปตามถนนผ่านรถราผู้คนอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาถึงอีกบริษัทหนึ่ง...เข้าไปภายใน เป็นห้องทำงานส่วนตัว หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งใจจดใจจ่อกับตัวเลขและรายละเอียดข้อมูลต่างๆ บนจอคอมพิวเตอร์

สิงหานาคราชจงใจให้เธียรและรอยจันทร์ได้เห็นข้อมูลที่ปรากฏหน้าจอชัดเจน แต่ละรายการสร้างความฉงนใจกับเธียรไม่น้อย มันเป็นข้อมูลบริษัทสี่ห้าแห่งที่มีหุ้นพุ่งสูงลิ่ว ประเมินราคารวมนับพันล้าน เขาไม่เข้าใจต้องมาดูข้อมูลพวกนี้ทำไม

ขอบใจนะคุณก้องฟ้า น้ำเสียงที่จิญยานีพูดมันปนทั้งหยามหยันรังเกียจและสาสมใจ

เข้าใจแล้ว...

เธียรเหมือนถูกถีบตกจากที่สูง เขาไม่โง่เสียจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร...นักธุรกิจหลายคนมักเปิดบริษัทของตนไว้โดยใช้ชื่อคนอื่นเผื่อเหตุฉุกเฉิน บริษัทตนล้มละลายก็จะยอมให้ถูกยึดถูกปิด ปล่อยหนี้เสีย แล้วอาศัยบริษัทที่แอบเปิดดำเนินการต่อ

สมัยเศรษฐกิจฟองสบู่แตกมีมหาเศรษฐีหลายคนล้มบนฟูก


ก้องฟ้าตายแล้ว มีใครรู้บ้างยังเหลือบริษัทเหล่านี้ในมือจิญยานี อาจมีแต่เพราะผลประโยชน์จึงแกล้งทำเฉย ก้องฟ้าคิดอยู่เสมอตนเองยังแข็งแรงยังหนุ่มไม่ตายง่ายๆ มักทำอะไรตัดสินใจคนเดียว ไม่ยอมบอกใคร แม้กระทั่งลูก ด้วยความที่คิดว่าตนยังหนุ่มและลืมตายเช่นนี้ ทำให้ลูกชายต้องสูญเสียสิ่งที่ควรได้ไปเป็นจำนวนมหาศาล

ตัวเลขนับพันล้านสามารถโยกคลอนจิตใจคนได้ นับประสาอะไรกับเธียรที่มีไฟอาฆาตแค้นในตัว...มันจึงยิ่งโหมกระพือให้เพลิงโลภลุกโพลงเปลวท่วมใจ ใบหน้าร้อนฉ่าความแค้นสุมอก มือสั่นระริกแทบอยากบีบเค้นคอจิญยานีให้ตายคามือ

สิงหานาคราชมองเห็นอาการเช่นนั้นตั้งแต่ต้น จึงยิ้มสาใจ ไม่พูดอะไร คำพูดไม่จำเป็น สิ่งที่ต้องการให้เกิดล้วนสำเร็จเรียบร้อย

การฆ่าคน บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้หอกดาบมีดปืนหรือกระทั่งอำนาจอิทธิฤทธิ์ใดๆ เพียงแค่ให้ปัจจัยเสริมแก่กิเลสในใจ ความโลภ ความโกรธ ความหลงของคนผู้นั้นก็จะสังหารตัวเองได้โดยไม่ยากเลย


ริมถนนเส้นเดิม แสงไฟสีส้มแดงส่องซีดๆ จับใบหน้าเผือดซีดของเธียร มันแข็งทื่อ เย็นชา ดวงตามีเปลวเพลิงลุกโชติช่วง ไฟที่ยากจะมีใครหาญกล้ามาดับได้

สิงหานาคราชหายไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ ไม่จำเป็นต้องบอกจุดประสงค์ ทำไมให้เธียรเห็นเหตุการณ์เหล่านั้น

รอยจันทร์เห็นทุกอย่างที่เธียรเห็น เข้าใจความรู้สึกลึกซึ้ง เพียงแต่หล่อนเป็นคนนอกจึงทำใจไม่ไยดีต่อทรัพย์สินผลประโยชน์ทั้งหลายได้ มองเห็นมันแค่เศษกระดาษกับตัวเลขบนกระดานหุ้น

เธียรยังไม่ขยับตัว ความร้อนรุ่มในใจปนเปแยกแยะไม่ออก ตนทรมานด้วยเหตุใด อยากตะโกนก้องร้องให้ดังลั่น อยากปราดไปฆ่าคนทั้งสามให้ตายคามือ อยากเอาสมบัติทั้งหมดกลับคืน อยากได้ อยากมี อยากเป็น ความอยากท่วมสูงกองเป็นภูเขาจนไม่สามารถกระดิกกระเดี้ยตัว

พี่เธียรจะให้รอยขับรถมอเตอร์ไซค์กลับเอง หรือเรียกรถบัสดีคะ รอยจันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

คำพูดหล่อนเรียกสติเขากลับคืนมาบ้าง ใจยังร้อนรุ่มอยู่ มือสั่นเย็น ใบหน้ากระด้าง ถ้าไม่ติดว่ามีรอยจันทร์อยู่ด้วย เขาคงบิดมอเตอร์ไซค์ไปสำนักงานทนายความ กระชากคอเสื้อไตรกับทนายเค้นถามให้รู้ ทำอย่างนี้ไม่มีความละอายใจหรือไง

พี่จะขับไปส่ง เขาพยายามพูดช้าๆ เพื่อสะกดอารมณ์ตัวเอง ยังไงต้องส่งรอยจันทร์ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน

ไหวแน่นะคะ หญิงสาวถาม

ไหว เขาพูดแค่นี้ก่อนขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ นึกรังเกียจมันสุดหัวใจเขายอมทิ้งรถยนต์ราคาแพงระยับ มาขับมอเตอร์ไซค์เก่าๆ คันนี้ทำไม สงสัยหน้าโง่จริงอย่างที่ไตรว่าไว้


-----000-----


เธียรขับรถมาส่งรอยจันทร์ถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไฟในบ้านดับมืดแสดงว่าริวยังไม่กลับหญิงสาวลงจากรถเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เตรียมสตาร์ทรถ

เข้าไปในบ้านก่อนสิคะ รอยจันทร์ออกปากชวน

พี่มีธุระด่วน ใจคอร้อนรุ่มแทบบ้าแล้ว

เข้าไปเป็นเพื่อนรอยก่อนได้มั้ยคะ หล่อนพูดช้าๆ ไม่เร่งเร้า มันมืดแล้ว ริวยังไม่กลับเลย

เหตุผลเรื่องความปลอดภัยทำให้เธียรยอมตามใจ บ้านมืดอย่างนี้ ถ้ามีขโมยหรือโจรแอบซุ่มคงไม่ปลอดภัยแน่ เขาจึงเดินตามรอยจันทร์เข้าบ้านรอจนเปิดไฟสว่างก็ทำท่าจะกลับ

กินข้าวเป็นเพื่อนรอยหน่อยสิคะ หล่อนรู้ว่าชวนเขากินข้าวคงได้รับคำปฏิเสธต้องบอกเชิงขอร้อง

พี่ยังไม่หิว รอยกินคนเดียวนะจ๊ะ เขาทอดเสียงอ่อน เข้าใจเจตนาหญิงสาว

รอยจันทร์อึ้งครู่หนึ่ง หล่อนต้องรั้งเขาไว้เพราะขืนปล่อยออกไปตอนนี้ต้องเกิดเรื่องแน่ แต่เธียรรู้ทันปฏิเสธทุกทางจำเป็นต้องใช้วิธีเด็ดขาด

ขึ้นไปข้างบนกับรอยหน่อยสิคะ พูดจบก็ฉุดมือเขาทันที

เดี๋ยวรอย มีอะไรบอกพี่ก่อน เธียรไม่กล้าสะบัดมือขืนตัว

หญิงสาวไม่พูดมาก ฉุดเดินนำหน้า เธียรไม่ขืนตัวยอมตามปากพูดกึ่งปราม

รอย...จะทำอะไร...พี่อยู่นานไม่ดีหรอก ริวมันยังไม่กลับมาเลยนะ

ตอนนี้ต่อให้พูด อ้างอย่างไรก็เปลี่ยนใจหญิงสาวไม่ได้ หล่อนฉุดเธียรจนถึงชั้นบน พาเข้าห้องพระ แล้วรีบออกมา ปิดประตูล็อกกุญแจอย่างรวดเร็ว

รอย...ขังพี่ทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ เธียรทุบประตูตะโกนลั่น เขาไม่ทันระวังตัว เพราะรอยจันทร์ไม่พูดจา ดุ่มๆ จัดการทุกอย่างรวดเร็ว ตั้งตัวไม่ติด รู้อีกทีก็ถูกขังเรียบร้อย

คืนนี้พี่เธียรนอนที่นี่เถอะ อย่าออกไปเลยรอยขอร้อง หล่อนร้องตอบ

ไม่ได้...พี่ต้องออกไปเดี๋ยวนี้ ทุบประตูดังลั่น ระเบิดเวลาในตัวเธียรสำแดงฤทธิ์ เขาสู้อดทนเก็บความรู้สึกไม่อยากให้คนรักเป็นห่วง พอถูกขังอย่างนี้ความโกรธแค้นโมโหพลุ่งพล่านก็ถูกระบายออกมาทางเสียงตะโกน ทุบประตูโครมๆ

รอย รอย ปล่อยพี่ ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้ เธียรตะโกนลั่น เรี่ยวแรงทั้งหมดทุบจนประตูสะเทือน ถ้ามันไม่แข็งแรงพอป่านนี้อาจพังไปแล้ว

ไม่ได้ ออกไปตอนนี้มันอันตราย รอยยอมไม่ได้หรอก หล่อนใช้เหตุผล

รอย ปล่อยเดี๋ยวนี้ ถ้ายังรักกันอยู่ พี่ขอร้อง ปล่อยพี่ไปเถอะ เขาไม่ฟัง

รอยจันทร์พูดไม่ออก โดนไม้นี้ได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้หน้าประตู เธียรยังอาละวาดไม่หยุดทุบฝาทุบประตู โครม โครม ส่งเสียงร้องโวยวายอย่างคนเสียสติ พลังความโกรธทะลักทลายออกมาเหมือนเขื่อนแตก อำนาจรุนแรงน่ากลัว

หญิงสาวหูอื้อได้ยินแต่เสียงโครมคราม จึงไม่ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นมาจอดในบ้าน และเสียงฝีเท้าขึ้นบันไดมา

รอย...เกิดอะไรขึ้น พี่เธียรเป็นอะไรไป ริวยืนอยู่ใกล้ๆ สีหน้าเป็นห่วงมองห้องพระอย่างไม่เข้าใจ

รอยจันทร์โผกอดน้องชาย ร้องไห้ด้วยความหวั่นหวาด การเผชิญกับพายุอารมณ์ของเธียรตามลำพังเช่นนี้ทำเอาหล่อนเกือบเสียสติตามเขาไปด้วย

เอาละเดี๋ยวค่อยเล่าก็ได้ ผมจะทำให้พี่เธียรสงบก่อน ริวบอกด้วยเสียงปลุกปลอบก่อนยื่นมือทาบประตู ใช้อำนาจนาคาปล่อยไอพิษอ่อนๆ ทำให้ผู้อยู่ภายในสลบไสล

หญิงสาวแทบไม่ได้ยินน้องชายพูดอะไร จนกระทั่งเสียงในห้องพระเบาลง ไม่มีการทุบผนังประตู ไม่มีเสียงร้องโวยวายจากเธียร หล่อนค่อยได้สติดันตัวเองออกจากอกเขา เงยหน้าพบรอยยิ้มอ่อนโยนปลุกปลอบใจ

คราวนี้บอกผมได้หรือยัง พี่เธียรเป็นอะไรไป คำพูดของริวปลุกรอยจันทร์จากอาการหวั่นหวาด เนื้อตัวหายสั่น คราบน้ำตายังเต็มหน้า

หญิงสาวเล่าให้ริวฟังละเอียดยิบ ตั้งแต่นั่งมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวทะเล ขากลับพบสิงหานาคราชได้เห็นภาพไตรกับทนายความพูดจากันที่สำนักงานทนายความ รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ รวมถึงเอกสารของเธียรที่ถูกเก็บในเซฟไปจนถึงจิญยานีและบริษัทที่หล่อนได้รับจากก้องฟ้า

นอกจากอธิบายสิ่งที่เห็นยังพูดถึงความรู้สึก อารมณ์ ปฏิกิริยาของเธียรที่เปลี่ยน ความพยายามของตนที่จะรั้งเขาไม่ให้ไปไหน

ริวฟังเรื่องทั้งหมดจบก็ถอนใจ ระบายลมหายใจยาวเหยียดปลดปล่อยความคั่งค้างคาใจออกจนหมด

สิงหานาคราชนี่ร้ายจริง เมื่อเช้าก็แกล้งผมกับน้ำฝนไม่ให้ใส่บาตร พอค่ำก็เล่นไม้นี้กับพี่เธียร นี่เขาคงตั้งใจขัดขวางการฝึกมนต์เต็มที่ พี่เธียรเป็นแบบนี้ เขาไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลนาคพิทักษ์คงวิบัติสมใจ

รอยจันทร์ฟังแล้วหนาวเยือก พูดอะไรไม่ออก คิดหาวิธีช่วยเธียรไม่ได้เลย

เจ๊ไปนอนก่อนเถอะ รับรองคืนนี้พี่เธียรไม่อาละวาดแน่ ผมสะกดให้หลับถึงเช้าเผื่อตื่นขึ้นมาจะมีสติคิดอะไรดีๆ ได้บ้าง

ก็ดี หล่อนยอมรับ การมีริวอยู่ใกล้ๆ ทำให้อุ่นใจสามารถวางภาระต่างๆ ไว้บนบ่าเขาได้สบายใจ

เดี๋ยวผมออกไปทำธุระสักหน่อยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงปิดบ้านได้เลย

จะไปไหน รอยจันทร์สงสัย

อย่าเพิ่งให้บอกตอนนี้เลย ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ต้องสงสัย เชื่อใจผมมั้ย คำพูดสุดท้ายรู้กันระหว่างสองพี่น้อง ริวยังไม่อยากพูด หล่อนไม่ควรถาม ถ้าไว้ใจกัน

ตกลง หล่อนรับคำ

ผมคงเอามอเตอร์ไซค์พี่เธียรไปใช้ก่อนนะ จะลองเป็นหลิวเต๋อหัวสักวัน เขายิ้มสดใส ไม่มีเรื่องราวใดนอกเหนือความสามารถ

ระวังตัวด้วยนะ ถึงไม่รู้เขาจะทำอะไร ความห่วงใยยังมีอยู่

รอยจันทร์กำลังยืนอยู่บนโลกของความไม่รู้ มีเพียงความเชื่อใจ มั่นใจเท่านั้นที่พอเป็นหลักยึด

ริวออกจากบ้านอีกรอบ ถึงไม่รู้เขาไปไหน แต่หล่อนมั่นใจ เขาเอาตัวรอดได้


-----000-----


สิงหานาคราชรู้สึกเป็นสุข สุขจนอยากเอนกายนอนหลับให้สบายสักครา แผนการวันนี้สำเร็จงดงาม ถึงแม้จะก่อกวนทัตตะนาคาไม่ได้ แต่การเพิ่มเชื้อโทสะ โลภะให้กับทายาทกุมภก็ได้ผลดียิ่ง เขามองเห็นเปลวไฟพุ่งจากดวงตา เขาเห็นความโกรธพลุ่งพล่านแผดเผาจิตใจ และเห็นความโลภอยากได้ หวงแหนผูกมัดฉุดรั้งใจมันให้ต่ำลง

คืนนี้มันจะเป็นเช่นไรบ้าง สิงหานาคราชคร้านจะติดตามดู ขออยู่นิ่งๆ พักให้เป็นสุขสักครา

นับจากดำเนินแผนแก้แค้น วันนี้นับว่าสมสมใจอีกวันหนึ่ง



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP