วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๒๕


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


ริวมองตาเด็กสาวเห็นความหมายที่ซ่อนลึกในคำพูดนั้น พวกเขาชอบออกเดตช่วยงานตามมูลนิธิแห่งโน้นแห่งนี้ เพราะรู้สึกสนุกเพลิดเพลินใจ จะว่าช่วยแรงก็ไม่ได้ช่วยเต็มเวลา บริจาคเป็นเงินก็เล็กน้อยแทบไม่อยากนับ น้ำฝนจะผ่าตัดใหญ่อีกไม่กี่วันนี้ หล่อนจึงอยากทำบุญร่วมกับเขาอย่างเต็มที่สักครั้ง

คุณย่าของน้ำฝนชอบทำบุญมาก เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวเอ่ยถึงคุณย่า ริวมองเห็นดวงวิญญาณหญิงชราเดินเข้ามาในห้อง โรงพยาบาลแห่งนี้ คุณย่าเป็นคนสร้าง แถมยังบริจาคเงินตามมูลนิธิต่างๆ เป็นประจำ น้ำฝนชอบตามคุณย่าไปทำบุญที่วัดเสมอ คุณย่าบอกว่าคนเราพอตายไม่มีอะไรเอาติดตัวไปได้เลยนอกจากบุญกับบาป

คุณยายผู้ถูกเอ่ยถึงมองหลานสาวด้วยแววตาชื่นชม ทั้งรักและเป็นห่วง

น้ำฝนอยากทำบุญร่วมกับพี่ริวเยอะ ๆ เด็กสาวปิดท้ายด้วยคำพูดนี้

ริวพยักหน้ายอมรับ ถ้าน้ำฝนอยากทำบุญไม่จำเป็นต้องขอเงินจากเขาเลยก็ได้ แต่เธออยากมีความทรงจำกุศลร่วมกัน อยากร่วมมีส่วนในทะเลบุญกับเขา เรื่องแค่นี้เขาจะปฏิเสธเธอลงหรือ

ก็ได้จ้ะ เขารับปาก พี่จะเรียกค่าตัวจากป้าแดงให้แพงที่สุด เพื่อเอามาให้น้ำฝนทำบุญ

น้ำฝนยิ้มเต็มที่ น้ำใส ๆ เอ่อคลอเบ้าตา เธอไม่กล้าบอก...การผ่าตัดครั้งนี้มีหวังเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เธออาจไม่มีชีวิตรอดมาพบเขาอีก หากต้องตายจริงๆ ก็ขอได้มีโอกาสทำบุญร่วมชาติด้วยกันสักครั้ง

ริวได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากคุณยาย

...ขอบใจ...ขอบใจมาก... เสียงกระซิบปนอาการกลั้นสะอื้น จิตใจเขาหายวูบอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน


-----000-----


ริวอยู่โรงพยาบาลจนเลยเวลาเยี่ยม คุณหญิงเรือนอรต้องมาเหล่ๆ มองๆ ถึงยอมกลับ โดยแอบนัดแนะให้เด็กสาวไปดูเขาถ่ายแบบและทำบุญด้วยกัน

ถึงบ้านค่อนข้างค่ำ เห็นไฟเปิดสว่าง หน้าบ้านมีมอเตอร์ไซค์คุ้นตามาจอด ภายในมีเสียงพูดคุยแว่วๆ กลิ่นอาหารจากในครัวลอยมาแตะจมูก รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวขึ้นมา ความอบอุ่นเช่นนี้ห่างหายจากบ้านแสนนานแล้ว

รอยจันทร์กับเธียรกำลังยกอาหารมาวางบนโต๊ะ กลิ่นหอมควันฉุย

กินอะไรมาหรือยังริว มากินด้วยกันสิ รอยจันทร์เอ่ยปากเรียกน้องชาย

ให้ผมช่วยยกมั้ย ริวอาสา

ไม่ต้องหรอกย่ะ ฉันกับพี่เธียรยกกันมาหมดแล้ว หญิงสาวตอบ

วันนี้พี่ขอกินข้าวด้วยคนนะ สีหน้าเธียรแจ่มใส

ผมเป็นส่วนเกินหรือเปล่าเนี่ย ริวแกล้งงอน

นี่...ไอ้ริว จะกินก็กินอย่ามาฟอร์มหาเรื่องกัดฉัน พี่สาวรู้ทัน


บนโต๊ะรับประทานอาหารคืนนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น แจ่มใส บ้านถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์ บรรยากาศครอบครัวกลับคืนมาอย่างไม่น่าเชื่อ

อาหารอร่อย เรื่องราวสนทนาออกรส ไม่มีใครพูดถึงเรื่องชวนหดหู่ ไม่มีการกล่าวถึงทรัพย์สินที่หมดไปของเธียร ไม่เอ่ยทักเรื่องกำหนดนัดหมายกับสิงหานาคราช

เรื่องอดีตจบแล้ว ใจรู้เท่าทันไม่เกาะ อนาคตมาไม่ถึงใจรู้ทันก็ไม่ยึด ปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่คือสิ่งที่พวกเขาตามรู้ทันมันอย่างมีสติ

หลังอาหาร ทั้งสามนั่งหน้าจอทีวี ริววิพากษ์วิจารณ์ละครด้วยอารมณ์ขันครู่หนึ่งก่อนบอกรอยจันทร์ง่ายๆ

อาทิตย์หน้ามีงานถ่ายแบบนะ ป้าแดงติดต่อมา

เออ ลงหนังสืออะไร หล่อนถาม

ก็เล่มที่เขาจะให้ผมถ่ายคู่ด้วยนั่นแหละ ริวตอบ

เขาเปลี่ยนใจให้ฉันถ่ายคนเดียวไม่เป็นตัวแถมแล้วเหรอ รอยจันทร์ไม่ถือสา

เปล่า ผมถ่ายด้วย ริวพูดง่าย ๆ

เฮ้ย!” หญิงสาวอุทานตกใจ นึกยังไงถึงเปลี่ยนใจ

แหม...ก็เจ๊มีผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่แล้วนี่ ริวมองเธียรล้อๆ ผมก็ต้องหาอาชีพเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง จะมาเกาะพี่สาวกินตลอดชีวิตได้ยังไงจริงมั้ย

รู้จักคิดแล้วเหรอแก รอยจันทร์พูดเหมือนสมน้ำหน้าทั้งที่สะกิดใจ

เฮ้ยริว พี่ไม่ได้... เธียรคิดว่าหนุ่มรุ่นน้องพูดจริงจึงกระอักกระอ่วนใจ

ผมพูดเล่นน่ะพี่ ริวรีบบอก เจ๊แกรู้ทันเลยกัดตอบไง

แล้วเหตุผลจริงๆ คืออะไร พอได้จังหวะรอยจันทร์รีบยิงคำถาม

ผมอยากอวดความหล่อของตัวเองขึ้นปกหนังสือบ้างไม่ได้หรือไง ริวตอบ

ถามดูแล้ว ไม่ใช่หนังสือโป๊ด้วย เผื่อยังไงเตะตาโมเดลลิ่งต่างประเทศจะได้โกอินเตอร์ไง

ตอบอย่างนี้รอยจันทร์รู้ทัน ซักเท่าไหร่ก็ไม่ได้เรื่องจึงทำเฉยเสีย

เออ พี่เธียรคืนนี้นอนที่นี่นะ ริวเอ่ยชวน

จะดีเหรอ เธียรพูดพลางเหลือบมองรอยจันทร์ การขับรถตระเวนเที่ยววันนี้เหมือนได้ผสานหัวใจคืนมา ดอกรักที่ถูกเก็บซ่อนพลันผลิดอกชูช่ออวดแดดลม คนรักที่อยู่ใกล้แค่ฝาห้องกั้นมันจะไม่ทำหัวใจปั่นป่วนหรอกหรือ

เอาสิ ผมอนุญาตให้เข้าห้องผิดได้ จะแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น ริวยิ้มล้อเลียน

ไอ้ริว อย่าเอาฉันมาเกี่ยวนะแก หญิงสาวร้อนตัว

ริวหัวเราะ มองคนทั้งสองอย่างเข้าใจ คำพูดจริงจังขึ้น

ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่เธียร ที่ห้องพระ

ริวไม่ได้ลืมสัญญานัดหมาย ระหว่างดูแลน้ำฝน สมองก็ครุ่นคิดวิธีเอาชนะสิงหานาคราช อีกอย่างเธียรก็มีปัญหาทางบริษัทต้องสะสาง จึงรอให้มันเรียบร้อยก่อนค่อยพูด


-----000-----


ห้องพระบ้านสองพี่น้องไม่กว้างนัก ที่โต๊ะหมู่บูชามีพระพุทธรูปปางสมาธินั่งเป็นประธานองค์เดียว ส่วนบนแท่นด้านข้างเรียงรายด้วยรูปครูบาอาจารย์พระภิกษุผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อีกด้านเป็นตู้หนังสือธรรมะ พ่อแม่เป็นคนธรรมะธัมโม ยึดมั่นในศีล ในธรรม จึงไม่สะสมเครื่องรางของขลัง

ห้องโปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ริวจุดธูปบูชาพระ จากนั้นเปิดตู้หนังสือ หยิบหนังสือสวดมนต์เล่มบางๆ ให้เธียร

จะให้พี่สวดมนต์หรือ เธียรสงสัย

ครับ ริวอธิบาย เก็บมนต์อาลัมพายน์ไว้ก่อน ผมคิดว่าพี่คงจำได้ขึ้นใจแล้ว

ที่ให้พี่สวดมนต์นี่ล่ะ เธียรยังไม่เข้าใจ

พี่เธียรผ่านขั้นที่สองของผู้ฝึกมนต์อาลัมพายน์ แต่ยังไม่ทะลุขั้นที่สาม

เธียรอยากถามว่าทำไม แต่สติสอนให้นึกย้อน ตอนที่ตนใช้มนต์อาลัมพายน์ต่อหน้าสิงหานาคราช มีกำลังตอนแรก จากนั้นไขว้เขวอ่อนลงช่วงกลางและท้าย

ตอนพี่เธียรใช้มนต์นี้ ความโกรธแค้นช่วยรวมจิตให้มีกำลังผ่านขั้นที่สองได้ แต่อารมณ์โกรธมันวูบไหวเหมือนเปลวไฟ ไม่อาจตั้งมั่นสม่ำเสมอ เป็นอารมณ์ฝ่ายอกุศล ไม่สามารถช่วยให้ผ่านขั้นที่สาม พี่ต้องรวมจิตให้เป็นหนึ่งมีความตั้งมั่นต่อเนื่องไม่หวั่นไหว จิตถึงจะมีกำลังเปล่งอานุภาพมนต์เต็มที่

การสวดมนต์นี้จะช่วยพี่ได้ยังไง เธียรยังสงสัย

ช่วยให้พี่ใจเย็นลง ริวตอบตรงๆ ผมว่าความอาฆาตแค้นของพี่รุนแรงเกินไป บทสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยจะช่วยขัดเกลาอารมณ์ได้ รวมทั้งสองบทนี้ด้วย

ริวเปิดหน้ากระดาษให้ดูบทกรณียเมตตสูตรกับขันธปริต บทหนึ่งสวดเพื่อแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง ส่วนอีกบทใช้แผ่เมตตากับสัตว์เลื้อยคลานสัตว์ไม่มีขาทั้งหลาย ริวเคยใช้บทนี้ตอนเผชิญงูบริวารของสิงหานาคราชครั้งแรก

ฝึกให้ใจพี่สงบเย็นอยู่กับบทสวดมนต์ วางความโกรธแค้นชั่วคราว อารมณ์เหล่านั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากเผาใจเราเอง

ขอบใจมากริว คำแนะนำมีประโยชน์กับเธียรอย่างยิ่ง

ผมคงช่วยแนะนำพี่ได้แค่นี้ ที่เหลืออยู่กับตัวพี่เองแล้ว

ริวให้กำลังใจ คำพูดพันเกลียวถูกต้อง การช่วยเหลือของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่จุดประสงค์เดียวกัน คือให้ผู้ได้รับความช่วยเหลือ สามารถยืดหยัดได้ด้วยกำลังขาของตน




บทที่ ๒๑


สตูดิโอพร้อม ฉากอุปกรณ์ไฟทุกอย่างถูกจัดเข้าที่ ป้าแดงเจ้ากี้เจ้าการสั่งโน่นสั่งนี่สมกับเป็นสไตลิสต์ แถมยังแบกจ๊อบแต่งหน้านายแบบ โดยไม่ยอมให้คนอื่นมีรายได้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ริวยอมให้ใบหน้าสัมผัสเครื่องสำอาง สมัยก่อนขนาดแป้งหอมยังไม่ชอบใช้ ป้าแดงทำงานคล่องแคล่วสมเป็นมืออาชีพ ปากก็พูดจาสั่งสอนแนะนำเรื่อยๆ

ถ่ายแบบครั้งแรกอย่าตื่นกล้องนะริว ทำตัวเป็นธรรมชาติเข้าไว้ คิดว่าอยู่กันแค่สองคนกับรอย

ขืนคิดอย่างนั้นก็ไม่ได้งานดีหรอกป้า รอยจันทร์ขัดขึ้น ตอนอยู่กับมันมีแต่เรื่องกัดกัน

พูดอย่างกับผมเป็นหมาแน่ะ ชายหนุ่มค่อนแคะ

เออใช่ รอยจันทร์ได้ทีสำทับ วันนี้ทำตัวดีๆ หน่อยแล้วกันอย่าให้หางโผล่ ทั้งที่รัก ทั้งแม่ยายมาให้กำลังใจกันแบบนี้

ริวเหลือบตาดูด้านหลัง น้ำฝนดื้อขอออกจากโรงพยาบาลมาดูถ่ายแบบจนได้ คุณหญิงเรือนอรต้องตามประกบ โชคดีที่รอยจันทร์ไม่เห็น คุณยาย อีกตน ไม่งั้นคงแซวหนักกว่านี้

โอเค เรียบร้อยเริ่มงานได้ ป้าแดงบอก


การถ่ายแบบเซตนี้เป็นภาพคู่รอยจันทร์กับริว คอนเซ็ปต์แนวอบอุ่นใส สบายๆ เท่แบบเป็นตัวเอง รอยจันทร์เป็นมืออาชีพทำงานลื่นไหล ส่วนริวคลุกคลีวงการนี้มาหลายปีรู้จักช่างภาพยันเด็กยกไฟจึงไม่เขินอายกล้อง ยิ่งจับคู่กับรอยจันทร์ยิ่งปล่อยตัวตามสบาย ไม่มีอาการเกร็ง เกรงใจ อารมณ์ สีหน้าความรู้สึกเกิดขึ้นจริงไม่มีเสแสร้งปั้นแต่ง

คุณหญิงเรือนอรดูการถ่ายภาพพลางเหลือบมองลูกสาว เห็นแววรัก หลง ฉายชัดในดวงตา นึกทอดถอนใจ...

ผู้ชายหล่อขนาดนี้เองพราวพิรุณถึงทุ่มเทหมดใจ...

เท่าที่คุณหญิงได้เห็นสัมผัสก็ยอมรับผู้ชายคนนี้นอกจากหน้าตาดียังมีเสน่ห์จับใจคน ไม่ว่าการพูดจา สัมมาคารวะตามกาลเทศะ และราศีบางอย่างที่เห็นแล้วไม่อยากเชื่อเป็นคนหนุ่มธรรมดา

ถ้าถามคุณหญิงว่าพอใจผู้ชายคนนี้หรือไม่ เธอยอมรับว่าพึงใจรูปลักษณ์ ท่าที ราศี แต่หากต้องเป็นลูกเขย...ไม่นับว่าพอใจ อย่างน้อยเรื่องฐานะ ความรู้ที่ดูห่างจากมาตรฐานของเธอหลายขุม ที่ยอมตามใจให้ใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกสาวขนาดนี้เพราะอยากให้พราวพิรุณมีความสุข

กำหนดผ่าตัดจะมีอีกไม่กี่วัน ผลเป็นอย่างไรหมอไม่กล้ารับปาก ฉะนั้นสิ่งใดเป็นความสุขของลูก คุณหญิงไม่คัดค้านเด็ดขาด อยากรักใครก็ได้ มาดูถ่ายแบบก็ยอม อยากใกล้ชิดแค่ไหนไม่ขัดขอให้อยู่ในสายตา

ยกเว้น การผ่าตัดราบรื่น พราวพิรุณหายเป็นปกติค่อยว่ากันอีกที

เด็กสาวยังอายุน้อยมีโอกาสพบเจอผู้คนอีกมาก ส่วนผู้ชายรูปหล่อขนาดนี้แถมเข้าวงการบันเทิงพบดาราสาวๆ สวยๆ มากมาย...คุณหญิงคงไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีกีดกันเป็นว่าที่แม่ยายใจร้าย แค่คอยดูรักษาระยะห่างพวกเขาให้ดี อีกไม่นานคงเลิกรากันเอง ความรักในวัยนี้หวือหวาไม่จีรังยั่งยืน

การถ่ายแบบเซตแรกเสร็จลง เซตต่อไปแยกถ่ายเดี่ยว รอยจันทร์เปลี่ยนชุด เติมหน้าใหม่ ส่วนริวโดนตัดผมให้สั้นลง

พี่ริวผมสั้นลงแล้วดูดีจัง หล่อขึ้นเยอะเลย น้ำฝนเข้ามาดูใกล้ๆ

อืม...ที่จริงสกินเฮดเลยก็ดีนะน้ำฝน เผื่อจะหล่อเหมือนเคียนู ริวพูดบ้าง

ไม่ต้องก็ได้ค่ะ แค่นี้พี่ริวก็หล่อกว่าตั้งเยอะอยู่แล้ว เด็กสาวชื่นชม

ตายแล้ว ชมกันเข้าเดี๋ยวนายแบบก็ลอยกันพอดี ป้าแดงวุ้ยว้ายตามเรื่อง

รอยเริ่มถ่ายหรือยังครับ ริวถาม

เริ่มแล้วจ้ะ รายนั้นไม่ต้องทำอะไรมาก มืออาชีพอยู่แล้ว ลุคใหม่ของเขานี่เฉียบเลยนะ ไม่แน่อาจโกอินเตอร์ขึ้นปกโวคก็ได้ ป้าแดงชม

ลุคผอมเพราะตรอมใจนี่นะป้า ริวขัดอย่างเห็นขัน

แหมไปว่าพี่เขา ป้าแดงตีแขนหยอกๆ รู้มั้ยตอนเรานอนอยู่โรงพยาบาลน่ะ ป้าไปหากี่ทีไม่เคยเห็นรอยมันยิ้มเลย เอาอะไรไปฝากมันก็ไม่กิน จนผอมซูบดูแย่กว่าคนป่วยที่นอนบนเตียงอีก

ริวตื้นตันใจ... เจ็บคราวนี้ได้เห็นชัดถึงความรักห่วงใยที่มีต่อกัน

ตัดผมเสร็จแต่งหน้าแต่งตัวพร้อมถ่ายรูปเซตสุดท้าย ริวเดินสวนกับรอยจันทร์ระหว่างทางไปฉาก หญิงสาวสะดุดกึก มองน้องชายอย่างไม่เชื่อสายตา

ตายแล้วแก ฉันคิดว่าหนุ่มหล่อที่ไหนเกือบหลงจีบแล้วสิ

ไง...ผมหล่อผิดหูผิดตาจนคิดนอกใจพี่เธียรเชียวเหรอ ริวแซว

อย่าปากมาก...พูดเบาๆ ก็ได้ รอยจันทร์ดุ เรื่องดารากับคนรักเป็นข่าวที่ใครๆ ก็อยากรู้

ริวยิ้มขัน ใบหน้าใสกว่าเคย รอยจันทร์พูดไม่ผิด ริวดูหล่อขึ้นมีราศีฉายจากใบหน้า ดวงตาเป็นประกายระยับรวมกับรูปร่างรอยยิ้ม หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อนี่คือน้องชายที่เคยเห็นหน้ากันทุกวัน


แฟชั่นเซตสุดท้ายเริ่มขึ้น รอยจันทร์เป็นฝ่ายนั่งดูอยู่ด้านนอก ริวทำงานลื่นไหล การโพสต์ท่า การยืน รอยยิ้มทุกอย่างเป็นธรรมชาติไม่ฝืนปรุงแต่ง ยิ่งดูยิ่งเห็นความโดดเด่น ริวใส...สว่างจนรอยจันทร์นึกกลัว ใจหายวูบอย่างไม่มีสาเหตุ ลางสังหรณ์แปลกๆ กระทบใจ คล้ายจะได้เห็นน้องชายลักษณะเช่นนี้เป็นครั้งสุดท้าย

ริวจ๋า ช่วยปลดกระดุมเสื้อลงหน่อยสิจ๊ะ ป้าแดงร้องบอก รอยจันทร์ขำ ไม่พ้นจนได้ นายแบบสมัยนี้มักโดนปลดกระดุม ถอดเสื้อถ่ายรูปเป็นประจำพอๆ กับพวกนางเอกที่ถูกจีบให้ถ่ายชุดว่ายน้ำ

เม็ดละพันนะป้า เหมาหมดหมื่นนึง ชายหนุ่มตอบอารมณ์ดี

แล้วถ้าถอดเสื้อด้วยล่ะ ป้าแดงทำตาระริก

ถอดเสื้ออย่างเดียวเหรอ กางเกงด้วยมั้ย เขาพูดทีเล่นทีจริง

ต๊าย...อย่าพูดให้คนแก่หัวใจวายสิคะ แค่นี้ก็ใจเต้นจะแย่แล้ว


ริวหัวเราะปล่อยตัวสบายๆ ยอมปลดกระดุมเสื้อตามคำขอโดยไม่อิดเอื้อน ถ่ายไปถ่ายมาก็ถูกขอให้ถอดเสื้อจนได้ รอยจันทร์ยืนมองอย่างแปลกใจ ทำไมริวใจดีเป็นพิเศษ ปกติการถ่ายแบบนี้ถูกเขาค่อนขอดเหน็บแนมประจำ คราวนี้นอกจากเต็มใจแล้ว ริวยังพูดจาหยอกล้อทุกคน เหมือนจะสั่งลา

รอยจันทร์สะท้านเยือก...สั่งลา ครั้งสุดท้าย...ความคิดนี้สะท้อนก้องในใจ...อีกไม่ถึงสองเดือนริวกับเธียรจะประจันหน้าสิงหานาคราชขั้นแตกหัก วิธีเอาชนะเด็ดขาดยังไม่มี เธียรฝึกมนต์ยังไม่สำเร็จ ริวใช้มนต์นี้ไม่ได้ เขาไม่เคยบอกแผนการใด ๆ ทั้งสิ้น เวลาที่เหลือไม่มากเลย หญิงสาวรู้จักนิสัยน้องชายตัวเองดี ริวไม่ใช่คนประมาทชะล่าใจ เขาต้องมีแผนในสมองแต่ไม่ยอมบอกทุกคน

ถ้าเธียรฝึกมนต์สำเร็จก็ดีไป หากไม่ริวต้องมีแผนสำรอง ไม่ยอมปล่อยเธียรตายแน่ๆ รอยจันทร์ไม่รู้เรื่องเวทมนตร์คาถา อำนาจ พลังนาคา จึงตอบไม่ถูกริวคิดอะไรในใจ แต่การที่เขายอมทำเรื่องที่ไม่เคยชอบทำเช่นนี้ มันช่างเหมือนการสั่งลา ให้ทุกคนได้เก็บไว้ในความทรงจำตลอดกาล


-----000-----


คฤหาสน์นาคพิทักษ์เงียบสงัดราวป่าช้า ลูกจ้างหลายคนทยอยออกกันไปบ้างแล้ว ห้องหับหลายห้องปิดสนิท เหลือห้องนอนเธียรห้องเดียว ชายหนุ่มกราบพระสวดมนต์บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย จิตใจจดจ่อต่อทุกคำทุกวลีไม่มีพลาดไม่ยอมให้อารมณ์ใดมารบกวนคำสวด จนจิตใจเกิดความสงบเย็น

จากนั้นเริ่มต้นบทสวดกรณียเมตตสูตร ภาษาบาลีถูกท่องขานจนคล่องปากถ่ายทอดช้าๆ เป็นจังหวะ ความหมายที่เคยอ่านซึมซาบจิตใจ

บทสวดกล่าวถึงกิจอันพระภิกษุผู้บำเพ็ญสมณธรรมในป่าพึงกระทำ เช่นเป็นผู้อาจหาญ เลี้ยงง่าย อ่อนโยน รักสันโดษ มีอินทรีย์อันสงบระงับ ไม่พึงประพฤติในสิ่งเลวทรามเป็นเหตุให้ผู้อื่นติเตียน จากนั้นเป็นการเจริญเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลายอย่างกว้างขวาง แผ่กระแสเมตตานี้ให้กว้างใหญ่หาขอบเขตมิได้และสรุปถึงผลดีของการเจริญเมตตา

เธียรจดจำได้ทุกคำ เข้าใจความหมายคำแปลลึกซื้ง ขณะสวดสาธยายจิตก็ดื่มด่ำกับความสงบ จิตใจถูกขัดเกลา ความอาฆาตแค้นถูกวางลืมชั่วคราว

บทขันธปริตเริ่มต้น

วิรูปักเข หิเมเมตตัง เมตตังเอราปะเถหิเม...ข้าพเจ้ามีเมตตาจิตกับงูตระกูลวิรูปักเขทั้งหลาย...ข้าพเจ้ามีเมตตาจิตกับงูตระกูลเอราปถะทั้งหลาย

บทสวดสาธยายด้วยจิตใจแผ่เมตตาต่องูตระกูลต่างๆ รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย ทำให้จิตใจแช่มชื่นดิ่งลึก จนกระทั่งสวดจบความสงบยังตั้งมั่นในใจไม่คลาย ไม่มีอารมณ์อื่นมากวนปล่อยให้เมตตาธรรมแผ่ซ่านทั่วจิตใจ จนครู่ใหญ่ความสงบค่อยคลายตัวลืมตาขึ้นมา ร่างกายโปร่งเบา แน่ใจชัดสิ่งที่ริวแนะนำถูกต้อง

มองเห็นความสงบก่อเกิดตั้งมั่นในใจมากขึ้น จิตยังบอกต่อตนเอง แค่นี้ไม่พอใช้งาน ต้องใช้เวลาฝึกฝนอีก เวลาไม่ถึงสองเดือนนับว่าน้อย อาจไม่เพียงพอด้วยซ้ำ แต่เขาไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ดังนั้นต้องสงบใจ ปฏิบัติต่อโดยไม่เร่งร้อนฝืนตนเอง


-----000-----


กว่าจะถ่ายแบบเสร็จ กว่าจะตามไปส่งน้องน้ำฝนเรียบร้อย เวลาก็ล่วงดึกโข ริวขับรถพารอยจันทร์กลับบ้าน ถนนยามนี้มีแสงสีเต็มข้างทาง ร้านรวงยามค่ำเปิดค้าขายกันน่าสนุกสนาน ภัตตาคารริมถนนทำอาหารเชิญชวนนักชิม

หิวหรือเปล่า หาอะไรกินรองท้องก่อนดีมั้ย ริวถาม

ก็ดี ซื้อไปกินที่บ้านนะ หญิงสาวบอก

รู้แล้ว ขืนเจ๊นั่งกินข้าวข้างทางกับผมเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง นี่แหละหนาผมถึงไม่ออกเป็นดารา

ไม่อยากเป็นแล้วมาถ่ายแบบทำไม รอยจันทร์หาจังหวะถามมานานแล้ว

ก็บอกแล้วไงอยากมีอาชีพไม่ต้องขอเงินพี่สาว ริวตอบยิ้มๆ

ทำไมเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ ถามอย่างนี้แสดงว่าจะไล่ให้จน

ริวถอนใจทำเฉยขับรถวนหาที่จอด หญิงสาวรู้เสียแล้วว่าเขาแกล้งไม่ตอบ

ตอบมาสิ คำถามคาดคั้น

เอาละ...ในเมื่อเจ๊รู้แล้วว่าไม่ใช่เหตุผลนี้ผมก็ยอมรับ โอเคมั้ย ริวหาที่จอดรถได้แล้ว

งั้นเหตุผลจริงๆ คืออะไร รอยจันทร์ยิงเข้าเป้า คนตอบนิ่งครู่หนึ่ง

คือ...น้ำฝนเขาอยากให้ผมมาถ่ายแบบ จะได้เอาเงินไปทำบุญร่วมกันก่อนผ่าตัด

เหตุผลนี้มีน้ำหนักแต่รอยจันทร์ยังคาใจ ถ้าริวต้องการเงินจริงๆ บัญชีเงินฝากเขาก็มี ไม่จำเป็นต้องมาถ่ายแบบนี้ก็ได้

เท่าที่ฉันรู้ เงินเก็บของแกมีมากกว่าค่าถ่ายแบบครั้งนี้อีก ถ้าจะเอาเงินตัวเองทำบุญร่วมกับน้ำฝนเบิกเอาก็ได้ หญิงสาวจี้ตรงข้อสงสัย

ผมอยากขึ้นปกหนังสือสักครั้งในชีวิตไม่ได้หรือไงเจ๊ ริวตอบง่ายๆ เอาตัวรอด กินอะไรดี บะหมี่เกี๊ยวหรือข้าวมันไก่


ชายหนุ่มใช้คำถามปิดการสนทนา คิดอยู่เหมือนกัน รอยจันทร์ต้องสงสัย การรับงานที่เขาปฏิเสธมาตลอด คำขอของน้ำฝนเป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

สัญญานัดหมายกับสิงหานาคราชคือเหตุผลอีกข้อ

จนถึงวันนี้เขายังหาวิธีรับมือที่เหมาะสมไม่ได้ ถ้าเธียรฝึกมนต์ไม่สำเร็จเขาจะทำอย่างไร เรื่องฝึกตบะ ให้อยู่เหนือมนตราไม่มีทางทำได้ในเวลาสั้นๆ มันก็เหลือทางเดียว ยอมตายฝืนใช้มนต์อาลัมพายน์จองจำสิงหานาคราช...

เมื่อคิดถึงความตายเขาก็อยากทำอะไรทิ้งให้สำหรับคนที่เขารัก น้ำฝนอยากให้เขาถ่ายรูปก็ยอม บางทีมันอาจเป็นความทรงจำที่ดีแก่ทุกคน รวมถึงพี่สาวที่น่ารักแต่ปากร้ายคนนี้ด้วย


-----000-----


คัมภีร์เก่าคร่ำคร่าแต่ละแผ่นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มือเรียวหนาเปิดผ่านมันทีละหน้า ข้อความที่เห็นชัดเจนจนขึ้นใจ อ่านทบทวนมาเป็นร้อยๆ เที่ยว...นี่คือคัมภีร์มหามนตราของเจ้าปู่ คัมภีร์ที่รวบรวมสรรพวิชาเพื่อให้เป็นนาคราชเหนือนาคราช

สิงหานาคราชอ่านทบทวนหลายรอบคิดหาวิธีชนะมนต์อาลัมพายน์

ในคัมภีร์บันทึก มนต์นี้เป็นของพญาครุฑคู่ปรับกับเหล่านาคแต่ปางบรรพ์จึงมีอานุภาพยิ่งใหญ่ร้ายแรง หากอยู่ในมือผู้มีตบะกล้า จิตแน่วนิ่งหนึ่งไม่มีสอง มนต์นี้ยิ่งเปล่งอานุภาพสูงสุดสามารถเป็นใหญ่เหนือนาคราชทั้งปวง

แต่พญานาคทั้งหลายก็ใช่จะอยู่ใต้บาทครุฑเสมอไป นาคบางตนมีชาติกำเนิดสูง อิทธิฤทธิ์กล้าแข็ง เหล่าครุฑไม่กล้าราวี หนำซ้ำยังเกรงกลัว ฉะนั้นต้องมีวิธีแก้มนต์อาลัมพายน์

นาคราชแปลงยังหาวิธีในคัมภีร์ไม่พบ จากการที่เคยพ่ายต่อมนต์นี้มาก่อน จึงพอหาช่องว่างเอาชัยได้ หากทายาทกุมภสำเร็จมนต์จริงๆ ก็ไม่น่ากลัว มนตราไม่สำคัญเท่าผู้ใช้มนต์ จะอย่างไร มันย่อมไม่มีตบะจิตกล้าแข็งกว่าบรรพบุรุษแน่

สิงหานาคราชเผยรอยยิ้มนิดๆ ความพยาบาทช่างเหมือนขนมหวาน ยิ่งลิ้มยิ่งติดใจ ยิ่งทำลายตระกูลนาคพิทักษ์เท่าไหร่ยิ่งสาสมใจ คราวนี้เขาจะทำให้ทายาทตระกูลต้องคั่งแค้นเสียใจจนไม่มีความคิดอยากฝึกมนต์ นัดหมายอีกสองเดือนเพื่อชิงชัยต่อสู้ก็จริง แต่ไม่มีเงื่อนไขห้ามทำร้ายพวกมันด้วยวิธีอื่น...บางครั้งการทำให้เจ็บปวดแค้นใจ มันยิ่งทรมานกว่าฆ่าให้ตายเสียอีก


-----000-----


ยังเช้ามืด ริวเตรียมอาหารในครัว เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นปลุกรอยจันทร์ให้ลงมาดู

ทำอะไรแต่เช้าวะริว ฉันคิดว่าขโมยขึ้นบ้าน หญิงสาวหน้ายุ่ง หัวฟู

ทำกับข้าวใส่บาตร คำตอบทำให้พี่สาวงง

วันเกิดใคร ของฉันหรือแก คนพูดนึกไม่ออก

คนอยากทำบุญมันเกี่ยวกับวันเกิดที่ไหนกัน เขาตอบทั้งที่ง่วนอยู่กับงานตรงหน้า

กลิ่นอาหารหอมเตะจมูก สีสันน่ารับประทาน ข้าว กับข้าว ผลไม้ถูกจัดเป็นชุดๆ เรียบร้อย

ใส่บาตรกับใคร ถามพลางนึกคำตอบได้เอง น้ำฝนเหรอ

ใช่...เขาจะผ่าตัดวันมะรืน วันนี้ก็เลยจะพาไปทำบุญตั้งแต่เช้า พูดจบกับข้าวอีกอย่างในกระทะก็เสร็จพอดี ผมขอยืมรถหน่อยนะ น้ำฝนไม่ค่อยแข็งแรงต้องไปหลายที่ เจ๊นั่งรถตู้กองถ่ายไปทำงานแล้วกัน ผมโทร.นัดเขาแล้ว สามโมงเช้าคงมาถึง

ดีนะแก พอมีแฟนก็ทิ้งพี่ หล่อนแกล้งบ่นงึมงำ

อยากได้ผู้จัดการคนใหม่มั้ยล่ะ ทำงานดี แต่หล่อน้อยกว่าผมนิดนึง ริวหยอกกลับ

ฉันไปอาบน้ำดีกว่า หญิงสาวรีบตัดบทก่อนน้องชายจะเอ่ยชื่อเธียรออกมา

ลับร่างรอยจันทร์ ใบหน้าริวค่อยคลายความแจ่มใส สังหรณ์แปลกๆ พาให้ใจหวั่นวูบผิดปกติ มือจัดแยกอาหารแต่ละชุดใส่ตะกร้าทั้งที่ใจเหม่อลอย เขาเป็นห่วงน้ำฝน ห่วงการผ่าตัด ไม่อยากให้การทำบุญวันนี้เป็นการทำบุญร่วมกันครั้งสุดท้าย


-----000-----


เด็กสาวแต่งตัวสวยอำพรางความซูบซีดรออยู่ที่ล็อบบี้โรงพยาบาล ไม่มีเงาคุณหญิงเรือนอร ท่านชัยกาลประกบอย่างเคย น้ำฝนคงขอร้องเป็นพิเศษ ถึงกระนั้นริวยังเห็น คุณย่า ของหล่อนนั่งอยู่ใกล้ๆ ไปไหนไปกัน

พร้อมหรือยังจ๊ะสาวน้อย เขาทักด้วยสีหน้าแช่มชื่น

พร้อมแล้วค่ะ คำตอบรับสดใส ริวเข้าไปใกล้เห็นที่หน้าอกเด็กสาวปักเข็มกลัด ดอกหัวใจราเมศว์ จึงยิ้มชื่นหัวใจซ่าน น้ำฝนเอื้อมมือไปแตะมันเบาๆ คล้ายบอกว่า...ดอกไม้ดอกนี้จะอยู่ใกล้หัวใจเธอตลอดไป

ริวหันไปมองคุณยายกระซิบชวนจากใจ

ไปทำบุญด้วยกันนะคุณยาย เขาได้แต่หวังให้กุศลวันนี้ช่วยเกื้อหนุนน้ำฝนผ่านพ้นการผ่าตัดด้วยดี


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP