วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๒๔


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



ริวไม่ตกอยู่ในมนต์สะกดตั้งแต่แรก เขาเห็นพฤติกรรมต่างๆ โดยตลอด ยิ่งตอนสิงหานาคราชจะกระชากฝาโลง เขาคิดลุกขึ้นขัดขวางแต่มีเสียงพันเกลียวดังในใจ

อย่าเพิ่ง ดูก่อน

เขาจึงสงบใจและสัมผัสกระแสมนต์อาลัมพายน์ที่เธียรท่องสาธยาย...มันเป็นมนต์ที่จังหวะถูกต้อง เจตจำนงแน่วแน่ แสดงถึงผู้สวดผ่านขั้นที่สองแล้ว เสียแต่มีข้อบกพร่องจึงไม่อาจทะลุขั้นที่สาม

งั้นก็เอาสิ ข้าให้โอกาสพวกเอ็งใช้มนต์อาลัมพายน์ มีอำนาจใดก็ใช้เต็มที่ แววตาจ้องมองเสียดเย้ย

ริวยืนเคียงข้างเธียรกระแสไอเย็นแทนที่ความร้อน บังเกิดลมหมุนควะคว้าง หมอกขาวเรี่ยพื้นแตกกระจาย กลิ่นสะกดเริ่มจาง

เธียรระบายลมหายใจแผ่วๆ ฝืนสีหน้าปกติ ดวงตาแลตรงสิงหานาคราช ไม่มีประโยชน์จะท่องมนต์ มองเห็นชัดๆ ว่าทำได้อย่างมากแค่ให้ฝ่ายตรงข้ามรำคาญใจ

ที่นี่คงไม่เหมาะ ริวแย้ง รอยยิ้มบอกถึงความไม่กริ่งเกรง

งั้นที่ใด ข้าให้โอกาสเอ็งเลือก

เวลานี้ก็ไม่เหมาะ ริวพูดเหมือนต่รองราคา

เอ็งหมายความเช่นไร น้ำเสียงเข้มดวงตากร้าว

ท่านก็รู้ พี่เธียรยังไม่สำเร็จมนต์อาลัมพายน์ ส่วนผมก็สู้อิทธิฤทธิ์ท่านไม่ได้ ท้ากันอย่างนี้เหมือนแมวหยอกหนูเปล่าๆ

เอ็งต้องการเยี่งไร สำหรับจอมนาคราช มนุษย์ทั้งสองล้วนไม่อยู่ในสายตา

รอให้พี่เธียรสำเร็จมนต์ก่อน ริวตอบ

เมื่อใด สิงหานาคราชถาม...ดูหมิ่น มนต์นี้มนุษย์บางคนฝึกฝนชั่วชีวิตยังไม่สำเร็จ

เมื่อสำเร็จ ริวตอบสามคำ

ข้าคงไม่ให้เวลาพวกเอ็งชั่วชีวิตหรอกนะ คำพูดกร้าว

หรือท่านกลัว อีกสามคำที่กระตุ้นโทสะ

คิดหรือจะใช้แผนยั่วยุข้าได้ นาคราชไม่หลงกล

แค่เดือนเดียว เธียรทะลุกลางปล้อง ความแค้นของเขาไม่อาจรั้งรอเนิ่นนาน

สองเดือน ริวรีบแก้

เท่าใดกันแน่ สิงหานาคราชยิ้มเย้ย

สองเดือน ริวย้ำพร้อมสาวเท้าเผชิญหน้า สองเดือนในคืนเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เราจะเผชิญหน้ากับท่านอีกครั้ง

นาคราชแปลงเบือนสายตายังเธียร คล้ายต้องการย้ำความมั่นใจ พบกับดวงตาชายหนุ่มฉายไฟแค้นลุกโชน

ได้ อีกสองเดือนข้าจะมาเอาชีวิตพวกเอ็ง เร่งฝึกมนต์เข้าเถิด เจ้าพวกเศษสวะทั้งหลาย ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...

เสียงหัวเราะดังสะเทือนก้องทั้งศาลา ไม่มีมนุษย์คนใดรู้สึกตัวจนกระทั่งไอหมอกเจือจางคลี่คลาย เสียงสวดกลับคืนต่อดังไม่เคยมีเหตุใดมาสะดุดหยุดเลย

ริวกับเธียรยังยืนนิ่งมองหน้ากันจนผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ต้องสะกิด เพิ่งรู้ตัว ทั้งคู่ไม่มีคำพูดนอกจากแววตาสื่อสารกันเข้าใจ เธียรนั่งลงฟังสวดตามเดิม ริวกลับไปนั่งเก้าอี้ ไม่สนใจสายตาแขกหลายคนที่มองเขาเหมือนจำได้ว่าเป็นผู้พยายามเข้าไปช่วยชีวิตก้องฟ้า

ได้ยินที่ผมพูดกับเขาใช่มั้ย ริวถอนมนต์สะกดให้รอยจันทร์ก่อนเผชิญหน้ากับสิงหานาคราช

ได้ยิน หญิงสาวพูดพลางถอนใจ ทำไมแกไม่เพิ่มเวลาเป็นปีสองปี

ไม่ได้หรอก ดูตาพี่เธียรสิ อาฆาตแค้นขนาดนั้น ไม่มีทางยอมรอนานๆ แน่

งั้นสามสี่เดือนก็ได้ รอยจันทร์บอก

ยิ่งรอนานยิ่งไม่มีผลดีต่อเรา ริวออกความเห็น พี่เธียรอาจทำอะไรบ้าๆ ก็ได้

งั้นทำไมแค่สองเดือน หญิงสาวสงสัย

ก็มันได้แค่นั้นเต็มที่แล้ว วันอาสาฬหบูชาพอดี ขืนเลยอีกวันก็เข้าพรรษา ผมหาพรรคพวกมาช่วยไม่ได้ ริวยิ้มแปลกๆ

รอยจันทร์เริ่มงง พรรคพวก ของริวคือใคร

จำชัยยะนาคาได้มั้ยเจ๊ เขาถาม

จำได้ หญิงสาวทบทวนความจำ พบนาคาหนุ่มครั้งแรกที่คำชะโนด ครั้งที่สองร้านอาหาร

นั่นแหละผู้ช่วยผม ลำพังคนเดียวผมสู้เขาไม่ได้หรอก ถ้าชัยยะร่วมด้วยก็พอลุ้น แต่นาคาเพื่อนผมต้องเข้าพรรษาวันแรม ๑ ค่ำ เพราะฉะนั้นวันสุดท้ายที่เขาจะช่วยผมก็คือ ๑๕ ค่ำ

ตอนนี้รอยจันทร์ถึงเข้าใจ ริวไม่ได้นัดหมายสะเปะสะปะ เขาใช้เวลาสั้นๆ คิดอ่านอย่างรอบคอบก่อนกำหนดท้าสู้

แกนี่มันยอดผู้จัดการจริงๆ หล่อนชม

ใช่สิ ทำงานมาตั้งหลายปี จนมันเข้าเส้นเลือดแล้วมั้ง

ยามนี้ชายหนุ่มยังยิ้มได้ รอยยิ้มแฝงความหนักใจกว่าค่อน เธียรผ่านขั้นที่สองของผู้ฝึกมนต์ก็จริง แต่เวลาสองเดือนมันเพียงพอจะฝึกสำเร็จหรือไม่

อย่างที่เคยรู้ มนต์อาลัมพายน์บางคนฝึกทั้งชีวิตก็ไม่สำเร็จ ที่ยิ่งกว่านั้นเมื่อสำเร็จแล้วก็ไม่แน่จะเปล่งอานุภาพออกมาได้สูงสุด ตัวมนต์ไม่สำคัญเท่าผู้ฝึกมนต์ หากเป็นผู้มีกำลังจิตกล้าใช้มนต์นี้ มันก็ย่อมมีอานุภาพมากกว่าคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกจิตเลยเช่นเธียร

ริวครุ่นคิด ตอนใช้มนต์อาลัมพายน์จนสิงหานาคราชเสียทีคราวนั้น เพราะฝ่ายตรงข้ามประมาทเกินไป ไม่เตรียมตัว ไม่คิดว่าเขาจะใช้ไม้นี้

หากสิงหานาคราชเตรียมพร้อมรับมนต์นี้ล่ะ เขาจะฝ่ามันได้หรือไม่ คิดอีกทีเมื่อครั้งหนึ่งเคยโดนจองจำด้วยมนต์นี้มาแล้ว ต่อไปย่อมหาวิธีเอาตัวรอดไม่ผิดพลาดซ้ำสอง ชัยยะนาคาเคยบอกคัมภีร์มหามนตราของเจ้าปู่ รวมสรรพวิชาชั้นเลิศไว้มากมาย เขาไม่รู้จะมีวิชาใดต้านมนต์อาลัมพายน์หรือไม่...ยิ่งคิดยิ่งหวั่น ถ้ามนต์อาลัมพายน์ใช้ไม่ได้ผล จะมีวิธีใดสยบสิงหานาคราช




บทที่ ๒๐



บ้านพันเกลียวปิดสนิทเรียบร้อยจนน่าขัดใจ ริวเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ให้รอยจันทร์พามาที่นี่เป็นแห่งแรก ต้องการพบหญิงสาวผู้แกร่งตบะเพื่อบอกข่าวการนัดหมายและต้องการคำแนะนำ ได้พบกับความผิดหวังไม่เห็นใครสักคน

เธอคงออกไปธุระมั้ง รอยจันทร์พูด

ไม่หรอกเจ๊ ถ้าเธอไม่อยู่ก็หมายความว่าไม่ต้องการพบผม ริวขัดใจนิดๆ

แล้วยังไง ทำหน้าเหมือนหนุ่มพลาดนัดสาวแบบนี้ หญิงสาวแซว

ริวถอนใจก่อนยืนพูดแจ้วๆ หน้าประตู

คุณพันเกลียวครับ ผมจนหนทางจริงๆ นะ คิดอะไรไม่ออกแล้วถึงมาหา ไหนเคยบอกว่าจะคอยช่วยเหลือกันไง ผิดคำพูดอย่างนี้ไม่ดีนะ พร่องศีลเปล่าๆ

ได้ผล หลังจากจบคำไม่ถึงนาทีก็มีชายร่างใหญ่ตัวดำตาโปนมายืนที่หน้าประตู ริวยิ้มร่าเตรียมตั้งคำถามเป็นชุด แต่ฝ่ายเจ้าของบ้านชิงพูดก่อน

คุณพันเกลียวฝากมาบอก ถ้ากล้าออกปากนัดหมาย ก็ต้องกล้าหาวิธีเอาชัยเอง การช่วยเหลือจากผู้อื่นไม่สำคัญเท่าตนพึ่งตน สติปัญญาก็มีทำไมไม่ใช้

เวลาแค่สองเดือนผมกลัวไม่ทันน่ะสิ คุณพันเกลียวพอจะช่วยออกหน้าแนะนำวิธีลัดได้มั้ย

การช่วยเหลือของแต่ละคนไม่เหมือนกัน...คุณพันเกลียวเธอถือว่าบางครั้งอยู่เฉยๆ ก็เป็นการช่วยเหลืออย่างดีที่สุดแล้ว

อึ้ง...ไม่คิดจะเจอไม้นี้ ริวพบกับพันเกลียวไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งมักโดนไม้เด็ดเสมอ คราวนี้เขาจำต้องล่าถอยใช้สติปัญญาสมองคิดเอง หวังว่าเวลาสองเดือนมันเพียงพอ


-----000-----


เธียรนั่งบนเก้าอี้ประธานแทนก้องฟ้า คณะกรรมการบริหาร กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั่งเรียงเข้าประชุมพร้อมเพรียง วันนี้ประชุมใหญ่ครั้งสุดท้ายเพื่อฟังคำตัดสินใจจากทายาทประธาน

ชายหนุ่มสงบใจฟังรายงานการเสนอความเห็นของกรรมการ ผู้ถือหุ้น แต่ละคำพูดดุเดือดเผ็ดร้อนแทบทำให้ห้องประชุมลุกเป็นไฟ ทุกคนรั้งรอนานเกินไป รอจนศพก้องฟ้าถูกเผาเรียบร้อยจึงประชุมสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งหลาย

บริษัทนาคพิทักษ์คือก้องฟ้า พอสิ้นเขาเสียคนก็เหมือนเรือแตก เด็กหน้าใหม่อย่างเธียรไม่มีทางผสานคืนได้ ช่วงเวลาที่วิ่งวุ่นครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขวิกฤตปัญหานับเดือนแทบไม่ได้ช่วยอะไร ทางที่พอทำได้ก็ทำแล้ว วิธีไหนที่ประชุมว่าน่าจะได้ผลก็ลองมาหมดแต่ไม่มีประโยชน์

เธียรขาดสิ่งสำคัญที่สุดที่ก้องฟ้ามีนั่นคือ บารมี ความไว้เนื้อเชื่อใจและประสบการณ์ต่อสู้ เขาจึงต้องก้าวมาถึงจุดนี้ บนเก้าอี้ประธานบริษัทที่คงจะได้นั่งเป็นครั้งสุดท้าย

ทุกคนพูดจนหมด ถึงคิวของทายาท วาจาที่จะบอกถึงการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

เธียรลุกขึ้นยืน สีหน้าราบเรียบ ดวงตาสงบนิ่งมือประสานข้างหน้าอย่างถ่อมตัว

ถึงจุดนี้แล้วต้องยอมรับ ผมและตระกูลนาคพิทักษ์จะขอถอนตัวจากการเป็นประธานบริษัท ความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมจะรับผิดชอบเอง

พูดจบเขานั่งลง เสียงจอแจตามอีกเป็นระลอก เธียรปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นผ่านหูเฉย ๆ พ่อคงเสียใจที่บริษัทต้องล้มลงด้วยมือเขา ใครเคยคิดบ้างตระกูลนาคพิทักษ์จะมีวันนี้

การประชุมเลิก เธียรนั่งอยู่ที่เดิมปล่อยให้ผู้คนที่จะกลายเป็นคนแปลกหน้าในอนาคตเดินออกจากห้องทีละคน กระทั่งเหลือคนสุดท้าย ไตร เลขาคนสนิทของพ่อ

ผมมีเรื่องอยากให้คุณไตรช่วยหน่อยครับ ชายหนุ่มพูดพอได้ยิน

ยินดีครับ คุณบอกมาได้เลย

คุณช่วยเช็คมูลค่าหนี้ที่ผมต้องรับผิดชอบทีว่ามันมีตัวเลขแน่นอนเท่าไหร่

ครับ

แล้วติดต่อทนายประจำตระกูลให้ช่วยเช็คทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลนาคพิทักษ์ด้วยว่าพอใช้หนี้มั้ย

ได้ครับ แต่... ไตรทำหน้าเหมือนจะเอ่ยปากแนะนำแต่ก็ชะงัก หยุดคำพูดที่ริมฝีปาก

ผมแปลกใจจัง เธียรพูดลอยๆ ธรรมดานักธุรกิจเชี่ยวเกมอย่างพ่อไม่น่าปล่อยให้ตัวเองเข้าตาจนขนาดนี้ ทำไมไม่เหลือทางรอดไว้บ้าง ผมไม่เห็นมีบริษัทไหนในเครือที่พอจะทำกำไรมากพอใช้ค้ำยันได้เลย

ไตรนิ่งก้มหน้านัยน์ตาทอดต่ำ เธียรถอนใจยาว เหน็ดเหนื่อยเหลือเกินเหนื่อยจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดเสียที


-----000-----


จิญยานีนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์มองดูข้อมูลตัวเลขหุ้นที่พุ่งขึ้นสูงจนน่าพอใจ แทบคิดไม่ถึง ๔-๕ บริษัทที่ก้องฟ้าไว้ใจใส่ชื่อหล่อนจะมีมูลค่าหุ้นสูงขนาดนี้ ตัวเลขทั้งหมดรวมกันแล้วน่าจะเหยียบหลักพันล้าน นับว่าก้องฟ้าตาถึงที่เลือกบริษัทเหล่านี้เป็นทางรอด เพียงแต่พลาดไว้ใจผิดคน

จิญยานีไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างที่คิด

แสงสว่างในห้องหรี่สลัว หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับวูบ หญิงสาวชะงักสัมผัสความผิดปกติที่กำลังจะเกิด

ชายร่างสูง รูปงามปานภาพวาดก้าวออกมาจากความมืด ใบหน้าเย็นชาดวงตาดูหมิ่นมนุษย์ทุกคน

ท่านจิญยานีอุทานอย่างยินดี ลุกจากเก้าอี้ถลาลงไปนั่งแทบเท้า ท่านมาหาดิฉันแล้ว

ข้ามาเพื่อดูตอนเอ็งเป็นมหาเศรษฐีแล้วจะเป็นเยี่ยงไร

ดิฉันยังเหมือนเดิม เป็นทาสที่ซื่อสัตย์ของท่าน

หึ...หึ... เสียงหัวเราะไม่อาจบอกว่าพึงพอใจหรือหมิ่นแคลน

ก็ดี เอ็งทำงานให้ข้าได้ดีและเรียบร้อยทุกอย่าง ผลเช่นนี้ถือเป็นของตอบแทนจากข้าแล้วกัน

ท่านมีงานสิ่งใดจะใช้ดิฉันอีกก็เชิญบอกได้เลย หล่อนพูดอย่างยินดี

ไม่ต้อง งานของเอ็งจบแล้ว ก้องฟ้าตาย สมบัติของมันวินาศฉิบหาย ข้าพอใจอย่างยิ่ง ส่วนที่เหลือไม่มีความจำเป็นต้องเปลืองแรงเปลืองสมองแต่อย่างใด

แล้วดิฉันล่ะเจ้าคะ ถามอย่างสงสัย

เอ็งก็เสวยสุขกับทรัพย์สินเงินทองไปสิ จำไม่ได้หรือเคยบอกข้าเช่นไร...สิ่งที่เอ็งต้องการมากที่สุดในชีวิตคือสมบัติเงินทอง ต้องการเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยล้นฟ้า ข้าก็ให้เอ็งแล้ว แลกกับการเข้าไปบ่อนไชตระกูลนาคพิทักษ์

จิญยานีอึ้ง ดวงตาที่เงยมองเขาฉายแววรักลุ่มหลง บัดนี้คำพูดที่ได้ฟังเหมือนถูกตัดขาดไม่พบกันอีกชั่วชีวิต

ท่านจะไม่มาหาดิฉันอีกแล้วหรือคะ เสียงหล่อนทอดละห้อย

จากนี้ ข้าไม่มีธุระใดต้องใช้เอ็งอีก จะมาหาไปไย คำพูดตรงบาดใจ มีความสุขกับสิ่งที่เอ็งต้องการไปเถอะ

กล่าวจบร่างนั้นก็เลือนหายละลายกับอากาศธาตุ จิญยานีไขว่คว้าพบความว่างเปล่า ท่าน จากไกล คำพูดกิริยาบอกชัด ไม่มาอีกแน่ หล่อนหมดประโยชน์สิ้นเชิง


-----000-----


จิญยานีพบกับท่านในวันเลวร้ายที่สุดของชีวิต บริษัทที่ก่อร่างสร้างมากับมือใกล้ล้มละลายหนี้สินพอกพูนท่วมหัว เจ้าหนี้ขู่ฆ่า กำลังจะกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตายแต่มีมือข้างหนึ่ง ยื่นมาฉุดไว้

ท่านยื่นโอกาสอันงดงาม บริษัทหล่อนจะฟื้นตัวมีเงินช่วยปลดเปลี้องหนี้ดำเนินธุรกิจต่อ หล่อนจะกลายเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับประเทศ ถ้ายอมทำงานให้ท่าน

งานแรกคือ เข้าหาก้องฟ้า นาคพิทักษ์

คิดดู คนระดับนั้นไม่มีทางเหลือบแลหล่อนอยู่แล้ว หลังจากเมียตายก้องฟ้าก็มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตไม่น้อย ทั้งสวยทั้งสาวระดับดารา หรือพวกเศรษฐีไฮโซด้วยกัน จิญยานีเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาความสวยไม่โดดเด่นสะดุดตา สกุลรุนชาติอะไรก็ไม่มี ต่อให้เป็นเจ้าของบริษัทโฆษณา มันก็เล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับมูลค่าธุรกิจของก้องฟ้า

ท่าน กลับทำให้ก้องฟ้ามองหล่อนได้ นอกจากมองยังทั้งรักทั้งหลง

พอก้าวขึ้นชั้นเป็นเมียนอกกฎหมายของก้องฟ้า หน้าที่หล่อนคือ ทำทุกวิถีทางให้เขาเดินเกมธุรกิจผิดพลาดจนหมดตัว

ช่วงฟองสบู่แตก ก้องฟ้าจะไม่เจ็บหนักเท่านี้ถ้าไม่มีจิญยานี ทั้งเรื่องการกู้เงินต่างประเทศ ดำเนินแผนธุรกิจข้ามชาติผิดพลาด การที่ธนาคารถูกปิด ไฟแนนซ์โดนยุบ จนมาถึงเรื่องใกล้ๆ อย่างงานเปิดตัวไวน์ที่ทำให้ก้องฟ้าและชาวไฮโซเข้าโรงพยาบาลจนเสียเครดิต หุ้นบริษัทตกกราวรูดอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งสุดท้ายแผนเอาตัวรอดด้วยการเตรียมบริษัท หลบภัย ก็ยังโดนหล่อนเอามาเป็นของตัวเองจนได้

งานของจิญยานีสำเร็จงดงาม หล่อนไม่แคร์กับความตายของก้องฟ้าสักนิด งานศพก็ไม่ไป บุคคลที่อยู่ในหัวใจมีหนึ่งเดียวก็คือ ท่าน

ท่าน ผู้กำลังจะก้าวจากไป และมิยอมย้อนคืนมาอีก

วูบหนึ่งของความรู้สึก จิญยานียอมแลกทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีกับการได้อยู่กับท่านชั่วชีวิต

ความสุขเช่นนั้น จะไม่มีวันมาถึงหรอกหรือ?


-----000-----


ที่คฤหาสน์ตระกูลนาคพิทักษ์

เธียรกำลังเซ็นเอกสารตั้งใหญ่ที่ไตรและทนายความนำมาให้ เป็นเอกสารสิทธิในสมบัติต่างๆ หุ้นทั้งหมดของบริษัทหลักและบริษัทในเครือ โฉนดที่ดินทุกแห่งรวมถึงคฤหาสน์นาคพิทักษ์

ถ้าหากต้องการรับผิดชอบหนี้ทั้งหมดก็ต้องใช้ทรัพย์สินทุกชิ้นของตระกูลเข้าแลก มันเป็นเดิมพันที่พ่อเขาทำผิดพลาด ส่วนเขาก็ตามชดใช้

ใบมอบอำนาจทุกอย่างถูกเซ็นมอบให้ไตรและทนายความประจำตระกูลเป็นผู้จัดการร่วม นับแต่นี้เขาแทบไม่มีสิทธิในสมบัติใดๆ ของตระกูล

วูบหนึ่งเคยคิด ถ้าเปลี่ยนจากการเคลียร์หนี้ด้วยสมบัติทั้งหมดมาใช้มันค้ำประกันและดำเนินธุรกิจต่ออีกครั้ง ดื้อฝืนเหมือนพ่อทำ แล้วจะสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้หรือไม่

อาจจะได้หรือไม่ได้...

ปัญหาคือ...เขามีเวลาเหลือแค่สองเดือนจะถึงกำหนดตัดสินความเป็นความตาย ตอนนั้นจะมีชีวิตรอดหรือไม่ยังตอบไม่ได้

ถ้าตาย...ทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะมีประโยชน์อะไร หรือหากรอดเขาค่อยเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ด้วยสมองและสองมือตนน่าจะปลอดโปร่งสบายใจกว่า

ความรู้ระดับปริญญาโทจากต่างประเทศจะทำมาหากินเลี้ยงตัวเองไม่ได้ให้มันรู้ไป

คิดเช่นนี้ทำให้จิตใจเบาสบาย ความห่วงเสียดายทรัพย์สมบัติยังมีบ้าง แต่เมื่อนำเหตุผลความจริงมาจับก็ต้องยอมรับ ของนอกกายทั้งนั้น เขาไม่เสียมันวันนี้ ต่อไปข้างหน้าก็ต้องทิ้งมันไปอยู่ดี...มีใครอยู่ค้ำฟ้า

ยิ่งเข้าใจยิ่งยอมรับ จิตใจยิ่งผ่อนเบา มองเห็นว่าหากเมื่อใดเกิดความเสียดายอยากได้ขึ้นมาในใจ มันจะคล้ายถูกหนามแหลมเสียดแทงจนจิตแปลบ พอเปลี่ยนวิธีคิด รู้ว่ารักษาไม่ได้ก็ทิ้งมันซะ แบกมันไว้ก็จะกลายเป็นมะเร็งเกาะกินใจ

มื่อใดยอมรับได้ จนใจปล่อยวาง เมื่อนั้นพันธนาการก็หลุด ความเย็นใจมาแทนที่


-----000-----


เอกสารฉบับสุดท้ายถูกเซ็นยื่นให้ทนายความประจำตระกูล

คราวนี้ผมคงหมดตัวจริงๆ ใช่มั้ยครับ เธียรพูดยิ้มๆ อาจเป็นความเบาใจครั้งแรกนับจากพ่อตาย

ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณยังมีเงินสดส่วนตัวในธนาคารแล้วก็พวกเครื่องประดับของแม่คุณก็ยังอยู่ ไตรบอก

เธียรไม่พูดอะไร เงินทองสมบัติที่เหลือนั้นเมื่อเทียบกับมูลค่าสมบัตินับหมื่นๆ ล้านมันเท่ากับเป็นเศษขี้เล็บ

ครับ ยังไงฝากพวกคุณจัดการเรื่องค่าชดเชยให้กับพวกลูกจ้างในบ้านนี้ด้วย เมื่อคฤหาสน์นาคพิทักษ์ถูกเปลี่ยนมือ ลูกจ้างทุกคนต้องแยกย้าย แพแตก เธียรกันเงินจำนวนหนึ่งให้คนเหล่านี้

เธียรลุกขึ้นยืนยื่นมือให้ไตรและทนายความจับเป็นการกล่าวอำลา

ขอบคุณมากครับคุณไตร ถ้าไม่มีคุณผมคงลำบากกว่านี้ คุณทนายขอบคุณครับที่ทำงานให้เรามาหลายปี

รอยยิ้มของเธียรอาจสร้างความแปลกใจกับคนทั้งคู่ จะมีผู้ชายหมดตัวคนใดยิ้มได้เช่นนี้ รอยยิ้มบอกถึงความกล้าหาญและจิตใจต่อสู้ที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ


-----000-----


เธียรเดินดูในโรงรถ พบปอร์เช่คู่ใจ เบนซ์ที่พ่อเคยใช้และรถยนต์ประดับบารมีอีกหลายคัน มันเตรียมไปอยู่กับเจ้าของรายใหม่แล้ว

ขณะเดินดูรถ ก็มองเห็นความรู้สึกหวงแหนเสียดายยังมีอยู่ในใจ กระทั่งสุดท้ายมองเห็นมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเอ็นเอสอาร์คันเก่า ที่เคยใช้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซุกตัวเงียบๆ ที่ข้างฝา สภาพมันค่อนข้างเก่าและเป็นคันเดียวที่ไม่ถูกขาย

สีมา รถคันนี้ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า ชายหนุ่มถามคนขับรถที่เดินตาม

ใช้ได้ครับ ผมเอามาขับลองเครื่องอยู่บ่อยๆ

คำตอบนี้ทำให้เขายิ้มน้อยๆ

สงสัยฉันจะเหลือรถคันนี้คันเดียวละมั้ง เธียรเข็นมันออกมาจากโรงรถ คิดถึงวันเก่าๆ ที่เคยขับมันโดยมีรอยจันทร์ซ้อนท้าย เป็นที่มาให้ริวเรียก เฮียหลิว

คนขับรถที่ทำงานมาหลายปีมองเจ้านายและมอเตอร์ไซค์ด้วยสายตากึ่งเห็นใจกึ่งสงสาร

คุณเธียรจะขายรถทั้งหมดนี่หรือครับ

ใช่ เขาตอบ ราคารวมกันของพวกมันตอนนี้หลายล้านนะพอแบ่งเป็นค่าชดเชยให้ลูกจ้างทุกคนในบ้านได้ น่าจะพอใช้ลงทุนอะไรเล็กๆ ได้นะ

แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน สีมาถาม

ค่อยคิดทีหลังก็ได้ อีกอย่างบ้านหลังนี้ฉันยังมีสิทธิอยู่ได้พักใหญ่ กว่าทุกอย่างมันจะลงตัว

เธียรหยิบหมวกกันน็อคใส่ ลองสตาร์ทรถ เครื่องยนต์ดังตอบสนองทันใจ เวลานี้ลองกลับไปทำตัวง่ายๆ เหมือนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง เวลาตกสวรรค์อย่างสมบูรณ์จะได้ไม่จุกมาก


-----000-----


รอยจันทร์เพิ่งขับรถมาถึงบ้านหลังออกจากสตูดิโออัดรายการ ช่วงนี้ริวไม่ค่อยคอยติดตามดูแล ต้องไปเฝ้าดูอาการน้องน้ำฝนเกือบทุกวัน

ที่หน้าบ้านมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ เจ้าของรถยืนเกาะรั้วมองหล่อน วันเก่าๆ ย้อนทวนหวนคืนในความทรงจำ หลายปีก่อนเขาก็เคยทำเช่นนี้

นึกยังไงคะวันนี้ถึงขับมอเตอร์ไซค์มา หญิงสาวจอดรถในบ้านเสร็จก็ออกมาถาม

อยากหาสาวสวยจริงใจไม่สนฐานะมานั่งซ้อนท้าย เขาตอบด้วยสำนวนราวเด็กหนุ่ม

ท่าจะหายากค่ะ แผนปลอมตัวหารักแท้สมัยนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว หล่อนตอบ

ถ้าไม่ได้ปลอมตัวล่ะ เขายิ้มน้อยๆ เป็นเจ้าชายที่จนจริงๆ เพราะเพิ่งเซ็นมอบสมบัติทั้งหมดให้ทนายความไปเคลียร์หนี้สิน

รอยจันทร์ชะงัก ตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายๆ เธียรไม่ค่อยยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาวันนี้บอกถึงความโล่งใจที่ผลักภูเขาความรับผิดชอบออกจากอกจนหมด

พี่เธียร หญิงสาวเรียกชื่อเบาๆ อยากพูดจาให้กำลังใจบ้าง

วันนี้คุณรอยจันทร์ดาราดังจะให้เกียรติผม ซ้อนมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ไปเที่ยวกันได้มั้ยครับ

ด้วยความยินดีค่ะ หล่อนตอบรับจริงใจ

รอยยิ้มของเธียรเบ่งบานสดใสราวดอกไม้แย้มกลีบ หัวใจพองฟูอบอุ่น สถานการณ์ที่ใครๆ ว่าเลยร้ายที่สุด หากมันยังมี ความรัก หล่อเลี้ยง มีคนเคียงข้างคอยให้กำลังใจ เขาก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่รู้สึกว่าเสียอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว


-----000-----


ห้องพักผู้ป่วยมีบรรยากาศสดชื่นแจ่มใส อาจเป็นเพราะคุณหญิงเรือนอรไว้ใจปล่อยให้ชายหนุ่มไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่งอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวตามลำพัง ไม่นั่งเฝ้าเป็นทศกัณฑ์เหมือนเคย

หลายวันที่ผ่านมาริวทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย แสดงความเคารพเกรงใจระดับพอควร ไม่มากไม่น้อยจนน่าเกลียด ไม่พูดคุยกับน้ำฝนในแง่ชู้สาวเกินงาม ไม่ทำให้ผู้ใหญ่ขัดตาและไม่ทำให้เด็กสาวน้อยใจ เสน่ห์ในตัวเขาจับใจคุณหญิงและท่านชัยกาล

ส่วนคุณยายแวะเวียนมาสม่ำเสมอแต่ไม่คุมเข้มเช่นเดิม อย่างวันนี้ก็ไม่มานั่งเฝ้าหลานสาว ปล่อยชายหนุ่มมีอิสระในการพูดคุย

ระหว่างริวเล่าเรื่องสนุกๆ ให้น้ำฝนฟัง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

สวัสดีครับ เขารับสาย

ริวหรือจ๊ะนี่ป้าเองนะ เสียงป้าแดงดังชัด

ครับป้า มีอะไรให้ผมรับใช้ ปกติป้าแดงจะมีงานถ่ายแบบ เดินแฟชั่น มาติดต่อรอยจันทร์เป็นประจำ

จำงานถ่ายหนังสือที่ป้าคุยคราวก่อนได้มั้ย

เอ...ตอนไหนครับ

ตอนริวอยู่โรงพยาบาลไง เรื่องถ่ายคู่กับรอยน่ะ ป้าเอาคอนเซ็ปต์กับรูปของริวกับรอยไปให้เจ้าของหนังสือเขาดูแล้วนะ โอเคเลยเขาชอบมาก ไม่เกี่ยงค่าตัวด้วย ริวจะว่ายังไง

ถ่ายรอยคนเดียวไม่ได้หรือครับ ผมไม่อยากเป็นนายแบบ เขาอ้อนนิดๆ ไม่อยากหักหาญน้ำใจ

แหม ถ่ายรอยคนเดียวก็ไม่ได้คอนเซ็ปต์สิจ๊ะ หน้าปกฉบับนี้เขาอยากได้รูปคู่ที่อบอุ่น หน้าตาริวกับรอยก็แมตซ์กันพอดี เถอะน่า...นะจ๊ะ คิดว่าช่วยป้าสักครั้งไม่อยากเป็นนายแบบไม่เป็นไร ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว นะริวนะ ป้าแดงอ้อนคืนบ้าง

งั้นขอให้ผมถามรอยก่อนนะครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอกัน พอดีละครเรื่องใหม่กำลังเปิดกล้องท่าจะยุ่งๆ อยู่ แล้วยังไงผมจะติดต่อป้าอีกครั้งแล้วกัน ริวหาทางเลี่ยง

จ้า...เร็วๆ นะป้าจะรอ

วางหูโทรศัพท์พบดวงตาแจ๋วจ้องเขาแปลกๆ แววตามีร่องรอยสนุกสนานช่างเล่น

พี่ริวไม่อยากเป็นนายแบบหรือคะ เด็กสาวถาม

พูดอย่างนี้อยากให้พี่เป็นนายแบบหรือเปล่า เขาถามกึ่งล้อ

อยากสิ พี่ริวหล่อออก ถ้าเป็นนายแบบต้องดังแน่ๆ

ถ้าพี่ดัง น้ำฝนต้องไม่ชอบแน่ๆ เขาทำท่าจริงจัง

ไม่ชอบได้ยังไงคะ

อ้าว...พอพี่โด่งดังมีชื่อเสียง สาวๆ ก็มารุมกรี๊ดรุมจีบ น้ำฝนก็ต้องหึงพี่จริงมั้ย สู้อยู่อย่างนี้ดีกว่า

เด็กสาวยิ้มใส นั่นมันเรื่องปกติอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นน่าห่วงเลย... แค่น้ำฝนเชื่อใจพี่ริวอย่างเดียวก็พอแล้ว

คำพูดง่ายๆ ทำให้ชายหนุ่มนึกอยากกอดเด็กสาวขึ้นมาทันที คำว่า เชื่อใจ พูดกันออกมาง่ายดาย มีกี่คนกันเชียวที่รู้สึกและทำได้จริงตามคำพูดนั้น

ที่จริงพี่ไม่อยากทำงานตรงนี้เพราะมันไม่ตรงกับนิสัยพี่ ริวบอกตามตรง น้ำฝนก็เห็นว่าพี่ชอบทำตัวง่ายๆ สบายๆ ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ขืนพี่เข้าวงการคงโดนข่าวกระแหนะกระแหนไม่เว้นแต่ละวัน

แต่เงินดีนะ เด็กสาวพยายามชักจูง

ต่อมความอยากได้อยากมีของพี่มันน้อยมั้ง เลยไม่ค่อยสนใจ เขาตอบ

แต่น้ำฝนอยากได้นะ คำพูดนี้ไม่น่ามาจากปากลูกสาวมหาเศรษฐี พี่ริวไปถ่ายแบบแล้วไม่เอาตังค์ ยกให้น้ำฝนก็ได้

เงินมันไม่มากมายอะไร น้ำฝนจะเอาไปใช้อะไรจ๊ะ เขาไม่อยากบอกว่า ระดับอย่างเธอต้องการเท่าไหร่ แค่พูดคำเดียวพ่อแม่ก็ให้

เอาไปทำบุญไงคะ น้ำฝนกับพี่ริวไม่เคยทำบุญร่วมกันเลย



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP