ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

การแก้กรรมที่ถูกต้องทำอย่างไร



ถาม หากในชาตินี้เราต้องการเปลี่ยนแปลงกรรมเก่าจากชาติก่อน จากร้ายให้กลายเป็นดี
เช่น อยากสมหวังในความรักหรืออยากร่ำรวย ควรจะต้องทำอย่างไรบ้างคะ


ก่อนอื่นคุณอยากได้อะไร ก็ลองสำรวจดูว่าพฤติกรรมของคุณสอดคล้องกับสิ่งนั้นหรือเปล่า
ยกตัวอย่างเช่น เกิดมาบางคนนะน่าเห็นใจ
รู้สึกว่าตนเองซื่อมาตลอดเลย และก็ไม่เคยคิดแม้แต่จะไปหลอกลวงใคร
แต่ว่าเจอแต่คนหลอกลวง เจอแต่คนที่เข้ามาแป๊บหนึ่งแล้วก็จากไป
โดยเฉพาะเรื่องความรักอะไรต่างๆ นี่
บางทีก็รู้สึกว่า เอ๊ะ! มันไม่สอดคล้อง มันไม่สมเหตุสมผลเลย
จริงๆ แล้วตรงนั้น มันอาจเป็นเรื่องของอย่างนี้จริงๆ นะ
คือถ้าหากว่าเราเคยไปหลอกใครเขาไว้มากๆ
การหลอกตรงนั้น เวลาที่มันให้ผล มันก็ให้ผลให้เราเป็นคนซื่อ เป็นคนเชื่อง่าย เป็นคนหูเบา
อันนี้มันมีอยู่นะที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้จริงๆ นะ
คนที่มุสาเก่งๆ หลอกคนเก่งๆ แล้วภูมิใจทะนงว่าไม่มีใครจับได้
ในที่สุดพอกรรมเผล็ดผล มันจะกลายเป็นคนหลอกง่าย กลายเป็นคนหูเบา กลายเป็นคนเชื่อง่าย
แล้วก็จะมีใครต่อใครเข้ามารุมสกรัม คือจะมาหลอกเรา มายำเราตลอด
ตรงนี้ถ้าเรามองว่า โอเค กรรมมันไม่สมกัน มันไม่เห็นจะเป็นเหตุเป็นผลเลย
ว่าเราซื่อแล้วทำไมจะต้องโดนหลอก
ก็ดูนะครับว่ามันมีเหตุผลอะไรที่มันลึกลับไปกว่านั้น

ทีนี้ถ้าเราอยากจะเปลี่ยน สมมุติผมเอาอันนี้เป็นตัวตั้งเลย
ทั้งๆ ที่เราซื่อแล้ว แล้วจะทำอะไรให้มันดีไปกว่านี้อีกล่ะ
ที่จะได้มาซึ่งคู่ครองหรือว่าได้มาซึ่งคนที่มารักมาชอบ
ไอ้การมีเสน่ห์ มันไม่ใช่แค่เรื่องซื่ออย่างเดียว
การมีเสน่ห์มันยังมีเรื่องของความเข้มแข็งทางใจ
คนซื่อนี่มักจะ...อันนี้พูดตามหลักนะ ตามหลักที่เราเห็นได้ทั่วๆ ไป
คนซื่อมักจะ ค่อนข้างจะวีค (weak) ค่อนข้างจะอ่อนแอ ค่อนข้างจะขี้น้อยใจ
ส่วนคนที่มันมีความเข็มแข็ง ต้องการปัจจัยอะไรมากกว่าความซื่อ
ยกตัวอย่างเช่นมองโลกในแง่ดี ตัวเรามีแง่ดีอะไรอยู่เท่าไหร่ หรือว่ามีแง่เสียอยู่แค่ไหน
เอามารวมๆ กันแล้วเลือกมองแต่แง่ดี ตรงนี้มันก็เป็นส่วนให้เกิดความเข้มแข็งขึ้นมา

คนจะมีเสน่ห์ มันต้องเริ่มจากความเข็มแข็ง
เริ่มจากความมีสติ เริ่มจากมีความสดใส
เริ่มจากการที่เรามีใจเปิดกว้างและมีความอบอุ่นให้กับคนอื่น
แต่คนที่ขี้น้อยใจหรือว่าที่รู้สึกว่า เอ๊ย ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดี
จิตมันมักจะปิดเข้ามานะ และเกิดอาการที่เรียกว่าเรียกร้องความอบอุ่นจากคนอื่น
เวลาคนอื่นเข้ามาใกล้ ๆ เขาพบว่าเราไม่มีความอบอุ่น เขาก็จากไปไม่อยากเข้ามาใกล้
อันนี้ตามหลักเลยนะ ถ้าใครที่มีความอบอุ่น จะเป็นผู้แจกจ่ายกระแสความอบอุ่นไป
แล้วก็เป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนที่อยู่ใกล้ชิด
แต่ถ้าคุณมีแต่ความหนาวเย็นอยู่กับตัวเอง รู้สึกสงสารตัวเอง เห็นใจตัวเองมากๆ
คุณจะเอาความอบอุ่นที่ไหนออกไปกระจายให้คนอื่น
แล้วมันจะมีแรงดึงดูดให้คนอื่นเข้ามาหาคุณได้อย่างไร
อันนี้พิจารณาให้เป็นขั้นเป็นตอนไป

ทีนี้ถ้าเราพูดโดยหลักกว้างๆ เลย เมื่อกี้พูดแบบเฉพาะเจาะจง
พูดโดยหลักกว้างๆ เลย เราเกิดมา
กับพ่อแม่คู่นี้ มีเพศอย่างนี้ มีฐานะอย่างนี้ มีระดับสติปัญญาแบบนี้
พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นไปตามกรรมเก่ากำหนดมา
มันมาเลือกเอาด้วยความชอบใจในชาตินี้ไม่ได้
มันต้องมีทางเดียวคือต้องยอมรับตามจริงว่าเรามีอยู่แค่นี้แหละ
นี่คือจุดเริ่มต้น ต้องยอมรับตามจริงตรงนี้ให้ได้
ทีนี้เพื่อที่จะพัฒนาขึ้นไป

คำว่า "การแก้กรรม" ผมอยากให้มองว่ามันคือการแก้นิสัย
ไม่ใช่ไปทำพิธีอะไรสักอย่างหนึ่งเล็กๆ
คนส่วนใหญ่เวลานี้พอพูดถึงการแก้กรรมขึ้นมานี่นะ
มันไปพูดถึงพิธีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไปสวดมนต์ ไปขอพร ไปอะไรที่รู้สึกว่ามันง่ายๆ
แล้วก็รู้สึกว่าถ้าทำพิธีแบบนั้นแบบนี้แล้ว อัปมงคลทั้งหลายจะหายไปจากตัว
ตรงนั้นเป็นความเข้าใจผิดใหญ่หลวงเลย และไม่ใช่วิธีการคิดแบบพุทธศาสนา
วิธีการคิดแบบพุทธศาสนาก็คือว่าร่างกาย ฐานะ จิตใจ อะไรต่างๆ เหล่านี้นะ
ที่มันได้มา มันได้มาเพราะเป็นทายาทรับผลกรรมที่เคยทำไว้
เรายอมรับไปเลยว่า นี่เราทำมาอยู่แค่นี้
จากการคิดได้แค่นี้ จากการพูดได้แค่นี้ จากการทำได้แค่นี้
ถ้าหากว่าเราจะแก้กรรมจริงๆ ก็คือแก้นิสัยทางการคิด แก้นิสัยทางการพูด แก้นิสัยทางการกระทำ
ไม่ว่าคุณจะมีนิสัยทางการคิด การพูด การทำ อย่างไรอยู่
ต้องปรับให้มันดีขึ้นทั้งหมด เปลี่ยนจากมืดให้เป็นสว่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นั่นแหละที่จะเรียกว่าเป็นการแก้กรรมจริง
เพราะว่าสิ่งที่คุณทำอยู่มันให้คุณได้แค่นี้ เท่าที่คุณรู้สึกไม่พอใจอยู่นั่นแหละ
แต่ถ้าหากว่านิสัยที่คุณเป็นอยู่ ไม่ว่าจะคิด พูด หรือทำ
คุณปรับปรุงทำให้มันดีขึ้น ทำให้สว่างขึ้น
นั่นแปลว่าเป็นประกันเลยว่าคุณจะอยู่บนเส้นทางที่อัพเกรด (upgrade) ขึ้น ยกระดับขึ้น

การแก้กรรมที่ถูกต้องก็คือเล็งเข้ามา นิสัยเสียๆ อะไรที่มันมีอยู่
คุณไม่ต้องไปหาหมอดู คุณถามจากคนรอบตัว
ให้เขาพยากรณ์มาเลยว่านิสัยที่เสียที่สุดของคุณอะไร
พอเขาพยากรณ์มาแล้ว และคุณยอมรับได้แล้ว ไม่ต้องไปเจ็บปวด ไม่ต้องไปเจ็บใจ
แต่มีแก่ใจที่จะทำให้มันเปลี่ยนแปลง นั่นแหละที่เรียกว่า "การแก้กรรม"
และถ้าหากว่าคุณแก้กรรมได้จนเป็นนิสัย เป็นอาจิณ
อันนั้นแหละรับประกันได้เลยว่าไม่ต้องรอชาติหน้า
ชาตินี้แหละมันจะดีขึ้น หน้าตาจะดีขึ้น น้ำเสียงจะดีขึ้น
รัศมีที่ออกมาจากกายและกระแสที่มันรินออกมาจากจิต
มันจะเป็นที่สบายขึ้น มีความสดใสมากขึ้นนะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP