จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

วิธีแก้ปัญหาเรื่องแมลงสาบ


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it


060_destination



ก่อนอื่นผมก็ขออนุญาตเฉลยคำตอบของเกมทายสถานที่ในคราวก่อนนะครับ
คำตอบ คือ ดังต่อไปนี้

(๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐)
(๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๔) (๑๕) (๑๖) (๑๗) (๑๘) (๑๙) (๒๐)
(๒๑) (๒๒) (๒๓) (๒๔) (๒๕) (๒๖) (๒๗) (๒๘) (๒๙) (๓๐)

ภาพไหนคือที่ไหน ก็ขอให้ไปจับคู่กันเองนะครับ

บางท่านอาจจะบอกว่า ทำไมให้เวลาน้อยจังเลย
ก็ขอเรียนตามตรงว่า ผมเองไม่ต้องการจะตรวจอีเมล์คำตอบเยอะนะครับ
เพราะมีงานประจำเยอะอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องจำกัดเวลาไว้ค่อนข้างเข้มงวด
จำนวนคำตอบที่ส่งมาจะได้น้อย และอยู่ในวิสัยที่จะตรวจได้ โดยใช้เวลาไม่มาก
สำหรับอีเมล์คำตอบที่ส่งมานั้น ด้วยว่ามีส่งมาเพียง ๖ ท่าน
ดังนี้ ผมก็ไม่ต้องตรวจคำตอบนะครับ เพราะในเมื่อจำนวนรางวัลเกินจำนวนคนตอบ
ผมจะตรวจและไล่เรียงคะแนนอย่างไร ทุกท่านก็ได้รางวัลอยู่ดี
ส่วนว่าท่านที่ตอบถูกสูงสุดได้กี่คะแนนนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจำเป็นต้องทราบหรอกนะครับ
และไม่ใช่วัตถุประสงค์ของเกมด้วย วัตถุประสงค์หลักคือให้ลองดูกายใจระหว่างเล่นเกม
ในการนี้ ผมจะจัดส่งรางวัลไปให้ตามที่อยู่ที่ท่านแจ้งมาต่อไปนะครับ ...


+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +


เมื่อสักสองหรือสามเดือนก่อนหน้านี้
ผมได้สนทนากับญาติธรรมท่านหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเลิกกับแฟน
เธอโดนแฟนเก่าทรยศหักหลังไปมีคนอื่น เธอจึงแก้ไขปัญหาโดยจะพยายามไม่คิดถึงแฟนเก่า
เธอบอกด้วยว่า แฟนเก่าเป็นคนดีและทำดีกับเธอมา พอเจอความจริงว่าเขาทรยศหักหลัง
จึงยิ่งทำให้เธอเจ็บหนัก และไม่สามารถให้อภัยแก่แฟนเก่าได้
แต่พยายามจะอโหสิกรรมให้แฟนเก่าเพื่อจะได้ไม่ต้องมาพบเจอกันอีก

ท่านผู้อ่านได้อ่านตรงนี้แล้ว ก็อาจจะไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าที่เธอบอกว่า
“อภัยให้ไม่ได้ ได้แต่อโหสิกรรม” นั้นหมายความอย่างไร และเป็นอย่างไร
หากจะถามผม ผมก็ขอบอกว่า ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
แต่เอาเป็นว่าผมจะมาแชร์ความเห็นที่ตอบไปนะครับ

การแก้ปัญหาใด ๆ ก็ตาม จะสามารถเลือกทำได้หลายวิธีนะครับ
ไม่ได้มีวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่ตายตัว เพียงแต่ว่าการแก้ไขต่างวิธีการนั้น
ก็จะให้ผลที่แตกต่างกัน การแก้ไขบางวิธีเป็นการแก้ไขแบบฉาบฉวย
แก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้าเอาตัวรอดไปเป็นคราว ๆ
และปัญหาเดิม ๆ ก็จะวนกลับมาอีก ไม่หยุดหย่อน
หรือบางที การแก้ไขนั้นไม่ได้เป็นการแก้ไขที่ตรงจุด หรือตรงเหตุของปัญหา
ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรได้ เพียงแต่มีผลทางจิตวิทยาบ้างเท่านั้น
การแก้ไขปัญหาเรื่องทุกข์เพราะคิดถึงแฟนเก่า หรือโกรธแค้นแฟนเก่าก็เช่นกันครับ
สามารถจะทำได้หลายวิธี โดยแต่ละวิธีก็ย่อมจะให้ผลแตกต่างกัน

ยกตัวอย่างนะครับ มีผู้หญิงคนหนึ่งเห็นแมลงสาบตัวหนึ่งเดินอยู่ในบ้านของเธอ
เธอร้องกรี๊ดขึ้นมาด้วยความรังเกียจแมลงสาบ
จากนั้น เธอจึงนำหนังสือพิมพ์ฟาดแมงสาบเข้าไปทีนึง
แมลงสาบตาย เธอจับมันทิ้งถังขยะ
เธอก็คิดว่าเรื่องจบแล้ว เธอมีความสุขแล้ว
จากนั้น เธอก็ใช้ชีวิตของเธอตามปกติต่อไป

เปรียบเทียบกับผู้หญิงคนที่สองที่เห็นแมลงสาบตัวนึงเดินอยู่ในบ้านของเธอ
เธอไม่ได้ร้องกรี๊ดด้วยความรังเกียจ
เธอมองปัญหาด้วยสติปัญญา โดยไม่ได้มองด้วยอารมณ์
เธอคิดพิจารณาว่าปัญหาเกิดจากอะไร ทำไมในบ้านของเธอจึงมีแมลงสาบ
แมลงสาบมีรังอาศัยอยู่ในบ้านของเธออยู่แล้ว หรือว่าบ้านของเธอมีช่องทางใด ๆ
เช่น ท่อน้ำทิ้ง หรือมุ้งลวดรั่ว ฯลฯ เปิดให้แมลงสาบเข้ามา
เธอเห็นว่าการฆ่าแมลงสาบตัวนี้ ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด
เธอจึงจับแมลงสาบตัวนั้นไปปล่อยนอกบ้าน (บางท่านคงไม่กล้าจับหรอกนะครับ)

จากนั้น เธอเริ่มสำรวจบ้านของเธอเอง
เธอสำรวจไปพบแหล่งที่สะสมเศษอาหารสกปรก
อันสามารถเป็นแหล่งอาหารให้แมลงสาบ เธอจึงทำความสะอาดเสีย
เธอสำรวจไปพบแหล่งมุมอับ กองสิ่งของเก่า ๆ ที่ไม่ได้ใช้ และสะสมฝุ่นไว้มากมาย
อันสามารถเป็นที่หลบซ่อนหรือเป็นรังแมลงสาบ เธอจึงทำความสะอาดเสีย
เธอสำรวจไปพบว่าฝาท่อน้ำทิ้งมีรูและช่องว่างกว้างใหญ่เกินไป
ซึ่งอาจทำให้แมลงสาบมุดเข้ามาทางท่อน้ำทิ้งได้
เธอจึงไปหาอันใหม่ที่มีรูและช่องว่างเล็กกว่าเดิมมาเปลี่ยน
เธอสำรวจไปพบมุ้งลวดที่มีช่องโหว่ เธอจึงทำการปะหรือเปลี่ยนมุ้งลวดนั้นเสีย

ผู้หญิงคนที่สองสำรวจบ้านตนเอง ทำความสะอาดทั้งหมดแล้ว
นำขยะและสิ่งสกปรกในบ้านไปทิ้งทั้งหมด เปลี่ยนอุปกรณ์และสิ่งผุพังแล้ว
เรื่องของเธอยังไม่จบนะครับ เธอยังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยของเธอด้วย
เธอไม่ปล่อยให้มีเศษอาหารในบ้าน ไม่ปล่อยให้มีของเก่าเก็บ มุมอับ แหล่งเพาะฝุ่นในบ้าน
เธอหมั่นทำความสะอาดบ้านตนเอง เปลี่ยนนิสัยเป็นคนรักษาความสะอาดมากขึ้น
จัดวางของในบ้านอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น และหมั่นดูแลบ้านตนเองอยู่เสมอ
เรื่องเธอจึงจะจบ และมีความสุขได้
(ทำตั้งเยอะแน่ะ เพียงเพราะเห็นแมลงสาบตัวเดียวนี่แหละครับ)

ก็แนะนำให้เราเลือกนะครับว่า อยากจะใช้ชีวิตแบบผู้หญิงคนที่หนึ่ง หรือผู้หญิงคนที่สอง
ผู้หญิงคนที่หนึ่งนั้น จะมีชีวิตอยู่ในบ้านที่จะต้องพบแต่แมลงสาบไปเรื่อย ๆ ต้องกลุ้มไปเรื่อย ๆ
แต่ผู้หญิงคนที่สองนั้น จะมีชีวิตอยู่ในบ้านที่จะไม่พบแมลงสาบไปได้อีกช่วงหนึ่งที่นานกว่า
เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่ง บ้านก็ต้องทรุดโทรม ก็ต้องมีช่องโหว่ให้แมลงสาบเข้ามาได้
และเมื่อไรที่ผู้หญิงคนที่สองเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่รักษาความสะอาดเหมือนเดิม
ก็ย่อมจะเปิดช่องให้มีแหล่งสิ่งสกปรก และบริเวณที่จะเป็นรังแมลงสาบได้อีก

(หากสงสัยว่าจะมีวิธีการใดที่ทำให้ไม่ต้องพบแมลงสาบตลอดไปเลยไหม ตอบว่า “มี”
หากจะไม่พบแมลงสาบตลอดไป วิธีการก็คือจะต้องไม่มีบ้าน และไม่มีผู้อาศัยในบ้านครับ)

หากเราจะมองและแก้ปัญหาง่าย ๆ ว่า ปัญหาอยู่ที่คนอื่น ๆ ที่เขาไม่ซื่อสัตย์ เป็นคนไม่ดี
สรุปเช่นนั้นแล้วจบเรื่อง ก็คือเหมือนกับผู้หญิงคนแรกที่โยนความไม่ดีให้แมลงสาบ
แล้วบอกว่าจบเรื่องแล้วนะ ก็มองเรื่องเพียงว่า เราได้พบแมลงสาบตัวนึง
เราไม่พอใจมัน แมลงสาบไม่ดี ตีมันตาย แล้วจับมันไปทิ้ง
แต่อีกไม่นาน เราก็จะต้องพบแมลงสาบอีกครับ รับรองได้
ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม เราก็จะต้องพบแมลงสาบอีก
เพราะอะไร
? เพราะว่าเราไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของปัญหา

หากเราจะเลือกทางเดินแบบผู้หญิงคนที่สองนะครับ
จะต้องใช้ความอุตสาหะ และปัญญามากกว่า แต่จะแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวมากกว่า
ผู้หญิงคนที่สองไม่ได้มองว่าปัญหาอยู่ที่แมลงสาบตัวนั้นที่เธอพบเจอ
แต่มองว่าปัญหาอยู่ที่บ้านของเธอเอง และอยู่ที่ตัวเธอเองที่ต้องดูแลรักษาความสะอาด

ปัญหาของเราก็เช่นกัน การที่จะไปโยนความผิดของปัญหาไว้ที่คนอื่นนั้น มันแก้ไขทุกข์ไม่ได้ครับ
เพราะบ้านของเราก็ยังสกปรกอยู่ ยังเป็นรังแมลงสาบอยู่ ยังเปิดช่องให้แมลงสาบเข้ามาได้อยู่
การที่จะไปโทษความผิดให้แมลงสาบตัวนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไร

หากเราจะเลือกทางเดินชีวิตแบบผู้หญิงคนที่หนึ่งแล้ว ก็ไม่ต้องอ่านต่อแล้วนะครับ
เพราะต่อจากนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว เราก็กลับไปโทษความผิดแก่แมลงสาบต่อไป
แต่หากเราจะเลือกทางเดินชีวิตแบบผู้หญิงคนที่สองแล้ว แนะนำให้อ่านต่อนะครับ

การแก้ไขปัญหาของผู้หญิงคนที่สองก็คือกลับมาแก้ไขที่บ้านตนเอง และพฤติกรรมตนเอง
แล้วในกรณีของเราที่มีปัญหาทุกข์ใจเรื่องแฟนเก่าล่ะ บ้านของเราคืออะไร
บ้านของเราในกรณีนี้ก็คือ ใจของเรานี่เอง
เราควรสำรวจบ้านตัวเองก่อนว่าปัญหาอยู่ที่ใจของเราหรือไม่
ใจของเราเป็นแหล่งเพาะแมลงสาบหรือไม่ ใจของเราเปิดช่องให้แมลงสาบเข้ามาใช่ไหม
หากไม่ใช่แล้ว แมลงสาบจะเข้ามาที่ใจของเราได้อย่างไร

แมลงสาบคืออะไร จริง ๆ แล้ว แมลงสาบไม่ใช่แฟนเก่าของเราหรอกนะครับ
เพราะขณะนี้แฟนเก่าได้จากเราไปตั้งนานแล้ว แต่เรายังมีความทุกข์ใจอยู่เลย
แล้วแมลงสาบในขณะนี้คืออะไรล่ะ
?
แมลงสาบในใจของเราในขณะนี้ ก็คือความคิดของเราเองนั่นเองแหละครับ
ขณะนี้แมลงสาบวิ่งวุ่นวายทั่วบ้านจนเราร้องกรี๊ด ๆ อยู่ตลอดเวลา
ก็คือความคิดที่ทำให้ทุกข์นี้วิ่งพล่านอยู่ท่วมท้นใจของเราจนทำให้ทุกข์มากมาย
แต่เราไม่ได้มองปัญหาให้ถูกที่ ไม่ได้แก้ไขปัญหาให้ถูกจุด
กลับไปมัวมองแต่ว่าปัญหาอยู่ที่แฟนเก่าที่เราไม่ได้คบกันแล้ว
และขณะนี้เขาไปเป็นแฟนใหม่ของคนอื่นแล้ว

มองไปที่ปัญหาจริง ๆ นะครับว่า
ความคิดต่าง ๆ นานาในใจเกี่ยวกับแฟนเก่านี่แหละที่ทำให้ทุกข์เราอยู่ในปัจจุบัน
เสมือนมีแมลงสาบกำลังอยู่ในบ้าน มีแมลงสาบอยู่ในใจ
แล้วจะทำยังไง จะแก้ไขอย่างไร
?
สำรวจบ้านตัวเองก่อนครับ คือสำรวจใจตัวเองก่อน ทำด้วยใจที่เป็นกลางนะครับ
ใจของเราเป็นอย่างไร ยังรักเขาอยู่ใช่ไหม ยังอยากได้เขาอยู่ใช่ไหม
(หากเขากลับมาคืนดี จะเอาไหม) โกรธเขาใช่ไหม เกลียดเขาใช่ไหม
ไม่อยากจะพบเขาอีกใช่ไหม ไม่อยากเจอคนแบบนี้อีกใช่ไหม ฯลฯ

เหล่านี้ล่ะนะครับ คือ โลภะ และโทสะ ในใจ ซึ่งเป็นรังและแหล่งอาหารของแมลงสาบ
มีสิ่งเหล่านี้ในใจแล้ว แมลงสาบคือความคิดเรื่องทุกข์ใจก็จะวิ่งพล่านไปทั่วล่ะครับ
แล้วใจของเราเปิดช่องให้แมลงสาบเข้ามาบ้างไหม
อยู่ดี ๆ ว่าง ๆ ไม่ได้ทำอะไร หรือกำลังจะทำอะไรอยู่ก็ตาม
เราก็เก็บเรื่องแฟนเก่ามาครุ่นคิดบ้างไหม
กำลังนั่งดูอะไรเพลิน ๆ ก็คิดถึงเรื่องแฟนเก่า เดินไปโน่นมานี่ อยู่ ๆ ก็คิดถึงเรื่องแฟนเก่า
มองไปเห็นคนอื่นเดินคู่กัน ก็คิดถึงเรื่องแฟนเก่า ฯลฯ
นี่เรียกว่า ใจปล่อยให้มีโมหะเข้าครอบงำ ให้หลงไปคิดโน่นคิดนี่
คือว่า ในบ้านมีช่องโหว่ให้แมลงสาบเข้ามาได้มากมาย แมลงสาบในใจก็เยอะสิครับ

ดังนั้น สำรวจใจตัวเองครับ เห็นแหล่งเพาะอาหาร และเห็นรังแมลงสาบบ้างไหม
ทำความสะอาดนะครับ พยายามลดละเศษอาหาร ลดละมุมอับสกปรกในใจลง
หากจิตใจเราดี จิตใจเราสะอาดแล้ว แมลงสาบก็อยู่ได้ยากครับ

อย่างเช่นที่บอกว่า ให้อภัยไม่ได้ ได้แต่อโหสิกรรมอย่างเดียว
อย่างนี้เรียกว่าไม่ได้อโหสิกรรมครับ ในเมื่อให้อภัยเขาไม่ได้ ก็คือยังแค้นกันอยู่
เช่นนี้ไม่ได้อโหสิกรรมนะ เป็นการสร้างกรรมใหม่ว่า ยังเกลียดเขาอยู่ ไม่พอใจเขาอยู่
โดยความที่ไม่พอใจเขา พอคิดถึงเขาแล้ว มันก็ต้องไม่พอใจ ต้องโกรธ และต้องทุกข์เป็นธรรมดา
หากสามารถให้อภัยเขาได้ ไม่มีอะไรติดลบ ไม่มีอะไรบวก เป็นกลางจริง ๆ
นึกถึงเมื่อไร ก็ไม่บวก ไม่ลบ ไม่โกรธ ไม่ได้พอใจ และไม่ได้ไม่พอใจ มันก็เฉย ๆ ก็ย่อมไม่ทุกข์

หากยังบวกยังลบอยู่ มันก็ต้องเจอกันอยู่วันยังค่ำแหละครับ หนีไม่พ้นหรอก
เสมือนกับว่าเรานั่งรถเมล์วิ่งไปตามท้องถนนนะครับ
หากเราเจอป้ายโฆษณาที่เราชอบ หรือเราไม่ชอบก็ดี
เราก็ย่อมจะสังเกตเห็นได้ง่ายเลยใช่ไหม แต่สำหรับป้ายโฆษณาที่เราไม่สนใจ
เรารู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรกันมันเป็นพิเศษแล้ว เราสังเกตเห็นได้ยากใช่ไหม
คนที่เราชอบ หรือไม่ชอบก็ทำนองเดียวกันครับ

การที่ให้อภัยเขา อย่านึกนะครับว่าเป็นการเสีย
คนเรามักจะนึกว่าการให้อภัยเขาคือ การยอมคนอื่น คือการที่เราเสีย
เขาทำเลว ทำไม่ดีกับเรา ทรยศเรา เรา
ให้อภัยกับเขาไม่ได้หรอก
ขอบอกตามตรงว่า
ประโยคคำพูดมันหลอกใจเรานะครับ
เราหลงเข้าใจว่า ให้อภัยเขาแล้ว แปลว่าเขาได้ และเราเสีย อันนี้ยังไม่เข้าใจจริงครับ
เพราะจริง ๆ แล้วการให้อภัยเขานั้น คือ การที่เราได้ ไม่ได้เป็นการที่เราเสียเลย

ลองพิจารณานะครับ หากเราไม่ให้อภัยเขาแล้ว เราถืออะไรไว้ครับ เราถือความไม่พอใจ
ถือความแค้น ถือความโกรธ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหมือนก้อนไฟในใจทั้งนั้น
ทำให้ใจรุ่มร้อน ทำให้ใจทุกข์ทรมาน เหมือนจุดไฟย่างใจตัวเองดี ๆ อย่างนั้น
หากเราให้อภัยเขา คืออะไรครับ คือเราโยนความไม่พอใจ ความแค้น ความโกรธ ฯลฯ
ออกจากใจเราไปทั้งหมด เสมือนว่านำถ่านไฟในใจออกไปทั้งหมด
แล้วทำให้ใจเราเย็น ใจเราสบาย ใจเราไม่รุ่มร้อน ใจเรามีความสุข
เช่นนี้แล้ว ถามว่าเราได้หรือเราเสียกันแน่

เพราะฉะนั้นแล้ว คนที่บอกว่าให้อภัยคนอื่นไม่ได้นั้น
แท้จริง ยังไม่เข้าใจครับว่า จริง ๆ แล้วที่บอกว่าไม่ให้อภัยคนอื่นนั้น ก็เท่ากับว่า
ไม่ให้อภัยแก่ตัวเอง ต้องการทรมานตัวเองด้วยโทสะ ทรมานใจตนเองด้วยถ่านไฟร้อนไปเรื่อย ๆ
ซึ่งก็น่าแปลกนะครับ เรากลับยังหลงดีใจ พอใจตัวเอง หัวเราะร่าเริงกับตัวเองว่า
ฉันไม่ให้อภัยแกนะ ฉันให้อภัยไม่ได้ ฉันจะถือถ่านไฟร้อนไว้ในใจอย่างนี้แหละ
เป็นยังไงล่ะ จ๋อยใช่ไหมที่ฉันไม่ให้อภัยแกน่ะ (เอ้อ เขาไม่สนใจหรอกครับ เขามีแฟนใหม่ไปแล้ว)
เอะ แล้วทำไมฉันถึงได้ทุกข์ใจ ทรมานใจอย่างนี้ล่ะ เป็นเพราะแกใช่ไหม เพราะแกนี่เอง
(อ้าว
! แล้วจะถือถ่านไฟร้อนไว้ในใจทำไม มีใครบังคับหรือก็เปล่า ก็วางลงสิครับ)
จึงแนะนำว่าให้ไปสำรวจใจตนเองก่อนนะครับ อะไรไม่ดีในใจ ก็โยน ๆ ทิ้งไปเสีย

สำหรับเรื่องการปิดช่องไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในใจนั้น
ส่วนใหญ่แล้ว แมลงสาบจะแอบเข้ามา ในเวลาที่ตัวเราไม่เห็นครับ
วิธีการก็คือ เราต้อง
ฝึกหัดมีสติครับ หัดดูใจตนเอง ดูความรู้สึกตนเอง
เมื่อไรที่รู้สึกโกรธ เหงา เครียด ดีใจ พอใจ ไม่พอใจ อยาก ไม่อยาก
ชอบ ไม่ชอบ หรือรู้สึกอย่างไร ก็ตาม ให้มีสติรู้ทันใจ รู้ทันความรู้สึกตนเองครับ
พอรู้เท่าทันแล้ว แมลงสาบจะแอบเข้ามาไม่ได้

สรุปแล้วก็มีหลายวิธีนะครับในการแก้ปัญหาเรื่องแมลงสาบ
บางท่านอาจจะบอกว่า “ฉันไม่เดือดร้อน ฉันสามารถอยู่กับมันได้อย่างคุ้นเคย
ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้สองหรือสามวิธีการดังที่กล่าวมาเลย”
ก็ไม่ว่ากันครับ (ท่านก็อยู่กับแมงสาบและบ้านสกปรกไปก็แล้วกัน)
ก็ทำไปตามจริตนิสัย และเส้นทางเดินของแต่ละท่านได้
เพียงแต่ว่าแต่ละวิธีการนั้นให้ผลแตกต่างกันครับ ดังที่ได้อธิบายไว้แล้ว


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP