กระปุกออมสิน Money Literacy

กลยุทธ์หลุดหนี้ (ตอนที่ ๑)


Money Literacy

โดย North Star

"หนี้" คำเล็กๆ สั้นๆ แต่ออกฤทธิ์เขย่าขวัญขั้นรุนแรง
จนกลายเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของโรคนอนไม่หลับ
ตลอดจนเป็นสาเหตุหลักของการฆ่าตัวตายในปัจจุบัน

สำนวน "การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ" ออกจะเชยไปแล้วนะคะสำหรับคนยุคนี้
หลายคนคงเห็นด้วยว่า พ.ศ. นี้ "การไม่มีหนี้ต่างหาก เป็นลาภอันประเสริฐ"

สำหรับคนที่หลวมตัวสร้างหนี้ไปแล้ว
อยากสะสาง แต่ยังมึนๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แนะนำให้ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ค่ะ

๑. รวบรวมหนี้
ต้องรู้ก่อนว่าเรามีหนี้อะไรบ้าง ยอดเท่าไหร่ โดยการทำลิสต์รายการหนี้สินทั้งหมดที่มี
ไม่ว่าจะเป็นหนี้ในระบบ หรือนอกระบบ ยอดมาก ยอดน้อย รวบรวมให้หมดนะคะ

๒. จัดระเบียบหนี้
โดยแบ่งหนี้ออกเป็น ๒ กลุ่มดังนี้คือ

(๑) หนี้ชั้นดี ได้แก่ หนี้ที่มีไว้เพื่อคุณภาพชีวิต หรือเพื่ออนาคต เช่น เงินกู้เพื่อการศึกษา หนี้ผ่อนบ้าน เบี้ยประกันชีวิต

(๒) หนี้ชั้นเลว (ต้องตั้งชื่อให้ฟังดูแย่เอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการเตือนสติว่ากลุ่มนี้ต้องรีบกำจัดค่ะ ^^')
ได้แก่ หนี้ที่ไม่มีความจำเป็น ดอกเบี้ยสูง ค่าปรับสูง มักเป็นหนี้ที่สร้างปัญหาและความเครียดให้มากเมื่อถึงเวลาที่ต้องชำระ เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ

แยกเป็น ๒ กลุ่มแบบนี้ จะเห็นภาพชัดค่ะ ว่าควรต้องจัดการกับหนี้กลุ่มไหนก่อน

๓. ลำดับการชำระหนี้
นำหนี้ในข้อ ๒ มาจัดลำดับอีกครั้ง โดยเรียงลำดับตามอัตราดอกเบี้ยจากสูงสุดไปหาต่ำสุด
ทยอยกำจัดหนี้ก้อนที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน เพื่อเป็นการตัดภาระออกไปให้ได้มากที่สุดค่ะ

๔. ไม่เพิ่มหนี้
ในระหว่างที่ทยอยกำจัดหนี้เก่า ท่องให้ขึ้นใจว่า จะต้องไม่สร้างหนี้ใหม่ด้วยนะคะ
และจะยิ่งดีกว่านั้น ถ้าสามารถงดรายจ่ายฟุ่มเฟือยทั้งหมด
แล้วนำเงินที่เคยใช้ในส่วนนี้ไปจ่ายชำระหนี้ ก็จะทำให้หนี้หมดเร็วขึ้นค่ะ
ในขั้นตอนนี้อาจต้องทำใจแข็งหน่อย อาจใช้การอธิษฐาน หรือการตั้งสัจจะเป็นตัวช่วย
เช่น จะไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ จะไม่ใช้น้ำหอม จะไม่ทานฟาสต์ฟูด ฯลฯ

(แนะนำกิจกรรมพิเศษ "สองวัน...ฉันทำได้ กับธรรมะใกล้ตัว Lite"
อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ ^^*
http://www.dlitemag.com/forum/index.php?topic=155.0)

เมื่อไม่นานมานี้ บังเอิญได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมคนหนึ่ง
ได้คุยกันหลายเรื่องตามประสาคนไม่ได้พบกันนานๆ
ในบรรดาหลายหัวข้อสนทนาในวันนั้น มีเรื่องหนึ่งที่ประทับใจ จนอยากนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

เพื่อนคนนี้เรียนหนังสือเก่งตั้งแต่เด็ก เมื่อจบมัธยม ก็สอบเอ็นทรานส์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง
เรียนจบก็ได้เข้าทำงานเป็นวิศวกรในองค์กรใหญ่ รายได้สูง ใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าตามกระแสโลก
จนวันหนึ่ง ชีวิตผกผันให้ต้องออกจากงานที่ทำอยู่ เปลี่ยนมาเป็นงานใหม่ที่รายได้ลดลงกว่าครึ่ง
แน่นอนว่า ใครๆ ต่างเห็นว่าเขาจนลง แต่เขากลับบอกว่า วันนี้เขารวยกว่าเมื่อก่อน

เขามีรายได้ลดลงก็จริง
แต่วันนี้ ...
เขาไม่ต้องเอาเงินทุกเดือนไปจ่ายค่าบัตรเครดิต
ไม่ต้องจ่ายค่าที่พักแสนแพง
ไม่ต้องจ่ายค่าพาหนะสุดโก้แต่ค่าน้ำมันก็สุดโหด
ไม่ต้องจ่ายค่าภาษีสังคมสารพัดรูปแบบ
และที่สำคัญ วันนี้เขามีเงินเก็บ ทั้งที่เมื่อก่อน ตอนรายได้มากกว่านี้ ๒ เท่า เขาไม่เคยมี

เหตุการณ์พลิกผันที่ทำให้ต้องใช้ชีวิตสมถะโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า แท้จริงแล้ว ชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากมายอย่างที่เคยคิด
พร้อมกับสรุปได้น่าฟังว่า "วันนี้เขาไม่ได้มีมากมาย แต่เขามีมากพอ"

"พอ"
คำเล็กๆ สั้นๆ ที่ช่วยให้ใครหลายคนหลุดพ้นกับดักชีวิตมานักต่อนักแล้ว
วันนี้คุณรู้จักคำนี้ดีแล้วหรือยังคะ?

สุขสันต์วันหมดหนี้ค่ะ ^_^



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP