วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๒๒


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


น้ำฝนเดินตามหลังเธียรต้อยๆ ไม่กล้าพูดจา ตั้งแต่ออกจากห้องคนป่วยมาด้วยกันสีหน้าเขาก็กลับเคร่งเครียด ทั้งคู่เดินเงียบๆ ไม่ยอมเอ่ยปากสักคำ

ตลอดบ่ายยันค่ำทั้งสามขลุกอยู่ในห้องคนป่วย มีแขกในวงการบันเทิงมาเยี่ยมเป็นระยะ ทั้งที่หน้าห้องปิดป้ายห้ามเยี่ยม ระหว่างรอยจันทร์รับแขก เธียรจะมองน้ำฝนเป็นเชิงสงสัยจนเด็กสาวต้องหลบไม่กล้าประสานสายตา

ตกค่ำรอยจันทร์ไล่ทั้งคู่กลับโดยพูดแกมบังคับให้น้ำฝนขึ้นรถไปกับเธียร ค่ำมืดเช่นนี้ขืนปล่อยให้กลับบ้านคนเดียวอาจเกิดอันตรายได้

ขึ้นมาบนรถเธียรยังไม่เอ่ยปากจนน้ำฝนทนไม่ไหว

พี่เธียรอยากถามอะไรมั้ยคะ เด็กสาวปากกล้ากลับทำท่าเจี๋ยมเจี้ยม

น้องชื่ออะไรกันแน่ วาจาห่างเหิน

ชื่อจริงพราวพิรุณ แต่คุณย่าเรียกว่าน้ำฝน

ริวกับรอยรู้จักชื่อไหน

พี่สองคนรู้จักแค่น้ำฝน หล่อนอุบอิบ

เธียรถอนใจไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่อดไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็รักริวเหมือนน้องชายคนหนึ่ง

แล้วคุณลุงชัยกาลกับคุณหญิงรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ที่จริงไม่ต้องถามก็ได้

ไม่ทราบค่ะ

ชายหนุ่มอยากถอนใจอีกครั้ง ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างริวกับเด็กสาวข้างๆ จะดำเนินรูปแบบไหน ถ้าอนาคตจะมีการลงเอยกันเรื่องคงไม่จบง่ายๆ ตระกูลนี้เลือกลูกเขยลูกสะใภ้อย่างไรเขารู้ดี เห็นท่าทางสุภาพ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่อย่างนั้นเถอะ เรื่องน้ำเน่าไม่ได้มีเฉพาะในนิยาย

พี่เธียรคะ เด็กสาวทำใจกล้าเอ่ยปากพูด

พราวมีเรื่องอยากขอร้อง

ให้พี่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับใช่มั้ย เขาถาม

ค่ะ

ไม่มีปัญหาหรอก แต่จะปิดได้นานแค่ไหน

คงไม่นานหรอกค่ะ เด็กสาวพูดแผ่วเบา นัยน์ตาหม่น...คงไม่นาน เวลาของเธออาจเหลือไม่นานนักหรอก


-----000-----


หลังทุกคนกลับจนหมดเหลือรอยจันทร์กับคนป่วย ทั้งห้องกลับสู่ความเงียบเหงาวังเวง ลักษณะผู้หญิงเก่ง เข้มแข็งของรอยจันทร์ก็เลือนหาย หล่อนทรุดตัวบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างอ่อนแรงร่างปวกเปียกไร้กระดูก

เมื่อไหร่แกจะตื่นวะริว หญิงสาวพูดเบาๆ นอนกินบ้านกินเมืองแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง

น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้น

ฉันกลัวนะโว้ย กลัวแกจะหลับไม่ตื่น กลัวแกเป็นเจ้าชายนิทรา กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

น้ำตาเอ่อคลอเบ้า

เรามีกันแค่สองคนเท่านั้นนะ อย่าทิ้งฉันไปไหน อย่าทำเป็นนอนไม่ตื่นแบบนี้

มือลูบใบหน้าขาวซีด ขนตายาวงอน ดวงตาที่ปิดสนิท เลยถึงเส้นผมนุ่มเบามือ

ฉันเป็นพี่สาวแกก็จริง แต่นอกจากให้เงินแกใช้แล้ว ฉันไม่เคยทำหน้าที่พี่จริงๆ สักครั้ง ตั้งแต่พ่อแม่ตายมีแต่แกดูแลฉัน เป็นห่วงฉัน คอยอยู่ใกล้ๆ รับปัญหาทุกอย่าง ทำให้ฉันยิ้มได้ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าแกจะสำคัญกับฉันขนาดนี้ ริว...รีบตื่นเถอะนะ...พี่รักแกมาก

คำพูดสุดท้ายทอดเสียงแผ่วเบากระซิบแผ่วข้างหู ความรู้สึกจากใจถ่ายทอดทางน้ำเสียงและรอยสัมผัส หวังให้เจ้าตัวรับรู้ ไม่ว่าอยู่แสนไกลเพียงใด


-----000-----


ริว...ริว เสียงเรียกแว่วมาไกลๆ คล้ายระลอกน้ำกระทบใบไม้แห้งกลางแม่น้ำ ผู้เรียกขานถ่ายทอดความกังวล ห่วงใยฝากผ่านสายลม กระแสธารทำให้จิตใจเขากระเพื่อมทีละน้อย ความเงียบสงัดที่ฝังตัวอยู่เนิ่นนานเริ่มคลายตัว สัมผัสภายนอกกระทบผ่านแรงขึ้นเป็นระยะ

จิตคลายจากการพักฟื้นแล้วหรือ น้ำเสียงคุ้นหูเรียกให้เขาต้องลืมตา

ชัยยะ ชายหนุ่มใบหน้าหมดจดยืนไม่ห่าง

ที่นี่เป็นที่ไหน ริวถามอย่างงุนงง

เปิดจิตออกดูให้กว้างสิ คำตอบที่ได้ทำให้เขาเหลียวมองรอบตัวด้วยความเคยชิน

ทั้งที่จริงมันไม่จำเป็นเลย เพียงแค่ตั้งใจอยากเห็น ภาพบริเวณรอบๆ ก็กระจ่างขึ้นมาในสายตา พระพุทธรูปทองคำปางสมาธิขนาดใหญ่ประดิษฐานเหนือขนดร่างพญานาค รัศมีสีทองเปล่งประกายส่องสว่าง สถานที่แห่งนี้เป็นใต้แม่น้ำ พันเกลียวเคยพามาพบชัยยะนาคาเป็นครั้งแรก

ผมมาได้ยังไงนี่ ริวสงสัย

จำตอนสู้กับสิงหานาคราชได้หรือไม่ ผู้เป็นเพื่อนถาม

จำได้ เขาทบทวนความจำ การต่อสู้ที่รุนแรงฝืนใช้มนต์อาลัมพายน์จนพลังในกายปั่นป่วน โดนเพลิงพิษกระแทกใส่จากนั้นจำอะไรไม่ได้อีก

ผมโดนเพลิงพิษ ริวพึมพำ

มันทรมานมาก หรือว่าเวลานี้ผมตายแล้ว เขาถามอย่างงุนงง

ยังหรอก ชัยยะนาคายิ้มปลุกปลอบ

แต่ร่างกายและวิญญาณบอบช้ำมาก

ถ้าอย่างนั้น... ริวกำลังนึก เขาอยู่ในสภาพวิญญาณใช่หรือไม่

ร่างกายเพื่อนอยู่ในโรงพยาบาล หมอทางโลกเขารักษาได้ แต่ดวงวิญญาณที่บอบช้ำข้านำไปให้หลวงพ่อท่านแผ่เมตตาช่วยเหลือ จากนั้นก็พามารักษาฟื้นฟูตัวเองที่นี่

ริวซึมซาบเข้าใจ เพลิงพิษของสิงหานาคราชรุนแรงนัก มนุษย์ปกติโดนเพียงนิดก็ถึงแก่ชีวิต เขาโดนเข้าเต็มๆ ขณะอำนาจนาคาปั่นป่วน ไม่สามารถต้านรับเต็มที่ ผลคือทั้งร่างกายและวิญญาณได้รับอาการบาดเจ็บบอบช้ำอย่างหนักจนต้องแยกกัน ร่างกายถูกนำไปรักษาตามกระบวนการแพทย์ ดวงวิญญาณก็มาสงบนิ่งพักฟื้นที่นี่

ชัยยะ ตะกี้เพื่อนบอกว่าผมได้รับการแผ่เมตตาช่วยเหลือจากหลวงพ่อ ใช่หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดป่าที่คุณพันเกลียวเคยไปถือศีลหรือเปล่า

ใช่

ถ้าอย่างนั้นช่วยพาผมไปนมัสการขอบคุณท่านได้มั้ย

ได้สิ ข้าก็ตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว

ขาดคำ รัศมีสีทองยิ่งสว่างเจิดจ้า บังเกิดแสงสีบาดตาพร่าพรายครู่หนึ่ง กว่ารังสีเรืองรองจะลดกำลังลง สถานที่รอบตัวเปลี่ยนไปไม่ใช่หน้าพระพุทธรูปใต้แม่น้ำดังเดิม กลับเป็นวัดป่ามีต้นไม้หนาแน่นร่มครึ้ม ศาลาใหญ่ตั้งเด่นท่ามกลางแสงจันทร์

รัตติกาลเงียบ ชัยยะนาคาพาริวเดินจากศาลาไปตามทางเล็กๆ อย่างสำรวม ไม่ต้องการรบกวนความสงบสงัดที่เป็นบรรยากาศของวัด

ถึงกุฏิเล็กๆ หลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่งอยู่ริมระเบียงคล้ายรอคอย ทั้งสองคุกเข่ากราบด้วยความเคารพ เมื่อนั่งใกล้เช่นนี้กระแสคลื่นอันฉ่ำเย็นของท่านก็คลี่คลุมบรรยากาศดังเดิม ไม่ผิดกับที่ริวเคยเจอครั้งแรกในร่างของมนุษย์

กระผมมากล่าวขอบคุณครับ ที่หลวงพ่อแผ่เมตตาช่วยชีวิต ชายหนุ่มกล่าวจากใจจริง

เรื่องเล็กน้อย คำตอบกังวานในใจ

กระผมอยากกราบเรียนถามท่านอีกเรื่อง ริวเงยหน้า ตั้งใจถามเข้าสู่ประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม ทำอย่างไรถึงจะเอาชนะสิงหานาคราชได้

ชัยยะนาคามองเพื่อนด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าริวจะตั้งคำถามเช่นนี้ต่อผู้ทรงศีล

ทำไมต้องเอาชนะ ท่านถามกลับ

เพราะเขาใช้ความอาฆาตพยาบาททำร้ายคนบริสุทธิ์ เขาตอบอย่างมั่นใจ

ถ้าเราชนะเขาแล้ว จะได้อะไร คำถามต่อมา

เขาจะได้เลิกพยาบาททำร้ายคนเสียที

ถ้าแพ้ล่ะ คำถามแปลก

คนบริสุทธิ์ต้องถูกทำร้าย เขาจะลำพองใจ

แน่ใจได้อย่างไร ถ้าชนะเขาได้ ทางนั้นจะเลิกผูกพยาบาทอาฆาต

เขาตอบไม่ถูก ชั่วแวบหนึ่งคิดถึงคำพันเกลียว...ถ้าจะเอาชนะสิงหานาคราชต้องให้เขาสยบทั้งกายและใจ

แยกให้ออกนะชนะกับแพ้เป็นเรื่องหนึ่ง จิตที่ผูกอาฆาตพยาบาทก็อีกเรื่องหนึ่ง คำพูดของท่านตอกย้ำวาจานั้น

ถ้าอย่างนั้น ผมควรทำอย่างไรให้เขาเลิกพยาบาทได้ ริวเปลี่ยนคำถามใหม่

เหตุอยู่ที่ไหน เขาโดนคำถามย้อนคืนอีกแล้ว

ริวหลับตาสงบใจคิด เหตุแห่งพยาบาทครั้งนี้อยู่ที่ไหน ใช่แค่ถูกมนต์อาลัมพายน์กักขังหรือไม่...ไม่ใช่ มันมากกว่านั้น เรื่องสืบเนื่องจากการขัดแย้งทางความคิด จิตจึงเกิดพยาบาท หากคิดแก้ไข ต้องสาวให้ถึงต้นตอ

ขอบคุณครับ เมื่อคิดได้ริวจึงกล่าวคำนี้ออกมา

หลวงพ่อเจ้าอาวาสยิ้มละไม กระแสอันอบอุ่นครอบคลุมจิตใจ

จิตที่ผูกพยาบาท ไม่มีใครแก้ได้นอกจากตัวเขาเอง คนอื่นทำได้อย่างมากก็เพียงชี้ทางและให้ปัจจัยในการรู้เท่านั้น

วาจาไม่กี่ประโยคจุดประกายปัญญาให้สว่างจ้า ริวซึมซับวาจาน้อมใส่ความคิด สติปัญญาแตกแขนงแยกย่อยเหมือนต้นไม้ที่ได้ดินดี ปุ๋ยดีจึงงอกงามรวดเร็ว

หลวงพ่อลุกขึ้นเข้ากุฏิโดยไม่กล่าววาจาอื่นใดอีก ทั้งสองก้มกราบลา จากนั้นค่อยถอยออกจากกุฏิด้วยอาการสงบ จนกระทั่งมายืนหน้าวัด ริวบอกกับชัยยะนาคาด้วยวาจาง่ายๆ เล่นเอาฝ่ายนั้นงงงัน

ช่วยพาผมไปหาเจ้าปู่หน่อยสิ เจ้าปู่ คือผู้ที่สิงหานาคราชและชาวบาดาลจำนวนหนึ่งเคารพสักการะเทิดทูน

ท่านไม่มีชีวิตอยู่ในบาดาลแล้วจะไปหาได้ยังไง ผู้ฟังแปลกใจ

แล้วที่สิงหานาคราชเคารพบูชาล่ะ ริวสงสัย ถึงอย่างไรเขาก็ใช่จะระลึกชาติได้หมด

อ๋อนั่นเป็นคราบสังขารของท่าน แล้วก็คัมภีร์นาคราชที่ท่านบันทึกเกี่ยวกับสรรพวิชาทั้งหลาย ตลอดจนมหามนตราที่ทำให้สามารถเป็นนาคราชเหนือนาคราชทั้งปวง

นั่นแหละ พาผมไปที่นั่นได้มั้ย

ก็พอได้ แต่ช่วยบอกทีจะไปเพราะเหตุใด

อยากรู้จัก ริวตอบ ผมระลึกชาติทั้งหมดไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าปู่เป็นอย่างไร มีความสำคัญแค่ไหน ถ้าอยากชนะใจสิงหานาคราช ต้องรู้ว่าใจของเขาอยู่ที่ไหน

ริวไม่อยากยกสำนวนซุนวู รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เพียงแค่ถ้ามีโอกาสได้เห็นเจ้าปู่สักครั้ง ได้พบชาวบาดาลที่เคารพบูชา เขาก็อาจเข้าใจสิงหานาคราช เหตุใดจึงปักใจศรัทธาเจ้าปู่เหนียวแน่นจนโกรธแค้นที่พี่ชายเอาใจออกห่าง


-----000-----


โลกบาดาลหรือเมืองพญานาคดูเผินๆ ไม่ต่างจากเมืองมนุษย์นัก มีการแบ่งเป็นเมืองใหญ่เมืองน้อยกระจัดกระจาย มีผู้นำมีบริวาร เมืองที่กุมภนาคราชกับสิงหานาคราชเคยครองได้แตกกระสานซ่านเซ็นนานแล้ว ส่วนใหญ่ตามมาบำเพ็ญบารมีกับกุมภนาคราช ที่เหลือก็แยกย้ายไปอยู่เมืองอื่น

เจ้าปู่เป็นพญานาคผู้ยิ่งใหญ่มีเหล่านาคราช นาคาจำนวนไม่น้อยเคารพนับถือ ซากสังขารของท่านกลายเป็นทองคำ ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารใหญ่ที่กึ่งหล้าบาดาล

เมืองพญานาคแห่งนั้นค่อนข้างใหญ่โต ริวตื่นตาตื่นใจกับบ้านเมือง ผู้คนที่เห็น ดูๆ ไปไม่ต่างจากชุมชนสมัยก่อน ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตราบเรียบปกติสุข

วิหารที่สถิตแห่งเจ้าปู่ยิ่งใหญ่อลังการ เสาแต่ละต้นใหญ่ขนาดสามสี่คนโอบ เพดานสูงจนแทบแหงนคอมอง ชาวนาคหลายคนเดินเวียนกันเข้าไปแสดงความเคารพบูชา ริวก้าวตามบนพื้นหินขนาดใหญ่แผ่นเรียบมัน เหลียวมองรอบๆ ด้วยความสนใจ ที่นี่เป็นวิหารที่มีการตกแต่งไม่มาก เครื่องประดับแต่ละชิ้นใหญ่โตสร้างความเคร่งขรึม บังเกิดความเกรงขาม น่าศรัทธา แสงสว่างระเรื่อไม่มากจนขาวโพลนและไม่น้อยจนน่าหวาดกลัว

เดินถึงกึ่งกลางวิหาร ริวอดตะลึงงันไม่ได้ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้ว พญานาคราชขนาดใหญ่ที่สุดปรากฏอยู่ต่อหน้า ดวงตาสีแดงฉานราวมีชีวิต หงอนเด่นสง่า แผงคองาม แต่ละเกล็ดตามตัวเป็นสีทองบริสุทธิ์ มหานาคราชพาดพันภูเขาหินก้อนใหญ่ เชิดหน้าผยองแสดงอาการลำพอง

ชัยยะพาริวมานั่งอยู่ที่มุมเสาแห่งหนึ่งมองดูเหล่านาคในร่างแปลงมนุษย์แวะเวียนเข้ามาบูชา เห็นแล้วบังเกิดความน่าชื่นชมศรัทธา ชายหนุ่มค่อยเข้าใจศรัทธาของสิงหานาคราชทีละน้อย

เล่าเรื่องเจ้าปู่ให้ผมฟังหน่อยสิครับ ริวเอ่ยขึ้น

เจ้าปู่ท่านเกิดก่อนพวกเรานานมาก ไม่มีใครคาดเดาอายุท่านได้พอๆ กับท่านพญากาฬนาคที่จะตื่นเมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ อิทธิฤทธิ์ของเจ้าปู่ก็ไม่ด้อยกว่าพญานันโทปนันทนาคราชที่หาญสู้กับพระโมคคัลลานะบนสวรรค์ดาวดึงส์ ด้วยเหตุนี้เจ้าปู่จึงเป็นที่เคารพยำเกรงในเหล่านาคทั่วไป คำสั่งสอนของท่านไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ในคัมภีร์นาคราชบันทึกสรรพวิชาและแนวความคิดดีๆ มากมาย ไม่นับมหามนตราที่เชื่อว่านาคตนใดฝึกฝนจนสำเร็จ จะมีความสามารถยิ่งใหญ่เทียมเทพเจ้า เป็นนาคราชเหนือนาคราชทั้งปวงเช่นเจ้าปู่

แต่เจ้าปู่ก็ยังต้องลาสังขาร ขณะที่พญากาฬนาคยังนอนหลับคอยพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป อิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นพญานันโทปนันท ก็ยังพ่ายแพ้ต่ออัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า ริวออกปากแสดงความเห็น

ชัยยะนาคายิ้ม...ยิ้มในฐานะเป็นนาคที่เคารพเจ้าปู่แต่ศรัทธาบูชาคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

ศรัทธาเป็นของแปลก หากผู้ใดปักใจมั่นแล้วยากจะคลอนแคลนได้ ก็ลองดูภาพขณะนี้สิเหล่านาคานาคีที่นี่ล้วนเคารพศรัทธาเจ้าปู่ทั้งนั้น ความร่มเย็นสงบสุขที่มีอยู่ก็เพราะดำเนินตนตามคำสอนของเจ้าปู่ ยิ่งสิงหานาคราชได้ฝึกฝนมหามนตราในคัมภีร์นาคราชจนช่ำชอง ฤทธิ์เดชเกรียงไกร ไม่มีนาคราชตนใดกล้าประจันหน้าตัวต่อตัว เขาจึงยิ่งฮึกเหิมลำพอง ศรัทธาปักมั่นกว่าใครๆ

อำนาจของเขาก็ยังแพ้ต่อมนต์อาลัมพายน์ ริวอดขัดไม่ได้

มนต์นั้นขนาดพระโพธิสัตว์ภูริทัตนาคราชยังพ่าย มนต์ของครุฑย่อมเป็นคู่ปรับกับนาคอยู่แล้ว สิงหานาคราชย่อมไม่เอาเรื่องนี้เป็นเครื่องถ่วงศรัทธาหรอก

ริวมองมหาวิหารแห่งนี้อีกครั้ง สังเกตใบหน้าเปี่ยมสุขของเหล่านาคานาคีที่เข้ามาคารวะบูชา ความเข้าใจก็บังเกิด

แสดงว่าสิ่งที่เจ้าปู่สอนนั้นไม่ใช่ไม่ดี ผิดก็แต่ผู้นำไปปฏิบัติเท่านั้นเอง พูดด้วยใจที่กระจ่าง ความขัดแย้งของกุมภนาคราชกับสิงหานาคราชก็เพราะด้วยศรัทธาที่ไม่ตรงกัน...สิงหานาคราชยึดในศรัทธาของตนอย่างเหนียวแน่น แต่กุมภนาคราชกลับมองเห็นสิ่งที่ดีกว่า...มองเห็นคำสอนอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่เคยมีใครรู้เห็น จนพระพุทธเจ้าท่านทรงค้นพบ

ใช่ ชัยยะนาคาตอบรับ คำสอนที่ว่าด้วยเรื่อง ทุกข์ และ การดับทุกข์

สองเรื่องนี้ฟังดูง่าย ไม่ซับซ้อน แต่สำหรับผู้มองเห็นทุกข์ ผ่านทะเลทุกข์อย่างหนักหนายอมรับการมีอยู่ของมัน การดับทุกข์ ถือเป็นสุดยอดคำสั่งสอนที่มิอาจมีสิ่งใดเทียบเคียง และกว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะสะสมบารมีจนบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณได้นั้น ต้องใช้เวลานานนับหลายอสงไขยหลายแสนกัป เพียงเท่านี้มิควรค่าแก่การเคารพศรัทธาหรอกหรือ


-----000-----


สิงหานาคราชติดตามดูผลงานตนอย่างลำพองใจ บอกแล้วทายาทเจ้ากุมภต้องวิบัติฉิบหาย เป็นอย่างไรบ้าง ทรัพย์สินของมันระเบิดไหม้ถูกทำลาย กระทั่งชีวิตตนเองยังรักษาไม่ได้ เหลือแต่ลูกชายของมัน ปล่อยไว้ก่อนก็ได้ ให้มันมีโอกาสหายใจอีกระยะ ให้มันได้เห็นสมบัติถูกเปลี่ยนมือ เปลี่ยนจากมหาเศรษฐีเป็นยาจกในพริบตา ให้มันถูกความเจ็บแค้นเสียดายกัดกร่อนหัวใจจนสาหัส สุดท้ายค่อยปลิดปลงเอาชีวิตมัน

นาคราชผู้ยิ่งใหญ่กระหยิ่มใจ ดูสิสิ่งที่ต้นตระกูลพวกเอ็งเคารพศรัทธานักหนาช่วยอะไรได้บ้าง ยามเปลวไฟแผดเผาทรัพย์สินวอดวายมีใครหาญมาดับ ยามวิญญาณออกจากร่างมีใครมาช่วยฉุดรั้ง ยามพวกเอ็งทุกข์ใจแสนสาหัสมีใครช่วยได้

ฮ่า...ฮ่า นี่ละข้าจะพิสูจน์ให้เห็น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าเจ้าปู่ เมื่อเห็นแล้วก็จงยอมรับเสียข้ายังมีเวลาเหลือให้


-----000-----


ห้องคนป่วยในยามดึกสงัดช่างเงียบเหงา มีเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ ทั้งห้องยังเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ทั้งกระเช้าเก่า ใหม่ ที่เพิ่มคือขวดโหลใส่นกกระดาษตั้งวางเรียงรายสะดุดตา รอยจันทร์นอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้ หล่อนผอมลงผิดตา ใบหน้าไร้เครื่องสำอางดูซูบเซียว เส้นผมถูกรวบมัดง่ายๆ ไม่ใส่ใจ ขอบตาดำคล้ำเพราะอดนอน เหน็ดเหนื่อย

ริวก้มมองเกิดอาการสะเทือนใจ ผู้หญิงที่รักสวยรักงาม รักษาใบหน้าผิวพรรณอย่างดีกลับปล่อยตัวเช่นนี้ด้วยเหตุใด

ขอโทษนะรอย ที่ทำให้เป็นห่วงขนาดนี้ เขากระซิบข้างหู ทั้งที่หล่อนคงไม่ได้ยิน

รอยจันทร์ขยับตัว สัมผัสถึงการมาเยือนของน้องชาย

ผมได้ยินนะ ที่เจ๊บอกรักผมน่ะ ชายหนุ่มนึกขัน มันเป็นคำพูดที่สองพี่น้องไม่เคยบอกแก่กันเลย ผมก็รักเจ๊เหมือนกัน

คำพูดท้ายจงใจกรอกใส่หู หญิงสาวยิ้มนิดๆ ฝันดี

เอาละ ผมจะตื่นสักที ไม่ทำให้ใครเป็นห่วงอีกแล้ว

ริวพูดพร้อมหันหลังมาทางเตียงคนไข้ เตรียมตัวเข้าร่าง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างหนึ่งยืนสงบงันข้างเตียง

คุณยาย เขาอุทาน

องครักษ์พิทักษ์น้องน้ำฝนอยู่ในสภาพตอบซูบไม่มีราศี เสื้อผ้าที่ใส่มอซอ กิริยาท่าทางขาดชีวิตชีวาผิดเคย

เป็นอะไรไปน่ะคุณยาย เขาถามด้วยความเป็นห่วง

แกไปไหนมา!” คุณยายส่งเสียกราดเกรี้ยว แววตาระทมกลัดกลุ้ม

ผมไปพักฟื้น ตากอากาศมาน่ะ ริวพูดเป็นเรื่องเล่นเพื่อคลายอารมณ์ฝ่ายตรงข้าม

ไปพักฟื้น คุณยายขบเขี้ยว สนุกมากสินะ รู้มั้ยคนทางนี้เป็นห่วงขนาดไหน

ใคร ริวหลุดปากและฉุกใจคิด น้ำฝน...น้องน้ำฝนเป็นอะไรไปคุณยาย

เขาถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าดวงวิญญาณชราแทบจะบอกแทนคำตอบที่ไม่อยากฟัง มันอาจเป็นคำตอบที่ทำให้โลกทลายลงในพริบตา

อยากรู้ใช่มั้ย คุณยายเงยหน้าขึ้นถาม แววตาเจ็บแค้น งั้นไปด้วยกัน

ริวติดตามวิญญาณดวงนั้นโดยไม่รู้ทิศทาง ออกจากโรงพยาบาล เดินลิ่วๆ ตามถนนเห็นบรรยากาศข้างทางผ่านตัวรวดเร็ว เป็นการเดินทางที่ใช้เวลาน้อยกว่าคนอื่นขณะที่ระยะทางเท่ากัน จนกระทั่งถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งชายหนุ่มเห็นชื่อแล้วอดเหลียวมองผู้นำทางไม่ได้ โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ขึ้นชื่อในด้านการรักษาพยาบาลดูแลที่ดี แต่ค่าบริการก็สูงตามกัน

เข้าโรงพยาบาล ผ่านเคาน์เตอร์ขึ้นไปยังชั้นบนสุด มีห้องผู้ป่วยเพียงไม่กี่ห้อง คุณยายพาเขาเดินทะลุยังห้องหนึ่ง

น้ำฝนนอนอยู่บนเตียงคนป่วย มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง พยาบาลพิเศษเฝ้าคอยดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

ริวเห็นใบหน้าหล่อนแล้วใจหายวูบ เหมือนหล่นจากที่สูง ความกลัวอย่างประหลาดเข้าเกาะกุมจิตใจ แก้มที่เคยเนียนใสของน้ำฝนกลับตอบซูบ ริมฝีปากแห้งซีด ร่างกายผอมโทรมเหมือนเด็กน้อยขาดอาหาร มากกว่าเด็กสาวที่เคยร่าเริงแจ่มใส

น้ำฝนเป็นอะไรไป เขาถามด้วยใจหวาดไม่กล้าคาดคะเนในทางร้าย

โรคหัวใจ คำตอบพาใจแปลบ

เพราะผมใช่มั้ยครับ ริวเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น เขา นอน นานเกินไปจริงๆ จนทุกคนเป็นห่วง ขนาดหญิงเหล็กอย่างรอยจันทร์ยังโทรมผิดตา น้ำฝนบอบบางอย่างนี้จะทนได้อย่างไร

คุณยายมองเขาด้วยแววตาเศร้า เอื้อมมือลูบเส้นผมหลานสาวเบาๆ กิริยาบอกชัดถึงความรักความเป็นห่วงที่เต็มล้นหัวใจ

จะโทษเธอคนเดียวก็ไม่ถูก คุณยายดวงตาหม่น น้ำฝนเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เด็ก หมอเคยบอกว่าจะมีอายุได้ไม่เกินสิบห้า ตอนนั้นพวกเราให้แกผ่าตัดจนรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ทุกคนคิดว่าแกน่าจะใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข แต่ไม่นานมานี้หมอพบอาการที่ไม่น่าไว้วางใจ เตรียมรักษาผ่าตัดอีกครั้งแต่แกไม่ยอม จนเธอเกิดเรื่องต้องนอนโรงพยาบาล น้ำฝนแอบพ่อแม่ไปเยี่ยมเธอทุกวันดูแลใกล้ชิด พับนกกระดาษภาวนาขอให้เธอฟื้นเร็วๆ จนอาการกำเริบหนักต้องเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลอย่างนี้ไง

ริวพูดอะไรไม่ออก อยากบอกว่าขอโทษ มันคงยังน้อยไป ถ้าเปลี่ยนเอาความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของน้ำฝนมาไว้ที่เขาได้ก็ยินยอม

คุณยาย น้ำเสียงอ่อนโยนปนปวดร้าว ผมควรทำอย่างไรดี

คุณยายไม่ตอบ เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องพูด ขอเพียงเป็นมนุษย์มีจิตสำนึกควรรู้ จะทำอย่างไรผู้หญิงที่รักตนและตนรัก ต้องทนทรมานอยู่เช่นนี้ ต่อให้ไม่มีเจตนาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็เหมือนมีส่วนรับผิดชอบ ไม่อาจผละหนี

รู้มั้ย...ขนาดอาการหนักอย่างนี้ น้ำฝนยังร่ำร้องขอออกจากโรงพยาบาล ไม่ยอมบอกเหตุผลกับใครๆ พ่อแม่รั้งยังไงก็ไม่ฟัง ที่อยู่อย่างนี้ได้ก็เพราะไม่มีเรี่ยวแรงกระทั่งยืน

ครับ ริวพูดหนักแน่น นับจากนี้ ผมจะไม่ทำให้น้ำฝนเป็นห่วง ไม่ทำให้คุณยายต้องโกรธผมอีกแล้ว

ชายหนุ่มยืนยัน ประกายตาฉายตรงชัดเจนแทนคำรับรองสัญญา หญิงชราพยักหน้าด้วยใจเต็มตื้น สิ่งเดียวที่แกไม่กล้าพูดออกไปคือ ขอให้น้ำฝนได้มีความสุขที่สุดในช่วงสุดท้ายของชีวิตแกก็พอใจแล้ว




บทที่ ๑๘


รอยจันทร์สัมผัสลมหายใจอุ่นๆ ที่แก้ม รู้สึกสากระคายกับหนวดแข็งๆ ลืมตายังมึนเหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม พบใบหน้าสว่างใส นัยน์ตาเป็นประกาย หนวดเคราเขียวๆ อยู่ใกล้ๆ ประสาทตารับภาพไม่ชัดเจนนัก ต้องเสียเวลาให้ประสาทสัมผัสสั่งการบอกต่อตัวเอง

ริว... อุทานแหบโหย ไม่กล้าเชื่อ

ว่าไงเจ๊ นอนกินบ้านกินเมืองจนถูกขโมยหอมแก้มยังไม่รู้เรื่อง ถ้าโดนลักหลับจะเป็นยังไงเนี่ย เสียงนุ่มๆ กังวานล้อเลียน

ริว หล่อนย้ำชื่อนี้อีกครั้ง ไม่อยากเชื่อคนที่เป็นเจ้าชายนิทราจะมายืนใกล้ๆ

เอ้า...เรียกจัง กลัวลืมชื่อผมหรือไง คราวนี้รอยยิ้มสดใสคล้ายตะวันยามอรุณ

รอยจันทร์โผเข้ากอดชายหนุ่มแน่น สัมผัสบอกชัดไม่ใช่ความฝัน ร่ายกายอบอุ่น แผ่นอกกว้าง แขนที่โอบกอดตอบแข็งแรง...ใช่เขาจริงๆ

ริว...ไอ้ริว...ไอ้บ้า ทำให้ฉันเป็นห่วงแกแทบตายรู้มั้ย หล่อนละล่ำละลักน้ำตาไหลอย่างสุดกลั้น ความยินดีเอ่อล้นบอกไม่ถูก

เออ...เอ้า...ด่าเข้า รู้งี้นอนต่อซะก็ดี เขาพูดล้อเล่นแท้ๆ แต่รอยจันทร์กลับชะงักตัวแข็ง ดันร่างออกมองเขาอย่างคาดคั้น

อย่านะ เสียงหล่อนบอกเอาจริง อย่างทำอย่างนี้อีกนะ อย่าทำให้พี่เป็นห่วงอีก

นานครั้งหรอกหญิงสาวถึงแทนตัวเองด้วยคำนี้ ริวยิ้มรับใช้ปลายนิ้วช่วยเกลี่ยคราบน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาทอดมองอบอุ่น

จะพยายามครับผม พูดแล้วก็บ่น หน้าตาเจ๊ตอนนี้ดูไม่ได้เลย อย่างนี้ใครเขาจะจ้างทำงาน

ฉันหยุดรับงานตั้งแต่แกเข้าโรงพยาบาลแล้ว หล่อนพูดงึมงำกึ่งเถียง

เวรกรรม ขาดรายได้เพียบเลย เขาบ่นต่อ

ช่วยไม่ได้นี่ ขืนฉันรับงานเองก็ได้ราคาถูกๆ ไม่มีผู้จัดการคอยอัพราคาให้เหมือนก่อนนี่หว่า ถึงพูดอย่างนี้ริวก็รู้ รอยจันทร์ตั้งใจหยุดรับงานเพื่อคอยดูแลเขา

เอาเถอะ ผมนอนโรงพยาบาลกี่วันล่ะ จะทำงานชดใช้ให้

เดือนนึง คำตอบที่ได้ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออก อยู่ในโลกใต้บาดาลแป๊บเดียวเท่านั้น ทำไมเวลาผ่านเร็วนัก มิน่ารอยจันทร์ถึงโทรมขนาดนี้ และน้ำฝนต้องเข้าโรงพยาบาล นี่เขาทำร้ายคนที่รักโดยไม่รู้ตัวจริงๆ

ริวกลายเป็นเจ้าชายนิทราเดือนนึงเต็มๆ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตอนเขาหลับ รอยจันทร์หยุดรับงานทุกชนิด โชคดีที่ละครปิดกล้องแล้ว งานถ่านแบบเดินแฟชั่นทำเฉพาะที่รับล่วงหน้า ปฏิเสธไม่ได้ งานพิธีกรก็เหลือแค่รายการมิติเร้นออกอากาศสัปดาห์ละครั้ง

เธียรวุ่นวายกับการจัดงานศพก้องฟ้าและปัญหาในบริษัท มีเวลาจะปลีกตัวมาที่โรงพยาบาลพูดคุยเป็นเพื่อน ให้กำลังใจรอยจันทร์โดยไม่พูดถึงปัญหาของตน

น้ำฝนมาดูแลริวทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ว่างก็นั่งพับนกกระดาษใส่ขวดโหลภาวนาให้เขาฟื้นเร็วๆ รอยจันทร์เห็นแล้วอดสงสาร จนขวดโหลนกกระดาษเรียงรายแทบเต็มห้อง เด็กสาวก็หายไป โทรศัพท์ถามไถ่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

พวกพี่ๆ ในวงการมีน้ำใจมาเยี่ยมไม่ขาดายทั้งพี่แพท โหน่ง ป้าแดง ช่อดอกไม้เก่าใหม่ตามมุมห้องล้วนเป็นน้ำใจคนเหล่านี้


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP