วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๒๑


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



ริวมองด้านหลังพบรถสามคันขับเป็นแผงดาหน้าเข้ามาหา สัมผัสกระแสคลื่นอำนาจจิตสิงหานาคราชรุนแรง

คนขับรถพวกนี้ถูกสะกดจิตให้มาขัดขวาง

เคยดูหนังเรื่องสปีด มั้ยพี่เธียร ถึงเวลานี้ริวยังมีอารมณ์ขัน พี่เป็นซานดรา บูลล็อก ขับรถให้พ้นพวกมันแล้วกัน ผมจะเป็นเคียนู จัดการส่วนที่เหลือให้

เธียรหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้น

เอ็งมันเหลือเกินจริงๆ ว่ะริว

ปัง...

มาอีกแล้ว คราวนี้ขับรถตีคู่เบียดขนาบตั้งใจไม่ให้ออกจากทางด่วน เธียรพยายามหักพวงมาลัยเบียดรถเข้าเลนซ้ายแต่ไม่สามารถทำได้ ด้านซ้ายถูกดักหนึ่งคัน ขวาหนึ่งคัน และด้านหลังอีกคันต่อให้มีรถสมรรถนะสูง โดนเล่นงานอย่างนี้ก็แย่เหมือนกัน

ริวเห็นคนขับทั้งสามคันชัดเจน แต่ละคนนัยน์ตาเลื่อนลอยเหลือกโพลงเห็นแต่ตาขาว การจะถอนมนต์สะกดต้องนั่งประจันหน้า แต่นี่อยู่ในรถคนละคันมันยิ่งยากกว่าเดิม

ถ้าใช้อำนาจนาคาระเบิดรถทั้งสามเสียมันจะง่ายกว่าตัดปัญหาไปเลย แต่คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องเสียชีวิต ริวจึงเสี่ยงเลือกถอนมนต์สะกดแทน

เฮ้ยริว...พี่เลี้ยวออกทางแยกไม่ได้แล้วว่ะ

เธียรร้องบอก รถถูกชน กระแทก ขัดขวางจนเลยทางออกเสียแล้ว

ไม่เป็นไรพี่ เหยียบหนีให้มิดเลย ออกทางข้างหน้าเอา รถเราแรงกว่าอยู่แล้ว

ได้เลย

ถึงตอนนี้ปอร์เช่ได้สำแดงพลังขับเคลื่อนเต็มที่ รถวิ่งฉิวราวติดจรวดขับป่ายซ้ายแซงขวาเหมือนปลาน้อยแหวกว่ายหนีศัตรูร้าย ผู้ติดตามทั้งสามก็เร่งเครื่องตามติดแทบทำเอาถนนลุกเป็นไฟ

ต่อให้มีอำนาจอื่นช่วยแต่กำลังเครื่องยนต์ต่างกัน เธียรจึงขับทิ้งห่างผู้ติดตามได้เป็นช่วงตัว ริวมีโอกาสตั้งสมาธิเพ่งมองรถคันแรกที่จ่อข้ามาใกล้ รวมจิตเป็นหนึ่งพุ่งกระแสพลังถอนมนต์สะกดนาคราช

พรึบ...รายแรกสำเร็จ...ชายคนขับเกิดอาการเบลอ เท้าผ่อนคันเร่ง รถช้าลงทิ้งช่วงไกลออกไป

คันที่สองมาแทนที่ พุ่งเบียดด้านซ้ายให้รถหลุดสู่เลนขวา แต่เธียรฝืนหักพวงมาลัยสู้ ริวเพ่งดวงตาคนขับที่อยู่ห่างแค่กระจกกั้น แผ่อำนาจจิตดึงมนต์สะกดออก

พรึบ...รายที่สองสะดุ้งเฮือก นัยน์ตาดำพลิกกลับคืน ความรู้สึกคืนตัว

ผ่านมาได้อีกคันริวถอนใจเฮือกใหญ่ เหน็ดเหนื่อยกับการรวบรวมสมาธิถอนมนต์สะกด พยายามฝืนแรงต่อหันมองหารถคันสุดท้าย

โครม!

คราวนี้มันจงใจพุ่งเข้าชนจากเลนขวาหวังกระแทกให้รถพลิกคว่ำ โชคดีแค่สะเทือนล้อหน้าส่ายวูบ มองเห็นทางออกเบื้องหน้า เธียรเหยียบจนมิด รถคู่อริตั้งลำใหม่พุ่งมาอีกครั้ง ริวไม่มีเวลาถอนมนต์สะกด ต้องยอมปล่อยให้เกิดการปะทะอย่างช่วยไม่ได้

โครม...บรึ้ม!

เกิดการปะทะขึ้น ไม่ใช่ระหว่างรถกับรถแต่เป็นรถกับแผงกั้นเลน

เธียรขับรถพุ่งออกจากทางด่วนทันเวลาก่อนรถคันนั้นจะกระแทกถึง มันจึงเข้าชนแผงกั้นอย่างแรงจนระเบิด

ริวเสียใจที่ไม่อาจช่วยเหลือได้ นึกเคืองสิงหานาคราชผู้ใช้มนต์สะกดคนอื่นทำเรื่องร้ายจนต้องตายไม่รู้อีโหน่อีเหน่แบบนี้

ความพยาบาทที่ไม่มีขอบเขตจำกัดรังแต่จะสร้างความเดือดร้อนแก่คนรอบๆ เขาควรเสี่ยงใช้มนต์อาลัมพายน์จองจำสิงหานาคราชอีกครั้งดีหรือไม่ แม้ต้องใช้ชีวิตตนเองเดิมพันก็ยอม


-----000-----


โรงงานผลิตสินค้าหลักของตระกูลนาคพิทักษ์ยิ่งใหญ่ มโหฬาร สมกับเป็นธุรกิจที่หล่อเลี้ยงบริษัทในเครือ ส่วนของโกดังเก็บสต๊อกสินค้า ก็ใหญ่เรียงรายเป็นแถว มีระบบจัดเก็บดูแลรักษาความปลอดภัยชั้นยอด

ก้องฟ้าพากรรมการทุกคนเดินชมด้วยใจกระหยิ่ม สินค้าเหล่านี้ถูกผลิตและเก็บสต๊อกไว้ในช่วง 3-4 ปีหลังฟองสบู่แตก เป็นสินค้าที่รับประกันการขายได้ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้มันเป็นหลักประกันพันธบัตรไม่น่ามีปัญหา

เท่าที่ดูปฏิกิริยาทุกคน เขามั่นใจไม่น่ามีใครคัดค้าน โกดังสูงขนาดนี้สินค้าเรียงรายเกือบจรดเพดานแถมยิ่งเก็บไว้นานยิ่งมีราคา ทั้งหมดนี้เป็นแค่กึ่งเดียวของสต๊อกรวมทุกโกดังที่มีอยู่ทั่วประเทศ มูลค่าของมันมากพอที่จะใช้ค้ำประกันพันธบัตรได้

ขณะที่ก้องฟ้ากำลังชื่นชมกับงานที่เห็น ไตรก็เข้ามากระซิบใกล้ๆ

ท่านครับ คุณเธียรมารออยู่ข้างนอก บอกให้ทุกคนออกจากโรงงาน มีอันตราย

อันตรายอะไรวะ ที่นี่เขารักษาความปลอดภัยดี ถึงพูดอย่างนั้นใจก็แป้ว ลูกชายเตือนเป็นครั้งที่สองแล้ว

ไม่ทราบครับ ท่านจะว่ายังไง

ก้องฟ้านิ่งคิดครูหนึ่ง เธียรเป็นนักเรียนนอกความรู้สูง การเตือนภัยสองครั้งไม่น่าใช้เพียงแค่ลางสังหรณ์...วูบหนึ่งอดคิดถึงเรื่องพญานาคคู่แค้นประจำตระกูลไม่ได้ เธียรติดตามเรื่องนี้อยู่ เขาไม่มีโอกาสถามไถ่จริงๆ จังๆ ไม่แน่ใจ อันตราย ที่พูดถึงจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่

เออ ออกไปก็ได้ ที่เห็นนี่ก็พอแล้วละ

พูดขาดคำก็มีเสียงดังเปรี้ยง! สะเทือนลั่น ตามด้วยบรึ้ม...พรึ่บ...ฟ้าผ่าหลังคาโกดังฉีกออกเป็นรูกว้าง สายฟ้าฟาดมาถึงสินค้าที่กองเรียงราย เกิดแรงระเบิดดังลั่น ไฟที่ปราศจากแหล่งลุกโพลงโดยไม่มีใครทันตั้งตัว

เกิดความโกลาหลอลหม่าน ทุกคนต่างหนีเอาตัวรอดไม่รู้ใครเป็นใครวิ่งกันพล่านมุ่งสู่ประตูทางออก มีเปลวอัคคีแลบเลียไล่หลังด้วยความกระหยิ่มใจ

เปรี้ยง...บรึ้ม!

เสียงดังมาถึงออฟฟิศด้านนอก เธียรกำลังจะขับรถตามไปที่โกดังหลังจากให้คนงานวิทยุบอกพ่อ แต่ไม่ทันแล้ว เสียงระเบิดยังตามมาติดๆ ราวกับอยู่ในสนามรบ เปลวเพลิงพุ่งสูงมองเห็นแต่ไกล

เร็วเข้าริว

เธียรเรียกหนุ่มรุ่นน้องขึ้นรถ จากนั้นขับทะยานมุ่งตรงยังโกดังเก็บสินค้าที่มองเห็นไฟลุกควันโขมง

จอดรถเสร็จสองหนุ่มวิ่งฝ่าผู้คนจนเกือบถึงหน้าประตู เห็นแต่ควันดำลอยคลุ้ง เธียรจำกรรมการบริษัทได้หลายคน รีบเข้าไปถามถึงก้องฟ้า แต่ไม่ได้ความทุกคนมัวแต่หนีเอาตัวรอดไม่สนใจใคร จนพบไตรวิ่งออกมาในกลุ่มหลัง

พ่อผมอยู่ที่ไหน เป็นยังบ้างคุณไตร เธียรละล่ำละลักถาม

ผมไม่ทราบครับ ต่างคนต่างหนีออกมา ท่านไม่ได้ออกมาก่อนผมหรือ คำตอบยิ่งทำให้หวั่นใจ เธียรพยายามมองหาบิดาจากผู้คนที่อลหม่านชุลมุนแต่ไม่เห็นกระทั่งเงา เสียงหวอดังลั่นรถดับเพลิงกำลังมา ทุกอย่างสับสนไปหมด วูบหนึ่งเขาคิดว่าก้องฟ้าน่าจะติดอยู่ในโกดัง จึงผละจากไตรเตรียมลุยไฟ แต่กลับมีมือที่แข็งแรงกว่าฉุดไว้

ผมจะเข้าไปดูให้ ริวยืนอยู่ใกล้ๆ

มันอันตราย พี่เข้าไปเองดีกว่า เธียรไม่อยากให้น้องชายรอยจันทร์เดือดร้อน

อย่าลืมสิว่าผมเป็นใคร ริวยักคิ้วยิ้มให้

ไฟแค่นี้ไม่ครณามือผมหรอก

พูดจบชายหนุ่มตบไหล่เธียรเบาๆ เหมือนให้วางใจ จากนั้นวิ่งหายในกลุ่มควันที่คละคลุ้งเต็มโกดัง เปลวไฟแลบแปลบดังจะหัวเราะเย้ยหยัน


-----000-----


ริวพยายามทำตัวใต้ต่ำ ควันไฟหนาแน่นจนแทบหาอากาศหายใจไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงสลบตั้งแต่สามสี่ก้าวแรก แต่หลังจากได้อำนาจนาคาลงแช่บ่อนาคราช ไอแห่งบาดาลซึมซาบสู่ร่างเขาก็คล้ายเป็นอีกคนที่สามารถอยู่ในน้ำ เดินลุยไฟได้ กับควันแค่นี้ธรรมดานัก ลำบากแค่มองไม่ไกลเท่านั้นเอง ก้องฟ้าต้องติดอยู่ในนี้ไม่สามารถออกไปได้ ปัญหาคือติดอยู่ตรงไหนเท่านั้น

ดูจากเปลวไฟและแรงระเบิดก็พอเดาได้ฝีมือใคร ฉะนั้นเมื่อลงมือทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้ม ทำลายทรัพย์สินที่เป็นรากฐานสำคัญและเอาชีวิตผู้นำตระกูลไปด้วย

ริวได้แต่หวังให้ก้องฟ้ายังมีลมหายใจ มิเช่นนั้นคงไม่หน้าไปพบเธียร

เสียงเปรียะ...โครมดังตลอดซ้ายขวาคงมีอะไรหักพังอยู่รอบๆ ฝ่ากลุ่มควันไฟจนมาถึงบริเวณที่บางเบามีลังไม้แตกเศษขวดแก้วกระจายเกลื่อน น้ำสีชาไหลนอง กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึก มีบางส่วนติดไฟไหม้ลามสู่ลังสินค้าที่แตกยับเยินไม่มีชิ้นดี ริวกวาดสายตาอย่างเร็ว แว่วเสียงครางเบาๆ ตามหาต้นเสียง พบก้องฟ้านอนอยู่ใต้กองไม้ ขยับตัวไม่ได้

คุณลุงเป็นยังบ้าง พอไหวมั้ยครับ ริวตะโกนเรียกให้ฝ่ายตรงข้ามมีสติ

ใคร...ช่วยด้วย

ก้องฟ้าลืมตาอย่างยากเย็น เจ็บร้าวทั้งตัว จำได้ว่าวิ่งหนีพร้อมคนอื่นไม่รู้อะไรหล่นทับจนหมดสติ พอรู้ตัวก็เห็นควันโขมง ขยับตัวไม่ได้ เสียงร้องแทบไม่มี

ผมมาช่วยคุณลุงแล้ว ทำใจดีๆ นะครับ

ริวยกไม้ออกทีละชิ้น แต่ละชิ้นไม่ใช่เล็กๆ เขาไม่แน่ใจ ก้องฟ้าบาดเจ็บแค่ไหน จะเคลื่อนย้ายได้หรือเปล่า

สิ่งกีดขวางออกไปหมดแล้ว ก้องฟ้าบาดเจ็บไม่น้อย ขาอาจหัก หน้าอกถูกกระแทกจะอุ้มหรือแบกคงไม่ได้ มีแต่ทำให้อาการหนักขึ้น ต้องหาอะไรมาช่วยเคลื่อนย้ายคนเจ็บ

คุณลุงอดทนอีกนิดนะครับ เดี๋ยวผมมา

ริวต้องรีบหาก่อนกลุ่มควันจะหนากว่านี้

เขาพบรถเข็นสินค้าเตี้ยๆ พอจะบรรทุกได้จึงรีบลากมันมาหาก้องฟ้า ประคองขึ้นอย่างระมัดระวัง ไม่มีเวลาเข้าเฝือก พอเรียบร้อยก็เข็นหนีหวังพ้นเขตอันตรายโดยเร็ว แต่แล้ว

พรึบ...ฟู่...กำแพงไฟไร้ที่มาลุกโพลงขวางทางหนี พร้อมกับชายรูปงามในชุดคลุมดำยืนอยู่หลังกองเพลิง

เอ็งมาขัดขวางข้าอีกแล้วนะทัตตะ สิงหานาคราชเรียกชื่อในอดีตของเขา

ผมขอร้อง ไว้ชีวิตก้องฟ้าเถอะ ริวไม่มีเวลาต่อปากต่อคำ ยิ่งนานก้องฟ้าอาจขาดอากาศหายใจ

ข้าไม่เคยรับคำขอร้องใคร ถ้าแน่จริงก็ฝ่าไปให้ได้สิ ร่างแปลงรูปงามท้าทาย

ชายหนุ่มขมวดคิ้วใจร้อนรุ่ม ให้เขาฝ่ากองไฟแค่นี้เรื่องธรรมดา แต่ก้องฟ้าไม่มีทางทำได้ ไม่มีเวลาคิดมากกระชั้นอย่างนี้ต้องรีบตัดสินใจเพื่อรักษาชีวิตคน

ริวกำมือแน่นสะบัดใส่กำแพงเพลิง เกิดกระแสลมกล้าพัดมันจนดับ แต่กลับติดขึ้นใหม่ ร้อนแรงส่งเปลวสูงกว่าเดิม หนำซ้ำยังขยายอาณาเขตล้อมเขากับก้องฟ้าอยู่ภายใน

ต้องใจเย็น ริวบอกตัวเอง ร้อนใจก็ไร้ประโยชน์ คู่ต่อสู้ตึงมืออย่างนี้มีแต่เสียเปรียบ พอใจเย็นความคิดค่อยแจ่มใส ดับไฟด้วยน้ำ...บ้าชะมัดน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก

ริวหลับตากำหนดจิตให้นิ่งเรียกสายฝนดับเปลวเพลิง

ครืน...ฟ้าคำรามก่อนหยาดฝนเม็ดใหญ่ๆ หล่นลงมาตามติดเป็นพรวนสาดสายฟูฝอยรอบบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ ควันรอบๆ จางลงแต่กำแพงไฟยังสงบนิ่ง ลดเปลวเล็กน้อยไม่ยอมดับ

อิทธิฤทธิ์มีเท่านี้หรือเจ้านาคาปลายแถว สิงหานาคราชตะโกนเยาะหยัน รอยยิ้มสาสมใจ

ริวรวบรวมปราณไว้ที่กลางฝ่ามือ เขามีอำนาจนาคา เพลิงพิษที่สิงหานาคราชใช้เขาก็ใช้เป็น

กำมือแน่นปฏิกิริยาเป็นไปโดยอัตโนมัติ สะบัดมือทั้งสองฟาดเข้าใส่กำแพงไฟ งูพระเพลิงพุ่งจากกลางฝ่ามือทั้งสองเข้าปะทะสิ่งกีดขวางด้วยกำลังแรง แสงสีส้มเจิดจ้าบาดตาพล่านผลาญเปลวงสีแดงของกำแพงไฟบังเกิดเสียงดังเปรียะ...เปรียะ..เปรียะ...และบรึ้ม!

กำแพงไฟถูกทลายลงราบคาบ ทว่าสิงหานาคราชจ้องมองลงมา เพลิงพิษพ่นจากดวงตาตรงเข้าใส่ ริวกระโดดหลบ เสียงพรึบดังตรงจุดที่เขาเคยยืน สะบัดมือขึ้นโต้ตอบงูพระเพลิงอีกสายออกต้านรับโดยอัตโนมัติ

เปลวไฟจากเบื้องบนโรมรันกับเบื้องล่าง งูพระเพลิงสองสายห้ำหั่นกันราวกับนักสู่คู่เอก ริวถ่ายทอดพลังออกไปหนุน แต่ฝ่ายตรงข้ามมีอำนาจจิตเหนือกว่าไม่อาจเอาชัยได้ง่ายๆ หนำซ้ำสู้ยืดเยื้อทั้งเขาและก้องฟ้าไม่รอดแน่

ต้องเสี่ยง...ริวตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มั่นใจว่าจะได้ผล

มนต์อาลัมพายน์...เขาท่องได้ขึ้นใจรู้วิธีเปล่งอานุภาพของมัน แต่ตบะไม่สามารถอยู่เหนือมันได้ หากใช้อาจเป็นอันตรายต่อตนเอง

ไม่มีทางเลือก ขืนไม่เสี่ยงต้องตายแน่ สิงหานาคราชไม่มีทางปล่อยเขากับก้องฟ้าให้รอด


-----000-----


โอม...นะมะ...ชัยะตะทา นาคาคะณา

เสียงเปล่งมนต์อาลัมพายน์ดังกังวานกึกก้องสะท้านลึกถึงทรวงอก งูพระเพลิงสองสายดับสนิท สิงหานาคราชหน้าเผือดซีด เสียงท่องมนต์คราวนี้ผิดกับการท่องมนต์ของเธียรลิบลับ ในกระแสเสียงเต็มไปด้วยพลังอำนาจกดดันให้เขาอ่อนแรง ไม่อาจสำแดงฤทธิ์แปลงเป็นมนุษย์ ต้องกลับคืนสู่ร่างนาคราช สัญชาติเดิม

ริวอดทนสาธยายมนต์ต่อมาเรื่อยๆ คล้ายกระแสน้ำที่ถูกเปิดทำนบมองเห็นพญานาคใหญ่ขดตัวแทนชายรูปงาม ยิ่งมั่นใจมนต์นี้ได้ผล ทว่ายิ่งท่องต่อไปพลังในตนยิ่งปั่นป่วน ไม่อาจควบคุม ร่างเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

สวดมาเพียงครึ่ง พลังนาคาก็ปะทุแทบทนไม่ไหว หากสวดต่ออีกไม่กี่วรรคต้องตายแน่...ริวเริ่มลังเล จะสวดต่อโดยยอมตายพร้อมสิงหานาคราชหรือหยุดเพื่อรักษาชีวิต

ช่วงเวลาที่ผู้สวดลังเล อำนาจแห่งมนต์ก็ถอยลง สิงหานาคราชเริ่มมีแรงดิ้นรนหาทางรอด รวบรวมพลังที่เหลือทั้งหมดพ่นเพลิงพิษใส่ชายหนุ่มตรงหน้าทันที

ริวมองเห็นเปลวเพลิงสีแดงจัดจ้าพุ่งเป็นลำเข้าใส่จึงหยุดสวดโดยอัตโนมัติ เกร็งปราณต้านรับตรงๆ ไม่อาจหลบเลี่ยง

ปัง...

ไฟพิษกระแทกร่างส่งตัวเขาลอยละลิ่วไม่ผิดว่าวสายป่านขาด กระอักเลือดเป็นสายปานเกาทัณฑ์โลหิต สิงหานาคราชสะบัดตัวเลื้อยหายอย่างรวดเร็ว

สำนึกสุดท้ายของริวคือความเจ็บร้าวบริเวณหน้าอก แสบทรมานทั้งร่างเปรียบโดนไฟเผาร้อนเร่าสุดทนจนรับไม่ไหว สติเลือนหายช้าๆ เข้าสู่ม่านมืดที่คลี่คลุมราวม่านละคร


-----000-----


รอยจันทร์เข้าโรงพยาบาลด้วยใบหน้าซีดเผือด พบกองทัพนักข่าวยืนอออยู่เต็ม แสงแฟลชวูบวาบจนตาพร่า ไมโครโฟนจ่อพร้อมคำถามอื้ออึง หัวหมุนตอบอะไรไม่ถูกน้ำตาพานจะไหล พยายามฝืนสะกดใจไม่ตอบคำถาม ไม่อาละวาดตามอารมณ์ร้อน ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น ขอตัวเลี่ยงออกมาเพื่อไปห้องฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด รปภ.โรงพยาบาลช่วยให้ความสะดวกกันนักข่าวเต็มที่

ที่หน้าห้องฉุกเฉิน

เธียรกำลังนั่งคอยอย่างโดดเดี่ยว ใบหน้าหมองคล้ำ มือประสานบนตักกำแน่น เขาเป็นคนโทรศัพท์บอกรอยจันทร์ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

ริวอยู่ที่โรงพยาบาลกับพ่อผม

ไม่มีแกใจซักถามอะไรทั้งนั้น รอยจันทร์ออกจากบ้านตรงดิ่งมาโรงพยาบาล ข่าวจากวิทยุในรถช่วยไขความกระจ่างทั้งหมด

โรงงานและโกดังเก็บสินค้าของตระกูลนาคพิทักษ์เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ราเมศว์น้องชายรอยจันทร์ดาราสาวชื่อดังเข้าไปช่วยนักธุรกิจใหญ่นายก้องฟ้าในโกดังสินค้าที่ถูกเพลิงไหม้ ขณะนี้ทั้งคู่อยู่ที่โรงพยาบาลอาการเป็นตายเท่ากัน

ระหว่างทางต้องขับรถด้วยน้ำตาไหลพรากจนแทบมองไม่เห็นถนน ในใจร่ำร้อง...ริวต้องไม่เป็นอะไร เขาเป็นคนเก่ง คนดี ต้องปลอดภัย ต้องปลอดภัยแน่ๆ

ขณะยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน รอยจันทร์ไม่กล้าทักเธียร ไม่รู้จะพูดจาไถ่ถามอะไร ได้แต่นั่งเงียบๆ บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน กิริยาประสานมือบนตักกำจนแน่นไม่ผิดแผก

ไม่มีน้ำตา หล่อนไม่ยอมให้น้ำตาไหล...ไม่ยอมให้ไหลเด็ดขาดถ้ายังไม่รู้ชะตากรรมของริว

เธียรเห็นตั้งแต่รอยจันทร์เดินเข้ามา ไม่กล้าเอ่ยทัก ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่กล้าเล่าที่มาที่ไป บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน ทั้งสองเหมือนอยู่กันคนละโลก จมอยู่ในห้วงความคิด ประหวั่นใจคล้ายประคองฟองสบู่อันสวยงามไว้ในมือไม่กล้าขยับ กลัวมันจะแตกในที่สุด

ประตูห้องฉุกเฉินเปิด สองหนุ่มสาวลุกขึ้นพร้อมกันราวกับนัด ร่างในเสื้อกาวน์ออกมาท่าทางเตรียมพร้อมตอบคำถามญาติผู้ป่วย

พ่อผมเป็นยังไงบ้างครับ

เธียรเอ่ยปากก่อน รอยจันทร์ยังไม่กล้าถาม ยิ่งรู้ช้าเท่าไรตราบนั้นริวยังคงปลอดภัย

คุณก้องฟ้า... คุณหมอพูดช้าๆ เว้นช่วง ขาดอากาศหล่อเลี้ยงสมองนานเกินไป ผมเสียใจ เราช่วยไม่ทัน

เธียรเข่าอ่อน พื้นที่เหยียบเบาหวิวจมลึกเกินหยั่งถึง เขาเซพิงผนังอาศัยมันยันกาย ฝืนกำลังความเข้มแข็งเฮือกสุดท้ายไม่ยอมล้มให้ใครเห็น

ส่วนน้องชายคุณ... หมอมองหน้ารอยจันทร์หยุดทิ้งช่วงอีกครู่ เรียบเรียงคำพูด ยังห้าสิบห้าสิบ ร่างกายเขาได้รับความบอบช้ำมาก ดูจากคราบเลือดที่ออกจากปากแสดงว่าอวัยวะภายในต้องถูกกระทบกระเทือน แต่เขายังหนุ่มแข็งแรงน่าจะยังมีหวัง เราจะพยายามช่วยจนสุดความสามารถ

เขา...ยังไม่ตายใช่มั้ยคะ

หญิงสาวไม่อาจจับใจความคำพูดอันยืดยาวของหมอ หล่อนอยากรู้เพียงข้อเดียว...ริวยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่

ครับ

คำตอบสั้นๆ มีผลให้ทำนบน้ำตาพังทลาย มันไหลอาบแก้มเงียบๆ โดยไม่มีเสียงสะอึกสะอื้น

รอยจันทร์กลับไปนั่งเก้าอี้เดิม มองเธียรที่ยืนพิงผนังด้วยใจหดหู่...เวลานี้ใครควรปลอบใคร คนหนึ่งตกอยู่ในความสูญเสีย ส่วนอีกคนกำลังภาวนาต่อรองกับมัจจุราช

ช้า...นาน...กว่าเธียรจะตั้งสติเดินช้าๆ เข้ามาหาหล่อน ดวงตาอ้างว้างเหมือนคนหลงทาง ริมฝีปากขยับส่งเสียงแผ่วเบาราวกับใช้เรี่ยวแรงความรู้สึกทั้งมวลที่มีเปล่งออกมา

รอย...ผมขอโทษ ที่ทำให้ริวต้องเป็นแบบนี้

อาการตื้นตันแล่นขึ้นมาจุกที่คอ หญิงสาวพูดไม่ออก พ่อเขาเพิ่งตายแท้ๆ แต่กลับมาขอโทษหล่อน ที่จริงรอยจันทร์ควรเป็นฝ่ายขอโทษเขาด้วยซ้ำที่ริวไม่อาจช่วยชีวิตพ่อเขาได้

พี่เธียร... หล่อนเรียกชื่อนี้อย่างเต็มใจ ไม่ต้องห่วงริว พวกเราไม่เป็นไร...รอย...เสียใจ...กับพี่ด้วย...นะคะ

คำพูดช่างหลุดออกมาแสนยากเย็น ความเศร้า เสียใจ หวาดกลัวทำให้ทั้งสองกลับมาร่วมความรู้สึกเดียวกัน

เธียรนั่งแปะบนเก้าอี้ข้างรอยจันทร์อย่างหมดแรง เอนหลังพิงพนักเงยหน้าขึ้นสูง หวังให้น้ำตาไหลย้อนคืน

พี่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ความเศร้า ทุกข์ใจอัดแน่นเต็มสมองจนคิดอะไรไม่ออก เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใคร ไม่มีอะไรเหลือ

รอยจันทร์ยื่นมือไปกุมมือเขา บีบเบาๆ ถ่ายเทกำลังใจ

รอยยังอยู่ข้างๆ

หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านี้ สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจล้วนเปิดเผยออกมาพร้อมกับคำพูดเดียว




บทที่ ๑๗


สิงหานาคราชบอบช้ำไม่มากนักแต่ความแค้นใจกลับมีมากกว่า เขาเกือบเสียทีให้กับทัตตะนาคาอดีตข้าทาสพี่ชาย โชคดีที่มันไม่สามารถมีตบะเหนือมนต์ได้อย่างกุมภนาคราช มิเช่นนั้นเขาคงถูกจองจำอีกรอบ

เขาประมาทฝีมือพวกมันเกินไปจริงๆ ทั้งที่รู้ว่าได้คัมภีร์อาลัมพายน์แล้ว แต่เอาเถอะวันนี้สิ่งที่เขาต้องการก็สำเร็จไปกว่าค่อน ก้องฟ้าตาย ตระกูลนาคพิทักษ์ต้องล่มสลายแน่ เหลือแค่ลูกชายมันคนเดียว ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ ปล่อยไว้ก่อนก็ได้

ร่างพญานาคถูกแปลงเป็นชายรูปงาม ยืนตรงหน้ารูปเคารพของเจ้าปู่ เข่าทั้งคู่คุกลงหมอบราบ แสดงการคารวะสูงสุด

ด้วยบารมีอำนาจแห่งเจ้าปู่ผู้ยิ่งใหญ่ บัดนี้ลูกได้ทำตามความตั้งใจเกือบสำเร็จแล้ว รอเวลาอีกนิด ให้สะสางปัญหาปลีกย่อยเสร็จ ข้าน้อยจะบุกแดนสวรรค์ลากเจ้ากุมภพี่ชายผู้โง่เขลามาคุกเข่าต่อหน้าเจ้าปู่ ชี้ให้มันเห็นถึงบารมีของท่าน ให้มันกลับมายอมเคารพศิโรราบต่อท่านดังเดิม ให้มันได้รู้บุคคลใดควรบูชาอย่างแท้จริง


-----000-----


ข่าวของก้องฟ้าเข้าถึงหูจิญยานีในเวลาไม่นาน ชั่วเวลานั้นหล่อนรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่ง ความตายของคนคนหนึ่งได้เปิดประตูแห่งอิสระอันงดงาม

หล่อนไม่เคยรักก้องฟ้าเลย ไม่เคยแม้แต่จะคิดครอบครองสมบัติมหาศาลของตระกูลนาคพิทักษ์ ที่ก้าวเข้ามาในชีวิตเขาก็เพราะคำสัญญา ข้อตกลงกับบุคคลหนึ่ง

บุคคลที่เป็นเจ้าหัวใจของหล่อนอย่างแท้จริง

บัดนี้งานของหล่อนเสร็จสิ้นแทบจะสมบูรณ์ ไม่มีอะไรต้องไปข้องเกี่ยวกันอีก ก้องฟ้าไม่มีน้ำหนักในใจแม้ปลายก้อย กระทั่งงานศพของเขา หล่อนยังไม่คิดจะเยี่ยมกรายไป


-----000-----


ธรรมดาน้ำฝนจะไม่ค่อยอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองกระทั่งข่าวการตายของก้องฟ้า นาคพิทักษ์ที่โด่งดัง สื่อทุกสื่อนำไปลง กระทั่งพ่อแม่หล่อนยังเอามาพูดคุยเด็กสาวก็ยังไม่สนใจ หล่อนเพิ่งมาเห็นข่าวที่พ่วงด้วยในวันที่สองที่สาม น้องชายดาราดังเจ็บหนักเป็นเจ้าชายนิทราเพราะเข้าไปช่วยก้องฟ้า

ต้องรีบรื้อข่าวทั้งหมดออกมาอ่าน ก่อนรีบไปโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ

ที่โรงพยาบาลแทบไม่มีกองทัพนักข่าวเหลือ ศพก้องฟ้าถูกนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดแล้ว แต่ก็ยังมีนักข่าวเก็บตกที่มาเกร่หาข่าวจากแวดวงดาราที่รู้จักและมาเยี่ยมริว

น้ำฝนไม่ใช่คนดัง ต่อให้เป็นลูกสาวมหาเศรษฐีก็ไม่เคยทำตัวเป็นข่าว ฝืนใจกล้าเดินเข้าโรงพยาบาลตามปกติ ถามหาห้องริวจากประชาสัมพันธ์

ที่หน้าห้องเขาติดป้ายห้ามเยี่ยมเพื่อกันนักข่าววุ่นวายถ่ายรูป น้ำฝนยืนลังเลครู่ใหญ่ไม่กล้าเปิดประตู แต่ด้วยความเป็นห่วงจึงยอมเสียมารยาทเปิดเข้าไป

ภายในห้องมีรอยจันทร์นั่งเฝ้าคนเดียว หันมาเห็นเด็กสาวจึงกวักมือเรียก

เข้ามาสิน้ำฝน น้ำเสียงแหบแห้งคล้ายคนเพิ่งร้องไห้

ห้องผู้ป่วยมีกระเช้าดอกไม้เยี่ยมวางเรียงเต็มไปหมด ริวนอนบนเตียงใบหน้าสะอาดใส หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะ หายใจสม่ำเสมอ น้ำฝนใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มเขาเบาๆ รอยสัมผัสอบอุ่นไม่ต่างจากคนนอนหลับ

พี่ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้โทร.ไปบอก รอยจันทร์พูด

ไม่เป็นไรค่ะ น้ำฝนเข้าใจพี่รอยกำลังยุ่งๆ เด็กสาวฝืนยิ้มปลุกปลอบ อาการของริวดีกว่าที่หล่อนคิด

เพิ่งออกจากห้องฉุกเฉินวันก่อน หมอบอกว่าสภาพร่างกายไม่น่าเป็นห่วงแค่ยังไม่ฟื้น ให้เตรียมใจว่าเขาอาจเป็นเจ้าชายนิทรา

รอยจันทร์พูดเสียงปร่าเหมือนกลั้นสะอื้น จิตใจของคนรอคอยจะเป็นเช่นไร หากได้รับรู้บุคคลที่ตนรักนั้นพ้นขีดอันตราย แต่อาจกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

เดี๋ยวพี่ริวก็ฟื้นค่ะ แกชอบแกล้งคนอื่นอย่างนั้นเอง

น้ำฝนทำเสียงแจ่มใส แต่ขอบตาร้อนรื้น เมื่อไม่กี่วันนี้เองพี่ริวยังพาหล่อนออกเดทเหมือนแฟนทั่วไปเป็นครั้งแรก ดอกหัวใจราเมศว์ยังถูกเก็บไว้อย่างดี เขาต้องตื่นขึ้นมาพาหล่อนไปเที่ยวอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม น้ำฝนป่วยหนักกว่าพี่ริวตั้งเยอะยังอยู่ได้ ยังสู้ไหว...พี่ริวต้องตื่นขึ้นมา แล้วบอกว่าพี่แกล้งนอนนานๆ ให้เจ๊รอยเป็นห่วงเล่นๆ เท่านั้นเอง

สองสาวยิ้มให้กัน กำลังใจถูกถ่ายทอดแก่กันเงียบๆ โดยไม่จำเป็นต้องกล่าววาจา


-----000-----


ประตูห้องถูกเคาะ ก่อนเปิดตามออกมาอย่างคนคุ้นเคย เธียรชะงักเมื่อเห็นเด็กสาวอีกคนอยู่ในห้อง ใบหน้าคุ้นตา ผิดแต่ลักษณะการแต่งตัวที่แปลกไป เหมือนเด็กวัยรุ่นเดินห้าง ขึ้นรถเมล์ ไม่ใช่คุณหนูพราวพิรุณ เตรียมจะทักทาย พอดีรอยจันทร์พูดขึ้นก่อน

พี่เธียรคะ นี่น้ำฝน แฟนของริว

เธียรหยุดคำพูดไว้ที่ริมฝีปาก หรี่ตามองเหมือนสงสัย ช่วงเวลานี้มีเรื่องกลุ้มมากอยู่แล้วจึงยังไม่คิดติดใจ

สวัสดีครับ เขาทักทายตามมารยาท เพิ่งมาถึงหรือ

ค่ะ

น้ำฝนก้มหน้างุดพูดอุบอิบ กลัวเธียรเปิดโปง เห็นแววตาทีแรกก็รู้ว่าจำหล่อนได้ โชคดีพี่รอยแนะนำก่อน ไม่งั้นไม่รู้จะตีหน้าอย่างไร

เป็นยังไงบ้างคะ รอยจันทร์ถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าเธียรหมองคล้ำขอบตาดำ เสื้อผ้าที่ใส่ยับยู่ยี่ผิดเคย

เหนื่อย เขาพูดได้คำเดียว

เหนื่อยไปหมดทุกอย่าง...ทุกเรื่อง ช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลังพ่อตายดูเหมือนถนนทุกสายจะพุ่งตรงมายังเขาคนเดียว

- โรงงานที่ปทุมธานีโดนระเบิด สินค้าในสต๊อกไม่มีเหลือ ไม่พอใช้ค้ำประกันพันธบัตร

- หุ้นบริษัททั้งหมดตกกราวรูดเป็นประวัติการณ์ ไม่มีทางดึงให้ฟื้นคืนง่ายๆ

- หนี้สินและปัญหาปลีกย่อยเรียงรอให้สะสาง

- คณะกรรมการทุกคนต้องการให้เขาเตรียมตัดสินใจ จะทำอย่างไรกับบริษัทนาคพิทักษ์

ศพพ่ออยู่ที่วัดรอบำเพ็ญกุศล เขายังไม่รู้ให้สวดศพกี่คืน เผาเมื่อไหร่ สมองโดนปิดล๊อก ไม่มีกุญแจไข ไม่สามารถคิดอะไรได้

พอมีเวลาปลีกตัวก็รีบมายังโรงพยาบาลดูอาการของริว และเพื่อได้พบหน้ารอยจันทร์

ค่ะ...เหนื่อย แต่หนีไม่ได้!” น้ำเสียงรอยจันทร์หนักแน่น ดวงตาอาจมีน้ำใสๆ หล่อรื้นแต่ยังฉายประกายกล้า

เธียรมองหญิงสาวด้วยแววตาไม่ปิดบังความรู้สึก ยามตกต่ำที่สุด ยามไม่มีใครอยากคบหาเขา ยังมีคนหนึ่งคอยอยู่ใกล้ไม่หนีห่าง พูดจาให้กำลังใจ สร้างพลังจนเขากล้าหยัดยืนต้านกระแสลมพายุร้าย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรจะไม่มีวันเสียใจเลย

บรรยากาศเช่นนี้ทำให้น้ำฝนเหมือนคนนอก ในใจลึกๆ กลับยินดี

หากเรามีคนที่อยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่ายามหัวเราะหรือร้องไห้ เขาคนนั้นจะเป็นสุขเพียงไร



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP