ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

สีหสูตร ว่าด้วยตรัสผลแห่งทานแก่สีหเสนาบดี


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา

[๓๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลาในป่ามหาวัน
ใกล้เมืองเวสาลี ครั้งนั้นแล สีหเสนาบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสามารถบัญญัติ
ผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบันหรือหนอ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สามารถ ท่านสีหเสนาบดี แล้วจึงตรัสต่อไปว่า

ท่านสีหเสนาบดี ทายกผู้เป็นทานบดี ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของชนเป็นอันมาก
แม้ข้อนี้เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน
.

อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษผู้สงบย่อมคบหาทายกผู้เป็นทานบดี
แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน
.

อีกประการหนึ่ง กิตติศัพท์อันงามของทายกผู้เป็นทานบดีย่อมขจรไป
แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน
.

อีกประการหนึ่ง ทายกผู้เป็นทานบดี จะเข้าไปอยู่ที่ประชุมใด ๆ คือ
ที่ประชุมกษัตริย์ ที่ประชุมพราหมณ์ ที่ประชุมคฤหบดี ที่ประชุมสมณะ
ก็ย่อมเป็นผู้องอาจไม่เก้อเขินเข้าไป แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน
.

อีกประการหนึ่ง ทายกผู้เป็นทานบดี เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงได้ในสัมปรายภพ
.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดังนี้แล้ว สีหเสนาบดีจึงกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน ๔ ข้อ เหล่านี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสบอกแล้ว ข้าพระองค์ย่อมถึง (ยอมรับ)
เพราะเชื่อต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าในผลแห่งทาน ๔ ข้อนี้ก็หามิได้
แม้ข้าพระองค์เองก็ทราบดี ซึ่งผลแห่งทาน ๔ ข้อนี้ คือ
ข้าพระองค์เป็นทายกเป็นทานบดีย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของชนเป็นอันมาก
สัตบุรุษผู้สงบย่อมคบหาข้าพระองค์ ผู้เป็นทายกเป็นทานบดี
กิตติศัพท์อันงามของข้าพระองค์ผู้เป็นทายกเป็นทานบดี ย่อมขจรไปว่า
สีหเสนาบดีเป็นทายก เป็นการก (ผู้กระทำกิจการแด่สงฆ์) เป็นผู้บำรุงพระสงฆ์
ข้าพระองค์ผู้เป็นทายกเป็นทานบดี จะเข้าไปสู่ที่ประชุมใด ๆ
คือที่ประชุมกษัตริย์ ที่ประชุมพราหมณ์ ที่ประชุมคฤหบดี ที่ประชุมสมณะ
ก็ย่อมเป็นผู้องอาจไม่เก้อเขินเข้าไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน ๔ ข้อนี้เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสบอกแล้ว
ข้าพระองค์ย่อมยอมรับ เพราะเชื่อต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าในผลแห่งทาน ๔ ข้อนี้ ก็หามิได้
แม้ข้าพระองค์เองก็ทราบดี ซึ่งผลแห่งทาน ๔ ข้อนี้
ส่วนผลแห่งทานที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสบอกข้าพระองค์ว่า
ทายกผู้เป็นทานบดี เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ข้าพระองค์ย่อมไม่ทราบ
ก็แต่ว่าข้าพระองค์ย่อมยอมรับเพราะเชื่อต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าในข้อนี้
.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสย้ำว่า อย่างนั้นท่านสีหะ อย่างนั้นท่านสีหะ
ทายกผู้เป็นทานบดี เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
.

นรชนผู้ไม่ตระหนี่ให้ทาน ย่อมเป็นที่รัก
ชนเป็นอันมากย่อมคบหานรชนนั้น
นรชนนั้นย่อมได้เกียรติ ย่อมเจริญด้วยยศ
เป็นผู้ไม่เก้อเขิน เป็นผู้แกล้วกล้าเข้าสู่ที่ประชุมชน
เพราะเหตุนี้แล บัณฑิตผู้หวังสุข จงขจัดมลทิน คือความตระหนี่แล้วให้ทาน
บัณฑิตเหล่านั้นย่อมประดิษฐานในไตรทิพย์
ถึงความเป็นสหายของเทวดา รื่นเริงอยู่ตลอดกาลนาน
บัณฑิตเหล่านั้นได้โอกาสได้ทำกุศลแล้ว จุติจากโลกนี้แล้ว
ย่อมมีรัศมีเปล่งปลั่ง เที่ยวชมไปในอุทยานชื่อนันทนวัน
ย่อมเพรียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕
เพลิดเพลินรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ในนันทนวันนั้น
สาวกทั้งปวงของพระสุคตผู้ไม่มีกิเลสผู้คงที่
ทำตามพระดำรัสของพระองค์แล้วย่อมได้รับผล
.


สีหสูตร จบ


(สีหสูตร สุมนาวรรคที่ ๔ ปฐมปัณณาสก์
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๖)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP