กระปุกออมสิน Money Literacy

สี่เหตุผล ปล้นเงินจากกระเป๋า


Money Literacy

โดย North Star


ถ้าจัดลำดับหัวข้อสนทนาในทุกวันนี้ นอกจากเรื่องโลกร้อนซึ่งเป็นประเด็นฮอตแบบไม่มีตกแล้ว
อีกหนึ่งหัวข้อสำคัญที่ได้ยินบ่อยไม่แพ้กัน คงหนีไม่พ้นเรื่องปากท้อง และเงินทองในกระเป๋านะคะ
เคยสังเกตกันบ้างไหมคะ คนสองคน รายได้เท่ากัน คนหนึ่งมีเงินใช้สบายๆ ไม่เดือดร้อน
ในขณะที่อีกคนมักบ่นเสมอว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง ใกล้ปลายเดือนทีไร
เป็นต้องร้องหายาแก้ปวดหัวปวดใจกันได้ทุกที

แอบสังเกตหลายคนที่ชอบบ่นว่ามีเงินใช้แบบเดือนชนเดือนบ้าง
เงินเดือนไม่พอใช้บ้าง หรือถึงกับต้องมีการกู้ยืมมาเพื่อให้พอใช้บ้าง
พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้ มีพฤติกรรมการใช้เงินแบบผิดๆ ที่คล้ายๆ กัน
พอจะสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ค่ะ

๑. ซื้อไว้ก่อนเพียงเพราะว่ามัน “Sales”

พฤติกรรมนี้มักเกิดกับคุณผู้หญิงขาช็อปซะเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งภูมิอกภูมิใจเป็นหนักหนากับการซื้อของได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง
ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่เท่านั้น
โดยลืมนึกถึงประโยชน์ใช้สอยของสิ่งที่ซื้อว่าจำเป็นหรือไม่
สุดท้าย เมื่อไม่ได้ใช้งาน แม้จะซื้อมาได้ในราคา Sales ๘๐%
ก็มีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะ ๑ ชิ้น
ซึ่งไม่ควรค่าพอต่อการจ่ายแม้เพียงบาทเดียวด้วยซ้ำ ^^”

๒. ประมาทกับของราคาต่ำ

ของชิ้นใหญ่ราคาสูง คนซื้อมักรอบคอบและใช้เหตุผลมากในการจ่ายแต่ละครั้ง
ตรงข้ามกับของชิ้นเล็กราคาถูก เรามักไม่ใส่ใจมากนักในการควักกระเป๋า
แต่โปรดอย่าลืมว่า แม้ราคาจะน้อยนิด แต่ถ้าบ่อยครั้งเข้า
ก็มีผลต่อความมั่นคงของกระเป๋าสตางค์ได้มากเหมือนกัน
ไม่เชื่อลองคำนวณมูลค่าของเสื้อผ้า รองเท้า เข็มขัด กิ๊บติดผม น้ำยาทาเล็บ
และอีกจิปาถะ ที่เกินๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้าของคุณดูสิคะ
รวมๆ กันแล้ว ถ้าเอาเงินจำนวนเดียวกันนี้มาซื้อผ้าห่มกันหนาวให้น้องบนดอย จะได้ซักกี่ผืน
และพวกเขาจะมีความสุขกันมากขนาดไหน ^__^


๓. ใช้เงินเพื่อเติมหลุมในใจ

เคยไหมคะ ทะเลาะกับแฟน ไปช็อปปิ้ง เครียดกับงาน ไปช็อปปิ้ง เพื่อนขัดใจ ไปช็อปปิ้ง ^^"
เรียกว่า ไปใช้เงินเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น หลังถูกบั่นทอนจิตใจ
จริงอยู่ เรามีเงินเพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเอง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะสามารถใช้เงิน ซื้อ ซื้อ และซื้อ ในทุกเวลาที่หัวใจมีรูโหว่ได้
โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ใช่คนที่มีกำลังมากพอที่จะจ่ายเพื่ออะไรก็ได้แบบไม่ต้องคิดแล้วล่ะก็
ความสุขจะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่กำลังซื้ออยู่เท่านั้น
หลังจากนั้น จะตามมาด้วยทุกข์มหันต์และยาวนานจากการเป็นหนี้ค่ะ


๔. บัตรเครดิต

ในทางการเงิน คำว่า “เครดิต” มีความหมายเดียวกับคำว่า “หนี้” นะคะ
นั่นหมายความว่า ยิ่งมีบัตรเครดิตมากใบเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีภาระหนี้สินมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อมีหนี้ก็ต้องมีดอกเบี้ย และดอกเบี้ยก็ไม่เหมือนดอกไม้ชนิดใดในโลก
ปล่อยให้บานที่ไหน เป็นได้ใจหายที่นั่น!


มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่ชอบบ่นว่าเงินเดือนไม่พอใช้
เมื่อได้ลองวางแผนการใช้เงินอย่างจริงจังแล้ว
มักจะพบว่า อันที่จริง ถ้าใช้เงินอย่างมีเหตุผล ก็จะไม่ค่อยประสบปัญหาเงินขาดมือซักเท่าไหร่
นั่นแปลว่า ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน
แต่อยู่ที่การวางแผนของผู้ใช้เงินเองต่างหาก


ในเมื่อเงินทองเป็นของมีจำกัด แต่กิเลสเป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด
การพยายามใช้เงินเพื่อถมทะเลใจ จึงมีแต่จะทำให้เงินพร่องไป ในขณะที่ใจไม่มีวันเต็ม


ใช้จ่ายคราวหน้า ก่อนเปิดกระเป๋าหยิบเงินหรือบัตรเครดิต
ลองใช้เวลาซักนิดมองเข้ามาที่ใจ หากไหวตัวทัน คุณอาจได้อุทานว่า....


นี่เรากำลังจะยอมให้กิเลสเป็นนายอีกครั้งแล้วหรือ?




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP