วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๑๙


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


อ้อ... เสียงตอบหมิ่นหยัน คิดว่าใคร ไอ้ขี้ข้าที่คอยติดตามกุมภต้อยๆ เกิดเป็นมนุษย์เช่นนี้จะเอาอะไรมาต่อกรกับข้า

ผมไม่คิดจะหักหาญต่อสู้ ริวพูดใจเย็น เพียงอยากขอร้องท่าน ละความพยาบาทเสียเถิด มนุษย์ผู้เป็นทายาทท่านกุมภไม่มีความผิด เหตุใดถึงต้องเข่นฆ่าทำลายกันจนสิ้นเช่นนั้น

เอ็งมีศักดิ์ใดมาร้องขอต่อข้า

ไม่มี

แล้วเอ็งคิดว่าความทุกข์ทรมาน ความแค้นเคือง เจ็บปวดที่ถูกพันธนาการมานับร้อยๆ ปี จะอโหสิกันได้เช่นนั้นหรือ

เมื่อละความพยาบาทได้ จิตใจย่อมเป็นสุข ชายหนุ่มตอบ

แต่ข้าสุขใจยิ่งที่ได้เห็นความพินาศของพวกมัน เสียงกระหึ่มก้องสีหน้ากราดเกรียว ข้าอยากดูนัก เอ็งจะมีปัญญามาต้านเพลิงพิษของข้าได้สักเพียงไรกัน

จบคำรอบร่างสิงหานาคราชก็มีเปลวไฟสีส้มแดงลุกโชน หมุนเป็นวงกลมพุ่งเข้าใส่ริวอย่างไม่ยั้ง สองหนุ่มสาวด้านหลังสัมผัสถึงไอร้อนที่กระจายจนหวั่นใจ บุคคลเป้าหมายจะต้านรับอย่างไร

วงล้อเพลิงตามติดมาอีกเป็นสาย กราดเข้าใส่คล้ายจะเผาชายหนุ่มให้ไหม้เกรียม ริวตั้งสติมั่นคงแต่แรก อำนาจนาคาไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดเกล็ดนาคาที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่าง ทำให้ไม่หวั่นต่อเพลิงพิษ เขาใช้สองมือรับกงล้อเพลิงสลับไขว้โยนใส่เจ้าของด้วยกำลังแรง เปลวไฟสองสายไหลมาแล้วเวียนกลับ ปลายเปลวโลมเลียบริเวณรอบๆ ไอร้อนแผ่ซ่านยากทนไหว

รอยจันทร์เหงื่อแตกพลั่กร้อนจนสุดทนแต่ไม่ยอมปริปากกลัวริวเสียสมาธิ เธียรทำอะไรไม่ถูกระลึกถึงคัมภีร์อาลัมพายน์ได้ พยายามเค้นความทรงจำนึกมนต์สองสามหน้ากระดาษนั้น ต่อให้จำไม่ได้ทั้งหมด ขอแค่บทเริ่มก็พอ

จำได้แล้ว...เธียรสูดลมหายใจลึกเปล่งเสียงออกไปเต็มกำลัง

โอม...นะมะ... ประโยคต่อมาสาธยายติดตามรวดเร็วราวกับกลัวลืม

ทันทีที่เสียงถูกเปล่งจบประโยค เปลวเพลิงก็สงบตัว ไอร้อนเจือจางดวงตาของสิงหานาคราชกลับวาวโรจน์น่ากลัว พญานาคที่เป็นพาหนะก็อ้าปากกว้างเปล่งเสียงกึกก้อง สั่นสะเทือน




บทที่ ๑๕

อา...ครืน...ครืน...ฟังคล้ายฟ้าคำรามดังติดต่อไม่หยุด แผ่นดินแทบจะถล่มลงในบัดดล

ครู่ใหญ่กว่านาคจะหยุดส่งเสียง ชายที่ยืนอยู่เหนือแผงคอจ้องมองเธียรด้วยแววตาอำมหิตต้องการบดขยี้ให้ตายในพริบตา

มนต์อาลัมพายน์ สี่คำกังวานเสียดแก้วหู เอ็งคิดว่าจะใช้มนต์นี้กำราบข้าได้งั้นหรือ พูดจบเปลวไปก็ลุกโพลงตรงหน้าหนุ่มสาวทั้งสอง

พรึบ...ฟู่...

ชั่วเวลาเดียวกัน ริวก็หันมองคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะสาดใส่กลายเป็นละอองฝอยดับไฟร้าย

ถ้าปราบไม่ได้ บรรพบุรุษผมคงไม่ทิ้งไว้ให้ เธียรตอบด้วยใจกล้า

เอาสิ ข้าให้โอกาสเอ็งสาธยายมนต์ให้จบคาบ ถ้ายังสยบข้าไม่ได้ เอ็งจะกลายเป็นผงคลีในบัดดล วาจาสิงหานาคราชไม่แปลกปลอม

แต่... เธียรกำลังจะบอกว่าตนเองท่องไม่จบ ริวกลับชิงขัดเสียก่อน

สิงหานาคราช ท่านก็ทราบบุรุษผู้นี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ต่อให้มีคัมภีร์อาลัมพายน์ก็ไม่สามารถกำราบท่านได้

ถ้าคัมภีร์ไร้ประโยชน์เช่นนั้นก็เผามันทิ้งเสีย คืนนี้ข้าจะไว้ชีวิตมันสักครา เป็นการต่อรองง่ายๆ แต่ริวกลับสะกิดใจ

คัมภีร์ไม่อยู่ที่นี่ เธียรบอก

จะเป็นไร ขอเพียงรับปากเผาคัมภีร์ ข้าก็จะยอมปล่อยพวกเจ้า สิงหานาคราชพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ใจดี

คงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ ริวพูดขึ้น คัมภีร์ที่ท่านกุมภทิ้งไว้ ย่อมเป็นของมีค่าเกินกว่าจะเผาทำลาย

หรือเอ็งต้องการรักษาคัมภีร์โดยเสียสละชีวิตตัวเองเข้าแลก อย่าลืม เมื่อเอ็งตายคัมภีร์จะมีความหมายอะไร คำพูดหว่านล้อมนุ่มนวลผิดเคย

ริวยิ่งสะกิดใจ สิงหานาคราชรุกเรื่องคัมภีร์มากเกินไป

ผมขอต่อรองได้มั้ยครับ ริวยอมเสี่ยง

เอ็งมีอันใดต่อรองกับข้า สิงหานาคราชเลิกคิ้วถาม

ผมขอต้านรับเพลิงพิษของท่านอีกครั้ง ถ้ารับได้ขอให้ปล่อยพวกเขาไป ถ้าไม่ได้ท่านจะสังหารหรือเผาคัมภีร์เราก็ยอม

ริว...อย่า เธียรและรอยจันทร์ตะโกนพร้อมกัน


ริวมองตอบคนทั้งสองแววตามุ่งมั่น ประกายคมกล้ายืนยันชัด เขาไม่เปลี่ยนใจ ขอให้ยอมไว้ใจเชื่อมั่น เท่านั้นพอ

ทำไมข้าต้องรับข้อเสนอของเอ็ง สิงหานาคราชมีสีหน้าเบื่อหน่าย แค่ปลายเศษอำนาจข้า ก็ทำให้พวกเอ็งตายสิ้น ไยต้องลำบากเดือดร้อน

ถ้าเช่นนั้นท่านก็เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก ไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสดิ้นรน

หึ...หึ ชายรูปงามเหนือพญานาคมีสีหน้าขบขัน ดวงตาอำมหิต

เอาสิ...เมื่อเอ็งเลือกที่จะรับเพลิงพิษเอง ข้าจะสงเคราะห์ให้

ขาดคำพญานาคที่สงบงันก็อ้าปากพ่นเพลิงออกมาเป็นสายสีแดงสด เปลวร้อนแผ่วูบตรงยังร่างของริว

ชายหนุ่มพร้อมตั้งแต่ออกปากท้าทายจึงยืนนิ่งกำหนดจิตใช้พลังนาคาทั้งหมดแผ่กระจายออกเป็นเกราะคุ้มตัว ต้านรับเปลวเพลิงที่รุนแรงเต็มกำลัง

ขณะเพลิงพิษรอบใหม่พุ่งมาไอร้อนหนาแน่นกว่าเดิมกระจายทั่ว เปลวสีแดงปะทะกับกำแพงลามเลียล้อมร่างริวทั้งยังส่งปลายเปลวมาด้านหลังแลบเลียถึงรอยจันทร์กับเธียรที่หนีจนชิดฝา

มันเป็นความร้อนที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต ริวยืนหยัดใช้อำนาจนาคาต้านเต็มแรง ร่างเหมือนเป็นเตาหลอม ร้อนสุดทน กำหนดจิตไว้ที่จุดเดียวรวบรวมกำลังผลักเพลิงพิษไปเบื้องหน้า

แรกๆ ไม่อาจรวมความรู้สึกเป็นหนึ่งได้ ไอร้อนแผ่ซ่านจิตใจสับสน จนกระทั่งยอมเสี่ยงต่อความตายไม่สนในชีวิต มุ่งจิตลงสู่ฐานที่กำหนด จึงค่อยใช้กำลังรวบรวมเปลวเพลิงมายันไว้ยังเบื้องหน้า ไม่ยอมให้มีปลายร้อนใดแลบเลียผ่านถึงด้านหลัง

เหนื่อยเหมือนใช้เรี่ยวแรงทั้งชีวิตกว่าจะยันเพลิงพิษจนห่างตัวได้เกือบเมตร ความร้อนจางลงแต่แรงปะทะที่ไหลเวียนเป็นระลอกยังไม่ยอมหยุด เขาท่าจะบ้าแน่ๆ ที่เสี่ยงปะทะกำลังกับนาคราชผู้ทรงฤทธิ์ คิดตอนนี้ก็สายเสียแล้วทำได้อย่างเดียวคือต้องยันเพลิงนาคราชให้ห่างตัวที่สุดแล้วกำหนดเรียกฝนให้มาดับ

ระยะห่างไกลออกไปเกือบสองเมตร ริวหลับตาแบ่งกำลังออกเรียกฝนให้ช่วยชะไฟพิษ ทว่าเรี่ยวแรงอ่อนด้อย ไม่สามารถเรียกฝนพร้อมต้านไฟของสิงหานาคราชได้

ใบหน้าของสิงหานาคราชยังคงสงบราบเรียบ มีเพียงดวงตาที่แสดงออกถึงความร้อนรุ่ม มนุษย์หนุ่มอดีตทัตตะนาคาต้านเพลิงพิษได้นานเกินไปแล้ว ถ้ามันยังสามารถยันต่ออีกครู่หนึ่งก็อาจชนะ เปลวไฟจะขาดช่วงชั่วขณะก่อนรวบรวมกำลังพ่นได้อีกครั้ง

ริวรู้ตัว ทนต่ออีกไม่ไหว เข่าอ่อนแทบทรุดกำลังต้านลดลง หากสิงหานาคราชโหมไฟแรงเข้ามาคราเดียว เขาต้องมอดไหม้แน่

ขณะกำลังใจอ่อนล้า ทันใดนั้นฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาซู่ ซู่...เพิงนาคราชดับ ชายหนุ่มลืมตามองเห็นใครบางคนยืนเคียงข้าง

ชัยยะนาคา...

เอ็งหรอกหรือ สิงหานาคราชแปลกใจที่พบองครักษ์ซ้ายของพี่ชาย

ข้าน้อยขอน้อมคารวะต่อสิงหานาคราช อาการน้อมศีรษะแสดงคารวะแต่กิริยากลับพรักพร้อม

เอ็งทำให้การต่อรองระหว่างข้ากับทัตตะเป็นโมฆะ จอมนาคราชพูด

ไม่เลย ท่านย่อมทราบองครักษ์ซ้ายขวาของกุมภนาคราชเป็นเสมือนคนเดียวกัน ไม่ว่ายามรุกรบหรือปกป้องผู้เป็นนาย

ชายผู้มีใบหน้าดังรูปปั้นยิ้มเย้ย เหยียดริมฝีปากหยัน

เช่นนั้นแสดงว่าการต่อรองครั้งนี้เจ้าทัตตะได้ชัย

ควรเป็นเช่นนั้นเจ้าข้า ชัยยะตอบนอบน้อม กิริยาไม่กริ่งเกรง

ถ้าข้าไม่ยอมรับ เอ็งทั้งสองก็จะร่วมมือกันใช่หรือไม่ คำถามเหมือนรู้ทัน

ข้าน้อยมิอาจทิ้งเพื่อน คำตอบชัด

ฮ่า...ฮ่า... สิงหานาคราชหัวเราะขัน

หากข้าชนะพวกเอ็งตอนนี้ ก็คงถูกหาว่าบิดพลิ้วต่อสัญญา เอาเถอะถือว่าข้าพลาดต่อคารมแผนการพวกเอ็ง จำไว้ครั้งหน้าจะไม่เป็นเช่นวันนี้อีก

สิ้นคำ พญานาคก็หันหัวกลับนำพาร่างที่อยู่บนแผงคอมุดหายท่ามกลางหมอกเมฆที่ปกคลุมหนาทึบ

ช่วงเวลานั้นทุกคนจึงรู้ว่าเหตุการณ์คลี่คลาย ริวถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ต้องอาศัยพิงราวระเบียง รอยจันทร์กับเธียรรีบเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

เป็นยังไงบ้างริว หญิงสาวถาม แต่ริวกลับมองชายแปลกหน้าที่โผล่มาแก้สถานการณ์ด้วยแววตาขอบคุณ

ขอบใจมาก เขาพูดกับชัยยะนาคา

รอยจันทร์มองตามรู้สึกคุ้นๆ พยายามคิดค้นความทรงจำ เคยเจอชายคนนี้ที่ไหน...ป่าคำชะโนด คนที่อธิบายเรื่องพญานาค

ไม่เป็นไร ชัยยะนาคาตอบไม่สนใจสายตางุนงงของสองหนุ่มสาว แต่ครั้งหน้าไม่รู้จะมาช่วยได้เหมือนคราวนี้อีกหรือเปล่า

เท่านี้ก็ขอบคุณจะแย่แล้ว ริวยิ้มอย่างเพลียๆ มองหน้าพี่สาวกับเธียร คงต้องเคลียร์ปัญหากับสองคนนี้ด้วย รีบกลับเถอะ ไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียศีลเพราะเรามากกว่านี้ ริวรีบบอกให้ไปโดยไม่ยอมแนะนำให้ มนุษย์ ทั้งสองรู้จัก

ได้ คำตอบสั้น ดวงตามองคนทั้งสองอย่างเข้าใจ

เธียรแทบไม่เชื่อสายตา ทุกอย่างเหมือนภาพฝัน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ชายแปลกหน้าที่มาช่วยแก้สถานการณ์กลับเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่กล่าววาจาต่อกันสักคำ

รอยจันทร์ทำใจยอมรับได้มากกว่า ปะติดปะต่อเรื่องรวดเร็ว อย่างน้อยก็รู้ละว่าชายที่เพิ่งหายตัวไปเป็นพญานาคเหมือนกัน มิน่าตอนอยู่คำชะโนดถึงเล่าเรื่องได้คล่อง แถมยังเป็นเพื่อนกับริวอีก

ริวพิงระเบียงอ่อนล้า เห็นแววตาและเครื่องหมายคำถามของสองหนุ่มสาวแล้วต้องรีบบอก

ถ้าจะถามอะไรผม ขอคุยที่บ้านได้มั้ย

บ้านใครดีล่ะ บ้านพี่ดีมั้ย เธียรออกความเห็น

ไม่...เรื่องอะไรฉันต้องไปบ้านคุณ รอยจันทร์ขึ้นเสียง นึกถึงคฤหาสน์ใหญ่โต โอ่โถงแต่วังเวง เงียบเหงา แล้วไม่นึกอยากไปเหยียบ

งั้นผมขับรถตามไปบ้านคุณแล้วกัน แต่ริวขับรถไหวมั้ย เธียรเป็นห่วง

ฉันขับรถเป็น รอยจันทร์แทรก

ริวยิ้มแหยๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้ตามใจหล่อน

เอ่อ...ถ้าไม่ลำบากพี่เธียรช่วยแวะเอาคัมภีร์มาด้วยได้มั้ยครับ ริวรีบบอกก่อนเสียเวลามากกว่านี้ สิงหานาคราชยอมถอยหลังก็จริง แต่ถอยทั้งโทสะ อาจเกิดเหตุพลิกผันใดก็ได้ควรรอบคอบไว้ก่อน

ได้สิ เธียรตอบ เขามีเรื่องอยากคุยกับริวหลายอย่างเหมือนกัน

ไม่น่าเชื่อตอนพ่อบอกให้หาหมอผี ผู้วิเศษมาปราบพญานาค เขายังนึกไม่ออกจะไปหาที่ไหน อาจต้องเสียเวลาค้นหาเป็นเดือน ที่ไหนได้กลับอยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง


รอยจันทร์เป็นโชเฟอร์ที่ไม่ค่อยน่าประทับใจนักแต่ริวไม่ปริปากบ่น ตั้งแต่ขึ้นรถก็ปรับเบาะเอนนอนหลับตาอย่างอ่อนเพลีย หญิงสาวพยายามขับรถนิ่มนวลที่สุด แต่ด้วยนิสัยใจร้อนจึงมักปาดซ้ายแซงขวาจนไม่น่ามีใครหลับลง

หยุดรถที่สี่แยกไฟแดง เป็นแยกขึ้นชื่อรถติดนานที่สุด จึงมีเวลามองหน้าน้องชาย เห็นหายใจเป็นจังหวะปกติ ใบหน้าค่อนข้างซีด ริมฝีปากแห้ง ภาพการต่อสู้ การพูดจากับนาคราช การประกาศตัวเป็นทัตตะนาคา ทำให้รอยจันทร์รู้สึกห่างเหิน เหมือนริวไม่ใช่น้องชายคนเดิม ใจวิบวับ ราวกับกำลังสูญเสียเขาไป

หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ ถึงมองจัง เขาถามทั้งที่หลับตา

เก่งขนาดไม่ลืมตาก็เห็นแล้วหรือ หล่อนย้อน

ชายหนุ่มลืมตา ยิ้มให้อย่างเคย

เดาเอาน่ะ รถติดนานๆ แบบนี้มองหน้าผมยังเพลินตากว่ารอไฟเขียวอีก

ไอ้บ้า หลงตัวเอง รอยจันทร์หัวเราะขัน ความคุ้นเคยกลับคืน

รอย... เสียงริวอ่อนโยน อย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อ กลัวอะไรไม่เข้าท่าเลย ผมยังเหมือนเดิมนั่นแหละ

ฮื่อ รอยจันทร์ไม่รู้จะพูดอะไร ความกดดันแล่นขึ้นในอก จนต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มันคลายลง

ริวสัมผัสลมหายใจอุ่น ๆ กระทบแก้ม รอยจันทร์ก้มหน้าหอมเขาเหมือนตอนยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ แก้มยุ้ยอ้วนจ้ำม่ำ

ทำประเจิดประเจ้ออย่างนี้ เดี๋ยวนักข่าวเห็นนะ ชายหนุ่มแซว

ช่างมัน ฉันมันตัวอิจฉาไม่ใช่นางเอกซะหน่อย ไม่กลัวเสียภาพพจน์อยู่แล้ว

ภายในรถมีความอบอุ่นบางอย่างก่อตัวขึ้นช้าๆ ความแปลกแยกถูกผสานให้คืนตัวกลับ ไม่ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ริวยังคงเป็นริว น้องชายที่อยู่ใกล้หล่อนเสมอ รอยจันทร์มั่นใจ


เธียรตามไปถึงบ้านรอยจันทร์ตอนดึกมากแล้ว นอกจากคัมภีร์อาลัมพายน์ยังหิ้วอาหารกล่องมาฝาก แต่ท่าจะเป็นหมัน สองพี่น้องกำลังนั่งกินบะหมี่หน้าจอทีวี แถมมีแก่ใจซื้อเผื่อเขาด้วย

มาสิครับ บะหมี่เจ้านี้อร่อยมาก ของพี่เธียรก็มีนะ ริวเอ่ยชวนทั้งที่ตายังโรย

พี่ก็ซื้อมาฝากเหมือนกัน เขายกอาหารกล่องให้ดู

พวกเศรษฐีเขากินบะหมี่ข้างทางไม่ได้หรอก รอยจันทร์อดแขวะไม่ได้ตามเคย

เธียรเฉยเสีย โดยหล่อนกัดบ้างดีกว่าไม่พูดถึงเขาเลย

ดูอะไรกันอยู่เหรอ ชายหนุ่มวางอาหารกล่องบนโต๊ะ ลงมานั่งดูทีวีด้วย

รายการมิติเร้น ที่รอยมันเป็นพิธีกร ตอนนี้เขาเอาเทปบั้งไฟพญานาคมาฉายซ้ำ เดี๋ยวจะต่อกับเรื่องคำชะโนด ที่เพิ่งไปถ่ายมาอาทิตย์ก่อน ดูสิสนุกนะ ริวอธิบายพลางชี้ชวนสนุกสนาน

เธียรไม่อยากเชื่อ ริวจะเป็นคนเดียวกับชายผู้กล้าเผชิญหน้ากับจอมนาคราช ยามนี้ใบหน้าท่าทางเหมือนเด็กหนุ่มซนๆ มากกว่าชายหนุ่มเต็มตัว

พูดถึงคำชะโนด รอยจันทร์นึกถึงชายแปลกหน้าที่มาช่วยวันนี้

คนที่มาช่วยแก ฉันเห็นเขาอยู่ที่คำชะโนดด้วย เขาเป็นพญานาคเพื่อนแกจริงๆ เหรอ

บะหมี่ยังไม่หมด ห้ามเล่นเกมยี่สิบคำถาม อิ่มก่อนค่อยคุยกัน ริวเบรก พร้อมยักคิ้วล้อเลียน อย่าบอกนะว่าสนใจเพื่อนผม อย่างนี้พี่เธียรอกหักแย่

ในเมื่อเขาบอกว่ารอก็ต้องรอ ผู้สงสัยไม่อาจล่วงรู้ ริวใช้เวลานี้เรียบเรียงเรื่องราวจะเล่าอย่างไร ไม่ให้มันพิสดารเกินไป คั้นเอาแต่เนื้อที่จำเป็น ส่วนเรื่องปลีกย่อยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต้องเลือกพูด ไม่งั้นคนฟังคงเห็นเขาเป็นผู้วิเศษแน่

เมื่อคิดจะเล่าแต่เนื้อๆ ไม่มีน้ำ ตัดประเด็นไม่จำเป็นออก เรื่องราวที่คุยกันจึงไม่ยาวนัก เธียรได้รู้ต้นเหตุความขัดแย้งของกุมภนาคราชกับสิงหานาคราชที่ลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน รอยจันทร์ได้รู้ว่าริวระลึกชาติได้บางส่วน เกล็ดนาคาที่ได้จากพันเกลียวช่วยให้เขามีอำนาจพิเศษเพื่อต่อกรกับสิงหานาคราช ป้องกันตระกูลนาคพิทักษ์

หลังจากอธิบายรายละเอียดปลีกย่อยรวมถึงตอบข้อซักถามเวลาก็เลยเที่ยงคืน

เข้าใจแล้วก็ไปนอนได้ พี่เธียรคืนนี้นอนห้องผมนะ ยังไม่ต้องกลับบ้านหรอก ริวเจ้ากี้เจ้าการสั่งคนโน้นคนนี้

ไม่ดีมั้ง พี่เกรงใจ เธียรเห็นดวงตาวับๆ ของรอยจันทร์มองมา

เหอะน่า ถึงพี่จะหล่อแค่ไหนผมก็ไม่หลวมตัวปล้ำหรอก สบายใจได้ ริวพูดเป็นเรื่องเล่นก่อนถึงประโยคท้าย ส่วนคัมภีร์ ผมขอยืมอ่านก่อนนะครับ

ได้สิ ยังไงพี่ต้องพึ่งริวอยู่แล้ว ผ่านเหตุร้ายมาด้วยกันเขาจึงวางใจริวร้อยเปอร์เซ็นต์

เธียรขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบน ส่วนรอยจันทร์ยังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก รอคุยบางเรื่องที่ค้างคาใจ

ทำไมต้องให้เขาค้างที่นี่ หญิงสาวถามด้วยความสงสัยมากกว่าเล่นแง่ตามอารมณ์ หลังเที่ยงคืนไม่นับเป็นเวลาดึกของคนเมือง เธียรสามารถขับรถกลับบ้านได้

เจ๊จะปล่อยให้พี่เธียรเสี่ยงเจอสิงหานาคราชหรือไง ริวย้อน

แต่เราตามดูแลเขาตลอดไม่ได้ รอยจันทร์ท้วง

ผมก็กำลังหาวิธีอยู่นี่ไง ถึงให้พี่เธียรเอาคัมภีร์มาให้ คืนนี้จะได้อ่าน เผื่อยังไงมีทางแก้

แล้วแกจะไม่พักผ่อนหรือไง หญิงสาวเป็นห่วง ต่อให้รู้น้องชายได้อำนาจนาคา ร่างกายแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป แต่คืนนี้เขาเผชิญศึกหนักเกือบไม่รอด

พอไหวน่า เราจะช้าไม่ได้ ผมยังคาดเดาใจฝ่ายตรงข้ามไม่ออก สิงหานาคราชจะจัดการกับตระกูลนาคพิทักษ์อย่างไร ริวพยายามคิดแทนตัวเองเป็นฝ่ายตรงข้าม

ที่จริงเรื่องมันไม่เกี่ยวกับเราสักนิด รอยจันทร์บ่น

เจ๊ก็รู้แล้วนี่ว่าชาติก่อนผมเป็นใคร...อย่าบอกนะว่าพี่เธียรเป็นอะไรขึ้นมาเจ๊จะไม่เสียใจ ริวแทงใจดำ

แกเป็นอะไรขึ้นมาฉันก็เสียใจเหมือนกัน...มากกว่าด้วย รอยจันทร์ย้อนคืน

ริวอึ้ง ในใจกำซาบความอบอุ่น ความปรารถนาดีจนเต็มหัวใจ แทบพูดไม่ออก

ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้มีงานนะขืนนอนดึกหน้าจะโทรมแก่เร็ว ไม่สวยด้วย

เขาเสพูดไปอีกทาง หญิงสาวขยี้ผมน้องชายเบาๆ ก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน ความรู้สึกจากใจไม่จำเป็นต้องพูดมากมาย

ริวตั้งสติหยิบคัมภีร์อาลัมพายน์ขึ้นมาดู แรกสัมผัสพบกระแสแล่นพล่านภาพของกุมภนาคราชแสดงตัวขึ้นในมโนทวาร สัมผัสจิตต่อจิตเชื่อมโยง ท่านได้ฝากพลังงานเอาไว้ในคัมภีร์เพื่อสื่อสารกับบุคคลที่เหมาะสม

ริวหลับตา ตั้งสมาธิ ใช้ใจกับกระแสพลังนั้น

ข้าคิดแล้ว ถ้าไม่ใช่เจ้าก็คงเป็นชัยยะที่จะมาศึกษาคัมภีร์เล่มนี้ วาจากล่าวคุ้นเคย

ครับท่าน ริวไม่รู้จะตอบอย่างไร

ทัตตะ คิดให้ดีก่อนฝึกมนต์อาลัมพายน์ มนต์บทนี้มีไว้ปราบนาค เจ้าก็มีพลังแห่งนาคา ถ้าร่ายมนต์นี้ ต่อให้มันเกิดอานุภาพต่อฝ่ายตรงข้ามจริง แต่ก็จะเป็นภัยแก่ตัวเอง

ทำไมท่านถึงใช้มันได้ เขาสงสัย

เพราะข้าอยู่เหนือมนตรา คำตอบยากเข้าใจ

ทำเช่นไรถึงจะเป็นอย่างนั้นได้

ต้องมีตบะที่สูงพอ และตบะนี้ใช่ว่าจะฝึกฝนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

ริวอึ้ง คิดไม่ถูกควรทำอย่างไรต่อไปดี

ถ้าเช่นนั้นให้ทายาทตระกูลเป็นผู้ฝึกฝนได้หรือไม่ เขาพุ่งประเด็นที่เธียร

ได้สิ ถ้าเขาสามารถเข้าใจ

ต้องใช้เวลาเท่าไหร่

แล้วแต่วาสนาบารมี

คำไม่กี่คำบางคนใช้เวลาแค่นาทีเดียว แต่บางคนกลับเสียเวลาทั้งชีวิตก็ยากจะเข้าถึงมัน ความหมายของกุมภนาคราชแปลว่าอะไร

ริวลืมตา การสื่อสารเลือนหาย เหนื่อยจนอยากถอนใจออกมา คัมภีร์อาลัมพายน์ถูกฉาบด้วยอำนาจแห่งกุมภนาคราช ทำให้สิงหานาคราชไม่อาจเผาทำลายเองได้ทั้งที่เป็นเสี้ยนหนามชิ้นสำคัญ มิน่าวันนี้เขาถึงบีบคั้นให้เธียรทำลายคัมภีร์

คัมภีร์นั้นเขาไม่เหมาะที่จะฝึก แต่ก็ยังอยากรู้ข้อความเนื้อหาข้างในจึงเปิดมันอ่านทีละหน้า ยิ่งอ่านจิตยิ่งดื่มด่ำ เข้าใจเนื้อหาและวิธีใช้มนตราอย่างลึกซึ้ง ผิดกับเธียรที่อ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งถึงส่วนที่เป็นมนตรา...เพียงสายตากระทบกับประโยคแรกใจก็สั่นวูบราวถูกไฟดูด ต้องตั้งสติผ่อนคลายปล่อยใจให้เป็นอิสระ ลืมเลือนอำนาจนาคา ใช้สายตาและความรู้สึกของมนุษย์อ่านและจดจำมนต์บทนี้อย่างช้าๆ ระมัดระวัง


รอยจันทร์ขึ้นมาบนห้องเตรียมตัวเข้านอน พบเธียรเพิ่งออกจากห้องน้ำแต่งตัวชุดนอนของริว เส้นผมเปียกชื้น หล่อนคิดจะเข้าห้องไม่สนใจ ขาเจ้ากรรมกลับไม่ยอมขยับ ยืนรอจนเขามาถึงหน้าห้อง

เอ่อ...ผมเอาเสื้อผ้าของริวมาใส่ คุณไม่ว่าอะไรนะ เธียรหาเรื่องพูดกับหล่อนไม่ออก

เจ้าของเขาไม่เดือนร้อน ฉันจะไปว่าคุณทำไม หล่อนตอบ

รอยจันทร์ทำท่าจะเข้าห้อง เธียรคิดอยากรั้งหล่อนไว้ก่อน มีบางเรื่องต้องรีบพูด

ผมต้องขอบคุณที่ให้กำลังใจคราวนั้น แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณกับริวต้องเดือดร้อน พูดจบได้ค่อยโล่งใจ

ไม่เป็นไรหรอก เสียงรอยจันทร์อ่อนลง แววตาสีหน้าบอกความรู้สึกบางประการ

เธียรอยากโอบหล่อนมากอดแนบอก อยากบอกว่าความรักที่มีไม่เคยสูญหายไปไหน ยิ่งได้พบได้เห็นหน้ายิ่งพันผูกหัวใจ

หลับฝันดีนะ ที่สุดเขาก็หลุดประโยคเชยๆ

รอยจันทร์ยิ้มออกมาจนได้ทั้งที่ตั้งใจตีหน้าขรึม ใกล้ชิดเขาเท่าไหร่กำแพงใจเริ่มทลายจะทำเมินไม่สนใจไม่ได้สักที

เดี๋ยวก่อน หญิงสาวเรียกเมื่อเขาหันหลังจะเข้าห้อง

มีอะไรเหรอ เขาถาม

อยู่เฉยๆ พูดพลางเอื้อมมือไปที่คอเสื้อดึงเข็มกลัดที่เสียบค้างออกมา สงสัยริวมันลืมทิ้งไว้น่ะ

หล่อนยื่นหลักฐานให้ดูแสดงว่าไม่มีเจตนาใกล้ชิดเขาเกินความจำเป็น เธียรยิ้มให้ทั้งปากและนัยน์ตา ระยะห่างกันแค่นี้ ความรู้สึกในใจเหมือนจะผสานเข้าหากันอย่างเงียบๆ


ห้องประชุมใหญ่ของบริษัทนาคพิทักษ์เต็มไปด้วยคณะกรรมการบริหารระดับสูง ทุกคนถูกเรียกประชุมตั้งแต่เช้าเพื่อฟังผลการศึกษาความเป็นไปได้ในแนวทางการแก้ปัญหาชำระหนี้ของก้องฟ้า

จากผลการศึกษาประเมินออกมาแล้ว่า การที่เราจะออกพันธบัตรระดมทุน โดยใช้สต๊อกสินค้าทั่วประเทศเป็นหลักประกันนั้น ไม่น่ามีปัญหา มีใครต้องการแสดงความคิดเห็นอื่นบ้างไหม

ก้องฟ้าพูดอย่างนี้ก็เหมือนเป็นการขอเสียงสนับสนุนให้ลงมติ ไม่มีใครกล้าคัดค้านตรงๆ อยู่แล้ว ทุกคนรู้บริษัทนาคพิทักษ์คือก้องฟ้า ไม่ว่าใครจะแสดงความคิดเห็นอะไรสุดท้ายเขาจะใช้การตัดสินใจของตัวเองเป็นเกณฑ์

สรุปว่าเป็นไปตามนั้น ก้องฟ้าพูดก่อนปิดประชุม ผมมั่นใจว่า เม็ดเงินที่ได้จะมากพอที่ทำให้ราคาหุ้นเราสูงขึ้น สถานภาพการชำระหนี้จะดี ทำให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างคล่องตัว

หลังปิดประชุมก้องฟ้าบอกไตร เลขาคนสนิทสั้นๆ ว่า

มะรืนอั๊วจะพากรรมการไปตรวจสต๊อกที่โรงงานปทุมธานี ลื้อช่วยประสานพวกกรรมการด้วย แล้ววันนั้นอย่าลืมเตือนอั๊วล่ะ

โรงงานที่ปทุมธานีมีโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท เรียกได้ว่าเกินกึ่งหนึ่งของสต๊อกสินค้าทั่วประเทศของก้องฟ้า การไปตรวจครั้งนี้เพื่อดูความเรียบร้อยและเรียกความมั่นใจให้กับคณะกรรมการบริหารทุกคน

ครับท่าน ไตรรับคำ

ตระกูลนาคพิทักษ์ไม่ล้มง่ายๆ หรอก...ก้องฟ้าบอกกับตัวเอง เขาผ่านมรสุมธุรกิจมาหลายลูก ทุกครั้งก็นำนาวาล่องผ่านมาได้ มรสุมครั้งนี้รุนแรงที่สุดก็จริงแต่เชื่อว่ามันต้องรอด ความเชื่อมั่นเป็นคาถาบทเดียวของนักบริหารระดับสูงเช่นเขา


มื้อเช้าเป็นกาแฟ เจ้าของบ้านฝ่ายชายยังไม่ตื่น มีแต่ฝ่ายหญิงที่ตื่นมาชงกาแฟปิ้งขนมปังวางไว้บนโต๊ะเตรียมรับแขกตามมารยาทเจ้าของบ้าน เธียรเพิ่งอาบน้ำเสร็จใบหน้าสดชื่น เห็นรอยจันทร์แต่งตัวตัวสบาย ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง กำลังชงกาแฟให้ตนเองแล้วอดยิ้มไม่ได้

ริวยังไม่ตื่นเลย เธียรบอกหญิงสาว

รู้แล้ว มันเพิ่งเข้าเข้านอนตอนหกโมง รอยจันทร์รู้มากกว่า

ทำอะไรยันสว่างเชียว เธียรสงสัย

ถ้ามันตื่นค่อยถามเอาเองสิ หญิงสาวย้อนให้

กาแฟอร่อย เขาชมหลังจากดื่มเกือบหมดถ้วย

เอาอีกแก้วมั้ยล่ะ ไม่น่าเชื่อเจ้าของบ้านจะใจดี ชงเองนะ กาแฟสำเร็จรูปผสมเสร็จ แค่ฉีกซองเติมน้ำก็ดื่มได้

เธียรอมยิ้มมองหน้ารอยจันทร์เหมือนง้องอน ไม่รู้เหมือนกันว่าความหวานของวันวานจะกลับคืนมาเมื่อไหร่ แต่ความสัมพันธ์ในปัจจุบันก็นับว่าไม่เลวเหมือนกัน


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP