วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๑๘


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


บทที่ ๑๔



ริวยืนอยู่ด้านหลังผู้กำกับมองจอมอนิเตอร์ที่กำลังฉายภาพรอยจันทร์แสดงบทบาทนางร้ายแย่งพระเอกมาจากนางเอก มีการปะทะคารมดุเดือดเชือดเฉือนเมามัน สุดท้ายนางร้ายเป็นฝ่ายแพ้ ต้องกระทืบเท้าร้องกรี๊ดๆ ตามระเบียบ

คัท...โอเค ดีมากทุกคน ผู้กำกับตะโกนสั่ง

เหล่าดาราต่างถอดหน้ากากเป็นตัวของตัวเอง รอยจันทร์เดินออกจากฉากพบน้องชายยืนถือแก้วน้ำส้มคั้นเย็นๆ รออยู่

ให้ผิดคนหรือเปล่า นางเอกยืนอยู่ทางโน้น หญิงสาวชี้ทางนางเอกในจอ

นางเอกเขาใช้เสียงน้อยกว่าตัวอิจฉานี่...กรี๊ดๆ ตะกี้หลอดเสียงอักเสบกี่เส้นล่ะ

รอยจันทร์รับแก้วน้ำส้มจิบอย่างขันๆ บางทีหล่อนเคยนึก ถ้าชีวิตจริงพบเหตุการณ์แบบในละครจะแหกปากร้องเช่นนั้นหรือไม่...ไม่น่าทำ ถ้าหลอดเสียงอักเสบจริงๆ คงพลาดโอกาสได้ออกเทปเป็นศิลปินเดี่ยวแน่ๆ

หมดคิวถ่ายวันนี้ เราหาอะไรแพงๆ กินกันดีมั้ย ริวชวน

เนื่องในโอกาสอะไรยะ ทุกทีเห็นบอกแต่ให้ประหยัดเงิน จนคนทั้งวงการประณามฉันเป็นนางงกไปแล้ว

โอกาสอะไรก็ได้น่า ไม่ต้องจ่ายเองหรอก เดี๋ยวจะหาสปอนเซอร์ให้ ริวยิ้มกริ่ม

เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าแกจะหลอกพวกป้าๆ ไปล้มทับ พวกป้าๆ ของรอยจันทร์หมายถึงชายใจสาวทั้งหลายที่หลงเสน่ห์ความหล่อของริว จนหมั่นมาชวนไปกินอาหารสุดหรู จิบเบียร์ใต้แสงจันทร์อยู่เนืองๆ แต่เขาไม่เคยไปสักที

ไม่หรอก ริวหัวเราะ ใครจะไปทำอย่างนั้นลง ผมหมายถึงเฮียหลิวของเราต่างหาก

ชื่อของเธียรทำให้รอยจันทร์ชะงัก

ชวนทำไม เขาอยู่คนละโลกกับเรานี่หว่า คำพูดครั้งนี้อ่อนข้อกว่าเดิมหลายส่วน

ถ้าไม่ให้ลูกชายมหาเศรษฐีเป็นเจ้ามือแล้วจะเอาใคร

ถ้าแกอยากกินจริงๆ ฉันเลี้ยงเองก็ได้ ถือเป็นโบนัสให้ผู้จัดการส่วนตัว หญิงสาวพูดอย่างใจป้ำ

ริวค้อมตัวมองพี่สาวดวงตาเป็นประกายพราวขบขัน

โอ้โฮ วันนี้เจ๊เราใจป้ำแฮะ ไม่อยากเจอหน้าพี่เธียรขนาดนั้นเชียว ไม่เอาหรอกกินเงินเจ๊บ่อยแล้ว ให้เศรษฐีเลี้ยงบ้างดีกว่า

แกมีเจตนาอะไรกันแน่ รอยจันทร์คาดคั้น

ให้พูดตรงๆ จริงเหรอ ชายหนุ่มหลิ่วตาล้อเลียน ก็ได้...ผมอยากได้พี่เขยเป็นทายาทมหาเศรษฐีแสนล้าน

หน็อย...ไอ้ริว แกคิดจะขายพี่สาวตัวเองหรือไง หญิงสาวขึ้นเสียงทำท่าเหมือนโกรธ แต่คนฟังรู้แล้ว มีแต่ท่าอย่างนั้นเอง

ไม่ได้ขาย แต่เปิดโอกาสให้ คิดดูผู้ชายทั้งหล่อทั้งรวย ความรู้ก็ดี นิสัยก็ดีสมบูรณ์ เพอเฟ็กต์ขนาดนี้หาที่ไหนได้อีก เจ๊แกล้งทำเมินเพราะกลัวใจตัวเองหรือเปล่า

ฉันนี่นะกลัวใจตัวเอง หล่อนทำเสียงสูง

แหงละ ผู้หญิงปกติธรรมดาเจอพี่เธียรมีแต่โดดเข้าใส่ ที่เจ๊แกล้งทำเชิดใส่ไม่สนใจก็เพราะกลัวถ่านไฟเก่าจะคุน่ะสิ

น้องชายพูดอย่างนี้เหมือนประมาทซึ่งหน้า รอยจันทร์ยอมให้เขาโทรศัพท์ชวนเธียรกินอาหารเย็นด้วย ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องใครเป็นเจ้ามือ หล่อนใช่จะไม่รู้ริวใช้แผนยั่วยุเพื่อเปิดโอกาสให้พี่สาวปรับความเข้าใจกับเธียรแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยอมหลงกล ส่วนลึกในใจอยากเจอหน้าเขา อยากพบ อยากพูดคุย แต่ทิฐิความเป็นผู้หญิงห้ามไว้

ริวลอบยิ้ม รอยจันทร์เป็นบุคคลอ่านง่ายอย่างยิ่ง หล่อนยอมหลงกลเพราะหัวใจต้องการ แบบนี้คงปรับความเข้าใจกันไม่ยาก การนัดเจอเธียรคืนนี้จุดประสงค์แท้จริงคือเป็นห่วง ไม่รู้สิงหานาคราชจะทำอย่างไรกับเขา พอกลับจากอุดรริวก็นึกอยากโทร.ถามข่าวคราวแต่หาข้ออ้างไม่ได้จนรอไม่ไหว เล่นกันง่ายๆ แบบนี้เลย

พี่เธียรครับ ผมริว จำเสียงได้หรือเปล่า ริวแกล้งโทรศัพท์คุยต่อหน้าพี่สาว คืนนี้ว่างมั้ย ผมอยากกินอาหารแพงๆ แต่หาเจ้ามือไม่ได้ พี่ช่วยสงเคราะห์ทีเถอะ

ได้สิริว พี่ก็อยากเจอนายเหมือนกันนึกเบื่อๆ อยู่ เสียงของเธียรบอกความรู้สึกตรงตามคำพูด

โอเค งั้นคืนนี้เราเจอกันนะ ว่าแล้วก็พูดจานัดหมายเสร็จสรรพ หญิงสาวมองตาปริบๆ ไม่เคยคิดเลยจะได้เจอกันง่ายแบบนี้



เธียรวางหูโทรศัพท์อารมณ์หมกมุ่นค่อยคลาย ถึงคนโทร.จะเป็นริวแต่เขาก็รู้หญิงสาวต้องอยู่ใกล้ๆ ระยะนี้เขาอยากได้ยินเสียงหล่อน อยากอยู่ใกล้ๆ ได้เห็นหน้า ต่อให้พบท่าทางห่างเหินไม่ยินดียินร้ายก็ตาม คำพูดสุดท้ายคราวก่อนยังติดตรึงความทรงจำ

เข้มแข็งไว้นะคะ อย่ายอมแพ้

เป็นคำพูดที่อยากได้ยินซ้ำอีกครั้ง อยากให้หล่อนบอกด้วยความห่วงใยหัวใจแท้ มันคงช่วยสร้างความเข้มแข็งมั่นคงได้มากกว่านี้หลายเท่า

ชายหนุ่มถอนใจทอดสายตามองสายน้ำเบื้องหน้า สวนสาธารณะในวันธรรมดาปลอดผู้คน หลังจากพ่อมอบหน้าที่พิเศษให้ เขาก็รู้สึกตนเองไม่มีประโยชน์ต่อบริษัท ไม่มีความจำเป็นต้องร่วมแก้ไขวิกฤต ไม่ต้องสนใจรับรู้ปัญหา ทำตัวเหมือนลูกเศรษฐีเศษสวะทั่วไปคงดีไม่น้อย ไม่ต้องมานึกน้อยใจดูถูกตัวเองเช่นนี้

เธียรหยิบคัมภีร์อาลัมพายน์ฉบับถ่ายเอกสารมาอ่านอีกรอบ หลังจากอ่านจบไปสองสามรอบแล้วยิ่งอ่านเพิ่มก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร มนต์ จริงๆ มีประมาณ ๒-๓ หน้ากระดาษส่วนที่เหลือเป็นการเกริ่นนำ คำอธิบาย วิธีปฏิบัติหลายอย่าง หลายแบบ

เขาไม่เข้าใจรายละเอียดพวกนี้ ไม่รู้จะถามใคร อ่านไปอ่านมาเหมือนพายเรือในอ่าง จนกระทั่งริวโทรศัพท์ชวนไปกินข้าวจึงรีบตอบรับทันที ใจจริงอยากเป็นฝ่ายชวนสองพี่น้องเองด้วยซ้ำแต่ลังเล กลัวฝ่ายนั้นไม่ว่าง กลัวรอยจันทร์ปฏิเสธ คราวนี้เท่ากับริวเปิดโอกาสให้ เขาไม่ยอมพลาดเด็ดขาด

วางคัมภีร์ไว้บนตักมองสายน้ำด้วยใจรื่นรมย์ โยนปัญหาต่างๆ ทิ้งไป ทำใจให้เป็นสุข จากนั้นมีอะไรค่อยว่ากัน

มองสายน้ำนานๆ ความง่วงงุนเริ่มแผ่จับ หนังตาหนักแทบฝืนไม่อยู่ลมอุ่นๆ ผ่านวูบ ใบไม้ปลิวกระจัดกระจาย ด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เธียรมองเห็นสระน้ำเบื้องหน้ามีอะไรบางอย่างลำตัวยาวกำลังดำผุดดำว่ายตรงมาหา เสียงหัวเราะลึกลับก้องในหู แล้วสิ่งนั้นก็เชิดส่วนหัวขึ้นมาเหนือน้ำ งูมีหงอนสีแดงแผงคอหนา ดวงตาแดงก่ำจ้องมองอย่างประสงค์ร้าย

...ฟู่...มันพ่นควันขาวๆ เข้าใส่ เธียรสะดุ้งเฮือก ความรู้สึกคืนตัว อากาศร้อนแปลกๆ กระจายรอบ เหงื่อเหนียวๆ ไหลซึม เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว คัมภีร์บนตักตกลงกับพื้น เธียรก้มลงเก็บ แต่ต้องชะงักตกใจ คัมภีร์อาลัมพายน์ฉบับถ่ายเอกสารไหม้เกรียบไปค่อนเล่มลมพัดหน้ากระดาษพลิกปลิว เถ้าดำๆ กระจายตามแรงลม

บางที หน้าที่ ที่ก้องฟ้ามอบให้ด้วยคิดว่ามันไม่สำคัญ อาจกลับกลายเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง มันอาจสำคัญต่อการดำรงอยู่หรือล่มสลายของตระกูลนาคพิทักษ์อย่างแท้จริง



ร้านอาหารแห่งนั้นค่อนข้างเงียบทำเลหายาก ตั้งอยู่ริมบ่อน้ำกว้างบรรยากาศร่มรื่น แขกไม่ค่อยมาก แบ่งสัดส่วนโซนโต๊ะอาหารเป็นระเบียบ มีทั้งด้านติดริมน้ำรับอากาศธรรมชาติและด้านบนเป็นห้องปรับอากาศ

แรกทีเดียวริวออกไอเดียอยากนั่งกินข้าวต้มข้างทาง โฆษณารับประกันฝีมือความอร่อยเต็มที่แต่โดนพี่สาวขัด...ขืน รอยจันทร์ ดาราสาวชื่อดังมานั่งโซ้ยข้าวต้มข้างทางกับหนุ่มหล่อสองคน แถมคนหนึ่งเป็นถึงลูกชายมหาเศรษฐีอะไรจะเกิดขึ้น ต่อให้ไม่เป็นข่าวก็คงกินได้ไม่สะดวกใจ

เลือกไปเลือกมาก็ลงตัวที่ร้านนี้ เพราะเงียบ เป็นสัดส่วน ถึงริวจะตะขิดตะขวงใจบ้างที่เห็นติดริมบึงแต่ก็ยอมตามใจเสียงส่วนใหญ่ อาหารรสชาติดีจนรอยจันทร์เอ่ยปากชม

อาหารอร่อยนะน่าเสียดายจังรู้อย่างนี้ชวนน้องน้ำฝนมาด้วยก็ดี รอยจันทร์ชอบเด็กสาวคนนี้

คงมาไม่ได้หรอก มืดค่ำปานนี้พ่อแม่เขาหวง ริวบอกพร้อมรอยยิ้มรำลึกถึงอันงดงาม

นั่นแน่ แอบไปถึงบ้านเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ หญิงสาวแซวเห็นแววตารอยยิ้มน้องชายยิ่งมั่นใจ

ยัง...วันก่อนว่าจะไปส่ง เขาก็ไม่ยอมบอกว่าพ่อดุแล้วก็หวงลูกสาวมาก ริวคุยสบายๆ ไม่จริงจัง ทั้งที่จิตใจบังเกิดรอยกำซาบโดยไม่รู้ตัว

อย่างริวนี่พ่อแม่เขาคงชอบหรอกน่า เธียรออกความเห็น

ยากพี่ อย่างผมนะเรียนก็ยังไม่จบ งานการหลักฐานมั่นคงอะไรก็ไม่มี เกาะพี่สาวไปวันๆ ใครเขาจะยกลูกสาวให้

ไม่รู้จักรีบเรียนให้จบนี่หว่า รอยจันทร์ได้ทีไล่ส่งน้องชาย

เออ ไอ้จบน่ะมันจบแน่ๆ อีกไม่กี่วิชาเอง แต่ยังนึกไม่ออกเลย เรียนจบจะไปทำงานอะไร เขาไม่สนใจวางแผนอนาคตตัวเอง

เข้าวงการสิ เห็นพวกป้าๆ ชวนแกยิกๆ จะปั้นเป็นพระเอกคนใหม่ รอยจันทร์เสนอ

ริวส่ายหน้า

ไม่เอาหรอก ไม่ใช่รังเกียจนะแต่ไม่อยากมีชื่อเสียง ไม่ชอบให้ใครมารุมล้อมสนใจ ไม่อยากเสียความเป็นส่วนตัว ชายหนุ่มพูดจากใจจริง

งั้นสนใจบริษัทพี่มั้ย เธียรพูดบ้าง ชอบด้านไหนล่ะ พี่หาให้ได้ทุกตำแหน่ง

ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการได้มั้ยพี่ ริวล้อ อ้อ...ผมได้ข่าวว่าบริษัทพี่มีปัญหาเยอะนี่เป็นยังไงบ้างครับ

ริวจูงประเด็นเข้าใกล้จุดมุ่งหมายของตัว

ตอบตรงๆ เหมือนกัน พี่ก็รู้เท่าที่ริวรู้นั่นแหละ เป็นลูกชายประธานกรรมการเขาเลยให้อยู่สบายบนหอคอย ไม่ต้องรับรู้อะไร ท้ายเสียงมีรอยขื่น

รอยจันทร์มองด้วยแววตาเข้าใจ ขยับจะพูดด้วยแต่นึกไม่ออกควรพูดอย่างไรจึงเงียบ ไม่น่าเชื่อระหว่างนั่งรับประทานอาหาร ทุกคนพูดคุยกันอย่างราบรื่นแต่หล่อนกับเธียรไม่ได้พูดจากันตรงๆ สักที มีแต่อาศัยริวเป็นสื่อกลางคุยกับฝ่ายโน้นฝ่ายนี้

แหม แล้วเขาไม่มอบงานอะไรให้พี่บ้างเลยหรือครับ ริวตะล่อมเข้าเรื่องที่อยากรู้

ก็มี...แต่เป็นงานที่เขาคิดว่าไร้สาระที่สุด น้ำเสียงผู้พูดไม่ได้บอกเช่นนั้น

งานอะไรครับ คำถามริวตรงใจรอยจันทร์

อืมม์ เธียรนิ่งคิดเป็นครู่ เรื่องพวกนี้พูดไปไม่มีใครเชื่อแน่ แต่คนที่เขาสนิทใจพอจะพูดคุยได้ทุกเรื่องมีไม่มากนัก ถ้าไม่เล่ามีหวังอัดใจตาย เรื่องมันเหมือนนิยายนะ คิดเสียว่าฟังเล่นสนุกก็แล้วกัน เธียรเล่าประวัติตระกูลอย่างย่อจนสรุปเหตุร้ายต่างๆ ที่เกิดในครอบครัวว่าเป็นฝีมือพญานาคคู่แค้น พ่อเขาเลยให้คัมภีร์กับพี่แล้วหาอาจารย์ดีมาปราบพญานาค เป็นยังไงเข้าท่ามั้ย เธียรจบเรื่องคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่

คัมภีร์อาลัมพายน์อยู่ที่ไหนครับ ริวหลุดปากซักทันที

อยู่ที่บ้าน...แต่เฮ้ย...ริวรู้จักชื่อได้ยังไง พี่ยังไม่ได้บอกเลย เธียรสะกิดใจสงสัย

ริวอึ้ง เขาใจร้อนมุ่งอยู่ที่คัมภีร์แต่แรกจึงพลาด

อ้อ...เอ่อ... พยายามหาเหตุผลโดยไม่ต้องโกหก ผมเคยอ่านพุทธชาดกเรื่องพระภูริทัตน่ะครับ จำได้ว่าท่านโดนมนต์อาลัมพายน์จับไว้ ผมคิดว่าคัมภีร์ที่พี่ได้ควรชื่อนี้

เธียรคลางแคลงแต่เหตุผลเข้าเค้า รอยจันทร์กลับมั่นใจเต็มที่ ริวต้องรู้อะไรดีเกี่ยวกับตระกูลนาคพิทักษ์ หนำซ้ำอาจรู้มากกว่าทายาทด้วยซ้ำ มิน่าถึงเป็นตัวตั้งตัวตีชวนเธียรมากินข้าว

คัมภีร์ตัวจริงพี่เก็บไว้ที่บ้าน แต่ถ่ายเอกสารไว้อ่านรายละเอียด

พี่เธียรเอาฉบับถ่ายเอกสารมาหรือเปล่าครับ ริวตื่นเต้น หากเธียรเอามาด้วยก็ดี

เธียรกำลังจะบอกว่าฉบับถ่ายเอกสารไหม้ไปแล้ว แต่ขากรรไกรค้างพูดไม่ออก จมูกได้กลิ่นเอียนๆ ลอยตามลม

ริวฉุกใจในความผิดปกติที่เกิด เห็นนัยน์ตารอยจันทร์หรี่ปรือคล้ายถูกสะกด มือเกร็งแน่นจนน่ากลัว กลางบึงมีไอขาวลอยเอื่อยๆ จับตัวหนาเป็นแผง ผู้คนในร้านสลบไสลไม่ได้สติ

ชายหนุ่มรินน้ำใส่แก้วสำรวมจิตใช้ปลายนิ้วแตะปากแก้วสั่งให้น้ำเป็นยาถอนพิษ จากนั้นประคองศีรษะรอยจันทร์ให้ดื่ม ส่วนที่เหลือรินใส่ปากเธียรจนหมด

เพิ่งถอนใจโล่งอกต้องใจหายวูบเมื่อเห็นหมอกขาวเหนือบึงม้วนตัวช้าๆ บิดเกลียวแสดงรูปร่าง

รอย...รอย...พี่เธียร เขารีบปลุกทั้งสองให้คืนสติ

ตื่นสิเร็ว พี่เธียร...รอย ใจคอร้อนรุ่ม แต่ละวินาทีที่ผ่านหมายถึงอันตราย เขาคนเดียวอาจเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าให้คุ้มครองอีกสองคงตึงมือน่าดู

เธียรได้สติ ตามด้วยรอยจันทร์ ยังไม่ทันรู้เรื่องราวอะไรก็โดนริวไล่

รีบออกจากที่นี่ด่วน พี่เธียรพารอยไปส่งด้วย ไม่ต้องห่วงผม ชายหนุ่มพูดรัวเร็ว

เดี๋ยวก่อนริว เกิดอะไรขึ้น อธิบายให้พี่ฟังหน่อย เธียรไม่เข้าใจ

ผมไม่มีเวลา ริวหันไปทางรอยจันทร์ รอยไปกับพี่เธียรนะ มีอะไรผมจะอธิบายทีหลัง

โอเค หญิงสาวตอบรับทันที ริวพูดอย่างนี้แสดงว่าเรื่องเร่งด่วน ความเชื่อใจทำให้ไม่พิรี้พิไร ไม่ซักไซ้มากความ คว้ากระเป๋าได้ก็ลุกขึ้น ไม่สนใจเธียรจะตามมาหรือไม่

เธียรละล้าละลัง เรื่องราวยังไม่กระจ่างแถมทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว

ไปด้วยกันสิ เธียรเรียกหนุ่มรุ่นน้อง ฝ่ายนั้นกลับลุกขึ้นยืนริมระเบียงหันหลังไม่สนใจ

มองเห็นรอยจันทร์ล่วงหน้าไกล เธียรตัดสินใจรีบลุกตาม พอเดินลงบันไดถึงพื้นเพื่อไปที่จอดรถ สองหนุ่มสาวต้องขาแข็งตะลึงงัน

งู...ขบวนอสรพิษจำนวนมากเลื้อยเต็มลานจอดรถ มากทั้งขนาดลวดลายสีสัน บางตัวใหญ่เท่าท่อนแขน บางตัวเล็กเรียวประมาณนิ้วโป้ง แต่เลื้อยปราดๆ รวดเร็ว จนเคลื่อนพลมาถึงสนามใกล้เชิงบันไดที่คนทั้งคู่ยืนอยู่แล้ว

รอยจันทร์กับเธียรถอยหลังกรูดค่อยขึ้นบันไดกลัวอสรพิษพุ่งใส่ ขาสั่นระริกแต่พยายามฝืนบังคับให้มันยกขึ้นขยับเพื่อหลบหนีกองทัพมัจจุราช เธียรเอื้อมมือเย็นเฉียบจับมือรอยจันทร์กระชับแน่น ถ่ายทอดพลังใจสู่กันความอบอุ่นอันคุ้นเคยไหลเวียนก่อให้เกิดเรี่ยวแรงกำลังถอยจนถึงระเบียงด้านบน

ริวยืนสงบจิต สำรวมร่างกายเตรียมรับมือ เขาจะหนีพร้อมเธียรกับรอยจันทร์ไม่ได้ จำเป็นต้องยันสิงหานาคราชไว้ก่อน มิฉะนั้นทั้งคู่อาจมีอันตราย

ริว...เสียงรอยจันทร์ดังอยู่เบื้องหลัง

กลับมาทำไม ริวถามโดยไม่หันมามอง

ไปไม่ได้งูดักเป็นโขยงเลย หญิงสาวสงบใจตอบ

นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะริว เธียรถามบ้าง

ริวเขม้นมองหมอกขาวที่ม้วนตัวกลายเป็นพญานาคอยู่กลางบึง น่าแปลกที่สิงหานาคราชยังสงบใจไม่ลงมือ แต่ปล่อยบริวารสกัดทางหนีรอยจันทร์กับเธียร

ดูที่บึงสิครับ เขาตอบสั้นๆ

สองหนุ่มสาวรีบยืนชิดราวระเบียง กลุ่มหมอกเกาะร่างเป็นจอมนาคาหนาแน่นขึ้น มันเคลื่อนช้าๆ อย่างใจเย็นราวกับมั่นใจทุกคนเป็นลูกไก่ในกำมือ

เป็นไปได้ยังไง เธียรอุทานอย่างแปลกใจ

รอยจันทร์สังเกตสีหน้าน้องชายความเคร่งเครียดเช่นนี้เป็นสัญญาณบอกชัด พญานาคครั้งนี้มาด้วยจุดประสงค์ร้ายมากกว่าดี ผิดกับคราวเจอที่หนองคายหลังจากดูบั้งไฟพญานาค

จะให้ทำยังไงบ้าง หญิงสาวคุมสติได้ดี ปล่อยให้ริวเป็นผู้นำ สั่งการว่าทำอย่างไร พวกตนถึงจะไม่เป็นภาระเขา

ถอยห่างจากผม ควบคุมสติให้ดี ระวังตัวด้วย ริวยังไม่ยอมคลาดสายตาจากศัตรู

เธียรกับรอยจันทร์ถอยหลังห่างจากริวประมาณสี่ห้าเมตร ยืนดูนาคาหมอกที่เชิดคอสูงเหนือระเบียง

สวัสดีครับ ริวเอ่ยปากทักเหมือนพบปะผู้คนธรรมดา

กลุ่มหมอกหนาจับตัวจนเห็นรายละเอียดนาคราชชัดเจน ทั้งดวงตาเกล็ด และหงอน ยิ่งกว่านั้นบนแผงคอใหญ่มีร่างชายคนหนึ่งยืนโดดเด่น

ร่างนั้นปรากฏชัดทีละน้อย สูงเพรียวอยู่ในชุดคลุมสีดำ ใบหน้างดงามราวรูปสลัก ดวงตากลมยาวลึก จมูกโด่งขึ้นสันชัด ริมฝีปากหนาหุบสนิทประกายตาเจิดจ้าทออำนาจรุนแรงจนยากมีผู้กล้าประสานสายตา

รอยจันทร์หนาวเยือกตั้งแต่เห็นร่างนั้นปรากฏกาย รูปโฉมอันงดงามที่สามารถดึงดูดใจสตรีนั้น ดูเหมือนไม่มีประโยชน์เสียเลย เพราะรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาชวนให้ตะครั่นตะครอใจไล่ให้หนีห่าง

หึ...หึ..คิดหรือว่ายืนอยู่อย่างนั้นจะขวางข้าได้ เสียงกระหึ่มต่ำลึกกังวานสะท้านใจ

เธียรชะงักเบิกตากว้าง เสียงนี้คุ้นหูยิ่ง เขาเคยได้ยินที่โรงพยาบาล เงาดำที่ซ่อนตัวหลังม่านมืดเผยโฉมเห็นชัด ช่างงดงามแต่น่าหวาดกลัว

ผมก็อยากลองดู ริวยิ้มอย่างใจเย็น สถานการณ์เช่นนี้สู้ไม่ได้ก็ต้องสู้

ฝ่ายตรงข้ามยืนมือไขว้หลัง ดวงตาฉายเรืองเบื้องหลังมีไอขาวลอยคละคลุ้งดังเป็นฉากกั้นระหว่างโลกปกติกับแดนแห่งมนตรา

ไม่มีอิสตรีมายืนบังหน้า เจ้ามั่นใจจะเอาชัยข้าได้ คำถามเย้ยหยันพาดพิงถึงพันเกลียว

ถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ ริวกล้าทักทาย สิงหานาคราชคงรู้แล้ว พันเกลียวไม่มีวันลงสนามมาต่อกรด้วย

ครืน...เสียงฟ้าร้องดังสนั่น กลุ่มเมฆหนาลอยต่ำ ฟ้าแลบแปลบปลาบดังจะข่มขวัญ บัดนี้รอบด้านโอบล้อมด้วยหมอกพิษ ด้านบนมีเมฆอาคมลอยสกัดกั้น กำหนดเขตต่อสู้ชัดเจน

ครืน...ฟ้าคำรามอีกครา คราวนี้ละอองสายฝนสาดชัด ม่านพิรุณถักหนาโหมใส่ ริวแบมือรับหยาดน้ำ กำและสะบัดใส่ฝ่ายตรงข้าม เกาทัณฑ์วารีพุ่งตรงสู่ผู้ยืนเหนือพญานาค

สิงหานาคราชเพียงแค่มอง ธนูสายน้ำก็แตกซ่า พอยกมือขึ้นชี้ตรงเบื้องหน้าละอองฝนทั้งหมดก็รวมตัวบิดเป็นเกลียวคล้ายซุงมหึมากระแทกเข้าอย่างแรง

ชายหนุ่มบิดตัวหลบซุงวารี แต่มันกลับม้วนตัววกกลับมาทำร้ายได้อีกครั้ง

รอยจันทร์มือเย็นเฉียบกลัวริวรับมือฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ถึงรู้เขามีอำนาจพิเศษแต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเห็นกับตา

ซุงน้ำบิดตัววกไปวกมาเหมือนเส้นเชือกขนาดใหญ่พัวพันตามตื้อไม่ปล่อย ริวใช้ความคล่องแคล่วหลบหลีกพลิกตัวผ่านมาได้อย่างน่าหวาดเสียว พอตั้งหลักได้ใช้มือผลักมันตรงๆ บังเกิดเสียงดังบรึ้ม! น้ำกระจายนองพื้น

ฝีมือดีกว่าคราวก่อน สิงหานาคราชออกปาก

ริวไม่ตอบคำอาศัยช่วงเวลานี้สูดลมหายใจเรียกเรี่ยวแรงกำลังกลับคืน เหลือบมองด้านหลังเห็นรอยจันทร์กับเธียรปลอดภัยค่อยโล่งอก สมองครุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอด จากการหยั่งเชิงเมื่อครู่พอรู้ถึงกำลังตัวเอง ถ้าให้สู้ปะทะกันเหมือนนักมวยศึกอาจยืดเยื้อสุดท้ายเขาคงแพ้ ต้องหาวิธีกระตุ้นจนฝ่ายนั้นยอมล่าถอย

เพราะท่านยอมออมมือให้ผมมั้งครับ ริวตอบพลางยิ้มน้อยๆ แสดงว่าคงไม่มีเจตนาทำร้ายพี่เธียรจริงๆ บอกความต้องการของท่านมาดีกว่า

สิงหานาคราชหรี่ตามองชายผู้อยู่เบื้องล่าง นึกชมปฏิภาณไหวพริบ ตนไม่มีความคิดสังหารทายาทกุมภเวลานี้ เจตนาคือทำลายทรัพย์สมบัติของพวกมันให้ฉิบหายวายวอด ให้มันร่ำร้องเสียใจกับความสูญเสียจนถึงที่สุดก่อนตาย

เธียรได้ยินเอ่ยชื่อก็เข้าใจ นี่คือพญานาคศัตรูร้ายของตระกูล จุดประสงค์อยู่ที่เขา ไม่ใช่ริว รอยจันทร์ ถ้าเช่นนั้นจะปล่อยทั้งคู่รับอันตรายไม่ได้ คิดพลางก้าวไปข้างหน้าตั้งใจเผชิญกับศัตรูให้แตกหัก รู้ผลลงเอย

สาวเท้าเพียงก้าวเดียวแขนเสื้อก็ถูกดึง รอยจันทร์ส่ายหน้าช้าๆ เป็นเชิงบอกให้อยู่เฉย ขณะนี้ไม่ใช่เวลาออกหน้า อีกอย่างหล่อนเชื่อความสามารถน้องชายน่าจะคลี่คลายปัญหาได้

เธียรอึ้ง สบตากันก็เข้าใจความหมาย นอกเหนือจากเหตุผลอื่นใด หญิงสาวเป็นห่วงกลัวเขารับอันตราย

ผมคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับคัมภีร์อาลัมพายน์ ริวกล้าใช้คำพูดแทงใจดำ

อาลัมพายน์ สามคำนี้เสียดแทงใจสิงหานาคราชมานับร้อยปี มนตราที่ผูกมัด ฝังเขาไว้ที่ก้นบาดาล ความคับแค้นใจคุโชนจนอยากทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

คิดไม่ผิด กุมภทิ้งคัมภีร์นี้ไว้ให้ลูกหลานจริงๆ แทนการเกรี้ยวกราดนาคราชผู้ทระนงกับใช้วาจานิ่มนวล

เพราะท่านรู้มนต์ที่ผูกมัดน้องชายต้องเสื่อมคลายสักวัน ริวตอบ

เอ็งเป็นใครกันแน่ สิงหานาคราชหรี่ตามอง พลังนาคาที่ตอบโต้ บอกให้รู้เป็นฤทธีแห่งเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ตอบไม่ถูกเหตุไฉนถึงอยู่ในร่างมนุษย์เดินดิน

อดีตทัตตะนาคา องครักษ์เบื้องขวาแห่งกุมภนาคราช ริวตอบโดยไม่ปิดบัง

คำตอบนี้สร้างความงงงันให้แก่รอยจันทร์กับเธียรไม่น้อย หญิงสาวเริ่มรู้สึกน้องชายที่ตนคุ้นเคยมาตลอดชีวิตเหมือนจะลอยห่าง มีใครอีกคนทดแทน เธียรแทบไม่อยากเชื่อหู ประวัติตระกูลเป็นเรื่องจริงไม่ผิดเพี้ยน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP