วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๑๗


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



เสียงครืดดังเบาๆ พื้นที่ยืนเหยียบหายวูบ ร่างชายหนุ่มจมดิ่งสู่ห้วงน้ำที่ยากกำหนดความลึก เมื่อน้ำท่วมเลยระดับศีรษะ สัญชาตญาณเอาตัวรอดสั่งให้ตะเกียกตะกายพุ่งตัวขึ้นสูดอากาศเบื้องบนแต่ผลกลับตรงข้าม ยิ่งดิ้นรนยิ่งจมดิ่งลึกลง ลึกลง สายน้ำไหลเข้าปากจมูกจนท่วม อึดอัดหายใจไม่ออกคิดว่าต้องตายในไม่กี่นาทีแน่ๆ แต่แล้วคำพูดของเพื่อน กลับย้อนทวน

ทำใจให้เป็นหนึ่ง ไม่หวั่นต่อความตาย

เอ้า...ตายก็ตาย ก้าวมาถึงขั้นนี้ถอยไม่ได้อีกแล้ว ดิ้นรนก็ไร้ประโยชน์ รอบด้านมีแต่ห้วงน้ำอันดำมืด ความลึกที่หยั่งไม่ถึงก้น มองอะไรไม่เห็น ไม่รู้ตัวตนอยู่จุดไหน ฉะนั้นปล่อยร่างกายเป็นอิสระเสีย ทนไม่ได้ก็ยอมตาย

คิดอย่างนั้นจึงหยุดดิ้นรนทั้งแขนขา ปล่อยตัวตามกระแส อาการอึดอัดสำลักน้ำเริ่มคลายทั้งที่ยังมีน้ำไหลผ่านปากจมูก จึงใช้สติกำกับ ดูเส้นทางไหลของน้ำที่ผ่านร่างกาย เมื่อไม่ห่วงพะวงต่อความตาย สติก็รวมตัวเป็นหนึ่งใช้กระแสน้ำผ่านร่างเป็นตัวกำกับ ถึงจุดหนึ่งร่ายกายโปร่งเบา ไม่มีความอึดอัดขัดข้องทั้งที่จมอยู่ใต้น้ำ

หน้าอกบังเกิดความอบอุ่น แสงสว่างเรืองส่องมาจากเกล็ดนาคาที่คล้องคอ จิตใจตั้งมั่นกำหนดดูสิ่งที่เกิดด้วยจิตใจไม่หวั่นไหว ครู่หนึ่งรังสีสว่างก็ฉายโชนรอบตัว สายน้ำที่รายรอบก็อบอุ่นมีกลิ่นหอมอบอวล ซึมแทรกกลมกลืน

เกล็ดนาคาที่คอเปล่งประกายส่งรัศมีเป็นแฉกๆ รอบด้านขาวโพลน ริวกำหนดสติอยู่กับตัวเป็นหลัก พิจารณาแสงสว่างกระจ่างตาเป็นเสมือนกลีบดอกไม้อันงดงาม ไม่นานก็จะห่อเหี่ยวร่วงโรย ชั่ววูบหนึ่งบังเกิดแสงบาดคมฉายวับ

ภาพและความรู้สึกฉายเป็นฉากๆ อย่างรวดเร็ว

ภาพแรก แลเห็นบุคคลหนึ่งนั่งเด่นสง่าเป็นประธานอยู่ไกลลิบ เหล่าเทพเทวดารายล้อมหนาแน่นเป็นชั้นๆ ต่อมาเป็นนาคราช นาคา นาคีน้อยใหญ่ เรียงรายรอรับฟังกระแสเสียงพระธรรมเทศนา

ขนลุกซู่ปีติบังเกิดทั้งที่ไม่อาจจดจำเนื้อความละเอียดได้ แต่ทว่าช่วงเวลานั้นรู้สึกเหมือนจิตใจถูกยกระดับขึ้นมาอีกชั้น ความมืดบอดบางอย่างถูกแสงแห่งธรรมฉายส่อง จิตใจนอบน้อมต่อไตรสรณคมน์

ภาพต่อมา เมืองบาดาลช่วงเวลาที่กุมภนาคราชในชาติมนุษย์บวชเป็นพระภิกษุลงมาโปรดต่อนาคบริวารก่อนจะละสังขาร ใบหน้าท่านอิ่มเอิบละวางเรื่องทางโลกิยะสิ้น มุ่งหน้าสู่โมกขธรรมเพียงถ่ายเดียว

ยามนั้น เขาและชัยยะนาคาได้ปวารณาตัวคุ้มครองลูกหลานตระกูลของท่าน เมื่อสิงหานาคราชหลุดพ้นจากมนต์อาลัมพายน์

ภิกษุกุมภไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำปวารณาเพียงแต่กล่าวสั่งสอนว่า

สัตว์โลกย่อมมีกรรมเป็นของตน หากมิมีเงื่อนกรรมผูกเวรต่อกันแล้วไซร้ย่อมมิอาจทำลายกันได้ เมื่อเจ้าทั้งสองมุ่งหน้าต่อการรักษาศีล บำเพ็ญบารมี ไหนเลยจะยอมเสียศีลออกไปแสดงฤทธาห้ำหั่นต่อกรกับผู้มากด้วยโมหะ โทสะด้วยเล่า จงปฏิบัติตัวเพื่อบรรลุถึงวัตถุประสงค์แห่งการบำเพ็ญบารมีโดยไวเถิด

ถ้าข้าน้อยบารมีเต็มได้ความเป็นมนุษย์ในช่วงประจวบกับสิงหานาคราชหลุดจากมนต์คุมขังแล้วล่ะเจ้าข้า...เมื่อนั้นข้าน้อยคงมิอาจทนดูเชื้อสายของพระองค์ต้องโดนย่ำยีทำร้ายได้ ทัตตะนาคาองครักษ์ขวากล่าวถาม

ถึงยามนั้นเจ้าจงพิจารณาชั่งน้ำหนักดูเถิด จะเสียเวลาอวดอิทธิฤทธิ์หรือจะมุ่งหน้าตามรอยแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...อย่าลืม เจ้าต้องรักษาศีล บำเพ็ญบารมีนานเพียงใดถึงได้ความเป็นมนุษย์ เมื่อมีโอกาสแล้วจะยอมเสียเวลาไปไย วัฏสงสารเป็นสถานที่ที่ไม่พึงอยู่เลยแม้แต่วินาทีเดียว ยามนั้นรังสีแห่งธรรมของภิกษุกุมภสว่างใสเจิดจรัสจนดูราวกับเมืองบาดาลจะกลายเป็นเมืองแก้วเมืองสวรรค์ก็ไม่ปาน

ภาพสุดท้าย ทัตตะนาคาบารมีเต็มเตรียมเลื่อนภพชาติสู่ความเป็นมนุษย์ มีโอกาสได้พบบุคคลหนึ่งนักปฏิบัติธรรมผู้มีบารมีตบะกล้า...พ่อของพันเกลียว ได้มีสัญญากันทางวาจา

ยามข้าเกิดเป็นมนุษย์ย่อมลืมเลือนอดีตชาติ อำนาจฤทธิ์ใดล้วนคืนแก่เมืองบาดาล แต่ข้ายังมีภาระที่ต้องกระทำในเมืองมนุษย์ มนต์อาลัมพายน์ที่ผูกมัดสิงหานาคราชจะหลุดถอนในอีกไม่นาน ข้าขอร้องท่านช่วยชักนำข้าในภพมนุษย์ให้กลับมารับอำนาจนาคาด้วยเถิด

ท่านคิดจะใช้อำนาจนาคาต่อกรกับสิงหานาคราช พ่อของพันเกลียวล่วงรู้รายละเอียดความแค้นสองนาคราชดี จะมีประโยชน์ใด อดีตชาติจบไปแล้วท่านก็มุ่งหน้าบำเพ็ญเพียรต่อไปไม่ดีกว่าหรือ

มิได้หรอก กุมภนาคราชเป็นนายผู้มีพระคุณ ชักนำข้าให้ได้รับฟังธรรมอันเกษม มีโอกาสได้พบเห็นพุทธองค์นับเป็นมงคลแก่ตนยิ่ง ข้าจะยอมเสียเวลาชาตินี้ทดแทนบุญคุณท่าน

เช่นนั้นผมก็ไม่ขัด หากผมยังมีชีวิตอยู่ก็จะปฏิบัติให้ตามความประสงค์ แต่ถ้าไม่ ผมก็จะมอบภาระนี้ให้กับบุตรต่อไป พันเกลียว...ผู้ที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตน ท้ายเสียงกังวานขึ้นเหมือนนึกเวทนาชะตากรรมบุตรสาวผู้เยาว์วัย

ภาพที่สามเลือนหายกลับกลายเป็นแสงสว่างกระจ่างจ้า ความรู้ความเข้าใจซึมซาบทีละน้อย กลิ่นกำยานหอมกรุ่นผสานกับสายน้ำที่วนเวียนรอบ รูขุมขนทั่วร่างเปิดออก พลังแห่งบาดาลซึมแทรกตามกระแสธารหลั่งไหลเข้าไปมิมีหมดสิ้น

เกล็ดนาคาที่คล้องคออ่อนนุ่มบิดตัวน้อยๆ หลุดจากสายถักเข้าประกบกลางแผ่นอก เปล่งรังสีฉายเป็นแฉกๆ ก่อนจะซึมเข้าผิวเนื้อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย

ริวรู้สึกเหมือนร่างของตนยืดยาวออกไปแหวกว่ายธาราเริงร่าเป็นสุขพลังพิเศษเปล่งเต็มร่าง เต็มกำลัง ต่อให้จมอยู่ใต้น้ำเป็นปีก็ไม่เดือนร้อนสะดุ้งสะเทือน

ในที่สุดสติกลับสู่ตัวอย่างสมบูรณ์ มองเห็นกายมนุษย์กำลังไหลเวียนใต้กระแสน้ำ ไม่มีความอึดอัดทรมาน ไม่ใช้ลมหายใจแต่ระบบทุกอย่างในร่างกายดำเนินตามปกติ เมื่อเห็นตนเองพร้อมเช่นนี้จึงกำหนดกายขึ้นออกจากบ่อใต้บาดาล

ไม่นานริวรู้สึกตัวลืมตาพบตนเองฟุบอยู่บนพื้นถ้ำข้างบ่อ แสงสว่างจากดวงตะวันส่องเป็นลำ อรุณรุ่งย่างเข้ามาเยือน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน กระปรี้กระเปร่ามองเห็นโชเฟอร์สองวิญญาณรอรับอย่างสงบงัน

ผมพร้อมแล้วครับ

ชายหนุ่มพูดจาร่าเริงไม่ผิดริวคนเก่า เพียงแต่ภายในกายและจิตใจมีหลายสิ่งเพิ่มขึ้นโดยเจ้าตัวเต็มใจยอมรับมัน


ป่าคำชะโนดที่ทุกคนเห็นมองดูคล้ายเกาะกลางน้ำ ตรงกลางมีต้นไม้ใหญ่สูงหนาทึบเป็นดง จากจุดที่ทุกคนยืนจะมองเห็นสะพานทางเดินที่ทอดยาวเข้าไปถึงกลางดงคำชะโนด รอยจันทร์ยืนตรงหน้าซุ้มประตูทางเข้าป่า จัดแต่งเสื้อผ้าไมโครโฟนพร้อมทำงาน โหน่งยกกล้องขึ้นพาดบ่าเปิดเครื่อง เช็กระบบเรียบร้อยก็ยกนิ้วให้สัญญาณ...

ขณะนี้ดิฉันยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าป่าคำชะโนด ซึ่งเป็นที่เลื่องลือกันว่ามีบ่อพญานาค บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่...

หญิงสาวอธิบายถึงที่มาที่ไปของสถานที่แห่งนี้คร่าวๆ เล่าถึงชื่อเสียงเหตุการณ์ตำนานแปลกๆ ที่ชาวบ้านเล่าขานกัน

ริวยืนดูพี่สาว ทีมงานที่ตั้งอกตั้งใจก็อดยิ้มไม่ได้ เรื่องราวแปลกๆ ที่คนเล่าขาน เหตุการณ์พิสดารที่มีผู้คนเห็นกันเหล่านี้ ในสายตาเขามันกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว บางทียังคิดแกล้งแซว อยากรู้อะไรถามผมก็ได้...รับรองละเอียดกว่าเยอะ

พี่แพทสั่งหยุดกล้อง จากนั้นทุกคนเตรียมตัวเข้ากลางดงคำชะโนด

ไปด้วยกันมั้ยริว พี่แพทถาม

ไปสิครับ จะดูเจ๊ให้เผื่อแกเป็นลมเป็นแล้ง ยิ่งแก่ๆ อยู่ด้วย ริวตอบ

ใครแก่ยะไอ้ริว เสียงรอยจันทร์มาก่อนตัว แกนั่นแหละท่าทางจะเป็นลมก่อนฉัน เล่นหายไปทั้งคืน กลับเช้าอย่างนี้ ทำอะไรมา

ประโยคหลังพูดกันได้ยินสองคน

อยากรู้จริงเหรอ ชายหนุ่มย้อนถาม ดวงตาระยับมีรอยเจ้าเล่ห์

เออ...เออ ฉันไม่อยากรู้เรื่องของแกก็ได้ เจอน้องชายทำตาแบบนี้ก็รู้ทัน เดี๋ยวได้ฟังนิทานเรื่องยาวหาสาระไม่ได้ตามเคย

เข้าไปข้างในเถอะ เดี๋ยวพี่แพทรอ ชายหนุ่มเร่ง

ทั้งสองถอดรองเท้าไว้ด้านนอก เดินเท้าเปล่าข้ามสะพานเข้าสู่กลางดงคำชะโนด ตัวสะพานไม่กว้างนัก พอเดินเรียงกันได้สองสามคน แต่ทอดยาวถึงศาลและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ โชคดีที่ถ่ายทำกันช่วงเช้า ถ้าเป็นตอนบ่ายคงร้อนเท้าน่าดู

สองพี่น้องไปถึงตอนพี่แพทสั่งโหน่งถ่ายบ่อพญานาคและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ รอยจันทร์ไว้ศาลพระยาศรีสุทโธเห็นพวงมาลัยดอกไม้คล้องเต็ม อากาศค่อนข้างเย็นสบาย อาจเพราะมีไม้ใหญ่ปกคลุม

การทำงานเริ่มอีกครั้ง กว่าจะถ่ายทำเสร็จก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง พี่แพทกับโหน่งกราบที่ศาลเป็นการลา

เออพี่แพท พระยาศรีสุทโธนี่เป็นพญานาคใช่มั้ย โหน่งถาม

เท่าที่ศึกษาข้อมูลมาก็ใช่นะ

ใช่ ที่เขาเล่าว่านอนอยู่ใต้บาดาลจนกว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้น ถึงจะตื่นหรือเปล่า

ก็ใช่ ถามทำไมสนใจรายละเอียดพวกนี้เหรอ

ก็สงสัยนะพี่ จำได้ว่าเคยอ่านพุทธประวัติ พญานาคที่ตื่นตอนพระพุทธเจ้าลอยถาดก่อนตรัสรู้น่ะชื่อพญากาฬนาคนี่ จะเป็นองค์เดียวกันหรือเปล่า

องค์เดียวกันครับ ผู้ตอบไม่ใช่พี่แพท แต่เป็นชายหนุ่มใบหน้าหมดจดดวงตาสุกใสแต่งชุดขาวเหมือนคนดูแลสถานที่

รอยจันทร์กับริวได้ยินจึงหันมาดู

พระเจ้าศรีสุทโธนาคหรือพญากาฬนาคราชบดินทร์ เป็นนาคอาวุโสมีมาก่อนพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ในวรรณคดีอีสานเรียกว่าพระห้าร้อยเถราน้อยองค์เดียว หรือขุนเทืองกาฬนาค พระองค์เคยสร้างบารมีโดยการปฏิบัติพระปัจเจกพุทธเจ้าห้าร้อยพระองค์ ได้รับอานิสงส์สี่ข้อ คือ ขอให้ได้หลับจนกว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะได้ตรัสรู้ ขอให้ได้รู้ล่วงหน้าก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อกินอาหารขอให้มีความสุขและอิ่มเอมทั่วนาคพิภพ และขอให้ลวดลายนาคพิภพจงเป็นสง่าในสามโลก

คำอธิบายอันยืดยาวนี้ทำให้รอยจันทร์สนใจ เข้าใกล้ด้วยความอยากรู้

แล้วบ่อพญานาคที่อยู่ตรงนั้นไม่เห็นมีโพรงอะไรเลย พญานาคจะเข้าออกได้หรือคะ หญิงสาวถาม

ผู้ตอบมองหล่อนพลางยิ้มน้อยๆ ดวงตาแลเลยชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ

ริวก้มหน้าทักทายแววตาขบขัน

พญานาคแปลงร่างได้ครับ เมืองพญานาคก็ใช่ว่าจะขุดเจอในใต้ดินใต้น้ำเมื่อไหร่ ที่นั่นซ้อนอยู่อีกมิติหนึ่งของโลกมนุษย์ เวลาจะออกไปไหน ก็อาจอาศัยแค่บ่อน้ำเล็กๆ ผ่านเป็นสื่อก็ได้ บางทีก็ไม่จำเป็น

อ๋อ...ถ้างั้นที่เขาบอกว่าพญานาคแปลงร่างเป็นคนได้ก็เรื่องจริงสิคะ รอยจันทร์ถามต่อ

คราวนี้ผู้ตอบมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น เหมือนพบคำถามที่เห็นว่าไม่รู้จะตอบเพื่ออะไร

ครับ

ริวฟังแล้วอยากเขกกะโหลกพี่สาวตัวเอง รู้หรือเปล่ายืนคุยอยู่กับใคร...ทั้งพี่แพท โหน่ง รอยจันทร์มาถ่ายทำเรื่องพญานาค ตามรอยนาคา แต่ไม่ยักรู้กำลังยืนคุยกับพญานาคตัวเป็นๆ แบบนี้

ขอโทษครับคุณชื่ออะไร ทำอะไรอยู่ ข้อมูลเยอะขนาดนี้สนใจให้สัมภาษณ์ออกรายการเรามั้ยครับ กล้องอยู่นี่เราถ่ายทำได้เลย พี่แพทตะครุบตัวออกรายการทันที

ผมชื่อชัยยะ เรื่องที่ผมรู้มันก็ไม่แปลกอะไรนี่ครับ อย่าถ่ายผมออกทีวีเลย ไม่จำเป็นหรอก

อายกล้องเหมือนเจ้าริวอีกคนแล้ว รอยจันทร์บ่นพลางมองหน้าน้องชายที่ยืนเงียบตั้งแต่ต้น สะดุดใจที่เห็นนัยน์ตาเขาเต้นยิบๆ เหมือนอยากหัวเราะ สายตาที่มองหนุ่มแปลกหน้าคล้ายคนคุ้นเคย

คุณหน้าตาดีนะครับ ถ้าได้สัมภาษณ์ออกทีวีอาจมีค่ายละครสนใจก็ได้ พี่แพทหว่านล้อม

อย่าเลยครับ ผมไม่สะดวก พูดจบก็ขอตัวเลี่ยงเดินมาทางริว ขณะผ่านสายตาสบกันกระแสเสียงแว่วกระทบใจ

ทัตตะ เข้ากรุงเทพฯ แล้วรีบไปดูทายาทท่านกุมภด้วย เขาเพิ่งได้คัมภีร์อาลัมพายน์ สิงหานาคราชอาจจัดการเขาก่อนเข้าใจมนต์ก็ได้

ตกลง ขอบใจนะ ริวตอบด้วยภาษาเดียวกัน

ชัยยะนาคาเดินลับไปแล้ว รอยจันทร์มองตาม สังเกตเปรียบเทียบกับน้องชายตัวเอง

แกรู้จักเขาหรือเปล่า หญิงสาวถาม

สนใจทำไมเจ๊ ริวเลี่ยง

ฉันว่าเขามีอะไรคล้ายแกหลายอย่าง ผู้หญิงมักช่างสังเกต

ไม่หรอก ผมหล่อกว่าเขาเยอะ ริวพูดเป็นเรื่องขัน

ย่ะ หล่อนกระแทกเสียงแกมหมั่นไส้

ริวระบายลมหายใจแผ่วๆ นึกเป็นห่วงเธียร อยากกลับกรุงเทพฯ เสียเดี๋ยวนี้ ถ้าเธียรได้คัมภีร์อาลัมพายน์แสดงว่าเขารู้เรื่องต้นตระกูลแล้ว เพียงแต่จะเชื่อถือกี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สิงหานาคราชอาจต้องการกำจัดเขาก่อนมีการฝึกมนต์ก็ได้


หลังประชุมใหญ่กรรมการบริหารของบริษัทในเครือนาคพิทักษ์เสร็จเรียบร้อย เธียรเดินตามก้องฟ้าเข้าห้องประธานกรรมการ เขามีเรื่องต้องการคุยอีกมาก หลังจากฟังการประชุมที่เคร่งเครียดเหมือนสนามรบที่ทุกคนใส่สูทผูกเนคไท เธียรเพิ่งรู้ชัดตระกูลนาคพิทักษ์เวลานี้แทบจะเหลือแต่เปลือกจริงๆ มหาเศรษฐีแสนล้านที่ใครๆ พูดกันกลับมีหนี้สินมากมายมหาศาล

โรงแรมทั้งในและต่างประเทศประสบสภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จากการท่องเที่ยวซบเซาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วทั้งภูมิภาค บริษัทเงินทุนถูกสั่งปิดเนื่องจากมีสภาพหนี้เสียเกินตัว ธนาคารของเขาต้องล่มจากการปล่อยกู้ให้กับพวกนักการเมืองสมัยนั้น บริษัทอื่นในเครือได้รับผลกระทบตามๆ กัน ก้องฟ้าต้องกู้เงินต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาลเพื่ออุดรอยรั่วและลงทุนหากำไรส่วนต่างดอกเบี้ย แต่พอเงินบาทลอยตัวหนี้สินถูกเพิ่มเป็นเท่า รวมถึงดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นจึงมีแต่ต้องอาศัยธุรกิจหลักที่มีค้ำยันเอาไว้

เหตุร้ายคืนงานเลี้ยง มันก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งก้องฟ้าเข้าโรงพยาบาลมีข่าวลือเสียๆ หายๆ ตามเป็นพรวนส่งผลให้หุ้นบริษัทตกกราวรูด

การประชุมวันนี้แสดงถึงสภาพแท้จริงของธุรกิจชัดเจน เธียรเห็นแล้วอดหวั่นไม่ได้ แต่ก้องฟ้ายังใจเย็น สีหน้าปกติ เขาเสนอวิธีระดมทุนเพื่อปลดหนี้เร่งด่วนด้วยการออกพันธบัตรโดยใช้สต๊อกสินค้าที่มีในโรงงานทั่วประเทศเป็นหลักประกัน

เป็นวิธีที่ทุกคนคาดไม่ถึง ไม่แน่ใจในโอกาสจึงยังไม่มีการสรุปลงมติ ให้มีการศึกษาผลความเป็นไปได้เสียก่อน ลึกๆ แล้วทุกคนเชื่อก้องฟ้า เขาคือเสาหลักของที่นี่ วิกฤตครั้งนี้หนักหนาแต่ก็มั่นใจว่าจะผ่านพ้นเช่นเดียวกับครั้งอื่นๆ

เธียรรอให้พ่อนั่งเก้าอี้เรียบร้อยจึงนั่งลงตาม ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดก้องฟ้าก็กล่าวขัดขึ้น

ถ้าจะเอาเรื่องในที่ประชุมมาคุยต่อที่นี่ ไม่ต้อง...พ่อพูดจบแล้ว

เธียรถอนใจระงับคำพูดต่างๆ ไว้ที่ริมฝีปาก ในฐานะลูกชายคนเดียวผู้สืบทอดกิจการทั้งหมด เขาควรได้เรียนรู้ปัญหาทั้งด้านกว้างและลึก เรียนรู้วิธีแก้ไขจากพ่อเขาโดยไม่ปิดบัง แต่ก้องฟ้ากลับทำเหมือนเขาเป็นเด็ก

พ่อครับ ช่วงเวลานี้ผมควรเรียนรู้งานมากที่สุด เขาคงพูดมากกว่านี้ไม่ได้ หลังออกจากโรงพยาบาลก้องฟ้าแทบจะไม่ให้เขายุ่งเรื่องปัญหาหลักๆ ของบริษัทอีกเลย เธียรได้แต่ยืนมองเฉยๆ ทั้งที่ทราบปัญหาคราวนี้มันหนักหนาเกินกว่าคนเดียวจะแบกรับ

รอให้พ้นวิกฤตเสียก่อน แกค่อยเข้ามา ก้องฟ้ากันลูกชายไว้วงนอกเป็นนิสัยมาแต่เดิมที่มักใช้ตนเองเป็นผู้ตัดสินไม่สนใจฟังใคร

แต่ช่วงวิกฤตอย่างนี้ ผมควรศึกษามันที่สุด ไม่งั้นจะรับงานต่อจากพ่อได้ยังไง

แกคิดว่าพ่อแก่จนสมควรเกษียณตัวเองได้แล้วงั้นหรือ ก้องฟ้าขึ้นเสียงตีความหมายลูกชายไปอีกด้าน เขาคิดอยู่เสมอตนเองยังแข็งแรง เป็นหนุ่มไม่รู้จักแก่จึงไม่พอใจหากใครพูดกระทบถึงเรื่องเกี่ยวกับอายุ

ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เธียรอ่อนใจ

ถ้าแกอยากทำงานจริงๆ พ่อก็มีให้แล้วไง ก้องฟ้าตัดบท

งานอะไรครับ เขาสงสัย

เรื่องที่เราคุยในห้องหนังสือไง แกเอาคัมภีร์ไปแล้ว ช่วยหาวิธีจัดการให้เรียบร้อยด้วย จะจ้างหมอผีหรือผู้มีอิทธิฤทธิ์ที่ไหนก็ได้ อย่าให้มีปัญหาภายหลัง

เธียรพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง นึกไม่ถึงพ่อจะพูดแบบนี้ เรื่องตำนานประจำตระกูลก้องฟ้ายังสองจิตสองใจ ไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ไม่อยากประมาทปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายโดยไม่ระวัง งานตรงนี้บอกให้คนอื่นทำให้ไม่ได้ ภาพพจน์ตนเองจะเสียเปล่าๆ จึงโยนให้ลูกชายจัดการ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับไตรเปิดประตูเข้ามา

คุณจิญยานีขอเข้าพบครับ

เชิญเข้ามาเลย ก้องฟ้ากระตือรือร้นดวงตาเป็นประกายเหมือนคนหนุ่มพลางออกปากไล่ลูกชาย แกกลับไปทำงานได้แล้ว

ชายหนุ่มลุกขึ้นหันหลังกลับ น้อยใจลึกๆ นึกสงสัยตัวเอง...เขาเป็นใครกันแน่

สวนกับจิญยานีที่หน้าห้อง หญิงสาวยิ้มหวานสดใสทักทายเขา แต่ดูเหมือนหน้ากากมารยาทมากกว่า เธียรจึงแค่พยักหน้ารับเนือยๆ

จิญยานีนั่งเก้าอี้ที่เธียรเพิ่งลุก ใบหน้าหล่อนดูดีจากการตกแต่ง เลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสม แต่งจริตพองาม

ท่านเป็นอย่างไรบ้างคะดิฉันเป็นห่วง ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ก็ไม่มีโอกาสได้พบเลย

ฉันดีขึ้นมากแล้ว กลับมานี่ต้องรับมือกับปัญหาใหญ่ รู้ใช่มั้ยว่าหุ้นบริษัทฉันตกเป็นประวัติการณ์ ก้องฟ้าพูดกับจิญยานีด้วยเรื่องที่ลูกชายตั้งใจมาคุย

ค่ะ แต่ไม่หมดทุกบริษัทนี่คะ อย่างน้อยก็มีอยู่สี่ห้าแห่งที่ท่านใส่ชื่อดิฉันไว้ มันทำผลกำไรงาม ดัชนีหุ้นขึ้นสูงจนน่าจับตา

ก้องฟ้ายิ้มที่มุมปาก นักธุรกิจเช่นเขาต้องมีทางหนีทีไล่ หากล้มจริงๆ บริษัทที่มีชื่อเขาทั้งหมดต้องล้มละลายปล่อยให้หนี้สูญ แต่ยังมีอีกหลายบริษัทที่เขาแอบใช้ชื่อจิญยานีซื้อไว้ไม่โดนหางเลขด้วย มันจะสามารถดำเนินกิจการต่อได้อย่างปลอดภัย

หากเธียรได้ยินเรื่องเหล่านี้ เขาคงน้อยใจหนักกว่าเดิม พ่อไว้ใจจิญยานีมากกว่าลูกชายคนเดียว


พราวพิรุณนั่งมองโทรศัพท์อย่างชั่งใจ ไม่รู้ควรโทร.ไปหรือไม่ ริวบอกว่าไปทำงานต่างจังหวัดวันสองวัน ไม่รู้ป่านนี้กลับหรือยัง หล่อนไม่อยากรบกวนให้เขาเสียเวลา แต่พอนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจยอมโทร.

ว่ายังไงจ๊ะน้องน้ำฝน เสียงทักทายเหมือนอยู่ใกล้

พี่ริวกลับกรุงเทพฯ หรือยังคะ

เพิ่งมาถึงจ้ะ เป็นยังไงคิดถึงพี่หรือเปล่า น้ำเสียงอบอุ่นเหมือนเดิม

อยากเห็นหน้าพี่ริวจัง เสียงอ่อยๆ เหมือนเด็กหลงทาง

วันนี้คงไม่ได้จ้ะ ต้องเป็นบอดี้การ์ดให้เจ๊ไปถ่ายละคร อย่าโกรธพี่นะ

โกรธไม่ลงหรอกค่ะ เอ่อ...แค่นี้ก่อนนะคะ

เอ...ทำไมรีบวางจัง งอนพี่หรือเปล่า

ไม่ใช่ค่ะ น้ำฝนมีธุระจริงๆ

งั้นก็ได้จ้ะ คิดถึงเหมือนกันนะ

เด็กสาวยิ้มให้กับโทรศัพท์ ขณะที่มารดาเดินมาถึง

คุยกับเพื่อนคนไหนจ๊ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว คุณหมอท่านว่างแล้วไปตรวจกันเถอะ ประโยคแรกฟังไม่จริงจัง แต่ประโยคหลังเร่งเร้า

พราวไม่อยากตรวจ หล่อนพูดเหมือนเด็กงอแง

ไม่ได้ลูก ให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย ถ้าไม่มีอะไรแม่จะได้สบายใจ

พราวสบายดี คุณแม่ไม่เชื่อหรือคะ ให้ไปวิ่งแข่งยังได้เลย

จ้ะแม่เชื่อ แต่พราวไปตรวจสักนิดนะ แม่ขอร้องละ

เจอไม้นี้เด็กสาวก็หน้าม่อย ยอมลุกขึ้นตามมารดาต้อยๆ เข้าห้องตรวจโรค หล่อนคุ้นเคยกับโรงพยาบาลตั้งแต่เด็ก เข้าออกเป็นว่าเล่น เคยผ่าตัด พักฟื้นรักษาตัวเป็นเดือนๆ จนสุดท้ายตั้งใจไม่กลับมาโรงพยาบาลอีกแล้ว

วันนี้อาจารย์หมอนัดให้มาตรวจซ้ำ ไม่รู้มีอะไรผิดปกติอีก พราวพิรุณไม่อยากมาแต่ขัดมารดาไม่ได้ เห็นโรงพยาบาลใจยิ่งฝ่อ ยิ่งนั่งรอหน้าห้องหมอก็นึกหวั่น ใจไม่ดีจึงโทรศัพท์หาริว อยากได้ยินเสียงเขาช่วยเป็นกำลังใจ

หลังผ่านกระบวนการตรวจอย่างที่เคยเป็น สองแม่ลูกมานั่งตรงหน้าอาจารย์หมอ พร้อมผลตรวจเก่ามาเทียบเคียง

เป็นยังไงบ้างคะหนูพราว คุณหมอใจดีรักษากันมานานจนคุ้นเคย

สบายดีค่ะ เด็กสาวยิ้มประจบ พราวแข็งแรงจะตาย วิ่งแข่งร้อยเมตรยังได้เลย

ค่ะ แต่ขอให้คุณหมอตรวจผลครั้งนี้อีกทีนะ หนูกินยาเหมือนเดิมหรือเปล่า

กินค่ะ คำตอบหนักแน่น

ไม่แอบทิ้งกระโถนอีกแล้วนะ คุณหมอรู้ทันจับได้หลายครั้งแล้ว

ไม่หรอกค่ะ พราวพิรุณย่นจมูก

ถ้างั้นวันนี้กลับก่อนนะ เอายาเพิ่มด้วย อาจารย์หมอพูดกับหล่อนเท่านี้ก่อนหันบอกเจ้าของไข้ รอผลอีกสักวันสองวันนะคะคุณหญิง แล้วหมอจะติดต่อไป

เสร็จจากการพูดคุยนัดหมาย สองแม่ลูกก็ออกจาห้องตรวจ เด็กสาวเดินหน้ามุ่ยแยกตัวไปอีกทาง

อ้าว...พราวจะไปไหนลูก คุณหญิงเรือนอรถาม

จะไปหาคุณย่า พราวพิรุณตอบงอนๆ

คุณย่า ของหล่อนเป็นผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยมีคุณลุงดำเนินงานดูแลจนมันใหญ่โตมีชื่อเสียง หลังจากคุณย่าเสียชีวิต ทางโรงพยาบาลจัดห้องพิเศษไว้รำลึกถึงผู้ก่อตั้ง ทุกครั้งที่มา พราวพิรุณจะขึ้นไปหา พร้อมหอบเรื่องมากมายระบายให้ฟัง

น้ำฝนหายป่วยแล้ว ไม่มีใครยอมเชื่อสักคน ต้องมาตรวจแล้วตรวจอีก เบื่อจะตายอยู่แล้ว

รูปภาพขนาดใหญ่ของคุณย่าเป็นเสมือนตัวแทนคอยรับฟังเรื่องราวของหล่อนเสมอมา

น้ำฝนไม่อยากเป็นเด็กอ่อนแอให้ทุกคนคอยประคมประหงม น้ำฝนอยากไปเรียนกับเพื่อนๆ อยากเป็นตัวของตัวเองบ้าง คุณย่าขา น้ำฝนมีเรื่องอยากทำเยอะแยะเลย

คุณย่าผู้ใจดี เลี้ยงดูหล่อนมาตั้งแต่เล็กตั้งชื่อให้ว่าน้ำฝน ใช้เรียกกันเอง สองย่าหลานทุ่มเทความรักเอาใจใส่ตามใจเป็นห่วงเสมอมา คุณย่าใจบุญชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ก่อตั้งโรงพยาบาลขึ้นมาเพื่อประโยชน์แก่คนทั่วไป น้ำฝนโตมากับคุณย่าจึงซึมซับความเป็นคนจิตใจดีงามเอื้อเฟื้อชอบช่วยเหลือคน หล่อนจึงมักไปช่วยงานตามมูลนิธิแห่งโน้นแห่งนี้ตามแต่สะดวก ไม่มีใครรู้ว่าเด็กสาวหน้าใสตัวเล็กบอบบางเป็นใคร กระทั่งริวก็ไม่สนใจ ต่างมีความสุขที่ได้ออกเดตช่วยคนด้อยโอกาสแบบไม่ทุ่มเทสุดตัวแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

คุณย่าขา น้ำฝนกลัว ยิ่งระบายออกมา ความรู้สึกส่วนลึกในใจยิ่งปรากฏ ไม่อยากให้หมอตรวจ น้ำฝนกลัวต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง กลัวต้องผ่าตัด กลัวจะ...ไม่ได้เจอพี่ริวอีก

ท้ายเสียงทอดสั่น อารมณ์หวั่นไหว ในห้องไม่มีหน้าต่างแต่กลับมีสายลมเอื่อยๆ หมุนวนรอบร่างเด็กสาว กลิ่นหอมอันคุ้นเคยแตะจมูก กลิ่นน้ำอบคุณย่า ที่ปลายแก้มคล้ายมีมืออันอ่อนโยนสัมผัสผ่าน ราวกับจะปลอบโยน...คุณย่าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง...


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP