วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๑๖


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



เธียรกลับเข้ามาในห้องพร้อมคัมภีร์อาลัมพายน์ ก้องฟ้าดูโล่งใจที่ได้ถ่ายทอดเรื่องประจำตระกูลและผลักภาระรับผิดชอบนี้ให้ลูกชายสำเร็จ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีภูเขาทั้งลูกโยนใส่บ่า เรื่องประหลาดพิสดารไม่น่าเกิดในโลกยุคปีสองพันกว่าที่เทคโนโลยีก้าวไกล ใครจะเชื่อนักเรียนนอกอย่างเขาจะต้องถือคัมภีร์เก่าโบร่ำโบราณมาศึกษาเพื่อหาทางสู้กับพญานาค

ถึงใจหนึ่งยอมรับเรื่องพวกนี้ เพราะเจอประสบการณ์หลายครั้ง แต่ลึกๆ ยังลังเลสงสัย เหตุร้ายทั้งหมดอาจเป็นฝีมือศัตรูทางธุรกิจก็ได้

หากเรื่องพญานาคเป็นจริง คัมภีร์เล่มเล็กๆ จะปราบอิทธิฤทธิ์ร้ายได้อย่างไร

ชายหนุ่มถอนใจกวาดสายตารอบห้องอย่างหดหู่ มันเป็นห้องนอนและห้องทำงานที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์ชั้นยอด เครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ระดับสูง โต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตติดต่อทั่วโลก แต่ที่มุมหนึ่งวางฝากระโปรงรถปอร์เช่ที่มีรอยพญานาคติดหราอย่างเย้ยหยัน

เธียรดูมันใกล้ๆ ร่องรอยเด่นชัดแสลงสายตา เขาให้คนขับรถถอดมาเก็บเพื่อศึกษา ถ้าเชื่อเรื่องประจำตระกูลก็ต้องยอมรับนี่คือรอยพญานาค

เขาเอื้อมมือหยิบมันไปวางทิ้งให้พ้นหูพ้นตา มือข้างหนึ่งถือคัมภีร์และคัมภีร์นั้นโดนรอยพญานาค

เธียรวางฝากระโปรงในที่ที่มันควรอยู่เสร็จต้องตะลึงงัน รอยพญานาคส่วนที่โดนคัมภีร์กลับเลือนหายคล้ายถูกปัดทิ้งเหมือนฝุ่นไร้ค่า ลองใช้คัมภีร์ลูบรอยที่เหลือ เห็นมันค่อยจางลงกลายเป็นเนื้อเหล็กสีด้านๆ แทน

ชายหนุ่มขบริมฝีปาก หยิบคัมภีร์ขึ้นดูอีกครั้ง ความศรัทธาเชื่อมั่นก่อเกิดในใจ ถ้าจะมีอะไรเอาชนะศัตรูร้ายในเงามืดได้ สิ่งนั้นน่าจะอยู่ในคัมภีร์เล่มนี้


ดึกสงัด รอยจันทร์นอนพังพาบดูทีวีอย่างเพลิดเพลิน ริวเพิ่งเข้าบ้านหญิงสาวหันไปหาตั้งใจทักทาย แต่พอเห็นสีหน้าเขาก็ต้องแปลกใจยันตัวขึ้นนั่งเอ่ยถาม

เป็นอะไร สีหน้าริวเหมือนคนแบกข้าวสารมาสักสิบถุง

เหนื่อย เขาตอบสั้นๆ

ไปขุดถนนมาหรือไง รอยจันทร์แซว

เปล่า...ไปนั่งฟังนิทานมาเลยเหนื่อย ริวตอบตรงไม่ปิดบัง

นิทานอะไร ชาวนากับงูเห่าเหรอ หล่อนยังไม่หยุดกวนเขา

ริวหัวเราะขำความพยายามของพี่สาว

เจ๊ ตอนนี้เงินจากถ่ายแบบเล่นละครเป็นพิธีกรมันก็มากพอแล้วละ อย่าคิดเล่นตลกอาชีพเลย ไม่รุ่งหรอก

ไอ้บ้าริว รอยจันทร์โยนหมอนใส่ ริวรับไว้เอามาหนุนหัวนอนดูทีวีข้างๆ

ดูละครเรื่องอะไร เขาถามเหมือนชวนคุย

ก็ดูเอาสิ หล่อนบอกง่ายๆ

อ๋อเรื่องนี้เจ๊ก็เล่นนี่ ดูทำไม น้ำเน่าจะตาย ริวบ่น

นี่...เงินเดือนแกก็มาจากละครน้ำเน่าพวกนี้แหละ

นั่นสิเจ๊ ผมเคยสงสัยนะ ถ้าละครทีวีไทยไม่มีตัวอิจฉานี่คนสร้างเขาจะมีปัญญาทำให้มันดูสนุกได้มั้ย

ถ้าทำได้ฉันก็ตกงานสิวะ รอยจันทร์พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก

ตกงานก็ไปหาอาชีพอื่นทำสิ เรียบจบตั้งปริญญาจะหางานทำไม่ได้หรือไง

แล้วงานอื่นมันจะได้เงินมากพอเลี้ยงแกหรือไง หญิงสาวชักสงสัยคำพูดน้องชาย

ไม่แน่นะ ต่อไปเจ๊อาจไม่ต้องเลี้ยงผมแล้วก็ได้ ริวยิ้มให้ก่อนลุกขึ้นไปห้องนอนชั้นบน

รอยจันทร์ฟังคำพูดนั้นแล้วใจหาย ริวต้องการบอกอะไรกันแน่ ที่ผ่านมาคำพูดทีเล่นทีจริงของเขามักซ่อนจุดประสงค์แท้จริงเสมอ

ริวนอนในห้องทั้งที่ยังไม่เปิดไฟ เหนื่อยจริงอย่างที่บอกรอยจันทร์ เป็นความเหน็ดเหนื่อยทางจิตใจ นิทาน ของพันเกลียวให้ความกระจ่างในเรื่องปัญหาคาใจและเพิ่มภาระที่มองไม่เห็นโยนใส่บ่าเต็มๆ

อดีตชาติเขาคือองครักษ์ขวากุมภนาคราช ส่วนองครักษ์ซ้ายคือชัยยะนาคา ผู้ช่วยคืนพลังพิเศษให้ ทั้งคู่อยู่กับกุมภนาคราชมาตั้งแต่เมืองบาดาลเดิม เคยติดตามเจ้านายไปฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า รับรู้ความขัดแย้งของสองพี่น้องจนกระทั่งหลีกเร้นสิงหานาคราชมาด้วยกัน

พอกุมภนาคราชเกิดเป็นมนุษย์ สิงหานาคราชก็มารังควาน จะให้พวกเขาเป็นบริวารกลับไปนับถือเจ้าปู่เหมือนเดิม แต่ไม่มีใครยอม ศรัทธาที่มีต่อพุทธองค์หยั่งรากลึกแล้ว สิงหานาคราชจึงทำลายเมืองบาดาลของพี่ชายก่อนขึ้นมายังโลกมนุษย์เพื่อสะสางความแค้น

จากนั้นก็อย่างที่รู้ สิงหานาคราชถูกมนต์อาลัมพายน์ผูกมัดเป็นนักโทษที่ซากเมืองบาดาล ส่วนพวกเขาก็หลบเร้นบำเพ็ญศีลที่อื่น จนกระทั่งตัวเขาทัตตะนาคาบารมีเต็มพอที่จะเกิดเป็นมนุษย์มีใจอยากช่วยทายาทตระกูลของกุมภนาคราช พอดีพบกับดวงจิตของมนุษย์ผู้ประพฤติธรรม พ่อของพันเกลียวจึงเกิดสัญญาวางแผนรับมือสิงหานาคราชตอนหลุดจากมนต์อาลัมพายน์ เสียดายที่มนุษย์ผู้นั้นตายก่อน พันเกลียวจึงทำหน้าที่แทน

เวลานี้เขายอมรับมีสายพันธุ์เดียวกับสิงหานาคราช แต่ฝีมือเขาไม่มีทางเทียบได้ ต่อให้มีคัมภีร์ในมือก็เถอะ

พันเกลียวจึงแนะนำ อำนาจนาคาที่อยู่ในร่างมนุษย์จะมีกำลังอ่อนด้อยลงมากมาย ถ้าหากจะปรับระดับของมันให้ใกล้เคียงพลังเดิมก็พอมีวิธีอยู่

วิธีนั้นแหละที่ทำให้ริวเหนื่อยใจ


สถานที่แห่งนั้นเป็นถ้ำกว้างเพดานสูง ตามผนังเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสะท้อนแสงวับแวมราวกับกรวดเพชร ในถ้ำมีเสียงของสายน้ำดังแว่วๆ คล้ายมีลำธารลอดผ่าน พื้นถ้ำเรียบเป็นทรายนุ่ม กลางคูหามีชายหนุ่มร่างสูงเพรียวยืนเด่นสง่าเงยหน้ารับแสงจันทร์ที่ส่องผ่านโพรงถ้ำเบื้องบน

ใบหน้าเขางดงามราวกับถูกสลักเสลาจากประติมากรมือดี โครงหน้าได้สัดส่วนรับกับดวงตากลมยาวลึก จมูกโด่งเป็นสันคล้ายชาวอารยัน ริมฝีปากหนาได้รูปหุบสนิท ผิวที่อาบแสงจันทร์ดูมลังเมลืองสีทองแดงสำริด

เขาอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำสนิท ดวงตาที่เพ่งต่อแสงจันทร์เลื่อนต่ำลงมายังผนังถ้ำ ที่นั่นมีภาพสลักนูนสูงของพญานาคกำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเลเมฆ

ชายผู้นั้นคุกเข่าลงหมอบราบแสดงความเคารพต่อรูปสลักนั้น

ข้า สิงหานาคราชขอแสดงความเคารพต่อเจ้าปู่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งบาดาลนคร

สิงหานาคราช ชายรูปงามผู้โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางความมืดและหินผา พญานาคผู้ทรงฤทธิ์หยิ่งผยองและเต็มไปด้วยเพลิงอาฆาตกำลังคุกเข่าต่อเจ้าปู่ผู้ที่เขาเคารพยึดถือเป็นสรณะสูงสุด

ด้วยบารมีของเจ้าปู่ ข้า จึงพ้นจากมนต์อาลัมพายน์ ยามกล่าวถึงตรงนี้ดวงตาสว่างเจิดจ้า ราวกับบรรจุเพลิงร้อนแรงเอาไว้

แม้วันนี้ข้าจะยังตามหาเจ้ากุมภ พี่ชายนอกคอกไม่พบ สีหน้าเปล่งประกายแค้นเคือง แต่ข้าก็พบทายาทของมัน

รอยกระหยิ่มผุดขึ้นที่มุมปาก เป็นทั้งหมายมาดและเย้ยหยัน

ข้าจะทำให้ทายาทของมันต้องพบกับความวิบัติ สูญเสีย ให้มันได้เห็นวงศ์ตระกูลล่มสลายก่อนจะตายอย่างทุกข์ทรมาน

พูดจบก็ยันร่างขึ้นยืน เงยหน้ามองแสงจันทร์ดังเดิม

ความเจ็บปวดที่ถูกพันธนาการนับร้อยปี จะต้องได้รับการทดแทนสาสม และเมื่อนั้นข้าจะตามหาเจ้ากุมภ ไม่ว่าจะอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าไหน ข้ารับรองจะลากคอมันให้มาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเจ้าปู่ที่กึ่งหล้าบาดาล ให้มันขอขมาในความโง่เขลาที่ไม่ยอมนับถือท่าน

ใบหน้าที่เชิดสูงบอกถึงความหยิ่งทระนงและมั่นใจในศรัทธาของตนยิ่ง

เจ้าปู่ คือผู้สูงส่ง เป็นพญานาคที่กระทั่งปวงเทพและเหล่าครุฑทั้งหลายเกรงกลัว มีอิทธิอำนาจเหนือฟ้าดิน มีอายุยืนยาวมิอาจนับได้ ท้ายสุดท่านหลบเร้นบำเพ็ญตบะจนกลายเป็นนาคราชทองคำสถิตอยู่กึ่งหล้าบาดาล ให้ลูกหลานเคารพบูชา

กุมภนาคราชทำผิดร้ายแรงที่บังอาจมีใจเป็นอื่นไม่ยอมเชื่อฟังทำตามบรรพบุรุษ สิงหานาคราชทำถูกต้องแล้วที่ตามลงโทษพี่ชายและสายเลือดของเขา

อีกไม่นานนักหรอกเขาจะลากคอกุมภนาคราชไปยังกึ่งหล้าบาดาล หน้าที่สถิตนาคราชทองคำของเจ้าปู่ ให้มันก้มหัวยอมรับความโง่เขลาของตน...ไม่นาน


รถตู้รายการมิติเร้นแล่นมาจอดที่หน้าโรงแรมในจังหวัดอุดรธานี ทีมงานที่มาเป็นชุดเดิม พี่แพทผู้กำกับรายการ โหน่งตากล้อง รอยจันทร์พิธีกร ริวผู้จัดการ และลุงคนขับรถคนเดิม ชาวคณะลงจากรถด้วยอาการเมื่อยขบ นั่งรถจากกรุงเทพฯ มาหลายชั่วโมงถึงที่หมายก็เย็นพอดี

เช็กอินก่อนนะเดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกินกัน พี่แพทสั่งในฐานะหัวหน้าคณะ

หวังว่าโรงแรมนี้ไม่มีผีสิงอีกนะครับ ริวอดแหย่พี่สาวไม่ได้

เฮ้ยไม่มีน่า เขาเพิ่งสร้างไม่กี่ปีเองพี่เช็กมาแล้ว พี่แพทรีบตอบ กลัวหญิงสาวคนเดียวขวัญเสีย

ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ ก่อนมาคราวนี้รอยทำใจแล้ว รอยจันทร์ยิ้มหวานก่อนพูดต่อรอยขอห้องเตียงคู่นะคะ จะลากไอ้ริวไปนอนด้วย

ได้ยังไงเจ๊เดี๋ยวคนจะมองไม่งามนะ ริวแกล้งทำกระบิดกระบวน

นี่...ภาพพจน์ฉันมันก็ไม่ดีเท่าไหร่หรอก แค่หิ้วน้องชายเข้าโรงแรมมันก็จะไปหนักหนาอะไร

ชายหนุ่มอมยิ้มขี้เกียจต่อปากคำ โหน่งทำหน้าที่เช็กอิน จากนั้นทั้งคณะก็ได้ห้องสองห้องติดกัน ริวกับรอยจันทร์ และพี่แพท โหน่ง ลุงอยู่อีกห้อง


หลังอาหารมื้อค่ำคณะทีมงานแยกกันพักผ่อน พี่แพทกับโหน่งนัดกันหาอะไรดื่มตามประสาหนุ่มโสด ทีแรกก็ชวนริวด้วยแต่เจ้าตัวปฏิเสธ อ้างต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่สาว แต่พอขึ้นมาที่ห้องพักกลับอาบน้ำแต่งตัวใหม่เตรียมออกไปข้างนอก

ไหนว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉันไง รอยจันทร์พูดกับน้องชายด้วยความหมั่นไส้

อย่าบ่นน่า เจ๊ไม่ได้พิศวาสอะไรผมมากมายสักหน่อย อยู่คนเดียวได้ห้องนี้ไม่มีผีหรอก ชายหนุ่มรับรอง

จะไปหาสาวอีสานรอรักที่ไหนยะ หญิงสาวแกล้งถาม

ไม่เกี่ยวกับสาวแถวนี้หรอก อย่าเดาเปะปะ ขณะพูดก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพอดี

ชักพูดจากำกวมมีความลับนะ หล่อนรู้ทัน

รู้ว่าความลับก็อย่าสงสัยให้มากนักสิ ริวนั่งลงบนเตียงข้างๆ ถ้าคืนนี้ไม่กลับไม่ต้องเป็นห่วงนะ คิดว่าไม่เกินสายๆ คงมาทัน ก่อนรถออกไปคำชะโนด

คณะมิติเร้นเที่ยวนี้มีโปรแกรมถ่ายทำที่ป่าคำชะโนด อำเภอบ้านดุง ที่เชื่อว่ามีบ่อพญานาค รายการนี้สืบเนื่องจากการออกอากาศเรื่องบั้งไฟพญานาคแล้วมีผู้สนใจขอให้ตามเรื่องพวกนี้อีก

รอยจันทร์มองหน้าน้องชายอย่างนึกเป็นห่วง ถึงรู้ว่าเขาสามารถเอาตัวรอดได้ก็ตาม หลายสิ่งรอบตัวขณะนี้เต็มไปด้วยเรื่องแปลกประหลาด ขนาดคนไม่มีสัมผัสพิเศษอย่างหล่อนยังรู้สึก แล้วจะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร

ที่ที่จะไปมันอันตรายมั้ย

รอยเชื่อฝีมือน้องชายตัวเองหรือเปล่า ยามใดที่ริวเรียกชื่อตรงๆ แสดงว่าเขาไม่ล้อเล่น

อือ... ไม่รู้จะตอบอะไรดีกว่านี้

ริวออกจากห้อง รอยจันทร์หยิบสคริปต์สำหรับงานวันพรุ่งนี้มาอ่านทบทวนทั้งที่ใจแทบไม่มีสมาธิกับงานเลย ทุกครั้งที่ริวทำตัวลึกลับหล่อนไม่เคยสบายใจ เหมือนเขาอยู่อีกโลกซึ่งตนเองไม่อาจก้าวล่วงข้องเกี่ยว อย่างคืนนี้ รอยจันทร์อยากรู้จริงๆ ว่าริวไปไหน

ริวตอบใครไม่ได้จะไปที่ไหน...รู้เพียงแค่จะทำอะไร

พันเกลียวบอกว่าอำนาจนาคาของเขายังอ่อนด้อยหากเทียบกับพลังเดิมที่มี ถ้าต้องการปรับระดับต้องลงแช่บ่อนาคราช ให้ไอแห่งบาดาลซึมซาบสู่ร่างกระตุ้นอำนาจนาคาที่ได้รับจากจิตให้กระจายทั่วร่างกาย จะทำที่ไหนอย่างไรหล่อนไม่อธิบาย บอกแค่ให้เขาออกมารอที่หน้าโรงแรม จะมีรถมารับเอง

ชายหนุ่มเดินออกจากลิฟต์มือล้วงกระเป๋าหยิบเกล็ดนาคาออกมา คราวนี้มันอยู่ในสายเชือกถักเรียบร้อย รอยจันทร์เลิกถามถึงมันแล้ว แต่ริวก็ไม่อยากให้หล่อนเห็นตอนหยิบมาคล้องคอ

ยืนรอหน้าโรงแรมไม่ถึงสามนาที รถกระบะสี่คูณสี่ก็แล่นมาเทียบจอดอยู่ตรงหน้า กระจบรถเลื่อนลง คนขับเป็นชายแปลกหน้าไม่ยักหันมามองเขา

เชิญ คำพูดเรียบลึก คุ้นหู ริวเปิดประตูก้าวขึ้นรถอย่างไม่ลังเล

รถแล่นช้าๆ ออกจากโรงแรมมุ่งสู่ถนนสายรอบเมือง จากนั้นวิ่งตัดตรงตามเส้นทางอุดร-เลย ตลอดระยะทางที่นั่งบนรถคนขับไม่เอ่ยปากสักคำนัยน์ตามองยังถนนเบื้องหน้า แสงไฟกราดเป็นลำส่องให้เห็นทางโล่งว่าง

ริวเหลือบตามองโชเฟอร์นึกยังไงก็ตอบไม่ได้เคยเห็นที่ไหน หน้าตาอย่างนี้อาจไม่คุ้นแต่กิริยาแข็งๆ ทื่อๆ มันสะดุดใจจึงมองใหม่อีกทีสำรวมจิตมองด้วยสมาธิ คราวนี้พบอีกใบหน้าซ้อนเหลื่อมเป็นเงาๆ ดวงตากลมโปนริมฝีปากหนาตัวดำผมหยิก เห็นคราวนี้ค่อยจำได้เป็นชายที่เปิดประตูบ้านพันเกลียว

คุณพันเกลียวไม่มาด้วยหรือครับ ริวถามลอยๆ มีผลให้ชายคนนั้นหันมามองหน้าแวบหนึ่ง

ไม่ คำตอบสั้นจนแทบฟังไม่ทัน

จะพาผมไปที่ไหน ถามเรื่อยเปื่อยมากกว่าอยากรู้จริง

ต้องการไปที่ไหนล่ะ ถูกย้อนเช่นนี้ก็ตอบไม่ถูก

ตอนนี้คุณพันเกลียวอยู่ที่ไหน

กรุงเทพฯ

เธอใช้ให้น้ามาช่วยผมเหรอ เรียกไปเรียกมาเริ่มนับญาติ

ใช่

น้าอยู่บ้านคุณพันเกลียวนานหรือยัง

นานแล้ว

เฝ้าบ้านให้เธอเหรอ

ใช่

ที่คุณพันเกลียวเธอเก่งขนาดนี้ใครเป็นคนสอนเธอเหรอน้า

พ่อของเธอ

แปลกนะหน้าตาสวยๆ กลับฝึกวิชาเวทมนตร์ฝึกจิต อย่างนี้เธอเคยมีความรักบ้างมั้ย

เงียบบ้างได้หรือไม่ ผู้ตอบคงรำคาญเหลือทน

ริวหัวเราะพรืด มันเป็นนิสัยเขาที่ชอบพูดหยอกเรื่อยเปื่อยโดยไม่คิดจริงจัง ไม่รู้คนฟังจะรำคาญตอนไหน

ครับผม เขาตอบรับหนักแน่น ล้อเลียน

ในรถเงียบกริบคนช่างพูดกำลังสงบปากคำส่วนคนขับสองวิญญาณยิ่งไม่พูดมากเกินจำเป็น รถแล่นแยกจากถนนหลักเข้าสู่สายย่อยและทางลูกรัง เส้นทางขับสูงขึ้นเรื่อยๆ โชคดีที่ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อจึงสามารถขับตามทางชันได้สะดวกไม่มีปัญหา

สองข้างทางมีแต่ป่า ถนนที่รถวิ่งได้ไม่อยู่ในสภาพดีนัก ความเงียบตลอดแนวถูกรบกวนด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่พยายามไต่ตามทางชันทอดขึ้นเขา เสียเวลาครู่ใหญ่กว่าจะโขยกเขยกขึ้นมาถึงจุดหมาย

ดับเครื่องยนต์ โชเฟอร์ปรับเบาะเอนนอนหลับตาจมดิ่งสู่ห้วงนิทรารวดเร็ว ริวเห็นอย่างนั้นก็ตั้งใจโวยวายปลุกให้ตื่น พอนึกได้ค่อยยิ้มออก

ร่างชายคนนี้หมดหน้าที่แล้ว สมควรปล่อยให้นอนพัก ผู้นำทางจริงๆ อยู่นอกรถ

ริวคิดถูกพอละสายตาจากโชเฟอร์นิทราไปนอกกระจกก็พบชายร่างใหญ่ดำทะมึนยืนคอยอย่างสงบจนอดขันไม่ได้ น้าแกเคร่งครัดหน้าที่อย่างกับเป็นบอดี้การ์ดมือดีในเมืองผี

ลงจากรถยังไม่ทันพูดอะไรฝ่ายตรงข้ามขยับริมฝีปากมีเสียงก้องในสมอง

ที่นี่เป็นบริเวณบำเพ็ญภาวนาของผู้ทรงศีล อย่าทำลายความสงบของท่าน ตามเรามาแล้วก็ปิดปากเสีย

ชายหนุ่มโคลงหัวอย่างอ่อนใจ เอ้า...ว่าไงว่าตามกัน น้าไม่ให้ผมพูด ผมก็จะปิดปากทำตัวเรียบร้อย ไม่ยากหรอก

ผู้นำทางก้าวเดินตามทางเส้นเล็กๆ อย่างคุ้นเคย รวดเร็ว ริวรีบตามโดยไม่ส่งเสียง ระวังกิ่งไม้ไม่ให้ปัดโดนหน้า เห็นคนนำหน้าเดินลิ่วๆ อดฉุนไม่ได้...น้าเป็นผีจะเดินลุยยังไงก็ไม่ชนต้นไม้ต้นไร่อยู่แล้ว ผมเป็นคนนะครับ มืดอย่างนี้ จะให้เดินดุ่มๆ อย่างน้าเดี๋ยวพลาดไปซวยเปล่าๆ

ดูเหมือนคำบ่นในใจจะกระทบถึงผู้นำทาง ฝีเท้าจึงผ่อนลง ไม่กี่นาทีก็บรรลุถึงปากถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง มองจากภายนอกเห็นแต่ความมืดมิด แยกไม่ออกระหว่างผนังถ้ำกับทางเดิน




บทที่ ๑๓



ขณะริวสงสัยจะเข้าไปอย่างไรด้านในก็บังเกิดแสงตะเกียงหรุบหรู่เคลื่อนมาทางปากถ้ำ ผู้นำแสงสว่างปรากฏตัวต่อหน้า

แสงแม้น้อยนิดแต่มากพอที่จะส่องให้เห็นใบหน้าผู้รอคอย ริวพบคนผู้นี้อีกครั้ง ในใจบังเกิดความยินดี ครั้งหนึ่งเคยพบกันทางดวงจิต วาระนี้ได้เห็นด้วยสภาพตาเนื้อ

บุคคลผู้นั้น ชัยยะนาคา...ผู้เป็นองครักษ์ซ้ายแห่งกุมภนาคราช เพื่อนของเขาในอดีตชาติ

ยินดีที่ได้พบอีกครั้ง ชัยยะนาคาทักทาย

เช่นกัน ริวตอบอย่างยินดี

รู้แล้วใช่มั้ยว่ามาด้วยจุดประสงค์ใด

ใช่

คำพูดจามีไม่มากเลยสำหรับสหาย ใจต่อใจที่แสดงความยินดีต่อกันต่างหากที่สำคัญ

เบื้องหน้าเป็นบ่อน้ำซ่อนตัวอยู่หลืบถ้ำขนาดของมันไม่กว้างนักอาศัยชิดมุมถ้ำสองด้าน จึงไม่แน่ใจเบื้องใต้จะมีความกว้างแท้จริงเท่าไหร่ แสงตะเกียงวับแวมส่องจับริ้วระลอกน้อยๆ ลึกลงไปเป็นความมืดยากจะหยั่ง

ริวมองหน้าชัยยะนาคาเป็นเชิงถามเขาควรทำตัวอย่างไร

ทำใจให้เป็นหนึ่ง ไม่หวั่นต่อความตาย คำตอบมีเพียงสองประโยค

โอเค มาถึงขั้นนี้เป็นไงเป็นกัน

ชายหนุ่มถอดเสื้อพับวางบนปากบ่อเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างคอคล้องสายเกล็ดนาคา ชัยยะนาคามองเกล็ดนั่นด้วยนัยน์ตาเปี่ยมรอยยิ้ม

ทัตตะ เสียงเรียกชื่อไม่คุ้น ข้าดีใจที่เพื่อนมาถึงที่นี่

ริวพยักหน้า นึกไม่ออกควรพูดอย่างไร เขาต้องการเป็นผู้กอบกู้ตระกูลนาคพิทักษ์หรือไม่...ตั้งแต่แรกที่พบพันเกลียวได้เกล็ดนาคา ชีวิตก็เหมือนถูกจัดวางให้เดินตามล๊อกไม่รู้ตัว...มีอำนาจพิเศษ ได้พบเธียร ถอนพิษนาคราช ประกาศตัวต่อสู้กับสิงหานาคราช รับรู้เรื่องราวอาฆาต กระทั่งต้องมาปรับพลัง จะว่าไปมันแทบไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด ทายาทตระกูลนาคพิทักษ์ต่างหากควรทำหน้าที่นี้

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าควรดีใจมั้ย และทำถูกหรือเปล่า ถ้าก้าวรับอำนาจนาคาเต็มตัวเช่นนี้ เขาคงไม่มีชีวิตราบเรียบเป็นสุขดังเดิมแน่

ทุกสิ่งที่ผ่านมาล้วนเป็นความต้องการของเพื่อนทั้งนั้น เพียงยังระลึกไม่ได้เท่านั้นเอง

พูดอย่างนี้แสดงว่าต้องระลึกชาติอีกแล้ว มันทำให้ได้คิด การกระทำใดๆ ต่อให้ล่วงเลยมานานสักเพียงใด จะจดจำได้หรือไม่ ผลของมันย่อมติดตามมาแน่นอน

ยื่นเท้าหยั่งความลึก น้ำค่อนข้างเย็นเบื้องล่างมีเชิงหินพอให้พักเท้า ก้าวต่อไปอีกจึงทราบความลึกอีกขั้น พออยู่กลางบ่อน้ำท่วมปริ่มถึงเอว

ตั้งสติให้ดี จากนี้ไปจะเปิดประตูบาดาลแล้ว ชัยยะกล่าว ร่างยืนกลางแสงตะเกียงดูวูบวาบราวกับจางหายได้ทุกเมื่อ

ริวสูดลมหายใจยาวลึก น้ำยิ่งเย็นกว่าเดิม ไอหมอกขาวลอยปริ่มเหนือผิวน้ำ กลิ่นกำยานหอมกรุ่นกำจาย แสงตะเกียงดับลง ชัยยะนาคาสาบสูญ รอบตัวตกอยู่ในความมืดยิ่งกว่ามืด


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP