วรรณกรรมนำใจ Lite Literature
เพลิงนาคา ๑๕
ชลนิล
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
เธียรสงบใจฟังพ่อเล่าเรื่องที่มาของตระกูลนาคพิทักษ์ มันฟังเหลือเชื่อเสียจนคิดว่าผู้เล่าเป็นบ้า แต่สีหน้าสงบและหลักฐานที่ถูกบันทึกในหนังสือล้วนยืนยันก้องฟ้าพูดความจริง
“ต้นตระกูลเราสืบเชื้อสายมาจากพญานาค” เพียงประโยคแรกก็สร้างความตะลึงงันแก่ผู้ฟังแล้ว “ที่พอสืบสาวได้น่าจะเป็นปลายอยุธยาก่อนกรุงแตก...”
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนาคกับมนุษย์มีมานานแล้ว ตามตำนานเขมรมีเรื่องของพระยาทองกับนางทาวดีบุตรีพญานาคผู้สร้างกรุงกัมพูชา ทั้งคู่มีพระโอรสชื่อพระเกตุมาลาและสืบราชสมบัติเขมรต่อมาอีกสามชั่วกษัตริย์ กระทั่งสมเด็จพระอุทัยราชก็ยังมีมเหสีเป็นนาค มีพระโอรสนามพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ ด้วยเหตุนี้กัมพูชาจึงมีสถาปัตยกรรมรูปนาคในลักษณะต่างๆ ปรากฏทั่วไป เพราะถือว่าพญานาคเป็นผู้สร้างและปกป้องคุ้มครองเมือง
เธียรไม่จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักในใจว่าควรเชื่อหรือไม่ หน้าที่เขาคือฟัง
คำบอกเล่าต่อมาเหมือนกับนิยายรักระหว่างสาวกรุงแตกหนีภัยพม่าพบกับมาณพหนุ่มใบหน้าหมดจด ได้รับความช่วยเหลือจากเขาจนเกิดเป็นความรัก ความรักเช่นนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้เพราะหญิงสาวเป็นมนุษย์แต่ฝ่ายชายเป็นนาค แต่ใครเล่าจะรู้ยามดอกรักบานในหัวใจ ต่อให้ต่างเพศต่างเผ่าพันธุ์ก็จักฝืนข้ามเขตแดนมารักกัน
หญิงสาวตั้งท้องคลอดลูกเป็นผู้ชาย พญานาคจำต้องกลับสู่บาดาลไม่อาจอยู่บนโลกมนุษย์ได้ตลอด ก่อนไปได้นำสมบัติมาทิ้งให้มากมาย พอใช้ถึงชั่วลูกหลาน
เมื่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ลูกชายนางเข้ารับราชการมีตำแหน่งใหญ่โต อาศัยทรัพย์สมบัติเดิมที่มียิ่งทำให้มีบารมีผู้คนเกรงกลัว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาขาดคือบุตรของตน ไม่ว่าจะมีเมียกี่คนก็ไม่สามารถให้บุตรได้ จนต้องบวงสรวงขอต่อพญานาคผู้เป็นพ่อในที่สุดก็ได้ลูกชายมาเชยชม
ชีวิตที่น่าเป็นสุขสมบูรณ์กลับพลิกผันต้องสูญเสียตำแหน่งข้าราชการด้วยผิดใจกับผู้ใหญ่ ทรัพย์สมบัติที่มีก็ร่อยหรอจนน่าวิตก คล้ายลูกชายที่เกิดเป็นตัวกาลกิณีมาเพื่อทำลายวงศ์ตระกูลโดยแท้
แต่ไม่ใช่...ลูกคนนี้แท้จริงคือพญานาคผู้เป็นบิดากลับมาเกิดและเหตุร้ายประดามีก็เพราะพญานาคผู้เป็นศัตรูบิดาตามมาราวี
เรื่องทั้งหมดมาจากปากลูกชายที่สามารถระลึกชาติได้มีอำนาจนาคาบารมีเดิมแต่เก่าก่อน
พญานาคผู้เป็นศัตรูมีฤทธิ์ร้ายนัก โกรธแค้นกันด้วยเรื่องใดไม่ปรากฏ คอยตามราวีมานานตั้งแต่ฝ่ายหนึ่งเป็นพญานาคยันได้เกิดเป็นมนุษย์
จนมีการปะทะกันครั้งสุดท้าย พญานาคผู้เกิดเป็นมนุษย์สามารถสยบคู่แค้นได้ ผูกมัดด้วยมนตราจนสิ้นฤทธิ์ พายุร้ายค่อยจางหายตระกูลกลับสู่ความสงบเรียบร้อย
พญานาคผู้เกิดเป็นมนุษย์ได้ลาทุกคนไปบวช ก่อนไปบอกว่าอำนาจมนตราที่พันธนาการพญานาคคู่แค้นนั้นจะมีการเสื่อมวันหนึ่งในกาลข้างหน้า ขอให้ลูกหลานทุกคนอย่าได้ตั้งอยู่ในความประมาท จากนั้นทิ้งคัมภีร์ไว้เล่มหนึ่งเพื่อใช้ปราบพญานาคตนนี้ในอนาคต
“คัมภีร์อะไรครับ” เธียรไม่อาจสะกดใจต้องหลุดปากถามด้วยความอยากรู้
ก้องฟ้าไม่ตอบ มือหยิบหนังสือปกอ่อนเล่มบางๆ เลื่อนวางไว้ให้...ความเก่าของมันน่าจะมีอายุหลายสิบหรือไม่ก็น่าจะเกินร้อยปี ชายหนุ่มรับมาด้วยใจเต้นระทึก
ชื่อของสิงหานาคราชหลุดจากปากพันเกลียวแทบจะตั้งแต่เริ่มในประโยคแรก เรื่องพวกนี้อาจเหมือนนิทานสำหรับคนทั่วไป แต่กับคนที่เผชิญอิทธิฤทธิ์ของพญานาคตนนี้จนสะบักสะบอมเกือบเอาชีวิตไม่รอด คงไม่มีทางคิดว่ามันเป็นแค่นิทานแน่
สมัยก่อนพุทธกาลนาคในเมืองของสองพี่น้องต่างเคารพ “เจ้าปู่” เป็นสรณะที่พึ่งยกย่องนับถือเสมอดังเทพเจ้า จนกระทั่งพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เทศนาสั่งสอนปวงสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยชี้ทางอันเกษมที่สามารถดับทุกข์หลุดพ้นจากวัฎสงสารได้
กุมภนาคราชได้รับทราบกิตติศัพท์แห่งพุทธองค์ก็พาบริวารดั้นด้นเข้าฟังธรรม จิตใจเกิดปีติถวายตัวเป็นอุบาสก น้อมรับไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งและกลับไปบอกสิงหานาคราชน้องชายถึงธรรมอันประเสริฐ ชักชวนให้น้อมรับไตรสรณคมน์แทนการนับถือบูชา “เจ้าปู่” แต่สิงหานาคราชมีจิตมิจฉาทิฐิ ไม่ยอมรับธรรมะ มั่นใจ หยิ่งผยองในฤทธิ์อำนาจตนว่าไม่มีผู้ใดเทียบเคียง ศรัทธาองค์เจ้าปู่ผู้เป็นต้นตำรับแห่งกฤตยาคม ไม่ยอมเชื่อจะมีผู้ใดยิ่งใหญ่กว่า แม้พี่ชายจะชักจูงเข้าเฝ้าองค์ผู้มีพระภาคเจ้าก็ไม่ยอม
สุดท้ายกุมภนาคราชก็ต้องยอมถอยต่อทิฐิน้องชาย นำบริวารที่เคารพศรัทธาตนไปบำเพ็ญศีลเจริญตบะอยู่ต่างหาก ทำให้สิงหานาคราชไม่พอใจ สั่งบริวารให้คอยรบกวนการถือศีลของพี่ชาย แต่บริวารเหล่านั้นกลับได้รับการสั่งสอนจากกุมภนาคราชจนเกิดศรัทธาในธรรม น้อมรับเป็นอุบาสกติดตามกันจนหมด
สิงหานาคราชโกรธจัดใช้อิทธิฤทธิ์ประดามีสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย จนในที่สุดกุมภนาคราชพาบริวารเลื้อยหนี ล่องมาตามแม่น้ำสายยาวจนพบดินแดนที่เป็นสัปปายะเหมาะสมต่อการบำเพ็ญเพียรเพื่อจะได้พ้นภพภูมิเดรัจฉานขึ้นสู่ความเป็นมนุษย์
รอบเขตแดนใหม่ถูกกุมภนาคราชสร้างเกราะกำแพงแก้วทำให้สิงหานาคราชไม่สามารถล่วงล้ำเข้ามาก่อกวนได้ เหล่านาคบริวารต่างถือศีล บำเพ็ญบารมีอย่างเป็นสุขสงบ
“จบแล้วหรือครับ” ริวถามเมื่อเห็นพันเกลียวยกน้ำส้มขึ้นจิบ
“ยัง...นี่เพิ่งเริ่มต้นต่างหาก” หญิงสาวตอบเรียบๆ
“แค่เริ่มต้นยังน่าสนใจขนาดนี้ เนื้อเรื่องต่อไปคงสนุกน่าดู” เขาพูดเหมือนเด็กๆ
“นี่ไม่ใช่นิยายนะ” พันเกลียวปรามด้วยปากและตา
ริวหน้าม่อยนัยน์ตายังแจ่มใสเหมือนเด็กซนถูกผู้ใหญ่ดุ
นอกบ้านมืดแล้ว บริเวณรอบๆ ค่อนข้างเงียบสงบจนไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในกรุงเทพฯ
“ครับ...เล่าต่อก็ได้ แต่คุณหิวหรือยัง ค่ำแล้วนะ” ริวถาม
“ไม่เป็นไรแค่น้ำส้มแก้วเดียวนี่ก็พอ”
“คุณถือศีลแปดเหรอ” ริวสงสัย
“เปล่า ถ้าฉันถือศีลแปดคงไม่เหมาะที่จะมานั่งคุยกับคุณแบบนี้” คำพูดเรียบเฉยเหมือนหล่อนรักษาอารมณ์ตนเอง
“หรือครับ งั้นผมชงกาแฟให้อีกแก้วดีมั้ย ผมชงอร่อยนะ” เขาเสนอทั้งที่จริงตัวเองหิว
“ไม่เป็นไร” หล่อนตอบง่ายๆ “ฉันเป็นเจ้าของบ้านนะ”
พูดอย่างนี้บอกให้รู้ว่าหน้าที่นี้ควรเป็นของใคร
“ครับ” ริวอุบอิบ
“ถ้าคุณหิวก็ทนเอาหน่อย” หล่อนพูดเหมือนรู้ “ฉันจะเล่าให้รวบรัดกว่านี้ คุณจะได้ออกไปหาอะไรกินข้างนอก”
ฟังอย่างนี้เหมือนจะโดนไล่ออกจากบ้านยังไงไม่รู้ ริวจึงไม่กล้าพูดอะไร
พันเกลียวเริ่มต้นเล่าต่อ...
“เรื่องของกุมภนาคราชและบริวารน่าจะจบแค่นี้ ถ้ากุมภนาคราชไม่มีโอกาสพบความรัก เป็นรักระหว่างพญานาครักสงบกับหญิงสาวผู้หนีไฟสงคราม ทั้งคู่ให้กำเนิดพยานรักด้วยกันหนึ่งคน แต่กุมภนาคราชไม่อาจอยู่บนโลกได้ตลอด สุดท้ายต้องจำลาจากนางคนรักโดยนำทรัพย์สมบัติจากนาคพิภพทิ้งไว้ให้จำนวนมาก จนนางสามารถใช้เลี้ยงดูตนเองและบุตรยันชั่วลูกหลาน”
“ขอโทษครับ ผมสงสัย” ริวขัดขึ้นไม่อาจรอฟังจนจบ
“จะถามเรื่องนาคกับมนุษย์สามารถมีลูกด้วยกันได้จริงหรือไม่” พันเกลียวดัก
“ก็...มันไม่น่าเชื่อ” ชายหนุ่มอ้อมแอ้ม นึกเกรงใจที่ขัดจังหวะ
“ตามตำนานเขมรมีความเชื่อว่ากษัตริย์ตนสืบเชื้อสายจากพญานาค มีพญานาคสร้างเมืองให้ นิทานจีนยังมีเรื่องนางพญางูขาวที่มารักกับคน จนเกิดบุตรชาย และก็มีความเชื่ออีกสายบอกว่าพญานาคเป็นเทพพวกหนึ่งมีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงกายได้หลายอย่าง สามารถแปลงกายสมสู่กับมนุษย์ได้”
พันเกลียวพูดยืดยาว ไม่เน้นน้ำหนักเสียงยืนยัน
“แต่เท่าที่ผมรู้” ริวพูดบ้าง “พญานาคจัดอยู่ในหมวดสัตว์เดรัจฉานถือกำเนิดด้วยเหตุอกุศลแต่ดำรงตนด้วยอำนาจบุญกุศล มีความเป็นอยู่เป็นทิพย์ อาจเรียกว่าเทพติรัจฉาน รู้บุญ รู้บาป รู้จักรักษาศีล บำเพ็ญตบะธรรม มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปแต่ไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลได้ ก็ไม่น่าเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในแง่นั้นได้”
ที่เขาพูดทั้งหมดสรุปเอาเท่าที่อ่านจากหนังสือ ต่อให้ตนเองมีอำนาจนาคาแต่สัญญาอดีตชาติไม่ได้กลับคืน ไม่อาจล่วงรู้สภาวะแท้จริงของพญานาคได้
พันเกลียวไม่เถียง หล่อนใช้คำพูดเป็นกลางแทนคำตอบ
“เรื่องนี้สุดแต่ใครจะมีความเห็นด้านไหน ถ้าเชื่อก็ยอมรับ ถ้าไม่เชื่อก็ลังเลสงสัย ไม่ก็ปฏิเสธไปเท่านั้นเอง”
ริวเข้าใจประเด็นนี้มันไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่อยากรู้คือเหตุใดสิงหานาคราชถึงต้องการทำลายล้างตระกูลนาคพิทักษ์เท่านั้น
“เอาเป็นว่าผมยอมรับก็แล้วกัน เรื่องหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อครับ”
“การที่กุมภนาคราชพาบริวารมาหลบบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีก็เพื่อเลื่อนชั้นภพภูมิของตนจะได้เกิดเป็นมนุษย์มีโอกาสบวชเรียน เจริญธรรมเพื่อหวังมรรคผลตามที่องค์ศาสดาสั่งสอน”
“อ๋อ เรื่องนี้ผมได้ยินบ่อยที่พญานาคปลอมตัวมาขอบวชแต่ถูกจับได้จึงต้องลาสึกไป แล้วขอให้ทิ้งชื่อไว้” เขาหลุดปากอีกจนได้
พันเกลียวไม่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อถูกขัดจังหวะ หล่อนรอให้เขาพูดจบจึงดำเนินเรื่องต่อ
“หลังจากกุมภนาคราชลาลูกเมียกลับเมืองบาดาลก็เร่งถือศีล บำเพ็ญบารมีเพื่อหวังจะหนีภพภูมิเดิมโดยเร็ว ที่สุดก็สำเร็จ ได้เกิดเป็นมนุษย์สมใจในครรภ์ลูกสะใภ้ตัวเอง”
“แสดงว่าเกิดเป็นลูกของลูกอีกที” ริวแสดงความเข้าใจเป็นคำพูด
“เรื่องราวน่าจะดำเนินด้วยดี แต่ทว่าเมื่อกุมภนาคราชเกิดเป็นมนุษย์ กำแพงแก้วที่ก่อกั้นสิงหานาคราชก็เสื่อม เป็นเหตุให้พญานาคผู้น้องเข้ามารบกวน ยิ่งรู้ว่าพี่ชายไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ยิ่งมีความคั่งแค้น หาว่ารังเกียจสภาพความเป็นเดรัจฉานของตัว ไม่มีความอาลัยในนาคพิภพ จึงขึ้นมารบกวนพี่ชายบนโลก ก่อความเสียหายให้กับครอบครัวผู้ให้กำเนิด จนกุมภนาคราชคืนความจำชาติก่อนมีอำนาจนาคา คิดจะปราบพญานาคผู้น้อง แต่เมื่อครองร่างมนุษย์พลังที่มีจึงลดน้อยไม่สามารถสยบสิงหานาคราชได้ จำต้องเสาะหาวิชามาใช้ปราบโดยเฉพาะ”
“แล้วเจอมั้ยครับ” ริวรีบถามด้วยความอยากรู้
“เจอ” พันเกลียวตอบ
“มันเป็นวิชาอะไรหรือ” ถ้าได้คำตอบมันจะเป็นวิธีสู้กับสิงหานาคราชได้
“มนต์อาลัมพายน์” พันเกลียวตอบ
มนต์นี้เป็นเช่นไร มีความเป็นมาสำคัญอย่างไร ถึงสามารถสยบพญานาคผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ได้...
ริวชะงักคำถามต่างๆ ไว้ที่ริมฝีปาก ในสมองเหมือนมีประกายสว่างแวบผ่าน...มนต์อาลัมพายน์คำนี้ก่อให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงในใจ คล้ายมันกำลังกวนความทรงจำที่หลบเร้นให้ฟื้นคืนกลับมา
บทที่ ๑๒
เธียรรับ “คัมภีร์” มาด้วยมืออันเย็นเฉียบใจสั่นระรัวกลัวมันจะเปื่อยยุ่ยคามือ บรรยากาศเงียบงันขรึมเคร่งของห้องหนังสือยิ่งกดดันให้เกิดความหวั่นหวาดไม่เป็นตัวของตัวเอง
“คัมภีร์อาลัมพายน์” ชื่อหน้าปกลอยเด่นเตะตา
สิ่งนี้หรือคือคู่ปรับกับพญานาคศัตรูร้าย
“คัมภีร์อาลัมพายน์คืออะไรครับ” เธียรถามบิดา
“คือมนต์สะกดพญานาคตนนั้นไว้ ไม่ให้แสดงฤทธิ์ต่อพวกเรา”
“แสดงว่าถึงวันนี้ มนต์นั้นเสื่อมลงแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำ
“คงใช่” ก้องฟ้าตอบอย่างไม่มั่นใจ เงาดำที่เห็นกับพญานาคล้วนอยู่ในความฝันจึงไม่กล้าปักใจทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์
“พ่อรู้มั้ย พญานาคตนนั้นโกรธแค้นอะไรต้นตระกูลเรา” มันคือปัญหาคาใจเธียร
“ไม่รู้ ไม่มีการบันทึกไว้”
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องเก่าไม่ต้องพูดถึง” เธียรทำใจยอมรับ
“แค่บรรพบุรุษเราสะกดกักขังเขาไว้เป็นร้อย สองร้อยปีแบบนี้ ความแค้นมันก็มากพอจะล้างตระกูลกันแล้ว”
ก้องฟ้าหรี่ตามองลูกชาย แทบไม่อยากเชื่อ เธียรจะเข้าใจและยอมรับเรื่องประหลาดพิสดารของตระกูลอย่างง่ายดาย ขนาดเขาบัดนี้ยังสองใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ไม่น่าแปลก ตั้งแต่เธียรกลับจากต่างประเทศก็ฝันเห็นกองทัพงู เจอรอยพญานาคบนฝากระโปรงรถ แผ่นดินไหวที่บริษัท พิษประหลาดในไวน์ กระทั่งเงาคนนอกหน้าต่างกับฝูงงูในห้องคนป่วย ผิดกับก้องฟ้าที่ได้รับคำเตือนในสภาพกึ่งฝันกึ่งจริงจึงไม่อาจปักใจร้อยเปอร์เซ็นต์
“ถ้าอย่างนั้นวิธีเดียวที่เราจะปราบพญานาคตนนี้คือต้องใช้มนต์ในคัมภีร์เล่มนี้” เธียรสรุปพลางเปิดดูภายในคร่าวๆ พบตัวหนังสือเขียนเรียงเป็นพรืด
“น่าจะใช่” ก้องฟ้าตอบอย่างไม่แน่ใจ
“แล้วเราจะใช้ยังไงครับ” เธียรตั้งข้อสงสัย
“พ่อไม่รู้” ก้องฟ้าจะรู้ได้อย่างไร ทั้งชีวิตหมกมุ่นแต่การทำธุรกิจ สร้างความยิ่งใหญ่ร่ำรวยแก่ตน ตำนานต้นตระกูลเหล่านี้ถ้าเขาไม่พบเรื่องแปลกๆ อยู่บ้างคงไม่ยอมสนใจเอาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการศึกษาเรื่องคัมภีร์ปราบพญานาคด้วยซ้ำ
เธียรมองคัมภีร์ในมือกึ่งท้อใจ เหมือนมองเห็นดาบทรงอานุภาพยิ่งในมือแต่ไม่มีปัญญาชักมันออกจากฝัก
“มนต์อาลัมพายน์” คำนี้ก้องอยู่ในหัว ความหวั่นหวาดกลัวที่มองไม่เห็นจู่โจมจิตใจทันที...มันเป็นมนต์ปราบนาคโดยเฉพาะ ขนาดตนเองพ้นจากภาวะนั้นแล้วยังอดขลาดเกรงอย่างไร้เหตุผลไม่ได้
แวบ...แวบ...สมองเปิดโล่ง เรื่องของมนต์อาลัมพายน์เรียงร้อยโดยไม่มีใครบอกเล่า มันเข้าใจเองเหมือนได้ความรู้โดยไม่ต้องเรียน
ในทศชาติก่อนพระพุทธองค์จะบรรลุสัมโพธิญาณ พระองค์ได้เกิดเป็นพญานาคชื่อภูริทัต มีพระประสงค์จะบำเพ็ญศีลบารมี งดเว้นจากการเบียดเบียนฆ่าสัตว์
สมัยนั้นมีดาบสฤๅษีตนหนึ่งได้รับมนต์จับนาคจากพญาครุฑ มนต์นี้ชื่อ “อาลัมพายน์” มีอานุภาพยิ่งใหญ่ ครั้นฤๅษีสำเร็จมนต์นี้กลับมีจิตละโมบ หวังชื่อเสียงเงินทอง ทำตัวเป็นหมองู จนไปพบพระภูริทัตซึ่งกำลังจำศีลบำเพ็ญบารมีอยู่ จึงใช้มนต์นี้จับพระบรมโพธิสัตว์ ตอนหลังได้พี่น้องของพระองค์ชื่อสุทัศน์พญานาคกับนางอัจจะมุขีนาคีช่วยออกมาได้
ความร้ายกาจของมนต์นี้เป็นที่เลื่องลือ เหล่านาคานาคีล้วนเกรงกลัว แต่จะหาผู้สำเร็จมนต์นี้ช่างยากเย็นนัก ยิ่งหาคนที่เปล่งอานุภาพแห่งมนต์ได้เต็มที่แทบจะไม่มี
ริมลืมตาเหงื่อโซมหน้า เขานึกไม่ออกว่าเผลอสติตอนไหน แต่เมื่อรู้สึกตัวความกระจ่างเรื่องมนต์ก็ปรากฏ พร้อมความหวั่นเกรงลึกๆ เป็นตะกอนในใจ
“อยากถามอะไรอีกไหม” พันเกลียวเอ่ยปากหลังเงียบครู่ใหญ่
“เมื่อได้มนต์อาลัมพายน์กุมภนาคราชก็สามารถสยบน้องชายได้ใช่ไหมครับ”
“ใช่”
“จากนั้นเป็นยังไงต่อ” ริวสงสัย
“กุมภนาคราชในร่างมนุษย์ก็ออกบวชตามเจตนาเดิม”
“แล้วสิงหานาคราชล่ะ”
“ถูกมนต์อาลัมพายน์กักขังพันธนาการ จนเพิ่งหลุดรอดมาไม่นาน”
“ผมเข้าใจแล้ว” ริวพยักหน้า...การขัดแย้งทางความคิด ความแค้นที่ถูกพี่ชายพาบริวารแยกตัวหนีและความแค้นที่ถูกกักขังเป็นร้อยๆปี เหตุนี้เอง สิงหานาคราชถึงประกาศจะทำลายล้างตระกูลนาคพิทักษ์
“แต่ผมสงสัย” ปัญหาใหม่ตามมา “เวลานี้กุมภนาคราชอยู่ที่ไหน โอเคละหลังจากท่านบวชมาตั้งร้อยสองร้อยปี ป่านนี้คงมรณภาพแล้ว แต่วิญญาณหรือดวงจิตท่านล่ะ ไม่มีสัญญาผูกพันกับปัญหานี้เลยหรือ”
“จะให้ฉันตอบเรื่องไหนก่อน” พันเกลียวถาม
ริวเพิ่งนึกได้ตนพูดเรื่อยเปื่อยเกินไป
“หลังจากพระกุมภนาคราชมรณภาพ ท่านไปอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้” หญิงสาวตอบง่ายๆ
“อ้าว” ริวงง คิดว่าหล่อนจะตอบปัญหาได้ทุกข้อ “ทำไมล่ะครับ”
“คิดดูนะ กุมภนาคราชเคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้ารับคำสั่งสอนจากพระโอษฐ์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนเกิดจิตศรัทธาน้อมตัวเป็นอุบาสก บำเพ็ญเพียรถือศีลเป็นพันสองพันปี ต่อให้ใจแกว่งมีความรักกับมนุษย์บ้างก็เถอะ พอมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์เต็มตัว ก็บวชเป็นบุตรในศากยะ ณ ดินแดนที่พุทธศาสนาเบ่งบาน อีกทั้งระลึกชาติจดจำคำสั่งสอนจากพุทธองค์ได้ มีหรือจะไม่มุ่งหน้าบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้นโดยถ่ายเดียว”
“แสดงว่าท่านคงนิพพานไปแล้ว” ริวนึกน้อมจิตอนุโมทนา
“ข้อนั้นฉันก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน” พันเกลียวพูดเรียบๆ “ถึงแม้ท่านยังไม่หลุดพ้นจากวัฏสงสาร แต่อย่างน้อยภูมิจิตท่านก็น่าเข้าสู่โลกุตตรธรรมแล้ว ท่านคงไม่เสียเวลากับเรื่องโลกิยะมากไปกว่าเร่งภูมิจิตภูมิธรรมเพื่อเข้าสู่นิพพานหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะจัดการกับสิงหานาคราชยังไง”
“ก่อนออกบวชท่านทิ้งคัมภีร์อาลัมพายน์ไว้ให้” พันเกลียวตอบ
“เยี่ยมเลย แล้วตอนนี้คัมภีร์อยู่ที่ไหน”
“อยู่ในตระกูลนาคพิทักษ์”
“ถ้างั้นเราก็มีทางต่อสู้แล้ว” ริวกระหยิ่มใจ แต่พอเห็นสีหน้าพันเกลียวก็นึกสงสัยว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “มีปัญหาอะไรหรือครับ”
“ถ้าเธอมีคัมภีร์อาลัมพายน์แล้วจะใช้มนต์อาลัมพายน์ได้หรือ” คำถามนี้เล่นเอามึน “มนต์อาลัมพายน์ใช่จะมาท่องบ่นปาวๆ ต่อหน้าสิงหานาคราชแล้วจะสำเร็จเสียเมื่อไหร่ ถ้าทำอย่างนั้นเด็กประถมที่อ่านหนังสือออกก็สามารถสยบนาคราชที่ทรงฤทธิ์ได้เหมือนกันสิ”
จริงสิ...มีใครเคยคิดถึงประเด็นนี้บ้าง คาถา...เวทมนตร์ ทุกบททุกบาทเป็นเพียงสื่อที่ชักนำอำนาจแห่งจิตให้เกิดอานุภาพ มุ่งตรงยังเจตนาที่กำหนด การท่องบ่นปาวๆ เป็นนกแก้วนกขุนทองย่อมไม่บังเกิดผลใดๆ ได้เลย
“งั้นกว่าจะฝึกฝนมนต์บทนี้ได้ สงสัยตระกูลนาคพิทักษ์ล่มจมแน่” ริวบ่นแล้วฉุกคิดได้ มองพันเกลียวด้วยดวงตาแจ่มใส “ผมนึกได้แล้ว ทำไมคุณไม่ใช้มนต์บทนี้กำราบสิงหานาคราชล่ะ ผมว่าอำนาจจิตคุณต้องเพียงพอต่อการใช้มนต์อาลัมพายน์แน่”
พันเกลียวมองริวนิ่งๆ เหมือนนึกไม่ถึงว่าเขาจะคิดวิธีเช่นนี้ออกมาได้
“ฉันมีหน้าที่แค่ช่วยเหลือคุณ ไมใช่ออกหน้ารบกับสิงหานาคราช อีกอย่างต่อให้ฉันใช้มนต์นี้มัดเขา อีกหน่อยก็หลุดอีก เชื้อสายตระกูลนาคพิทักษ์ก็ต้องรับเคราะห์เหมือนเดิม ณ วันนี้หากจะจัดการกับเขาต้องทำให้แพ้ทั้งกายและใจ คนที่จะทำได้มีไม่มากและไม่ใช่ฉันด้วย”
ริวถอนใจ ถามไม่จริงจักนัก
“อย่างผมนี่อยู่ในข่ายที่จะทำให้สิงหานาคราชแพ้ทั้งกายและใจได้หรือเปล่า”
“น่าจะได้” พันเกลียวตอบตรงจนริวสะดุ้ง “เพราะในชาติก่อนคุณคือ “ทัตตะนาคา” ผู้เป็นองครักษ์ขวาของกุมภนาคราช”
ชายหนุ่มไม่สะดุ้งตกใจเป็นครั้งที่สอง รู้ละว่าชาติก่อนเคยเกิดเป็นนาคที่ชื่อทัตตะ มีเพื่อนชื่อชัยยะนาคา แต่ไม่ยักคิดว่าจะเป็นองครักษ์ขวาของกุมภนาคราชด้วย
ชักเริ่มเข้าใจบางอย่างรางๆ แล้ว เรื่องที่จู่ๆ ก็ได้อำนาจนาคาคืนมา เรื่องที่พันเกลียวบอกว่าเขามีสัญญากับพ่อของเธอ เมื่อคิดให้ดี ตัวต่อที่กระจัดกระจายเริ่มเรียงตัวช้าๆ ให้เข้าใจเองโดยไม่ต้องเสียเวลาระลึกชาติ
(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)
< Prev | Next > |
---|