วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๑๐


ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


งานเปิดตัวไวน์ของบริษัทในเครือนาคพิทักษ์ เป็นการรวบรวมแวดวงคนไฮโซทั่วกรุงเทพฯ สถานที่จัดงานอยู่ชั้นบนสุดโรงแรมระดับห้าดาว ห้องกว้างขวางแทบหมดบริเวณทั้งชั้น รอบด้านเป็นกระจกใส มองเห็นบรรยากาศแสงสีกรุงเทพฯ ยามราตรี

เวทีจัดไว้มุมหนึ่ง แคทวอล์กเป็นทางเดินยาวยื่นจากเวที สองข้างต่อท่อฉีดละอองน้ำตลอดแนวหน้าเวที กึ่งกลางห้องจัดงานมีบ่อน้ำพุขนาดย่อมตกแต่งสวยงามฉายไฟสีสันราวเนรมิต

ขณะที่เธียรมาถึง แขกเริ่มทยอยมากันบ้างแล้ว ใจจริงเขาไม่อยากร่วมงานนี้ ไม่เห็นมันสำคัญอะไร แค่เปิดตัวไวน์ยี่ห้อเดียว ต่อให้ยอดขายทะลุเป้าก็ไม่น่าเพิ่มปริมาณเงินสักกี่มากน้อย

แต่พ่อสั่ง...พูดเป็นนัย ให้มาดูตัว...คิดแล้วน่าปวดหัว วิธีการแบบนี้ยังไม่หมด ถึงจะผ่านอีกกี่ยุคสมัย ตั้งแต่เป็นหนุ่มเขาต้องแวะเวียนดูตัวและให้ดูตัวลักษณะนี้หลายครั้ง จนเอือม

สังคมไฮโซมองซ้ายมองขวารู้จักกันหมด ประเทศไทยมีมหาเศรษฐีกี่ตระกูลกันเชียว และที่รวยสูสีกับนาคพิทักษ์จะเหลือกี่ตระกูล เขารู้จักทั้งนั้นแค่ยังไม่ถูกตาถูกใจใคร ส่วนคนที่ถูกใจจริงกลับโดนเมินเฉย พ่อไม่เคยปฏิเสธรอยจันทร์แต่ไม่เคยแสดงท่าทียอมรับ

มาแล้วหรือ ก้องฟ้าอยู่ในกลุ่มไฮโซตระกูลที่เขารู้จัก จำคุณชัยกาลกับคุณหญิงได้มั้ยล่ะเธียร

เธียรยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ผู้อาวุโสทั้งสอง

ครับ...คุณลุงชัยกาลกับคุณป้าเรือนอร น้ำเสียงสุภาพ คำทักทายสนิมสนมคุ้นเคย

ตอนนี้ต้องเรียกคุณหญิงแล้ว ก้องฟ้ารีบขัดลูกชาย

โอ๊ย ไม่ต้องหรอกคุณ ตาเธียรแกเคยเรียกยังไงก็ให้เรียกอย่างนั้นแหละ คุณหญิงเรือนอรไม่ถือสา ใบหน้าอิ่มเอม มีเค้าความงามวัยสาวหลงเหลือ อยู่เมืองนอกเมืองนาเสียหลายปี จำคนแก่ได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว

คำพูดจาปราศรัยเป็นไปตามมารยาทสังคม เธียรรู้จัก คุ้นเคยกับครอบครัวนี้พอสมควร จึงไม่เก้อเขิน ก้องฟ้าดูจะปักหลักที่เดิม ไม่ทักทายคนอื่นจนดูผิดปกตินิสัย

อ้อ...มาพอดี ก้องฟ้าร้องทัก เธียรมองตามเข้าใจเจตนาชัด

เด็กสาวร่างเล็กบอบบาง ใบหน้าเนียนใส ไร้รอยตกแต่งเครื่องสำอาง แต่งตัวชุดกึ่งสุภาพเหมาะกับงานกำลังเดินมาทางกลุ่มนี้

จำน้องได้มั้ยเธียรก้องฟ้าถามลูกชาย

แรกทีเดียวเขาเกือบคิดไม่ออก จนกระทั่งเหลือบเห็นใบหน้าเพื่อนสนิทพ่อจึงค่อยนึกออก

น้องพราว...ผมเกือบจำไม่ได้ เขาอุทานด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ทั้งที่อ่านเกมทะลุ

แหม...จะจำได้ยังไงล่ะจ๊ะ คุณหญิงเรือนอรพูดอารมณ์ดี ตอนที่เธียรไปต่างประเทศน้องเขายังเด็กอยู่เลย

ขณะพูดจบเด็กสาวที่ถูกเอ่ยถึงมายืนไหว้ต่อหน้า พูดจาทักทายแนะนำตัวเป็นไปตามเกมการดูตัว หลังจากพูดคุยไม่กี่คำ เธียรต้องรับหน้าที่บอดี้การ์ดดูแลเด็กสาวตลอดงาน โดยที่ก้องฟ้ากับพ่อแม่ของเธอต่างปลีกตัวสนทนากับคนรุ่นเดียวกัน

พราวพิรุณกับเธียรรู้จักสนิทสนมกันระดับหนึ่ง สมัยก่อนเขาเคยถูกจับคู่กลายๆ กับพี่สาวเธอแต่สองฝ่ายไม่มีใจตรงกัน พวกผู้ใหญ่จึงผิดหวัง คราวนี้เธียรถึงได้รู้ว่าพวกพี่ๆ ของพราวพิรุณแต่งงานกันหมดแล้ว เหลือลูกสาวสุดท้องคนเดียว

มิน่าพ่อถึงรีบจับคู่ทันที ทั้งที่เจ้าหล่อนยังอายุน้อย คงกลัวพบคนไม่เหมาะสมตอนเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนเขากระมัง

ตอนนี้น้องพราวเรียนอยู่ที่ไหนครับ เขาชวนคุย

เอ็นท์ไม่ติดค่ะ เลยไม่ได้เรียนที่ไหน เด็กสายย่นจมูกตอบ ท่าทางเป็นธรรมชาติมากกว่าเสแสร้ง

อ้าว...แล้วไม่ไปเรียนต่างประเทศหรือมหาวิทยาลัยเอกชนล่ะครับ เขาถาม

พ่อไม่ให้ไปต่างประเทศ แล้วพราวก็ไม่ชอบมหาวิทยาลัยเอกชนด้วย

แย่จัง แล้วน้องพราวอยากเรียนที่ไหนครับ

พราวขอเรียนรามฯ แต่พ่อก็ไม่ยอมอีกเหมือนกัน

เธียรพยักหน้า เข้าใจ...นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าหล่อนนั่งเบนซ์ไปเรียนรามฯ จะดูแปลกประหลาดสักแค่ไหน อีกอย่างสังคมมหาวิทยาลัยเปิดมันหลากหลาย อภิมหาเศรษฐีอย่างท่านชัยกาลคงไม่ยอมส่งลูกสาวคนเล็กร่วมสมาคมด้วยแน่

งานวันนี้มีนางแบบดังๆ มาเดินหลายคน น้องพราวสนใจมั้ยครับ เธียรเปลี่ยนเรื่องที่คิดว่าเหมาะกับวัยคู่สนทนา

ค่ะ...แต่พราวยังไม่รู้เลยว่ามีใครบ้าง

ดูในสูจิบัตรก็ได้ครับ เขายื่นให้ มีหลายคน อย่างรอยจันทร์ นางแบบที่เป็นดาราดังตอนนี้ เธียรพูดถึงชื่อที่ติดหัวใจโดยไม่รู้ตัว

พี่รอย เสียงอุทานตกใจจากเด็กสาวทำให้เขามองอย่างสงสัย

ครับ น้องพราวชอบดาราคนนี้เหรอ เขาไม่นึกแปลกใจที่วัยรุ่นจะเรียกดาราที่ตนชื่นชอบอย่างสนิทสนม

ค่ะ...คะ พราวพิรุณยิ้มแห้งๆ แอบมองซ้ายมองขวานึกหวั่น พราวติดตามงานของพี่เขามาตลอด

คำพูดน้ำเสียงแก้ตัวมีเหตุผลน่าฟังพอเชื่อถือได้ เธียรไม่ติดใจมากมาย

งั้นดีเลย คืนนี้น้องพราวจะได้เห็นนางแบบคนนี้ใกล้ๆ แน่ ถ้าอยากขอลายเซ็นก็บอกนะพี่จะพาไปขอให้ เธียรพูดเอาใจ ทั้งที่จริงอยากหาเรื่องเข้าใกล้นางแบบเองมากกว่า

ค่ะ พราวพิรุณตอบรับพร้อมรอยยิ้มฝืดฝืน ขณะเธียรเผลอหล่อนรีบใช้สายตากวาดรอบงาน ภาวนาอย่าให้ได้พบ ใคร บางคนที่นี่เลย


-----000-----


รอยจันทร์กำลังเตรียมตัวพร้อมนางแบบคนอื่นอยู่ด้านหลังเวที ความชุลมุนวุ่นวายเป็นเรื่องปกติของงานแบบนี้ คิวการเดินถูกซักซ้อมความเข้าใจกันอีกครั้ง มีจิญยานียืนฟังข้างๆ

มีเวลาเหลืออีกเกือบชั่วโมง ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ จิญยานีพูดปิดท้ายหลังการซักซ้อมคิวจบลง

รอยจันทร์มองหญิงสาวผู้จัดด้วยความรู้สึกขัดตา ถึงเจ้าหล่อนจะพูดจาน้อยคำ แต่มีกิริยาเสแสร้งเต็มไปหมด คล้ายชีวิตนี้ไม่เคยจริงใจกับใคร

จิญยานีทักทายนางแบบบางคนที่รู้จัก เคยร่วมงานด้วย คำพูดจาสนิทสนมกึ่งไว้ตัวกลายๆ จนกระทั่งมาถึงรอยจันทร์

สวัสดีค่ะคุณรอย ดีใจจริงๆ ที่ได้มาร่วมงานกัน คำพูดพร้อมรอยยิ้มหวาน

ค่ะ...รอยก็ยินดี จะให้พูดตามมารยาทหล่อนก็ทำเป็น

วันนี้มาคนเดียวหรือคะ จิญยานีชวนคุย

มากับน้องชายค่ะ รอยจันทร์ตอบ

เอ...ไปอยู่ไหนเอ่ย ได้ข่าวว่ารูปหล่อมากใช่มั้ยคะ

คงอยู่แถวๆ นี้แหละค่ะ ธรรมดาริวไม่ค่อยมาวุ่นวายเรื่องของผู้หญิง รอยจันทร์เลือกตอบคำถามแรก

อืม...นอกจากรูปหล่อแล้ว ยังได้ข่าวอีกด้วยว่า สนิท กันมาก คำพูดซ่อนนัย รอยยิ้มเจือแววเยาะจางๆ

รอยจันทร์สะดุดหู หน้าร้อนผ่าว ดวงตาฉายแวววับ ไม่คิดว่าจะมีคนคิดแง่อกุศลแบบนี้อยู่ อยากถามสวนกลับ ที่พูดหมายความว่ายังไง แต่ต้องตั้งสติที่ริมฝีปาก ผ่อนลมหายใจเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

เอ...ที่คุณจิญยานีพูดนี่ หมายถึงเรื่องอะไรเอ่ย...ริวเป็นน้องชายแท้ๆ นะคะ ต้องสนิทกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

อ้อ ไม่มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ พูดจบเจ้าหล่อนก็หัวเราะเบาๆ ขอตัว ทิ้งรอยจันทร์ร้อนวูบ โกรธแทบอยากเข้าไปตบเหมือนในละคร...ไม่คิดว่าตัวอิจฉาจริงๆ ก็มีในโลก


-----000-----


เธียรเพิ่งมีโอกาสเข้าห้องน้ำ หลังจากเสียเวลาส่วนใหญ่กับการเป็นบอดี้การ์ดให้สาวน้อยหน้าใส ตอนนี้คืนเจ้าหล่อนให้กลับสู่อ้อมอกพ่อแม่สำเร็จจึงรีบเข้าห้องน้ำก่อนการเดินแบบเปิดงานจะเริ่มขึ้น

ยืนอยู่หน้าโถปัสสาวะ ทำธุระเพิ่งเสร็จก็มีเสียงห้าวๆ แกมหัวเราะดังจากเบื้องหลัง

ต้องการให้นวดไหล่ หรือผ้าร้อนมั้ยครับ

เขาหันกลับไปมอง พบใบหน้าคมคายยืนยิ้มเผล่อยู่เบื้องหลัง ชายหนุ่มคนนั้นสวมเสื้อยืดกางเกงยีนง่ายๆ แถมคล้องสายบัตรสต๊าฟทีมงานไว้ด้วย

ไม่ต้องการหรือครับ นี่เป็นบริการพิเศษสำหรับคุณเธียร นาคพิทักษ์ บุตรชายท่านประธานบริษัทเพียงคนเดียวเลยนะเนี่ย ชายคนนั้นยังพูดจาชักชวนต่อ

ริว เธียรทัก มากับเขาเหมือนกันเหรอ

ครับผมคุณเธียร เสียงรับคำขึงขัง

นี่เอ็งไม่ต้องมาล้อเลียน เห็นพี่ใส่สูทเข้าหน่อยทำลืมชื่อเฮียหลิวเลยหรือไง

ริวหัวเราะเดินมาที่อ่างล้างมือพร้อมกับเธียร

ผมเห็นพี่เดินเข้าห้องน้ำเลยแวะมาทักทาย เลิกงานแล้วว่างมั้ย จะเปิดโอกาสให้พาเจ๊ไปดินเนอร์

นั่นแน่...แอบเอาพี่สาวมาขายแบบนี้ไม่กลัวโดนเฉ่งเอาหรือไง เขาเสพูดเกลื่อนทั้งที่ใจพองโต

ไม่รับก็ตามใจ งั้นผมจะพาเจ๊แกไปโซ้ยบะหมี่ข้างทางกันสองคน ริวตัดบทง่ายๆ

เฮ้ยริวน้องรัก อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิ โอเคเลิกงานเจอกันนะ พี่จะรอ แกล้งขออาศัยรถไปด้วย

ริวอมยิ้มพยักหน้า มองส่งเธียรจนออกจากห้องน้ำ อารมณ์ดีผิดปกติอาจเป็นเพราะเตรียมผลักภาระพี่สาวให้กับคนที่เหมาะสมแล้วก็ได้

หลายปีที่ผ่านมา มีผู้ชายแวะเวียนจีบรอยจันทร์หลายคน แต่หญิงสาวเฉยชา ไม่สนใจ เพราะหัวใจถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็น มีแต่น้องชายเช่นเขาที่อ่านทะลุ ส่วนลึกในใจหล่อนกำลังรอคอยใครบางคน...คนที่ตนเองเฝ้าเก็บจดหมายเขาไว้ทุกฉบับ รักษาของขวัญที่ได้ราวกับของล้ำค่า ต่อให้แสดงท่ามึนตึงเย็นชา ในใจกลับร่ำร้อง รอคอย

เปิดน้ำจากก๊อกล้างมือจนสะอาดจึงปิด เงยหน้ามองกระจกแล้วสะดุ้งห้องน้ำ ยามนี้มีเขาอยู่คนเดียว แต่เงาในกระจกกลับมีถึงสองคน

นอกจากริวยังมีเงาหญิงชรายืนอยู่ข้างๆ มองเขาอย่างหวั่นหวาด ร้อนรน...ผีคุณยาย...




บทที่ ๘


สวัสดีตอนค่ำๆ ครับคุณยาย คราวนี้ริวจงใจเปล่งวาจาทักด้วยภาษาพูด

วิญญาณหญิงชรายืนนิ่งดุจเดิม คล้ายเป็นปิศาจเฝ้ากระจกมีหน้าที่หลอกหลอนผู้คนที่ใช้ห้องน้ำคนเดียว

มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า หรือน้องน้ำฝนมีปัญหา เขาถามทั้งที่คิดว่าเจตนาคุณยายไม่เกี่ยวกับคำถามหลัง

ฉันมาเตือนเธอ รีบพาพี่สาวไปจากงานนี้เสีย คุณยายไม่ขยับปาก น้ำเสียงกังวานชัดในหูริว

คืนนี้จะมีเรื่องเหรอ เขาถามจริงจัง

ใช่...แต่ฉันบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ที่รีบมาเตือนก็เพราะเห็นแก่ที่เคยช่วยน้ำฝนเอาไว้

ขอบคุณนะคุณยาย เขายิ้มให้ แล้วตอนนี้น้ำฝนอยู่ไหนล่ะ ถ้าไม่รีบไปดูแลเดี๋ยวมีหนุ่มๆ มาจีบนะ

คุณยายสะบัดหน้าค้อนก่อนหายไปง่ายๆ รวดเร็วพอๆ กับตอนที่ปรากฏตัว

ริวชักหวั่นใจ งานคืนนี้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ๆ อันตรายถึงขั้นไหนก็บอกไม่ถูก ถ้าคุณยายยอมทิ้งน้องน้ำฝนชั่วคราวเพื่อมาเตือน แสดงว่ามันไม่ใช่เล่นๆ ตะกี้ลืมถามเธียร ตระกูลนาคพิทักษ์สร้างศัตรูที่ไหนบ้าง การโดนพญานาคเล่นงานมันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา

...นี่ขนาดตระกูลนี้มี นาค เป็น ผู้พิทักษ์ อยู่ด้วยนะ...


-----000-----


ก้องฟ้า นาคพิทักษ์เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ใช้เวลาสั้นๆ ก่อนปล่อยให้เข้าสู่การแสดงตามคิวที่วางไว้

น้ำพุพุ่งอาบแสงไฟหลากสีสัน บริกรถือถาดเสิร์ฟไวน์ให้แขกไม่อั้น เหล่าไฮโซจับกลุ่มพูดคุยดูการแสดงครึกครื้น นักข่าว ช่างภาพทำงานกันคล่องแคล่ว แสงไฟสว่างวาบตามมุมต่างๆ จับภาพคนดังในสังคมที่มาร่วมงาน

การแสดงบนเวทีชุดแรกเริ่มต้น เป็นตัวอย่างโฆษณาที่จำลองมาเล่นบนเวที โดยใช้นายแบบ นางแบบตัวจริงในภาพยนตร์โฆษณามาเล่น

พราวพิรุณยืนรวมกลุ่มกับพ่อแม่ ไม่สนใจว่าชายหนุ่มที่ถูกหมายตา หายไปอยู่ไหน หล่อนกำลังหวาดระแวง พยายามหลบๆ ไม่ให้ใครบางคนสังเกตเห็น

คุณแม่คะเรากลับบ้านกันเถอะ เด็กสาวพูดเป็นครั้งที่สามแล้ว

จะรีบไปไหนจ๊ะ รอดูเขาเดินแบบก่อนสิ มีดาราดังกับพวกไฮโซคนสวยทั้งนั้นเลยนะ คุณหญิงเรือนอรยังไม่อยากกลับ

แต่พราวเบื่อแล้วนะคะ

ทำไมล่ะลูก งานเขาสนุกออก ชัยกาลถามลูกสาว

เด็กสาวถอนใจ จะพูดอย่างไรทั้งสองถึงยอมตามใจ เห็นทีต้องใช้ไม้ตาย

พราวปวดหัว รู้สึกใจหวิวๆ เหมือนจะเป็นลม ขณะพูดสีหน้าเผือดจริง จนทั้งสองไม่คิดว่าลูกโกหก

ตายแล้ว! จริงหรือลูก คุณหญิงตกใจจริงจัง

งั้นเรารีบกลับเลย หรือจะไปโรงพยาบาลก่อนดี บิดาแสดงความเป็นห่วง พราวพิรุณเคยมีโรคประจำตัวที่ต้องคอยระวัง

กลับบ้านเถอะค่ะ เด็กสาวพูดเสียงอ่อน รู้สึกละอายใจที่พูดปด แค่กินยาแล้วนอนพักผ่อนสักหน่อยก็หาย

งั้นเราไปลาเจ้าภาพกัน

สามพ่อแม่ลูกพากันลาก้องฟ้าก่อนกลับ เวลานั้นงานเดินแบบเพิ่งจะเริ่ม ท่อน้ำข้างเวทีฉีดละอองฝอย ไฟกะพริบสารพัดสีช่วยย้อมละอองน้ำให้งดงาม พราวพิรุณเดินหลบผู้คนจนใกล้ถึงทางออก รอยจันทร์ก้าวขึ้นเวทีเดินด้วยท่วงท่ามั่นใจ ริวออกมาจากด้านหลัง ลัดเลาะแอบมายืนข้างเวทีสายตามัวแต่มองพี่สาวตน จึงไม่ทันสังเกตเด็กสาวที่พอเห็นเขาก็รีบหลบวูบออกจากงานอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวคนนั้น...พราวพิรุณ


-----000-----


งานคืนนี้จะมีปัญหาอะไร?

ริวยืนมองการเดินแบบ สมองครุ่นคิด งานนี้มีผู้คนมากมาย จัดในสถานที่รักษาความปลอดภัยชั้นดี ผู้ใหญ่แวดวงสังคมร่วมงานหลายคน ทั้งคนดังระดับประเทศ เหล่าไฮโซ แถมด้วยนักข่าว มันจะเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลลักษณะไหน

ก่อกวนลักษณะปกติธรรมดาหรือใช้วิธีเหนือธรรมชาติ

ริวหลับตาครุ่นคิด หากตนเองมีอำนาจเหนือธรรมชาติ ต้องการก่อกวนใครสักคนจะใช้วิธีเยี่ยงไร...คิดช้าๆ ทยอยเรียงลำดับในหัวสมอง ตั้งคำถามแก่ตนเอง เมื่อพบการก่อกวนด้วยอำนาจพิเศษ เขาจะรับมืออย่างไร

...ยาก...ลำพังแค่ป้องกันตนกับรอยจันทร์ก็เต็มกลืนแล้ว คงไม่มีปัญญาหยุดยั้งเหตุร้ายใดๆ ได้

ริว...มายืนเข้าฌานอะไรอยู่ข้างเวที เธียรมาตบไหล่เรียก

ริวไม่ตอบ

มายืนเป็นบอดี้การ์ดให้พี่สาวหรือไง เธียรมองดูหญิงสาวบนเวที ไม่คลาดสายตา

ครับพี่ ริวตอบ แล้วไง...อยากมารับหน้าที่นี้แทนผมมั้ย

เธียรเกือบสะอึก ยิ้มแหยๆ

นายจะอนุญาตมั้ยล่ะ

ถ้าเจ๊แกใจอ่อน ผมก็ไม่มีปัญหา ริวตอบ

โอเค งั้นเรามาชนแก้วสัญญากัน เธียรหยิบแก้วไวน์จากบริกรมาสองใบยื่นให้กับคู่สนทนาใบนึง ส่วนเขาก็ยกแก้วรอชน

ตกลงครับ ริวรับแก้วไวน์มาพร้อมกับชนเบาๆ เสียงดังกริ๊ก พอยกขึ้นเตรียมดื่มจมูกก็สัมผัสกลิ่นแปลกๆ ลอยมากระทบ...

กลิ่นคล้ายน้ำครำ...

พี่เธียร ชายหนุ่มเอ่ยทัก แต่เธียรดื่มไวน์ในแก้วหมดแล้ว

มีอะไรหรือริว เธียรสงสัยที่หนุ่มรุ่นน้องไม่ยอมดื่มไวน์

ไวน์มีปัญหาพี่ ริวพูดตรงๆ ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก

เฮ้ย...นี่มันไวน์ตัวอย่าง เพิ่งลงจากเครื่องเมื่อเช้านี้เอง เตรียมไว้สำหรับแขกในงานโดยเฉพาะ จะมีปัญหาอะไร ทุกคนก็ดื่มตั้งแต่เข้ามากันแล้ว

ริวหน้าถอดสี เขาเพิ่งสังเกต รอยจันทร์กับเพื่อนนางแบบก็จิบกันคนละนิดหน่อยที่ห้องแต่งตัว แต่เขาไม่สนใจเครื่องดื่มเหล่านี้จึงไม่ร่วมด้วย ถ้าเธียรไม่ชวนชนแก้ว เขาก็ไม่อาจรู้เลยว่ามันมีปัญหา

พาผมไปที่เก็บไวน์หน่อยได้มั้ยพี่

น้ำเสียงกระตือรือร้นฟังจริงจังไม่ล้อเล่น ทำให้เธียรวางแก้วไวน์ จ้องหนุ่มรุ่นน้องอย่างคาดคั้น

เดี๋ยวริว...มีปัญหาอะไรบอกพี่ก่อนได้มั้ย

อย่าเพิ่งให้ผมพูดอะไรตอนนี้เลย ยังไม่แน่ใจขอให้ไปดูชัดๆ ก่อน

เธียรขบริมฝีปาก มองผู้คนรอบๆ ทุกคนดื่มไวน์ด้วยท่าทางปกติไม่มีใครแสดงอาการแปลกๆ การเดินแบบบนเวทียังไหลลื่นเสียงปรบมือเป็นระยะ เขาดื่มไวน์หลายแก้วยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เช่นนั้นจะเชื่อคำพูดริวได้แค่ไหน

ไปสิ ไม่รู้เหมือนกัน เหตุใดจึงยอมตามใจชายหนุ่มคนนี้ เหมือนกับริวมีอำนาจพิเศษในตัวทำให้คนอยู่ใกล้ไม่อยากขัดความต้องการ

ไวน์ที่รินแจกแขกยังหมดไม่ถึงครึ่ง มีเหลือในสต๊อกอีกหลายลัง ส่วนลังที่เปิดก็มีเกือบเต็ม ริวหยิบขวดเปล่ามาดมทุกขวด ปรากฏวากลิ่นของมันเหมือนกัน

...กลิ่นของน้ำครำ

หยุดแจกไวน์ก่อนได้มั้ยพี่เธียร ริวหันมาถามไม่สนใจกับพนักงานที่มองพวกเขาแปลกๆ

ไม่ได้หรอก ไหนบอกพี่สิ ไวน์มีปัญหาอะไร

แทนคำตอบ ริวยื่นขวดไวน์ให้เธียรดม

ไม่เห็นมีอะไรนี่ ก็กลิ่นไวน์ธรรมดา เธียรไม่ได้กลิ่นอย่างที่ริวรู้สึก

ริวพยักหน้ารับขวดคืนมา จากนั้นกำหนดจิตใช้อำนาจที่มีเปิดม่านอำพรางออก ปล่อยให้สีและกลิ่นอันแท้จริงของมันปรากฏออกมา

ลองดมอีกครั้งสิพี่

เธียรรับมาดมอย่างงงๆ คราวนี้เขาแทบสำลัก กลิ่นน้ำครำฉุนกึกเตะจมูกริวหยิบขวดอื่นๆ ให้ทดสอบ มันก็ไม่แตกต่างกัน

ฉิบหายแล้ว!” เธียรอุทานในที่สุด

ตอนนี้สั่งให้พวกเขาหยุดเสิร์ฟไวน์ได้หรือยังครับ ริวถาม

ไวน์ถูกหยุดเสิร์ฟก็จริง แต่แขกทั้งงานดื่มไปแล้ว ผลของมันเป็นอย่างไร ริวแทบไม่อยากคิดเขาได้แต่หวัง มันคงไม่ร้ายแรงเกินไปนัก


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP