โหรา (ไม่) คาใจ Astro FAQ

เบื่องานเต็มทีแต่ไม่มีที่ไป (ภาค ๒)


Aims Astro

ถาม ดิฉันเบื่องานที่ทำอยู่มากๆ ครั้นจะลาออกก็ยอมรับว่าไม่มีที่ไปที่มันดูดีกว่านี้ เพราะอายุก็มากแล้ว ที่แย่กว่าเดิมก็คือช่วงนี้ทั้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าก็ดูจะหงุดหงิดง่ายเหลือเกิน พูดจาทำร้ายน้ำใจกันประจำ ดิฉันพยายามจะอโหสิแต่ก็ทำไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะคะ อยากได้วิธีการดีๆ ที่จะทำให้ทำงานได้สนุกขึ้นกว่านี้ หรือให้ทำใจยอมรับชะตากรรมช่วงนี้ไปได้แบบไม่ทุกข์นักค่ะ

คำถามนี้ต้องแยกตอบเป็น ๒ ประเด็นค่ะ ประเด็นแรกของคำถามนั้นต้องบอกว่าปัญหาเรื่องงานเป็นปัญหาหลักอีกอย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่ามนุษย์ต้องการอาหาร ๒ อย่าง คืออาหารกายและอาหารใจ ถ้าความรักคืออาหารใจ งานก็คือที่มาของอาหารกายค่ะ ทีนี้การได้มาซึ่งรายได้ให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพของแต่ละคนนั้นก็ยากง่ายแตกต่างกันไป ใครที่ได้งานที่รักแถมไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าก็ถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากมีหลายคนเลยค่ะที่ต้องใช้ชีวิตกับงานอย่างน้อยก็ ๑ ใน ๓ ของวันกันเลยทีเดียว ถ้าได้งานที่ไม่ถูกใจ แถมคนรอบข้างไม่กินเส้นกันอีก แบบนี้จะทุกข์ไม่ใช่น้อยค่ะ

ช่วงนี้ลูกค้าหลายท่านปรึกษาปัญหาเรื่องงานอยู่บ่อยๆ ดังตัวอย่างลูกค้าหญิงท่านหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ (ขอสมมุตินามว่าคุณโดโรธี) เธอได้รับการคาดหมายจากที่ทำงานว่าจะต้องทำงานถึงสัปดาห์ละ ๖๐ ชั่วโมง (คิดง่ายๆ คือ ถ้าทำงานสัปดาห์ละ ๖ วัน ก็ต้องทำวันละ ๑๐ ชั่วโมง - -!) คุณโดโรธีเล่าว่าที่ทุกข์มากตอนนี้เพราะได้รับการมอบหมายงานที่หนักเกินไป จนท้อแท้ใจเนื่องจากไม่มีหวังว่าจะทำได้ทันเวลาที่กำหนดแน่นอน ฟังแล้วเห็นใจลูกค้าค่ะ แต่ว่าตรวจดวงแล้วขณะนี้มีปัญหาเรื่องงานจริงๆ ถ้าลาออกก็คงเคว้งคว้าง หางานใหม่ทำไม่ได้อยู่ดี บอกเธอไปว่า ตอนนี้คุณทุกข์เรื่องงานเรื่องเดียว แต่ถ้าออกจากงานจะทุกข์สองเรื่อง คือเรื่องงานและเรื่องเงิน คุณโดโรธีฟังแล้วก็เห็นด้วย ดิฉันสำทับเธอไปด้วยว่าถ้าออกจากงานตอนนี้จะตกงานไปสักพักซึ่งไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นควรจะทุกข์แค่เรื่องเดียวคืองาน แต่ปากท้องยังอิ่มสบายอยู่

เนื่องจากไม่อยากให้ลูกค้าต้องตกระกำลำบากใจในต่างแดน ประกอบดวงชะตานี้นั้นในที่สุดแล้วเหตุการณ์ก็จะผ่านพ้นไปได้ จึงให้กำลังใจให้เธอเริ่มต้นลงมือทำงาน โดยไม่ต้องคิดน้อยใจเจ้านายว่าสั่งงานอย่างไม่ยุติธรรม (แม้ว่ามันจะไม่ยุติธรรมจริงๆ ก็เถอะ Y__Y) ให้มุ่งไปที่งาน ทำให้เต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ จะเสร็จทันหรือไม่ ยังไม่ต้องคิด ทุ่มเทความสนใจกับงานเฉพาะหน้าก่อน ส่วนเรื่องจำนวนชั่วโมงที่ให้ทำงานนั้นก็ให้ถือว่าได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง เพราะเป็นการใช้สมองไม่ต้องแบกหามอะไร

หลังจากคุยกันวันสองวันต่อมาคุณโดโรธีอีเมล์มาเล่าให้ฟัง ว่าพอไม่คิดเรื่องความยุติธรรมในการมอบหมายแต่มุ่งมองไปที่เนื้องาน เธอพบว่ามีสมาธิทำงานมากขึ้น ได้รู้อย่างนี้ก็ดีใจกับลูกค้าที่การปรับมุมมองช่วยให้อยู่กับภาระอันหนักอึ้ง ได้อย่างผาสุกกว่าเดิมค่ะ (^__^)

เขียนมาถึงตรงนี้แล้วก็คิดถึงคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องทำงานหนักแบบไม่มีโอกาสได้หยุดพักผ่อนจริงๆ จังๆ เลย ซึ่งอาจเป็นที่มาของความอ่อนล้าและท้อแท้ ใครที่ตกที่นั่งนี้อยู่ ก็ขออนุญาตเสนอให้ลองคิดว่า วันนี้คือวันแรกของวันทำงานที่เหลืออยู่ อย่าคิดว่า เราทำงานมาตั้งสามสิบวันแล้ว เหนื่อยสาหัสไม่ได้พักผ่อนเลย นี่ก็วันที่สามสิบเอ็ดแล้วนะ... คิดแบบหลังนี้มันทำให้หมดแรงทำงานเอาง่ายๆ เมื่อวานผ่านมาแล้ว เหนื่อยก็นอนหลับแล้วตื่นมาเริ่มวันใหม่ด้วยความสดชื่น โดยไม่เอางานหนักวันก่อนๆ มาคิดคะแนนความเหนื่อยด้วย เหตุที่อยากให้ลองใช้การคิดแบบนี้ดู เพราะมีคนที่ทำงานต่อเนื่องมานานวันโดยไม่ได้หยุดเลย ได้ลองวิธีคิดนี้แล้วปรากฏว่าทำให้ทุกข์น้อยลงไม่ว่าจะอีกกี่วันกว่าจะได้พักก็ไม่รู้ละ (^__^!) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้สนับสนุนให้ทำงานทุกวันโดยไม่หยุดพักนะคะ แต่สำหรับคนที่ยังปลีกตัวไปผ่อนคลายไม่ได้ อาจจะทำให้สบายใจขึ้น

ที่ไม่พึงทำอย่างหนึ่งคือการสงสารตัวเองที่ทำงานหนัก แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่น่าเห็นใจจริงๆ ก็ตามค่ะ เพราะความสงสารตัวเองจะทำให้กำลังใจถดถอย น้อยใจชะตาชีวิต ต้องคิดว่า มีงานทำก็ยังดีกว่าตกงาน ค่ะ ฉะนั้นถึงจะเบื่องานเต็มที แต่ถ้าไม่มีที่ไปก็อย่าเสี่ยงเลยค่ะ รักงานในฐานะแหล่งรายได้ที่ทำให้เรามีเงินซื้อข้าว ตอบแทนผู้มีพระคุณ มีหลักประกันในชีวิต แล้วก็ทำงานเพื่องานอย่างเต็มที่นะคะ


ประเด็นที่สองของคำถามคือเรื่องอารมณ์ร้อนๆ ในที่ทำงานนั้น ต้องยอมรับว่าการอยู่ร่วมกันย่อมมีโอกาสกระทบกระทั่งได้บ้างนะคะ ดีที่สุดคือให้อภัยคนที่ทำให้ขุ่นเคือง เพราะถ้าอโหสิได้ผลที่เกิดทันทีคือความเย็นใจ ในกรณีที่คนรอบข้างมักทำให้เกิดโทสะนั้นก็ให้คิดเสียว่ามีโอกาสได้บำเพ็ญบารมี ให้อภัยทาน แล้วไม่ควรมองคนที่ทำให้หงุดหงิดว่าเป็น ตัวโกง ที่ขยันทำให้เราอารมณ์เสีย ลองมองเขาเป็น ผู้มาขอรับบริจาคการให้อภัย ต้องมีผู้รับ เราจึงจะได้เป็นผู้ให้ คิดแบบนี้จะได้เกิดอกุศลจิตระหว่างกันน้อยลง เพื่อความสุขใจของเราเองค่ะ

ได้เคยเสนอแนวคิดนี้กับลูกค้าไปหลายครั้ง บางท่านมีน้ำเสียงดีใจว่า นี่เราโชคดีใช่ไหมที่ได้ทำบุญทุกวัน (^__^v คิดแบบนี้ช่วยให้ทุกข์ลดลงนะคะ แถมด้วยการขอให้ลูกค้าลองไปหาสมุดบันทึกมา ๑ เล่ม เลือกที่สวยงามน่าเขียน แล้วบันทึกไปเลยว่าวันนี้โกรธกี่ครั้ง แล้วให้อภัยได้จริงๆ กี่ครั้ง อาจจะใช้คำแทนก็ได้เพื่อความเป็นส่วนตัว เช่น วันที่ ๑๐ ก.พ. ๕๔ มี ๒๐ มังคุด (แปลว่าโกรธ ๒๐ครั้ง) ทิ้ง ๙ มะม่วง (แปลว่าอภัยได้จริงๆ ๙ ครั้ง) แล้วลองมาดูพัฒนาการของความสามารถในการให้อภัยของเรากันค่ะ

พูดถึงเรื่องคนขี้โมโหแล้วก็อยากจะบอกเล่าสักหน่อยว่าได้ตรวจดวงชะตาโลก เห็นว่าเป็นช่วงที่คนในโลกจะจิตใจรุ่มร้อนง่ายเป็นพิเศษค่ะ ใครที่เจอปัญหาคนใกล้ตัวขี้โมโหมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็ขอให้เข้าใจกัน และตัวคุณเองก็ไม่ควรจะเป็นผู้ก่อมลพิษทางอารมณ์แก่ผู้อื่นด้วย เพราะทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ที่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รักด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นค่ะ

ขอถอดคำสัมภาษณ์พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จากรายการฅนค้นคน ออกอากาศเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ (ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=xbIKXMCInUk นาทีที่ ๕.๕๒ ๗.๒๘) นำมาฝากคุณผู้อ่านค่ะ (-/\-)

เคยมีครูคนหนึ่งเนี่ย มีปัญหามากคือนักเรียนในห้องเนี่ยทะเลาะกัน เพราะว่าฝ่ายหนึ่งเนี่ยสีดำ ผิวดำกับผิวเหลือง อีกฝ่ายหนึ่งผิวขาว เม็กซิกัน เป็นสเปนบ้าง อันนี้เกิดขึ้นในอเมริกา แล้วทะเลาะกัน ทำร้ายกันอยู่เป็นประจำ ครูเนี่ยไม่รู้จะทำยังไง เพราะนักเรียนในห้องเนี่ยมีแค่ ๓๐ คนแต่ว่าเป็นศัตรูกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ครูทำก็คือว่าครูขีดเส้นตรงกลางในห้อง แล้วถามว่า 'ใครที่ไม่เคยสูญเสียพี่น้องมาอยู่ตรงฝั่งนี้ ใครที่เคยสูญเสียพี่น้องหรือเพื่อนอยู่ฝั่งนี้' ปรากฏว่าแทบทั้งห้องเนี่ยเฮโลไปอยู่ฝั่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นผิวเหลือง ผิวดำ ผิวขาว ไปอยู่ฝั่งเดียวกันหมด 'เอ้า ใครที่ไม่เคยถูกกระทำให้มาอยู่ฝั่งนี้ ใครถูกกระทำมาอยู่ฝั่งนี้' ทั้งกลุ่มเฮโลมาอยู่ฝั่งเดียวกัน

แล้วทุกคนก็เริ่มรู้ว่า เอ๊ะ เราไม่ว่าผิวสีไหนเนี่ยล้วนแต่มีความทุกข์เหมือนกัน เป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกัน เขาเริ่มรู้สึกว่าไอ้ที่เคยเห็นว่าเป็นคนละพวก คนละกลุ่ม คนละสีเนี่ย ที่จริงแล้วเรามีชะตากรรมเดียวกันก็คือว่าเราเจ็บปวดเหมือนกัน เราถูกกระทำเหมือนกัน ตรงนี้เนี่ยทำให้นักเรียนในห้องเนี่ย เริ่มจะเข้ามาใกล้กันมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่ความแตกต่าง แต่มันไม่เห็นความเหมือนเลย แล้วความเหมือนหนึ่งคือว่า เราต่างเป็นผู้สูญเสีย ผู้ถูกกระทำเหมือนกัน"

ฟังแล้วก็รู้สึกได้ว่าพวกเราต่างคนต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นต่อให้เขาเป็นเจ้านายใจร้าย เป็นเพื่อนร่วมงานที่เอาเปรียบ หรือเป็นใครก็ตามที่ดูนิสัยไม่ดีแค่ไหน ก็ยังคงเป็นคนที่น่าสงสารอยู่ดีเพราะยังลอยคอในทะเลทุกข์เช่นเดียวกันกับเราค่ะ

การอยู่ร่วมกันใน จักรวาลแห่งการกระทบกระทั่ง (ยืมคำของคุณดังตฤณมาค่ะ) ต้องอาศัยความมีเมตตากรุณาต่อกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยเถิดนะคะ จะเป็นการลดมลพิษทางอารมณ์ของตัวเอง เพราะว่าการรับมือกับคนและเหตุการณ์ร้อนต้องใช้น้ำใจที่ใสเย็น จึงจะทำให้ความอบอ้าวในดวงจิตของตนและคนรอบข้างผ่อนคลายลงค่ะ


: )

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับท่านที่สนใจดูดวงกับคุณ Aims Astro สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ตามลิงค์ด้านล่างค่ะ http://sites.google.com/site/aimsastro/



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP