วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๘


ชลนิล

บทที่ ๖



รอยจันทร์อึ้ง เอนหลังพิงเบาะถอนใจยาว

การจะหาคนที่มีใจตรงกันน่ะยาก...เมื่อพบแล้วทำไมถึงปล่อยไปอย่างง่ายดายนัก

เธียรจากหล่อนไปอย่างง่ายดายงั้นหรือ...รอยจันทร์แทบนึกไม่ออก เขากับตนเลิกกันด้วยสาเหตุใด

ก่อนตกลงใจคบเป็นแฟน รอยจันทร์มองเห็นปัญหารำไร...เธียรรวยเกินไป หนำซ้ำยังเป็นลูกชายคนเดียว ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกมหาศาล กิจการในเครือนาคพิทักษ์ ยิ่งใหญ่ขนาดไหน นักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศรู้ดี

ความรวยไม่ใช่ความผิด ปัญหาความแตกต่างเรื่องฐานะอาจดูเหมือนนิยายน้ำเน่า แต่เรื่องจริงมันมี...วันตัดสินใจรับรัก คือวันตรียมพร้อมรับปัญหา

ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง แต่ตราบใดยังอยู่ในสังคม มันต้องมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง

รอยจันทร์ถูกเพื่อนในมหาวิทยาลัยมองเป็นนางซินยุคใหม่ บางคนก็มองแง่ร้าย หาว่าใช้ความสวยหลอกจับลูกเศรษฐี

ระยะเวลาบานของดอกรักมีแค่สองปี พอชายหนุ่มเรียนจบ ทางบ้านส่งไปต่างประเทศ เส้นทางการติดต่อที่แสนไกล ประกอบกับมีอุปสรรคที่มองไม่เห็น ทำให้ระยะห่างของทั้งคู่ยิ่งนานยิ่งยืดยาว

รอยจันทร์ไม่อยากคิดว่าถูกทางบ้านเธียรกีดกัน ก้องฟ้าเป็นคนทำงานใหญ่ไม่น่ามายุ่งกับเรื่องหยุมหยิมประเภทกีดกันแฟนของลูกชายอะไรประมาณนั้น ส่วนแม่ของเธียรก็ตายไปแล้ว

บางทีอาจเป็นญาติๆ หรือผู้หวังดีทางเขาที่ขยันส่งข่าวจากต่างประเทศมาให้หล่อน...แต่ละข่าวเล่าถึงชีวิตเป็นสุขสนุกสนานในต่างแดนของเธียร มีสาวๆ เปลี่ยนกันไม่ซ้ำหน้า ทั้งไทยทั้งฝรั่ง

มันไม่น่าแปลก...ผู้ชายทั้งหล่อและรวยเช่นนั้น หากไม่มีผู้หญิงมาสนใจเลยสิแปลก

รอยจันทร์พยายามทำใจ บางครั้งเคยเขียนจดหมายถามไถ่เกี่ยวกับข่าวพิเศษที่ได้รับ แต่จดหมายตอบจากเธียรก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้ เหมือนจงใจหลีกเลี่ยง ทำให้เกิดรอยร้าวเล็กๆ ในใจ ยิ่งนานวัน มันยิ่งสะสมเพิ่มพูน

จนถึงจุดหนึ่ง หล่อนเลิกเขียนจดหมายถึงเขาและจดหมายตอบก็ห่างออกไปกระทั่งเรียนจบ

เขายังไม่กลับเมืองไทยไปตระเวนต่างประเทศเสียหลายปี มาคราวนี้จะให้มองหน้าเหมือนคนคุ้นเคยอย่างไรได้

 

ริวเห็นท่าทางพี่สาวก็ไม่นึกอยากคาดคั้นเอาเรื่องเอาราว ความรักเป็นเรื่องพูดยาก เมื่อสองคนไม่เข้าใจกัน คนนอกอย่างเขาจะช่วยอย่างไร

ตอบไม่ได้ก็ช่างเถอะ ริวบอก คิดมากเดี๋ยวหน้าเหี่ยว ตีนกาถามหา คางย่น ไม่สวย แล้วจะไม่มีใครเขาจ้างทำงาน ผมจะพลอยซวยไปด้วย

รอยจันทร์หลุดเสียงหัวเราะเบาๆ ริวมีความสามารถทำให้หล่อนยิ้มได้เสมอ

กลัวไม่มีคนเลี้ยงละสิ อดเหน็บไม่ได้

อือ ชายหนุ่มตอบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องน่าอาย

แล้วทำไมไม่รับงานเองบ้างล่ะ เห็นป้าแดงแกชวนอยู่ยิกๆ จะงานละครหรือถ่ายแบบก็ได้

ริวหันมาทำนัยน์ตาแปลกๆ

ป้าแดงแกจะชวนผมไปถ่ายนู้ด ไม่ก็เล่นหนังอาร์น่ะสิ ไม่เอาละ อยู่ให้พี่สาวเลี้ยงดีกว่า เอาไว้เจ๊แต่งงานเมื่อไหร่ค่อยคิดรับข้อเสนอของป้าแดง

รอยจันทร์หัวเราะไม่ออก มองน้องชายตาขวาง คำพูดนี้ตั้งใจกระทบถึงอีกคนที่ไม่ได้นั่งอยู่ในรถด้วย คน ๆ นั้นอาจจอดรถรออยู่หน้าบ้านแล้วก็ได้


-----000-----

 

เธียรยังขับรถไม่ถึงบ้านรอยจันทร์ การจราจรติดขัดขนาดนี้ต่อให้ขับปอร์เช่เครื่องแรงแค่ไหนก็ไปได้ไม่ไกล

รถคันนี้ถูกเปลี่ยนฝากระโปรงเรียบร้อยเหมือนเดิม เพิ่งขับรถวันแรก ก็ได้กลิ่นแปลกๆ ชวนมึนหัว ไม่รู้ทางบริษัททำอะไรกับมัน ขนาดเปิดกระจกให้ลมโกรกกลิ่นก็ยังไม่จาง เมื่อเช้ายังไม่มากเท่านี้ ยิ่งตกสายแดดจัดกลิ่นยิ่งแรง...หรือว่าความร้อนจะช่วยเพิ่มให้มันมีกำลังมากขึ้น

กลิ่นนี้ชวนให้มึนหัวก็จริง แต่ไม่ถึงกับเบลอขาดสติขับรถไม่ได้ อาการมึนๆ กลับช่วยเรียกความทรงจำเดิมให้ย้อนทวนได้ชัดเจน

ความทรงจำระหว่างเขากับรอยจันทร์


เธียรพบหล่อนตอนอยู่ปี ๓ รอยจันทร์เป็นน้องใหม่เด่นที่สุด ความสวยต้องตาและนิสัยความเป็นตัวเองสูง รอยยิ้มจับใจ รุนแรงพอกับคำพูดห้วนตรง ไม่เกรงใจใคร

มีผู้ชายรุมจีบหลายคน ทั้งรุ่นพี่รุ่นเดียวกัน หญิงสาวมีวิธีรับมือแต่ละคนตามแบบของตน ผู้ชายหลายคนขยาดความตรงไปตรงมา และมีหลายคนเปลี่ยนมาคบเป็นเพื่อนสนิทแทน

จนถึงเธียร...ตอนนั้นเขามีผู้หญิงเป็นแฟนคบๆ เลิกๆ หลายคน ยังไม่มีใครที่นึกอยากพาเข้าบ้าน ความรู้สึกบอกกับตัวเองว่า ยังไม่ใช่...เขายังไม่พบคนที่ต้องการอย่างแท้จริง

เมื่อเจอรอยจันทร์ มีโอกาสใกล้ชิด เขาก็รู้ตัว คนนี้แน่นอน

ถึงวันนี้ยังนึกไม่ออก สัมพันธ์เริ่มต้นอย่างไร พอๆ กับจำไม่ได้ว่าเลิกกันด้วยเหตุผลอะไร

ดอกรักที่ผลิบานสองปีก่อนไปเรียนต่างประเทศส่งกลิ่นหอมแห่งสุขสม ระบายชีวิตสีสดใส เป็นผู้หญิงคนแรกที่ตรงใจ อยู่ต่างประเทศเขียนจดหมาย โทรศัพท์ติดต่อกันเป็นระยะ

จนได้ข่าวพ่อแม่หล่อนเสียชีวิต ตั้งใจมาร่วมงานศพ แต่ติดสอบวิชาสำคัญ หลังจากพ่อแม่รอยจันทร์ตาย เวลามีน้อยลง หญิงสาวรับงานเดินแบบ ถ่ายหนังสือและละครมากขึ้น เพื่อเป็นรายได้ส่งตัวเองกับน้องชาย

เธียรอยากยื่นมือช่วยเหลือแต่ได้รับคำปฏิเสธเด็ดขาด

รอยจันทร์เข้าวงการบันเทิงเต็มตัว มักมีข่าวไม่ดีออกมาบ่อยๆ ทั้งข่าวจับคู่กับคนนั้นคนนี้ ยิ่งรับบทนางร้ายในละคร ก็เจอข่าวเสี่ยเลี้ยง มีสปอนเซอร์กระเป๋าหนักทุ่มไม่อั้น

เธียรอยู่ต่างประเทศได้รับข่าวพวกนี้สม่ำเสมอจากคนรอบข้าง ไม่รู้ว่าเป็นผู้หวังดี หรือมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง

ทุกครั้งที่มีข่าวประเภทนี้เขาจะทำใจหนักแน่น ไม่เขียนจดหมายถามไถ่แค่โทรศัพท์คุยอ้อมๆ ไม่ได้เรื่องราวอะไร

รอยจันทร์มีชื่อเสียงมากขึ้นโทรศัพท์ติดต่อยาก ไม่ค่อยได้คุย จดหมายจากหล่อนน้อยลง ช่วงนั้นเขามีผู้หญิงมาพัวพันในชีวิตบ้างตามประสาหนุ่มโสดต่างแดน

เขาไม่รู้จดหมายจากรอยจันทร์จะสูญหายด้วยฝีมือผู้หญิงเหล่านี้หรือเปล่า ระยะทางไกล ภาวะสังคมรอบตัวเปลี่ยน ก่อให้เกิดความห่างเหินจนขาดหาย

กระทั่งเรียนจบเขายังไม่อยากกลับเมืองไทย ใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ดูงานในหลายประเทศเป็นปีๆ และเพื่อดูใจดูความรู้สึกของตัวเองด้วย

พอถึงเมืองไทย ก็รู้ใจตนชัด...หัวใจร่ำร้อง อยากโลดแล่นไปหาผู้หญิงคนเดียว...


-----000-----

 

ปอร์เช่สีแดงสดจอดอยู่ข้างรั้วหน้าบ้าน สภาพมันขัดกับบ้านเก่าๆ จนเทียบไม่ได้ เจ้าของรถยืนคอยเปิดประตูให้ รอยจันทร์นั่งคอแข็งหน้าเชิดทำตัวเป็นนางเอกผู้สูงศักดิ์

โอ้โห เปลี่ยนจากฮอนด้าเป็นปอร์เช่อย่างนี้ ผมเห็นต้องเลิกเรียกพี่เธียรว่าเฮียหลิวอย่างเด็ดขาดแล้วละ

ริวจอดรถเสร็จเดินมารับแขก มองรถสีสดด้วยความสนใจตามประสาผู้ชาย รู้สึกสะดุด...สัมผัสพิเศษกระตุ้นเตือน

จะเรียกพี่ยังไงก็ตามสะดวกเถอะ เธียรไม่ใส่ใจ สายตามองเลยชายหนุ่มรุ่นน้องไปยังหญิงสาวที่หอบของพะรุงพะรัง

ริว...มาจัดการกับข้าวของที่ซื้อมาด้วยสิ หญิงสาวตะโกนเรียก เธียรเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาแทน

มาสิ พี่ช่วย เขาใช้คำพูดเหมือนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

ไม่เป็นไร น้องชายฉันจัดการได้ คำพูด สรรพนามที่ห่างเหินทำให้เธียรอึ้ง

ริวมองปอร์เช่คันนั้นอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนบอกรอยจันทร์

เจ๊เอาผักไปล้างที เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง

เฮ้ย...อะไรวะ ใครเป็นคนบอกว่าจะทำเองทั้งหมด รอยจันทร์ฉุน ไม่รู้นึกโมโหใคร ระหว่างน้องชายที่มัวสนใจรถราคาแพงกับชายหนุ่มอีกคนที่ตนแสลงใจ

เอาน่า ริวยิ้มประจบ ผมทำกับข้าวอร่อยเจ๊ก็รู้ อยากกินของอร่อยก็ต้องยอมลงทุนกันบ้างสิ

รอยจันทร์ค้อนชายหนุ่มทั้งสองก่อนหอบข้าวของเข้าบ้านคนเดียว ไม่เอ่ยปากเรียกแขก ปล่อยให้เธียรยืนเก้ออยู่หน้าประตู

ริวยื่นมือลูบบริเวณฝากระโปรงรถ สัมผัสแล่นปลาบชัดเจนรุนแรงเหมือนโดนไฟดูด

เป็นอะไรไปน่ะริว เธียรหันมาเห็น

พี่เธียรเพิ่งเปลี่ยนกระโปรงรถมาหรือครับ ริวหลุดปากถาม

ใช่ สีมันต่างกันมากจนริวมองออกเลยเหรอ เจ้าของรถกังวลใจ รถราคาแพงขนาดนี้ ถ้าลงทุนเปลี่ยนฝากระโปรงของแท้แล้วสียังไม่เหมือนเดิมมันก็น่าโมโห

มันเป็นอะไรหรือพี่ถึงเปลี่ยน ริวถามต่อ

มันเป็นรอยแปลกๆ คนที่บ้านพี่เรียกว่ารอยพญานาค เธียรอธิบาย

ริวขมวดคิ้วตั้งใจฟังพลางเหลือบตามองอย่างเริ่มเข้าใจ

พี่เธียรเข้าไปดูรอยก่อนเถอะ ป่านนี้ทำอะไรไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้

ไม่เข้าไปด้วยกันล่ะ เธียรอยากยึดริวเป็นหลัก

ชายหนุ่มเจ้าของบ้านหัวเราะ มองผู้เกือบเป็นว่าที่พี่เขยอย่างเข้าใจ

ไปเถอะพี่ ไม่เป็นไรหรอก รอยมันโวยวายอย่างนั้นเอง ใจจริงไม่มีอะไร เชื่อผมสิ

พูดจบตบไหล่เบาๆ ผลักอาคันตุกะให้เข้าบ้าน ส่วนเขากลับมายืนอยู่หน้ารถอีกครั้ง


...รอยพญานาค...หลายคนเชื่อว่านั่นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สมควรเคารพบูชา แต่รอยบนฝากระโปรงเจ้าของปอร์เช่คันนี้มันไม่ใช่ มันคือรอยอาฆาตมาดร้ายที่ถูกทิ้งไว้พร้อมไอพิษที่จะเป็นอันตราย หากใช้รถติดต่อกันอีกสองสามวันความรุนแรงของพิษจะเพิ่มช้าๆ ถ้าทนไม่ได้อย่างเบาเสียสติ อย่างหนักเสียชีวิต

ริวไม่รู้เธียรสร้างความแค้นกับพญานาคตนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมีเรื่องราวซับซ้อนกว่านั้น

...ต้องช่วย...ไม่รู้ว่าการยื่นมือถอนพิษพญานาคครั้งนี้จะทำให้ตนโดนหมายหัวด้วยหรือไม่ แต่ให้ทำเฉยทั้งที่รู้ก็ไม่ได้เหมือนกัน

ริวเดินรอบรถ ตั้งสติก่อนกลับมายืนจุดเดิม นัยน์ตาจ้องเขม็งที่ฝากระโปรง กำหนดอำนาจนาคา พลังของตน เขาได้ฤทธิ์ของพญานาค ฤทธิ์นั้นให้ทั้งคุณและโทษ

ดวงตาใสกระจ่าง มองเห็นไอสีขาวลอยตลบอบอวลอยู่ภายในรถ ความเข้มของมันค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีละนิดอย่างแน่นหนา ปล่อยทิ้งไว้นานไม่แน่จะถอนออกหรือไม่

มือวางทาบบนปลายฝากระโปรง กำหนดจิตไว้ที่กลางฝ่ามือ ดึงดูดไอพิษทั้งมวลเข้ามา

เฮือกแรกที่กลุ่มก้อนสีเทาพุ่งเข้าฝ่ามือ ทั้งแขนชาดิกเหมือนเป็นอัมพาตต้องสะกดกลั้นผ่อนคลายให้มันซึมผ่านช้าๆ จากนั้นเริ่มไหลเรื่อยไม่ขาดสาย ไอสีเทาขมวดเป็นเส้นซึมเข้ากลางฝ่ามือ แล่นผ่านแขนก่อนกระจายทั่วร่าง

ริวร้อนวูบสลับกับหนาวยะเยือก เม็ดเหงื่อซึมเกาะหน้าผาก เป็นครั้งแรกที่มีไอพิษเข้าร่าง ต่อให้มีฤทธิ์แห่งนาคา แต่ร่างกายยังเป็นมนุษย์จะทนทานได้เพียงไร ชายหนุ่มกัดฟันเพ่งมองไอพิษ สีของมันจางลงใกล้หมดบอกกับตัวเอง อีกไม่นานแล้ว ทนเอาหน่อย

ไอพิษเจือจางเกือบหมด เหงื่อที่เกาะหน้าผากกลับเพิ่มขึ้น ใบหน้าริวขาวจนซีดเผือดแทบไม่มีสีเลือดทรมานแทบตาย...

หมดแล้ว...ริวถอนมือจากฝากระโปรง นั่งแปะลงกับพื้นอย่างหมดแรงหัวใจเต้นถี่รัวเหมือนวิ่งสักร้อยกิโลเมตร

...พิษติดคาในร่างกายนานมากไม่ได้ ต้องหาทางระบายออกซะ... ชัยยะนาคากระซิบเตือนในหู

ตั้งสติรวบรวมกำลังลุกขึ้น นึกถึงเกล็ดนาคาบนห้อง ถอนหายใจขัดๆ เขารู้วิธีระบายพิษออกแล้ว...


-----000-----

 

รอยจันทร์ล้างผักตามคำสั่งน้องชายทั้งที่นึกโมโห จงใจปล่อยให้แขกนั่งหง่าวอยู่ห้องรับแขก ได้ยินเสียงริวเข้ามาในบ้านพูดกับเธียรสองสามคำก่อนมาที่ครัว

...ริว...เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว รอยจันทร์เงยหน้าเห็นความผิดปกติ

ไม่เป็นไรหรอก ออกไปคุยกับแขกเถอะ ที่เหลือผมจัดการเอง

แขกของแกนี่หว่า เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย หญิงสาวไม่สนใจ

รอย... ริวเรียกด้วยเสียงอ่อนใจ หลายปีที่ผ่านมา เพราะว่าไม่ได้คุยกันใช่มั้ย วันนี้มีโอกาสแล้วอย่าทิ้งง่ายๆ สิ

ฉันห่วงแกมากกว่า ท่าทางแย่ชะมัด ไม่สบายหรือเปล่า รอยจันทร์ยังไม่อยากพบหน้าเธียร อีกทั้งสภาพของริวก็ผิดปกติเอามากๆ

น่า... เขาฝืนยิ้มเพลียๆ ไม่ต้องห่วงผมหรอก ขอล้างมือล้างหน้าสักหน่อยก็ดีขึ้น

โอเค มีอะไรเรียกฉันก็แล้วกัน พูดจบเช็ดมือเตรียมหลบขึ้นห้อง

อยู่คุยกับพี่เธียรเขาด้วยอย่าหนีไปหลบอยู่บนห้องล่ะ ริวดักคอรู้ทัน

ไอ้บ้า รอยจันทร์ทั้งโมโหทั้งขำ คนไม่เคยเจอกันตั้งหลายปี จู่ๆ จับมานั่งคุยสองต่อสอง คงไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร

ริวมองตามหลังรอยจันทร์ก่อนหันมาเปิดน้ำล้างมือ ความเย็นช่วยให้สดชื่นขึ้น อาการมึนเบลอยังไม่หาย วักน้ำล้างหน้า เช็ดคราบเหงื่อที่ค้างออกพอหายใจคล่อง สะบัดหัวแรงๆ

สงสัยต้องรีบจัดการตัวเองก่อน ไม่งั้นอาจเป็นลมไม่รู้ตัว


บนห้อง...

ริวหยิบเกล็ดนาคาวางบนฝ่ามือ ไอเย็นจับซาบซ่านช่วยผ่อนคลาย ชุ่มชื่น สีเหลืองอ่อนจับตาผิดปกติ คล้ายเด็กน้อยยินดียามพบของเล่นถูกใจ

เขาหลับตา ผ่อนลมหายใจช้าๆ กำหนดให้กลางฝ่ามือเป็นเหมือนประตูเปิดกว้าง ขับไล่อาคันตุกะแปลกปลอม ไอพิษเกาะเป็นกลุ่มทะลุมือแทรกซึมเข้าในเนื้อเกล็ด ยิ่งนานสีเหลืองอ่อนยิ่งเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีน้ำตาลระเรื่อ

ริวถอนใจยาว ร่างกายเป็นปกติ มองเกล็ดนาคาในมือ มันแปรสภาพจากสีเหลืองกลายเป็นสีน้ำตาล ไอเย็นกระจายออกมาไม่ขาดระยะ เหมือนสนุกสนานกับพิษร้ายที่บรรจุใหม่

หย่อนเกล็ดนาคาใส่กระเป๋า ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกตนเองกระจิริดไม่เก่งกาจอะไรเลย แค่ได้ฤทธิ์อำนาจผิวเผินไม่อาจระลึกชาติ ไม่รู้จักอดีตตนเองถ่องแท้ ถ้าผู้วางพิษเกิดแค้นเคืองเอาเรื่องขึ้นมา เขาจะหาทางรับมืออย่างไร

 

-----000-----

 

อาหารสามสี่อย่างถูกขึ้นโต๊ะ กลิ่นหอมฉุยชวนน้ำลายสอ ข้าวร้อนๆ ตักใส่จานควันกรุ่น ริวทำหน้าที่กุ๊กและบริกรเสิร์ฟอาหาร รอยจันทร์กับเธียรเป็นแขกโดยปริยาย

อาหารมื้อนั้นเริ่มต้นอย่างเก้ๆ กังๆ เจ้าภาพฝ่ายหญิงไม่พูดไม่จา ด้านแขกก็แสดงท่าอึดอัดอยากพูดจาทำบรรยากาศให้ดีขึ้น แต่เจอกำแพงน้ำแข็งจนทำตัวไม่ถูก มีแค่ริวที่ปกติชวนสองฝ่ายคุยกันเหมือนไม่มีเรื่องขุ่นข้อง อารมณ์ขันของเขาช่วยไม่ให้รสชาติอาหารเลวร้ายลงไป

ความพยายามของริวเป็นผลเมื่อรอยจันทร์พูดจาตอบบ้าง เธียรคลายอึดอัดลง ปล่อยตัวตามสบายเกือบเหมือนเธียรคนเก่า

ริวทำกับข้าวอร่อยนะ อย่างนี้เป็นกุ๊กได้สบายเลย เธียรเอ่ยปากชม

คิดอยู่เหมือนกันพี่ เมื่อไหร่เจ๊แกขี้เกียจเลี้ยง ผมว่าจะไปสมัครเหมือนกัน

ตอนนี้ฉันก็ขี้เกียจเลี้ยงแกอยู่แล้ว รอยจันทร์บอก

ริวตีหน้าซื่อ ทำตัวน่าสงสาร

อย่าเพิ่งขี้เกียจเลยน่าเจ๊ ทำงานงกๆ หาเงินเลี้ยงน้องชายกำพร้าอย่างนี้ พวกนักข่าวมันเอาไปลงยังดูดี เข้าท่ากว่ามีข่าวอาเสี่ยมาเลี้ยงนะ

ไอ้ริว... รอยจันทร์ขึ้นเสียง นัยน์ตาวับ น้องชายทำท่าไม่สนใจ พูดกับเธียรอย่างคนครอบครัวเดียวกัน

พี่เธียรเชื่อมั้ย ตอนรอยมันเพิ่งดังใหม่ๆ นะ มีข่าวคาวไม่เว้นแต่ละวันเดี๋ยวก็ว่ามีเสี่ยเลี้ยงบ้าง เป็นเมียน้อยนักการเมืองบ้าง ยิ่งตอนถ่ายชุดว่ายน้ำนะยิ่งหนัก มีการประมูลราคากันด้วยว่าค่าตัวคืนละเท่าไร

ไอ้ริว หญิงสาวลงเสียงเกรี้ยวหนัก หูร้อน ใบหน้าแดงซ่าน ถึงรู้ว่าข่าวพวกนี้มันไม่จริงแต่ก็ไม่อยากให้ คนอื่น ฟัง

เธียรหัวใจกระตุกวูบ อยากออกปากถาม...ข่าวพวกนั้นมีมูลแค่ไหน แต่ต้องข่มใจ เขาได้ข่าวเหล่านี้จาก ผู้หวังดี มาตลอด และข่มใจไม่ถามไถ่มาตลอดเช่นกัน

แล้วริวไม่คิดเข้าวงการบ้างเหรอ เธียรดึงประเด็นให้ออกจากเรื่องเหล่านี้

เขากลัวใจตัวเอง...กลัวหลุดปากถาม ข่าวทั้งหมดเป็นความจริงหรือไม่ เพราะหากถามเช่นนั้นจะแสดงว่าไม่ไว้ใจกัน แต่การไม่ถามให้รู้แน่ ปัญหาก็คาใจจนอึดอัดกังวลมาหลายปีเหมือนกัน

ไม่ละพี่ ริวตอบง่ายๆ ให้เจ๊ออกหน้าคนเดียวดีแล้ว ผมไม่เก่งเท่า ขืนโดนใครกุข่าวแย่ๆ บ้าบอ ใส่ความกันตลอดแบบนี้คงทนไม่ไหว คิดดูนะพี่ ตอนผมเป็นผู้จัดการให้รอยใหม่ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดก็ดันมีข่าว...รอยจันทร์ควงคู่หนุ่มหน้าใส แอบไปสวีตสองต่อสอง...พอแก้ข่าวว่าผมเป็นน้องก็ดันมีบางฉบับเขียนแซว น้องจริงๆ หรือพี่น้องท้องชนกัน...ตอนนั้นผมแทบสำเนาบัตรประชาชนแจกหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

ริวพูดเรื่อยๆ อย่างออกรส รอยจันทร์เม้มริมฝีปากนิ่ง ไม่โต้แย้งไม่ขัดคอ ส่วนลึกในใจยินดีที่ริวพูดเรื่องนี้ออกมา

ขณะฟังคำพูดของริว จิตใจเธียรผ่อนคลายบอกไม่ถูก ภาระที่แบกไว้หลุดทีละชิ้น นึกถึงภาพข่าวที่เคยส่งมาจากเมืองไทย เป็นรูปรอยจันทร์เดินควงกับหนุ่มแปลกหน้าอย่างสนิทสนมทำให้ใจคอเขาร้อนรุ่มกระวนกระวาย พอย้อนนึกถึงรูปใบหน้าผู้ชายคนนั้น ก็เป็นคนเดียวกับที่ผูกขาดการสนทนาขณะนี้เอง

เธียรเข้าใจแล้ว ริวเล่าเรื่องพวกนี้ด้วยเหตุผลใด


ฝีมือทำอาหารของริวอยู่ในระดับยอด ยิ่งรับประทานตอนใจผ่อนคลายไม่มีตะกอนขุ่นข้อง ยิ่งทำให้มันเป็นมื้อสุดวิเศษ ถึงโต๊ะอาหารจะมีพ่อครัวพูดคุยคนเดียว แต่ความคาใจบางอย่างเริ่มจางหาย หลงเหลือแค่ม่านอัตตาบาง ๆ ว่าแต่ละฝ่ายจะยอมก้าวข้ามมันได้หรือไม่

ดึกสงัด...เธียรลากลับ

จะมาเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ได้เสมอนะพี่เธียร ริวเดินมาส่งถึงหน้าประตู

ถ้ามาบ่อยๆ จะขัดข้องหรือเปล่า เธียรปูทาง

ผมไม่ขัดข้องหรอก แต่เจ๊จะอยู่หรือเปล่าก็อีกเรื่องนึงนะ ช่วงนี้งานเยอะ ทั้งละครทั้งแฟชั่นเดินแบบ พิธีกร ที่ยังไม่ทำก็เห็นจะมีแต่ออกเทปกับเล่นตลกนี่แหละ ไม่แน่ถ้าค่ายไหนเกิดปิ๊งไอเดียอยากได้นางร้ายมาร้องเพลงล่ะก็ เจ๊รอยโดนจีบคนแรกแน่

เธียรยิ้มรับ สนิทใจกับชายหนุ่มตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

ที่จริงพี่มีเรื่องอยากคุยกับรอยเขาเยอะมาก แต่ดูท่าจะยาก เขาพูดเหมือนบ่น

ใจเย็นๆ รอยมันคนหัวดื้อ เจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ไม่ถึงกับดันทุรัง ค่อยๆ ใช้เวลาหน่อยถ้าพี่เธียรจริงใจและมีความพยายามพอ สักวันพี่สาวผมจะเข้าใจ

ขอบใจว่ะริว เธียรตบไหล่คนให้กำลังใจ หันหลังกลับ เปิดประตูรถ ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงริว

เอ่อ...พี่เธียร

มีอะไรหรือ เธียรหันมาถาม

คือ...ช่วงนี้พี่มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า ริวถามอย่างลังเล เขาเองใช่เป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้า การที่มีพิษพญานาคมาอยู่ในรถของเธียร มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา

ก็...นิดหน่อย เธียรนึกในใจ...เรื่องพี่สาวนายก็เป็นปัญหาของฉันเหมือนกันว่ะ

ถ้ามีอะไร โทร.หาผมได้นะพี่ ริวให้นามบัตรไว้

อืม ขอบใจนะ

ระวังตัวหน่อยนะพี่ มีอะไรผิดสังเกตก็บอกผม เขาย้ำอย่างเป็นห่วง

เธียรเริ่มสงสัย ริวรู้เห็นอะไรทั้งที่เพิ่งพบกันวันนี้...ชั่ววูบหนึ่งอดหวนคิดถึงเรื่องแปลกๆ หลายอย่างไม่ได้ ฝันถึงกองทัพงู รอยพญานาค แผ่นดินไหว...เหล่านี้เข้าข่ายผิดสังเกตของริวหรือไม่

โอเค แล้วพี่จะโทร.มา เธียรรับคำแต่ไม่พร้อมจะพูด วันนี้เขามีความสุขไม่อยากให้เรื่องไร้สาระมารบกวนสมอง


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP