วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๖


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


สาวน้อยหน้าแอร่มนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รอบตัวมีผู้คนมากมายเดินเข้าออกผ่านประตูห้างแต่เจ้าหล่อนไม่สนใจ มีสมาธิอยู่กับหนังสือที่อ่าน ดวงตาโตแจ่มแจ๋ว จมูกเป็นสัน ริมฝีปากสีสดมีรอยยิ้มแตะแต้มเป็นนิตย์ ใบหน้าเนียนใสขาว บางจนมองเห็นเส้นเลือดฝอย เจ้าตัวดูมีความสุขจนลืมสังเกตผู้ชายตัวโตๆ สูงเพรียวยืนก้มมองใกล้ๆ

รอพี่นานมั้ยจ๊ะ ริวยืนยิ้ม ใบหน้าสดใส

เอ...ไม่ทราบสิคะ แต่น้ำฝนอ่านหนังสือไปได้หลายหน้าเลยแหละ

โอ้โฮ แสดงว่ารอนานมาก แต่หลายหน้าของน้องน้ำฝนนี่...พี่ว่าไม่น่าเกินสิบหน้าหรอกใช่มั้ย ริวนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ

เด็กสาวหัวเราะเสียงใส

เกินสิบหน้าแล้วจ้า สาวน้อยยกหนังสือขึ้นโชว์ น่าจะได้สัก...สิบ...สองหน้า

ริวอมยิ้ม จิตใจเบิกบาน อารมณ์ดีตามเด็กสาวข้างตัว

จ้ะ...นัดพี่ออกมาจะชวนไปไหนเอ่ย

ไปบ้านคุณย่าค่ะ เด็กสาวตอบ

บ้านคุณย่า เป็นชื่อสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนวัยเรียนของเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่มักไปช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ประจำ

แล้ววันนี้จะชวนพี่ไปทำอะไร ริวถามกึ่งชวนคุย

ไปพาพวกน้อง ๆ เต้นระบำชาวเกาะกันน้ำฝนตอบหน้าตาเฉย

ริวหัวเราะ

แล้วน้ำฝนล่ะ

น้ำฝนจะคอยให้กำลังใจค่ะ เด็กสาวทำเสียงหนักแน่น

แหม...มีประโยชน์จังเลยนะ ริวแกล้งประชด

แน่นอนอยู่แล้ว เด็กสาวรับสมอ้าง วันนี้จะมีคนมาเลี้ยงอาหารกลางวันให้พวกน้อง ๆ ...หน้าที่อื่น ๆ มีคนทำไปหมดแล้ว เหลือแค่คนนำน้อง ๆ เต้นระบำ ขอบคุณคนที่มาเลี้ยงข้าว ซึ่งเหมาะกับพี่ริวมาก ทีนี้ก็ขาดคนคอยเชียร์ ให้กำลังใจ... น้ำฝนก็เลยต้องเสียสละรับหน้าที่สำคัญสุดนี้ไว้

ริวส่ายหน้า ขำขันจนคร้านจะเถียงต่อ

...น่าขันหนุ่มสาวคู่อื่นเวลานัดเที่ยวกัน มักชวนเดินห้าง ดูหนัง ฟังเพลง มีแต่ริวกับน้ำฝนที่ไปตามบ้านเด็กกำพร้า บ้านคนชรา กระทั่งมูลนิธิสัตว์พิการ


ไปสิ เขาตอบรับพลางหันมองรอบๆ เหลียวหาใครบางคน

พี่ริวรอใครหรือคะ น้ำฝนถามอย่างสงสัย

ชายหนุ่มยิ้มเฉย ไม่ยอมตอบ

ไปขึ้นรถเมล์กันเถอะ

ค่ะ น้ำฝนลุกตาม ชินเสียแล้วกับลักษณะแปลกๆ ของชายหนุ่มคนนี้

ริวก้าวนำสองก้าวค่อยยิ้มออก แอบเหลือบตาไปเบื้องหลังไม่ให้เด็กสาวข้างกายสังเกตเห็น

...นึกว่าจะไม่มา...ที่ไหนได้ ยังหวงหลานสาวเหมือนเดิม

หญิงชราแต่งตัวดีคนหนึ่งเดินตามริวกับน้ำฝนต้อยๆ เหมือนบอดี้การ์ดไม่ก็ผู้คุมนักโทษ สังเกตดีๆ จะเห็นเท้าแกลอยไม่ติดพื้น ชายหนุ่มคุ้นเคยกับวิญญาณดวงนี้ตั้งแต่คบหากับเด็กสาวหน้าใส

เพราะ คุณยาย เขาถึงมีโอกาสรู้จักกับน้ำฝน


วันนั้นเขาว่าง เดินเที่ยวห้างตั้งใจดูหนังรอบบ่าย ระหว่างเข้าคิวซื้อตั๋วก็พบหญิงชราแต่งตัวดีเดินกระสับกระส่าย มองซ้ายมองขวาเหมือนตามหาใครสักคน เขาเกือบออกจากแถวไปถามแสดงน้ำใจ ถ้าไม่ทันสังเกตว่า...เท้าแกไม่ติดพื้น

...คุณยายเป็นผี

รู้อย่างนั้นก็เลิกสนใจ พบบ่อยจนเป็นเรื่องปกติ สงสัยเป็นพวกสัมภเวสีแสวงหาที่เกิด ไม่รู้ไปไหนเลยวนเวียนในห้าง ท่าจะเป็นลมตายแถวนี้มั้ง

จู่ๆ คุณยายก็มายืนข้างแถวซื้อตั๋ว ริวสบตาแกพอดี

พ่อหนุ่ม ช่วยยายหน่อยเถอะ นี่คือคำทักทายแรกระหว่างกัน

เรื่องผีพาซวยเขาโดนหลายครั้ง ตอนหลังขี้เกียจวุ่นวายมักปฏิเสธไว้ก่อน ครั้งนี้ก็เช่นกันแต่ไม่ทันเอ่ยปาก แกก็ชิงพูดตัดหน้า

หลานสาวยายกำลังเดือดร้อน ช่วยหน่อยเถอะ

ถ้าทำเฉยคงใจดำเกินไป เขาจึงยอมออกจากแถวตามวิญญาณนิรนาม ไปช่วยหลานสาวแกตามคำขอร้อง น้องน้ำฝนกำลังอยู่ท่ามกลางหนุ่มวัยรุ่นแปลกหน้าที่เข้ามาจีบ ขอทำความรู้จัก ดูไม่น่าห่วงอะไร

ถ้าคุณยายไม่วิตกจริตจนเกินไป ในห้างมีคนเยอะแยะพวกมันไม่กล้าฉุดแน่ ผู้หญิงฉลาดสมัยนี้มีวิธีเอาตัวรอดได้

ริวจำใจสวมบทพระเอกขี่ม้าขาวทักทายน้ำฝนเหมือนคนรู้จักกันมาสักสิบปี ด้วยการบอกบทของคุณยายจึงพูดได้แนบเนียนน่าเชื่อถือ พวกวัยรุ่นยอมสลายตัว นั่นคือจุดเริ่มต้นระหว่างเขากับสาวหน้าใส...น้องน้ำฝน


ตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิต ริวตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากเด็กวัยรุ่นเรียน ๆ เล่น ๆ จีบสาวไปวัน ๆ ก็มีภาระ เป้าหมายชัดเจน

ภาระแรกที่ตนรู้สึกว่าควรดูแล รับผิดชอบ คือรอยจันทร์ พี่สาวที่อยู่ในวงการบันเทิง ซึ่งเขาคิดว่าตนเองควรเข้ามาคอยระวังเหล่าเสือ สิงห์ที่หวังตักตวงประโยชน์จากพี่สาว นั่นคือการยอมเข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวให้เธอ

ส่วนเป้าหมายที่ชัดเจนก็คือ พยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระกับพี่สาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น และเรื่องสาว ๆ

ริวตั้งใจว่าจะไม่จีบผู้หญิงคนไหนเล่น ๆ ถ้าตนไม่สนใจจริง ๆ เพื่อไม่ให้มีภาระเพิ่มเกินจำเป็น

แรกรู้จักน้องน้ำฝน เขาก็ไม่คิดจะคบ พูดคุยกันยืดยาว แต่เด็กสาวมี อะไร หลายอย่างที่ทำให้ริวรู้สึกหัวใจชุ่มเย็น เขาไม่รู้สึกเบื่อเวลาสาวน้อยโทรศัพท์มาคุยครั้งละนาน ๆ ไม่รู้สึกรำคาญ เวลาเธอชวนออกมาช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามมูลนิธิต่าง ๆ

น้ำฝนไม่ได้ชวนไปช่วยงานแค่บ้านเด็กกำพร้า แต่รวมถึง บ้านพักคนชรา บ้านสัตว์พิการ มูลนิธิเด็กปัญญาอ่อน แต่ละที่เป็นงานอาสาสมัครแบบสมัครใจ ไม่มีการผูกมัด เป็นงานที่ไม่ได้หวังผลอะไร กระทั่งคำว่าขอบคุณ

ริวมีจิตใจชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว จึงร่วมทางกับเด็กสาวได้อย่างเบิกบาน มีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกมาด้วยกัน มองเห็นจิตใจที่คิดจะ ให้ ของน้ำฝนเป็นสิ่งงดงาม ดูกว้างขวาง อบอุ่น และชวนให้ใจเขาเปิดกว้าง เบิกบาน มีความสุขตามไปด้วย

นี่กระมังทำให้ริวไม่อาจทอดระยะห่าง รู้สึกผูกพันโดยไม่รู้ตัว ต่อให้มี ผี เดินตามเขาก็ไม่แคร์ หนำซ้ำแกล้งแหย่แกตั้งหลายครั้งจนคุ้นเคย


บนรถเมล์...

ริวกับน้ำฝนได้เก้าอี้เบาะหลัง ใกล้กันมีเด็กวัยรุ่นสวมเสื้อช็อปของสถาบันเทคนิคแห่งหนึ่ง รถเมล์ยังไม่แน่น เก้าอี้ด้านหน้าเกือบเต็ม เหลือที่ยืนว่างโล่ง

รถจอดป้ายหน้าอาชีวะชื่อดัง วัยรุ่นกลุ่มใหญ่ขึ้นมา ส่งสายตามองมายังด้านหลัง ดวงตาทุกคู่จ้องเด็กเทคนิคสวมเสื้อช็อปที่นั่งเดี่ยว ริวมองตามชักเห็นความไม่ชอบมาพากลทันที

มาคนเดียวหรือมึง คำทักทายจากหัวหน้ากลุ่มอาชีวะ

หนุ่มเทคนิคหน้าซีดเผือด มองคู่อริต่างสถาบันที่ยืนรายล้อมด้วยใจสั่นระรัว มือเท้าเย็นเฉียบมองซ้ายขวาหาคนช่วยเหลือ ผู้โดยสารคนอื่นเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มีแต่คอยระวังตัวเองไม่ให้โดนลูกหลงไหนเลยจะคิดช่วย

จำได้มั้ย วันก่อนพวกมึงทำอะไรพวกกู คำถามที่สองเหมือนสัญญาณอันตราย

น้ำฝนนั่งชิดหน้าต่าง ส่วนริวนั่งต่อมา เขาจึงใช้ตัวบังเด็กสาวไม่ให้เกิดอันตราย สายตาเก็บรายละเอียดพวกอาชีวะหาอาวุธที่ใช้

ไม้ที สนับมือ มีดสปริงและปืน...เห็นอย่างนี้ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นนักเรียนหรือโจรแบ่งแยกดินแดน

ถ้าจะคุยกัน ก็พูดกันดี ๆ มามือเปล่าก็ได้ ไม่เห็นต้องพาเพื่อน พกอาวุธมาตั้งเยอะอย่างนี้หรอก เสียงใสๆ ดังจากข้างกายริว ฟังราวกับสอดมือเข้าไปหาลูกระเบิด

น้ำฝน...ไปหาเรื่องพวกมันทำไมลูก

เปล่า...คนที่เอะอะโวยวายไม่ใช่ริวหรือผู้โดยสารคนอื่นบนรถเมล์ แต่เป็นผีคุณยายที่ยืนข้างกลุ่มนักเรียนอันธพาลนั่นเอง

ริวอยากหัวเราะ แต่มันขำไม่ออก ทีแรกตั้งใจช่วยอยู่ห่างๆ ไม่ให้ใครรู้ แต่เด็กสาวดันทำเรื่องให้เขาออกหน้าเสียแล้ว


 

บทที่ ๕


ยุ่งอะไรด้วยวะ แกเป็นแฟนมันหรือไง หัวหน้ากลุ่มตะคอกใส่เด็กสาว

ไม่ใช่หรอก...ไม่เคยรู้จักกันเลย...แต่เห็นเขาหน้าซีด กลัวพวกเธอขนาดนี้ ก็เลยสงสาร

เสียงหัวเราะ และสายตาเย้ยหยันเป็นคำตอบจากฝ่ายตรงข้าม

เฮ้ย...น้อง...ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากเลย

ที่จริงอายุของพวกเด็กอาชีวะนี้ก็ไล่เลี่ยกับน้ำฝน แต่น้ำฝนหน้าใสจึงดูเหมือนแค่เด็กมัธยม

ก็เพราะไม่รู้นี่แหละ เลยอยากให้คุยกันก่อนไง ถึงพวกเขาจะเคยทำอะไรมา แต่ตอนนี้เขาก็อยู่คนเดียว ดูยังไงมันก็ไม่ยุติธรรมนะ น้ำฝนพยายามประนีประนอม

เฮ้ย...ไร้สาระ เธอน่ะเงียบไปเลย เรื่องของผู้ชายเขาจะจัดการกันเอง

ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ชาย ก็ทำตัวให้เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิ แบบนี้มันไม่ใช่เลยนะ แล้วคิดดู ตอนนี้พวกนายก็ใส่เสื้อช้อปโชว์ชื่อสถาบันหรา ทำอะไรแบบนี้ไม่คิดถึงชื่อเสียงของโรงเรียนเลยเหรอ

บางทีประโยคที่พาดพิงถึงสถาบัน และความเป็นลูกผู้ชาย กระทบปมในใจอีกฝ่ายอย่างแรง

อีนี่ เดี๋ยวโดนตบ วัยรุ่นใจร้อน เงื้อมือจะฟาดทันที

ทว่ามือของมันถูกมือที่แข็งแรงกว่าจับล็อกไว้ไม่ต่างจากคีมเหล็ก

น้อง...นี่ผู้หญิงนะ จะลงมือลงไม้อะไรก็ดูกันบ้าง ริวพูดเสียงเรียบ

ปล่อยมือเพื่อนกู พวกในกลุ่มส่งเสียงเตรียมรุม

ริวสะบัดปล่อยมือ อันธพาลนักเรียนเซปะทะกับเพื่อนคนอื่นๆ ถึงตอนนี้กระเป๋ารถเมล์รีบบอกคนขับให้จอดรถ กลัวเกิดเรื่องบานปลาย ผู้โดยสารหลายคนรีบลงกันพลาดโดยลูกหลง

ไอ้ห่า...ตายซะเถอะมึง หัวหน้ากลุ่มควักปืนออกมาเหนี่ยวไก

ริวเตรียมตัวตั้งแต่แรก สมอง ความคิดผสานกันโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาฉายแสงแดงจ้าปลายนิ้วมีละอองไอขาวพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

โอ๊ย...ร้อน ไกปืนแข็งค้าง ด้ามจับร้อนผ่าว มันรีบสะบัดทิ้ง มือยิ่งร้อนเร่าๆ ปวดแสบทรมานราวกับโดนไฟลวกถึงกระดูก

เฮ้ย...มึงเป็นอะไร เพื่อนพวกมันกรูกันห้อมล้อม จังหวะนั้น เจ้าเด็กเทคนิคตัวต้นเรื่องก็แอบลงจากรถ ริวมองตามอมยิ้มนิดๆ

ไม่น่าเชื่ออำนาจนาคาที่ได้รับจะมีพิษสงขนาดนี้ แถมเป็นไปโดยอัตโนมัติ

รีบไปสิ จะรออะไรอยู่เล่า คุณยายตะโกนกรอกหู

น้ำฝนนั่งมองอย่างมึนงง เห็นริวนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทันทำอะไร ตอนวายร้ายวัยรุ่นชักปืน จู่ๆ มันกลับทิ้งปืนนอนดิ้นพราดๆ ยังกับเป็นบ้า

กลุ่มอาชีวะไม่มีแก่ใจราวีใคร ต่างรีบพาเพื่อนส่งโรงพยาบาล มือที่แดงฉานแสดงอาการไม่ใช่น้อย ยิ่งนานมันยิ่งลามขึ้นถึงแขน เด็กหนุ่มดิ้นเร่าๆ เหงื่อผุดเต็มหน้า ทั้งแขนแดงเถือก เพื่อนๆ มีสีหน้าทุกข์ร้อนหาวิธีไปโรงพยาบาล

ริวถอนใจ...นี่เขาทำเกินไปหรือเปล่า

รีบถอนพิษซะ เดี๋ยวเด็กจะตายเปล่าๆ เสียงชัยยะนาคากระทบหู

ริวสูดลมหายใจลึก นึกอโหสิ...ควันจางๆ ไหลจากปลายนิ้วผู้บาดเจ็บซึมสู่พื้นก่อนจางหายในอากาศ

เราเปลี่ยนรถเมล์กันเถอะ

ไม่ดูเขาก่อนเหรอพี่ริว...เจ็บขนาดนี้ น่าสงสารออก

ริวไม่รู้จะตอบอย่างไร...นี่แหละน้องน้ำฝน...

เป็นห่วง...เห็นใจ...สงสารคนโน้นคนนี้ได้หมด

กระทั่งคนที่เกือบจะลงไม้ลงมือกับตนเอง!

ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ เพื่อนฝูงเขาเป็นโขยง พากันไปส่งโรงพยาบาลได้อยู่แล้ว

ริวจูงมือน้ำฝนลงจากรถอย่างรวดเร็ว ไม่นึกห่วงว่าวัยรุ่นกลุ่มนั้นจะเป็นอย่างไร...รับรองแค่นี้ไม่ถึงตาย อย่างมากคงนอนพักฟื้นสองสามวัน ให้หายกระเหี้ยนกระหือรือ

ระหว่างรอรถเมล์อีกคัน ริวอดคิดไม่ได้ เพียงครั้งแรกที่ใช้อำนาจนาคามันก็มีอานุภาพร้ายแรงขนาดนี้ ไม่น่าเอามาใช้กับมนุษย์ ฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องเผชิญต่อไปมันคืออะไรกันแน่...คิดแล้วอดหวั่นใจไม่ได้


-----000-----


พันเกลียวกลับมาถึงบ้านแล้ว บ้านที่เงียบสงัด ปิดตายไม่มีคนอยู่ ประตูรั้วมีวัชพืชไม้เลื้อยพาดพันรกรุงรัง ถนนเล็กๆ ทอดสู่ตัวบ้านเต็มไปด้วยหญ้าตามรอยแตก ต้นไม้ใหญ่ที่เคยปลูกบัดนี้ร่มครึ้ม กิ่งใบหนาจนแทบคลุมหลังคาบ้าน

หญิงสาวเปิดประตู ทุกสิ่งภายในยังอยู่สภาพเดิมไม่มีใครแตะต้อง ประตูหน้าต่างไร้ร่องรอยงัดแงะ ในซอยลึกเช่นนี้ใช่ว่าไม่มีขโมยแต่ ผู้ดูแลบ้าน ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนไม่มีใครกล้าเหยียบย่างแม้ยามกลางวัน

บ้านสองชั้นปิดตาย สภาพทั่วไปยังไม่โทรม เฟอร์นิเจอร์อยู่ครบฝุ่นจับหนา หยากไย่แมงมุมยึดครองทั่วผนังเพดาน

พันเกลียวเดินผ่านพวกมันด้วยแววตาเรียบเฉยรับรู้จนถึงห้องพระชั้นสอง ทันทีที่เปิดประตูห้องพระ กลิ่นดอกไม้แห้งลอยมากระทบแสงสว่าง เหนือหน้าต่างฉายให้เห็นโต๊ะหมู่บูชาที่แน่นขนัดด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆ

พันเกลียวทรุดลงนั่งคุกเข่าไม่ใส่ใจละอองฝุ่นบนพื้นก้มกราบด้วยกิริยานอบน้อมบูชา แล้วนั่งพับขาเรียบร้อย สายตาแลเลยอีกด้านของห้อง รูปภาพบรรพบุรุษที่เสียชีวิตใส่กรอบเรียงรายตามลำดับ

ภาพบิดาเป็นหนึ่งในนั้น ดวงตาพันเกลียวทอดมองอ่อนโยนก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

หนูกลับมาแล้วค่ะพ่อ...ภาระครั้งนี้คงเป็นหน้าที่ทางโลกครั้งสุดท้ายสำหรับหนู หลายปีที่บำเพ็ญเพียรขัดเกลาจิตใจ หนูก็รู้มาตลอดว่าหน้าที่บางอย่างยังไม่จบ หนูกลับมาครั้งนี้เพื่อทำหน้าที่แทนพ่อ ขออย่าได้เป็นห่วง ขอให้มีความสุข ณ ที่ที่พ่ออยู่ เรื่องราวทางนี้หนูรับปากจะจัดการให้เรียบร้อยสมบูรณ์ หนูสัญญา

หญิงสาวพริ้มตาลง สำรวมจิตราวกับจะส่งข้อความทั้งมวลขึ้นไปสู่เบื้องบน จิตใจอิ่มซ่านดวงจิตที่มองเห็นทราบชัด หล่อนได้รับคำอนุโมทนา

ลืมตา...ประกายฉายวับ ดวงหน้างามคล้ายรูปสลักตั้งเด่นนิ่ง ผมยาวถูกปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง เวลาใกล้มาถึงแล้ว งานที่ต้องทำยังมีอีกมาก...นอกจากช่วยชายหนุ่มให้ได้รับคืนอำนาจนาคาก็ยังมีอีกหลายเรื่องต้องดำเนินให้เสร็จ...หวังว่างานทั้งหมดคงลุล่วงโดยเร็ว

อากาศในห้องพระไม่อับทึบ หนำซ้ำยังปลอดโปร่งคละเคล้ากลิ่นดอกไม้แห้งซึมแทรกจางๆ นอกจากพันเกลียวก็ดูเหมือนมีบุคคลอื่นเข้ามาร่วมด้วย


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP