วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๕


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


บทที่ ๔



ความรู้สึกตัวยังดำเนินต่อเนื่อง จิตดิ่งลงเพียงชั่ววูบก็พบตนเองยืนอยู่กลางแสงสว่างอันไร้ขอบเขต ร่างกายเบาหวิว รอบกายไม่มีใคร กระทั่งมีการรวมตัวของแสงสว่าง ณ จุดหนึ่งกอปรเป็นร่างยืนเด่นสง่า

คุณพันเกลียว ริวรำพึงในใจ กลับมีเสียงกังวานดังไปมา

ราเมศว์ หญิงสาวขยับปากเรียกชื่อจริงของเขา ตามฉันมาสิ

พันเกลียวไม่อารัมภบท ไม่แนะนำตัว ไม่ทักทาย หล่อนใช้ประโยคแรกบอกเจตนาของตนเองทันที

คุณจะพาผมไปไหมชายหนุ่มใช้จิตใจส่งภาษาแทนวาจา

ตามมาก็รู้หล่อนเดินนำหน้าเหมือนมั่นใจ เขาต้องเดินตาม

ริวสาวเท้าเพียงสองสามก้าวก็ร่นระยะทางเข้าใกล้ แสงสว่างถอยไกล ความสลัวรางเบื้องหน้าขยายตัวออกกว้างจนมองเห็นท้องฟ้ายามราตรี ดารดาษด้วยหมู่ดาว จันทร์กลมโตลอยเด่นอยู่ปลายขอบฟ้า ทั้งสองเดินห่างกันเพียงสองก้าว ริวจงใจเยื้องทางซ้ายเพื่อมองหาจุดหมายปลายทาง

เบื้องหน้าเป็นบันไดนาคราชทอดยาวจากเนินลงสู่แม่น้ำ พันเกลียวหยุดรอชายหนุ่มผู้ติดตามที่หัวบันได กล่าวกำซับอีกครั้ง

เราจะลงไปข้างล่าง เห็นอะไรไม่ต้องถามทั้งนั้น คราวนี้หญิงสาวไม่ขยับริมฝีปากสักนิด คำพูดยังชัดเจนในใจ

ริวพยักหน้า เท้าเบาหวิว ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์...จุดหมายของพันเกลียวอยู่ที่ใดสุดรู้ เชื่อว่าสภาพเช่นนี้ เขาคงสามารถไปไกลถึงสวรรค์ชั้นฟ้าทีเดียว

พันเกลียวไม่ได้พาขึ้นสวรรค์ หล่อนลงบันไดทีละขั้นจนถึงตลิ่งและก้าวต่อสู่แม่น้ำ ร่างจมลงทีละน้อย ริวตามไปอยู่ใต้แม่น้ำกว้าง เนื้อตัวไม่เปียกซักนิด ไม่เหมือนคนจมน้ำ ความรู้สึกบนบกกับใต้น้ำไม่แตกต่างกัน คล้ายกับมันคือความฝัน ผิดกันที่มีสติรู้ตัวตลอดเวลา

ใต้น้ำไม่มืดมิด มองเห็นแสงสีเทาอ่อนพลิ้วพราย ระลอกน้ำไหวละเลื่อม กระแสไม่หยุดหย่อน ยิ่งลึกความสลัวรางเริ่มจางลงมีแสงรำไรฉายเรืองอยู่ลิบๆ

นี่คือความฝัน...หรือที่เห็นเป็นภาพมายา...ริวไม่อยากเชื่อ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าจะมีอยู่จริง

รอบกายสว่างเรืองด้วยแสงสีทอง มันสว่างจนมองเห็นเส้นสายกระแสน้ำ จุดที่ยืนไม่อาจคาดว่าลึกเท่าใด แต่น่าจะลึกเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะดำมาถึง

ชายหนุ่มคุกเข่าอย่างเผลอไผล ร่างดูเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า พญานาคขนาดมหึมามีเกล็ดสีเหลืองอ่อนลวดลายธรรมจักร ฉายเรืองเย็นตา ขดตัวเป็นชั้นๆ รองรับพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ สีทองอร่ามตาพระเนตรหลุบต่ำทอดมองด้วยความเมตตา เศียรนาคตนนั้นซุกอยู่ใต้หัวเข่าองค์พระราวกับหมอบกราบ ถวายร่างกายเพื่อเป็นพุทธบูชา

เกล็ดปริศนาที่เขาได้รับ คือเกล็ดจากพญานาคตรงหน้านี้

ความตื้นตันบังเกิดแก่ใจ ปีติล้นหัวอก เขาไม่เคยเห็นพระพุทธรูปที่มีนาคขดตัวนอบน้อมเจียมตนเช่นนี้ ใจนึกอนุโมทนาต่อศรัทธาของนาคตนนั้น

พันเกลียวทรุดกายข้างๆ ก้มกราบพระพุทธรูปอย่างเคารพศรัทธา ริวเงยหน้ามองพระพักตร์ก่อนกราบตาม ความเย็นใจแผ่ซ่านเสมอดังได้นั่งต่อเบื้องพระพักตร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าจริงๆ

ผมควรถามมั้ยว่าที่นี่คือที่ไหนริวเอยปาก

ไม่ถามก่อนหรือว่าฉันพามาทำไม พันเกลียวย้อน

ครับ คำตอบรับสั้นตรง

ฉันพาคุณมาพบใครคนหนึ่ง ที่ใต้แม่น้ำแห่งนี้คำอธิบายรวบรัด

ริวไม่สนใจถามต่อ มีใครต้องการพบเขา...ขอเพียงสงบใจรอ ต้องมีคำตอบมาแน่

ใกล้กับที่ประดิษฐานพระพุทธรูป มีขุนเขาและถ้ำใต้น้ำขนาดใหญ่ ภายในมืดสนิทไม่อาจหยั่งรู้ความลึก พรายฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นลูกๆ ก่อนศีรษะนาคตนหนึ่งโผล่ออกมา ดวงตาแดงโร่ลำตัวยาว เกล็ดสีน้ำตาล แหวกว่ายฉวัดเฉวียน วนรอบองค์พระสามรอบ แสดงกิริยาความเคารพและมาขดตัวต่อหน้า ดวงตาแสดงความคุ้นเคย

ริวไม่หวาดหวั่นสักนิด กลับดีใจเหมือนได้พบเพื่อนเก่า พันเกลียวเพ่งมองที่ว่างตรงหน้าระหว่างชายหนุ่มกับนาค ทันใดนั้นปรากฏชายหน้าตาหมดจด ผ่องใสนั่งอยู่แทนที่นาคา

ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ทัตตะนาคา คำกล่าวทักทายสนิทสนม

คงใช่มั้งริวยิ้มรับ ยังนึกไม่ออกเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน แล้วชื่อนั้นเป็นชื่อของใคร

จำกันได้หรือเปล่า ชายมาใหม่ถาม

สงสัยจำไม่ได้...เราเคยรู้จักกันตั้งแต่ชาติปางก่อนหรือเปล่าริวตอบพร้อมกับถามล้อเล่นตามนิสัย

ใช่ อีกฝ่ายตอบรับอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก

ริวพยักหน้า เข้าใจรำไร ถ้าพูดถึงชาติปางก่อนเขาน่าจะเป็นพญานาค เพื่อนกับไอ้หมอนี้ละมั้ง ที่มาเจอกันอย่างนี้สงสัยไม่พ้นต้องมีสัญญาอะไรสักอย่าง

คงคุยนานไม่ได้ เวลาของโลกมนุษย์กับที่นี่ต่างกันหนุ่มร่างแปลงพญานาคเอ่ยปากก่อนเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ

ริวในชาติปางก่อนคือทัตตะนาคา นาคผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีล มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า เบื่อหน่ายสภาพของตน ต้องการไปเกิดเป็นมนุษย์ เฝ้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลจนสามารถละชาติภูมิของตนได้สำเร็จ

แล้วยังไงอีกริวฟังถึงตอนนี้ก็เริ่มสงสัย ปัจจุบันเขาเป็นมนุษย์แล้วเหตุใดถึงต้องโยงใยกับอดีตอีก

ก่อนที่จะละจากภพภูมิเดิม ทัตตะนาคาได้ผูกสัญญาไว้กับมนุษย์ผู้หนึ่ง

ใคร ริวสงสัย

พ่อของฉันเอง พันเกลียวเป็นผู้ตอบ

สัญญาว่ายังไง ชายหนุ่มถามต่อ

รายละเอียดมันยืดยาวซับซ้อน อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลย เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันจะให้ชัยยะนาคาเพื่อนของคุณช่วยเหลือ คืนอำนาจนาคาให้ก่อน พันเกลียวตัดบทรวบรัด

คืนอำนาจนาคา ริวพึมพำ...เขาจะเอาสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร คิดพลางระลึกถึงประสบการณ์แปลกๆ ของตนตั้งแต่เด็ก การได้เห็นบั้งไฟพญานาคครั้งแรก พบเพื่อนแปลกหน้า เงาร่างนาคาเหนือแม่น้ำโขง กระทั่งการติดต่อกับวิญญาณ อำนาจพิเศษที่ไม่เคยรู้ที่มาที่ไป มันเกี่ยวกับสิ่งนี้หรือไม่

ยังจำเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ริมแม่น้ำโขง คืนที่ได้เห็นประทีปศรัทธาเหนือลำน้ำครั้งแรกได้หรือไม่

จำได้ ริวตอบด้วยใจระทึก ผมกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง นั่งดูบั้งไฟพญานาคด้วยกัน

นั่นแหละ เรามาพบเพื่อนครั้งแรก ตั้งใจจะคืนอำนาจนาคาให้ แต่ตอนนั้นเพื่อนยังเด็กเกินไป จึงรับได้เพียงบางส่วน

ริวเพิ่งได้คำตอบที่มาของอำนาจพิเศษในตน

ครั้งนี้เราได้ทดสอบเพื่อนด้วยการมาปรากฏตัวให้เห็น หลังจากจุดประทีปศรัทธา ปรากฏว่าเพื่อนสามารถสื่อกับเราได้

คำอธิบายคราวนี้ยิ่งชัด เมื่อคืนก่อนรอยจันทร์อัดรายการมิติเร้นที่หนองคาย เรื่องบั้งไฟพญานาค ขากลับเขาสัมผัสถึงความรู้สึกแปลกๆ คล้ายมีใครมาติดต่อ ภาพงูมีหงอนขนาดใหญ่ฉายวูบในนิมิต จึงแกล้งบอกทุกคนว่าจะนอน ทำเป็นไม่สนใจแท้จริงกำลังสำรวมจิต มองภาพเลือนๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

จนพญานาคเลื้อยผ่านรถตู้ ทุกคนตะลึง พูดไม่ออก แต่ริวกลับเห็นพญานาคตนนี้ตลอดตั้งแต่มายันลับผ่าน เพียงแต่ตอนนั้นไม่เข้าใจเจตนา

ผมเข้าใจแล้ว ริวอุทาน เพราะอย่างนี้คุณพันเกลียวถึงให้เกล็ดนาคาชิ้นนี้จนผมได้มาที่นี่

ถูกต้อง เพราะคุณพร้อมจะรับอำนาจนาคาแล้ว พันเกลียวพูดเรียบๆ

แต่ผมสงสัย จะเอาอำนาจเหล่านี้ไปทำอะไร เป็นความสงสัยที่เร้นในใจหลายปี

แล้วคุณจะเรียนรู้มันด้วยตัวเอง พันเกลียวตอบ

เวลาเหลือน้อยเต็มที ชัยยะนาคากล่าว เพื่อนเรา พร้อมที่จะรับคืนอำนาจนาคาหรือยัง

ถึงจะมีความคลุมเครือหลายอย่าง เรื่องราวไม่กระจ่างชัด อีกทั้งโดนจู่โจมไม่ทันตั้งตัว เขาก็ยังพยักหน้า...เอาเถอะ เป็นไงเป็นกัน คืนมาก็รับไว้ก่อน ส่วนเรื่องเหตุผลค่อยค้นดูทีหลัง

ร่างมนุษย์ของชัยยะนาคาเลือนหาย กลายเป็นพญานาคเหยียดกายยาว พันเกลียวถอยหลังปล่อยให้ริวนั่งโดดเดี่ยวเตรียมตัว

ขัดสมาธิ หลับตา ปล่อยจิตใจโล่ง แสงสว่างปรากฏในนิมิตทำตัวเหมือนภาชนะว่าง พร้อมรับสรรพสิ่งที่จะมารินเติม เสียงครืน ครืนดังวนรอบตัว สัมผัสถึงกระแสพลังมหาศาลกำลังรายล้อมร่าง แสงสีขาวในนิมิตแปรเปลี่ยนเป็นฉัพพรรณรังสีวูบวาบ มองเห็นภาพอดีตหมุนทวนย้อนรวดเร็วจนไม่อาจหยิบจับเหตุการณ์ใดได้

กระทั่งหยุด ณ จุดหนึ่งร่างกายลอยนิ่ง เบื้องหน้าเป็นพระพุทธรูปฉายรัศมีกว้างไกล จิตใจนอบน้อมศรัทธา ปากเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงสะเทือนแก้วหูตน


...พุทธัง สรณัง คัจฉามิ...ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ...สังฆัง สรณัง คัจฉามิ...

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมและยกเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด...ที่พึ่งอื่นไม่มีอีกแล้ว


พร้อมกันนั้นก็มีเสียงกล่าว สาธุ ดังลั่นราวกับอยู่ท่ามกลางชุมนุมคนนับแสน ขนลุกซู่...ปีติเปี่ยมล้น น้ำตาไหลโดยไร้สาเหตุ เสียงในอดีต...ชาติก่อนกังวานก้องติดตรึงความทรงจำ

ริวลืมตาช้าๆ กลับมาอยู่ห้องนอนตน นาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้า ฟ้าระเรื่อ เหยียดขาออกด้วยความเมื่อยขบ มองเห็นเกล็ดนาคาคงอยู่ดังเดิมรอยธรรมจักรปรากฏเด่นชัด ความรู้ บางอย่างเกิดแก่ใจ อำนาจนาคาซึมซาบอยู่ในร่าง เหตุการณ์เมื่อคืนไม่ใช่ฝัน สติดำเนินต่อเนื่องตลอดจนลืมตาเมื่อครู่ เขาไม่จำเป็นต้องสงสัย พันเกลียวหายไปไหน ชัยยะนาคาเพื่อนในชาติก่อนเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่จำเป็น แค่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตามความจริงเท่านั้นเอง

ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่ทำความเข้าใจง่ายดายเช่นนี้ แต่ริวพบปรากฏการณ์พิเศษตั้งแต่เล็กจึงคุ้นเคยและยอมรับ แม้วันนี้จะไม่รู้รับอำนาจนาคามาเพื่อประโยชน์อะไร แต่เขารู้วิธีใช้อำนาจนั้นเปรียบเช่นคนมีดาบคมกล้าในมือ ต่อให้ไม่เคยเรียนเพลงดาบก็สามารถใช้มันสังหารศัตรู


-----000-----


แขนเธียรยังขัดๆ ยอกๆ ผ้าคล้องถูกนำออกแล้ว แต่ยังไม่ขับรถเอง ใช้บริการคนขับรถที่บ้านทั้งไปและกลับ

ก้องฟ้าไม่เข้าบริษัททั้งวัน ความวุ่นวาย ปั่นป่วนหลายอย่างจึงตกเป็นภาระของเธียร ตั้งแต่สั่ง รปภ. และพนักงานทุกคนไม่ให้แพร่ข่าว ประชุมกับฝ่ายประชาสัมพันธ์เรื่องรับหน้าสื่อมวลชน ดูแลการซ่อมแซมความเสียหาย เยี่ยมพนักงานที่บาดเจ็บ

เหนื่อยทั้งวันยันเย็น ขึ้นรถกลังบ้านแทบหมดแรง เอนหลังพิงเบาะหลับตาอย่างเพลียๆ

คุณเธียรครับ สีมา คนขับรถ เอ่ยปากทำลายความเงียบ

มีอะไร เขาถาม

วันนี้ทางบริษัทรถเขาเอาฝากระโปรงมาเปลี่ยนให้คุณแล้วนะครับ

อืมม์ เขารับรู้ ยังไม่อยากลืมตา รอยประหลาดบนฝากระโปรงรถยังก่อกวนความรู้สึก พวกลูกจ้างในบ้านกระซิบกระซาบกันอื้ออึงว่านั่นคือ รอยพญานาค

ฝันถึงกองทัพงู ตื่นมาพบรอยพญานาคหน้ากระโปรงรถ โดนงูเลื้อยตัดหน้า แผ่นดินไหวจนเสานาคราชคู่ล้มลงแตกเสียหายยับเยิน...ทั้งหมดนี้เริ่มมีส่วนเชื่อมโยงรำไร

กลับจากต่างประเทศไม่ถึงเดือน พบเรื่องประหลาดรอรับมากมายเพียงนี้เชียวหรือ...ชายหนุ่มถอนใจ ทอดสายตายังท้องถนน ค่ำแล้วผู้คนยังคึกคัก แสงไฟริมทางผ่านวูบชวนให้คิดถึงวันวาน


ใครคนหนึ่งเคยชวนเขาทั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง น้ำแข็งเปล่าคนละแก้วแล้วมองหน้าเหมือนท้าทาย

กินได้หรือเปล่า

ผู้หญิงคนนั้นมีดวงตาพราวไหวด้วยชีวิตชีวา สีสันอารมณ์หลากหลายพร้อมหัวเราะ ร้องไห้ และลุยกันได้ทุกที่...วูบหนึ่งเขาคิดถึงเธอ...คิดถึงจนไม่อาจระงับความรู้สึก


สีมา เขาลืมตาเรียกคนขับรถ

ครับ

อย่าเพิ่งกลับบ้าน พาฉันไปบ้านเพื่อนก่อน

ครับ

คำตอบสั้นง่าย ไม่เปลี่ยนจนเธียรนึกขัน...นี่ถ้าทำตัวง่ายๆ สบายอย่างนี้ได้บ้างก็ดี

รถจอดตรงหน้าประตูบ้านสองชั้นที่ซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ แสงไฟจากห้องนั่งเล่นยังสว่างแสดงว่าเจ้าของบ้านยังไม่เข้านอน

เธียรลงจากรถไปยืนอยู่หน้าประตู อยากกดกริ่งเรียก แต่ต้องชั่งใจ ถ้าหล่อนออกมาจะพูดอะไร ทักทายอย่างไร ทุกอย่างยังเหมือนเดิมงั้นหรือ...

หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน...จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ชายหนุ่มถอนใจถอยหลังสองก้าวหลังพิงรถ...อยากเจอ...แต่ไม่กล้าพบหน้า ต้องหันหลังกลับพูดด้วยเสียงเหมือนเยาะหยันตัวเอง

กลับบ้าน

บ้านที่เขาไม่ค่อยรู้สึกเป็นสุข อยากหนีไปให้ไกลแต่ไม่เคยทำสำเร็จสักที


-----000-----


ก้องฟ้านั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายบอกลักษณะคนมีอำนาจ นัยน์ตาคมเหมือนเหยี่ยวสามารถอ่านความรู้สึกคนรอบข้าง ตรงหน้ามีชาร้อนวางเพียงถ้วยเดียว ไม่มีผู้รับใช้บริวารมายืนเกะกะ เธียรกลับมาถึงบ้านเห็นลักษณะเช่นนี้ก็พอเดาเรื่องออก

นั่งลงสิ ก้องฟ้าพูดกับเขาไม่ต่างจากสั่งลูกน้อง

ชายหนุ่มนั่งลงเงียบๆ ไม่เอ่ยปากพูดจาอะไร

เรื่องที่บริษัทเรียบร้อยดีมั้ย คำถามแรก

ครับ เขาตอบสั้นๆ แบบเดียวกับสีมา

นาคราชคู่เสียหายแค่ไหน ก้องฟ้าไม่ถามถึงความเสียหายอื่น

คงซ่อมแซมไม่ได้ เขาตอบตามจริง ไม้แตกเป็นชิ้นๆ เศียรพญานาคหลุดออก ไม่มีทางแก้ไขให้งดงามเหมือนเดิม

สีหน้าก้องฟ้ามีแววโทสะ กล้ามเนื้อกระตุก เคร่งเครียด

ฝากระโปรงรถผมมีรอยแปลกๆ เธียรจงใจพูดเรื่องนี้ต่อ

รอยพญานาค...คนในบ้านบอกแล้ว คำพูดเนือยๆ

แล้วพ่อว่ามันเกิดจากอะไร เธียรไม่คิดว่าพญานาคจะมาทิ้งรอยจริงๆ

ก้องฟ้าถอนใจ คล้ายไม่อยากใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ไปพักผ่อนเถอะ ผู้เป็นพ่อตัดบทจากการสนทนาง่ายๆ

พ่อ... เธียรมีเรื่องอยากคุยต่อ

พ่อเหนื่อยแล้ว คำพูดออกมาขัดกับกิริยาท่าทาง มีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง

พูดจบก็ลุกขึ้นเดินจากไป เธียรมองตามอย่างงวยงง รู้สึกเหมือนก้องฟ้าจงใจปิดบังความลับบางอย่าง


-----000-----


ก้องฟ้ายังนอนไม่หลับทั้งที่อยู่บนเตียงขนาดใหญ่ อ่อนนุ่ม ใต้คฤหาสน์หลังงาม ปรับอากาศเย็นสบาย ความกังวลร้อนรุ่มสุมใจจนประสาทตื่นตัว หลับไม่ลง

ปกติเขาไม่ค่อยนอนคนเดียว ข้างกายมักมีหญิงสาวเปลี่ยนหน้าแต่ไม่มีใครเคยเหยียบย่างมาที่นี่ นอกจากผู้หญิงคนเดียวในชีวิต...ผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกชาย

อากาศเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศชั้นดี เสียงเบาเงียบ ไม่มีสิ่งรบกวนการนิทรา

ฟู่...เสียงเป่าแปลกๆ แทรกมากับลมแอร์ อากาศเย็นฉ่ำกลับแปรเปลี่ยน ไอร้อนแผ่ซ่านเข้ามาในห้องนอน มันร้อนจนเหงื่อซึมเต็มหน้า ร้อนจนร่างกายเปียกชุ่ม

ชายผู้เป็นประมุขของบ้านพยายามลุกขึ้น แต่แขนขาชาด้านไม่อาจขยับ นัยน์ตาค้างเบิกโพลงฝ่าความมืด ใจหวาดหวั่นรู้สึกถึงอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญที่คืบคลานมาอย่างเชื่องช้า...

บนเพดานมีร่างกลมยาวกำลังเลื้อยยั้วเยี้ย มันไม่ใช่จิ้งจกตุ๊กแก แต่เป็นงูสารพัดชนิดกำลังเลื้อยกระจัดกระจายเต็มเพดาน ลามมาถึงผนัง เลื้อยเข้าล้อมรอบเตียง ก้องฟ้าตัวแข็งทื่อใจสั่นระรัวคุมสติไม่อยู่ แยกไม่ออกว่านี่คือเรื่องจริงหรือความฝัน กลัวอย่างเดียวหากงูพวกนั้นเลื้อยขึ้นบนเตียงเขาต้องไม่รอดแน่

หึ...หึ เสียงหัวเราะต่ำลึกดังกังวานรอบห้อง บนผนังปรากฏเงาดำของชายร่างสูงเพรียวยืนสงบนิ่ง ตระหง่านง้ำ

ใคร ก้องฟ้าร้องถามในใจ

เอ็งไม่จำเป็นต้องรู้ เสียงกระหึ่มลั่นเปรียะในโสตประสาท จงจำไว้อย่างเดียว ถึงเวลาที่ตระกูลเอ็งต้องพินาศฉิบหายแล้ว

ทำไม...ทำไมต้องเป็นเช่นนั้น เขาร้องถามอีกครั้ง

เพราะข้าจะทำให้มันเป็น คำตอบแฝงอหังการ

เพราะอะไร ผมทำอะไรผิด ทำไมต้องทำลายกันด้วย

เอ็งไม่ได้ทำผิด แต่เกิดผิดที่ ตระกูลเอ็งต้องพินาศ ข้ารอเวลามานานเต็มที จนบัดนี้คร้านที่จะรออีกต่อไป

อย่าเลย อย่าทำเลย ก้องฟ้าวิงวอนอยู่ในใจ

มีเพียงเสียงหัวเราะกังวานแว่วเย้ยหยันในโสตประสาทเป็นคำตอบ

ก้องฟ้าลุกพรวด เหงื่อโซมตัว อากาศในห้องกลับเย็นดังเดิม ไอร้อนจางหาย ผิวหนังมีอาการยิบๆ ชวนลังเล...เมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือฝัน

คำพูดเจรจากับอาคันตุกะนิรนามทำให้เสียวสันหลังวาบ ความลับที่รบกวนใจหลายปีจะเกิดขึ้นจริงอย่างนั้นหรือ ความหนักใจบังเกิดอย่างบอกไม่ถูก ถ้าความลับของตระกูลที่เขารู้เป็นความจริง ตระกูลนาคพิทักษ์ก็กำลังเผชิญกับภัยที่น่ากลัวยิ่งแล้ว


(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP