จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

ยอดนักสะสม


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it


040_destination
photo by Silawat
http://silawat.multiply.com/photos/album/52/Canada_daY08#photo=53


ท่านผู้อ่านเคยเก็บสะสมสิ่งของกันบ้างไหมครับ
ตอนสมัยเด็ก ๆ นั้น ผมสะสม “ตุ๊กตุ่น” การ์ตูนตัวเล็ก ๆ
พอโตขึ้นมาอีกหน่อย ก็หันมาสะสมสติ๊กเกอร์รูปการ์ตูน
ส่วนตุ๊กตุ่นที่เก็บสะสมไว้เดิมนั้น ก็เริ่มลดหรือหมดความสำคัญแล้ว
ต่อมา พอผมเริ่มจะอ่านหนังสือได้เร็วมากขึ้น
ผมก็เริ่มหันมาเก็บสะสมหนังสือการ์ตูนแทนสติ๊กเกอร์
ตุ๊กตุ่นที่เก็บสะสมไว้เดิมนั้นก็โละไปแจกหมด แต่ก็มีเก็บสติ๊กเกอร์ไว้อยู่บ้าง

หลังจากเลิกสะสมหนังสือการ์ตูน ผมก็เริ่มหันมาสะสมหนังสือนิยายกำลังภายใน
ส่วนใหญ่ก็อ่านของปรมาจารย์โกวเล้ง ซึ่งผมอ่านไปก็น้ำตาไหลพรากไป
เชื่อมั่นอย่างสุดใจว่าคุณธรรมและน้ำใจต่อมิตรสหายสำคัญที่สุดในการเราจะท่องบู๊ลิ้มนี้
เพลงกระบี่และอาวุธที่แสนร้ายกาจเพียงใดนั้น กลับสำคัญอยู่ที่วัตถุประสงค์ของการใช้
ต่อจากหนังสือนิยายกำลังภายใน ก็หันมาสะสมหนังสือธรรมะ
พร้อมกับสะสมหนังสือบริหารจัดการธุรกิจ และหนังสือการพัฒนาตนเอง

หลังจากนั้น ก็หันไปสะสมหนังสือกฎหมาย (เพราะมาเรียนทางด้านกฎหมาย)
พอเริ่มทำงานที่จะมีรายได้มากขึ้น คราวนี้สะสมหลายอย่างเลย อุตลุดมั่วไปหมด
สะสมหนังสือกฎหมาย หนังสือความรู้ธุรกิจ เอกสาร
Know How กฎหมายและธุรกิจ
หนังสือท่องเที่ยว ของที่ระลึกสถานที่ท่องเที่ยว สะสมพระเครื่อง
สะสมแผ่นวีซีดีหรือดีวีดีภาพยนตร์ แผ่นซีดีโปรแกรม แผ่นซีดีเพลง
สะสมหนังสือธรรมะ ซีดีธรรมะ ไฟล์เทศนาธรรม ไฟล์บทความ ฯลฯ

เมื่อเวลาได้ผ่านไป ผมได้ลองย้อนกลับมาดูของที่สะสมไว้แล้ว
ก็เป็นที่น่าตกใจมาก เพราะหากคำนวณเป็นมูลค่าราคาที่ได้จ่ายไปซื้อสิ่งเหล่านี้แล้ว
นับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับใช้งานได้ไม่คุ้มค่าเลย
ในขณะที่ของที่เก็บสะสมทั้งหมดไว้นี้
ต่างก็เสื่อมสภาพหรือเสื่อมความสำคัญไปตามกาลเวลาอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
เช่นว่า วีซีดีภาพยนตร์ที่เก็บไว้เป็นลัง ๆ ผ่านไปไม่นาน ดีวีดีก็มาแทนที่แล้ว
แผ่นซีดีโปรแกรมที่เก็บไว้เป็นลัง ๆ ผ่านไปไม่กี่ปี โปรแกรมก็ล้าสมัยแล้ว
เอกสาร
Know How กฎหมายและธุรกิจ หนังสือกฎหมาย และหนังสือท่องเที่ยว
ผ่านไปไม่กี่ปี ก็ไม่ทันสมัยแล้ว แถมกระดาษหนังสือหรือเอกสารต่าง ๆ ยังเก่ากรอบ
มีฝุ่นเยอะ และมีปลวกขึ้นอีกด้วย เล่มที่เก่ามาก ๆ ก็ต้องนำไปชั่งกิโลขาย
ส่วนไหนที่ไม่สามารถนำไปขายได้ ก็ต้องเสียเวลามานั่งฉีกทำลายอีก ซึ่งก็เรียกได้ว่า
เสียเงินเก็บสะสมไว้เพื่อที่วันหนึ่งจะนำไปแจก หรือนำมาทำลายทิ้งเท่านั้นเอง

ผมได้ศึกษาธรรมะและเริ่มหัดภาวนาไปเรื่อย ๆ ก็ได้ความรู้ที่เข้าถึงจิตใจว่า
ร่างกายนี้ เราเองยังนำไปไม่ได้เลย อวัยวะทั้งหลายต่างก็เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา
เรากินอาหารอร่อยในปากเราเอง เรายังเก็บรักษาความอร่อยนั้นไม่ได้เลย
เราไปเที่ยวในสถานที่แห่งหนึ่งและมีความสุข เรายังเก็บความสุขในใจไว้ไม่ได้เลย
นับประสาอะไรกับสิ่งของสะสมนอกกายเหล่านี้ เราไม่สามารถนำติดตัวไปได้แน่นอน
ผมก็มองย้อนกลับมาคิดว่า ผมจะทำอย่างไรกับสิ่งของเหล่านี้ดี

ลองถามใจตัวเองแล้วก็ได้คำตอบว่า “เราต้องเดินทางไกล”
การที่เราจะแบกของเยอะพะรุงพะรังเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์ แต่กลับจะเป็นโทษ
เราควรที่จะนำไปเฉพาะสิ่งที่สามารถติดตัวไปได้ และเป็นประโยชน์ในการเดินทาง
เมื่อได้คำตอบดังนี้แล้ว ผมก็วางของที่สะสมเหล่านั้นลง
โดยได้นำไปบริจาคหรือแจกกระจายไปเสียทั้งหมด
หนังสือก็นำไปให้ห้องสมุดทั้งหมด และของอื่น ๆ ก็แจกให้กับคนที่น่าจะต้องการใช้
รวมถึงพระเครื่องทั้งหมดที่เก็บไว้เป็นกล่อง ๆ ด้วย ก็ไปแจกในงานทำบุญปีใหม่ซอย

ต่อมา คุณพ่อผมได้ถึงแก่มรณกรรม ผมก็ได้พบความจริงที่ยืนยันได้อีกและยิ่งมั่นใจ
เพราะว่าสิ่งของที่คุณพ่อผมสะสมไว้หลายอย่างนั้น
ไม่ได้เป็นสิ่งที่พี่น้องและผมต้องการเก็บไว้เลย
โดยพวกเรากลับจะต้องทำการขนนำสิ่งของเหล่านั้นไปบริจาคให้มูลนิธิการกุศล
และนำไปให้ญาติคนอื่น ๆ ที่ต้องการเสียอีก
สิ่งของเกี่ยวกับคุณพ่อที่พี่น้องและผมต้องการเก็บไว้จริง ๆ นั้น
กลับได้แก่ภาพถ่ายของคุณพ่อเท่านั้นเอง เพื่อนำมาวางไว้ในที่เหมาะสมเพื่อระลึกถึงท่าน

มีญาติธรรมบางท่านที่ปรารถนาดีได้ส่งไฟล์ธรรมเทศนา หรือส่งหนังสือธรรมะมาให้ผม
บางท่านก็ส่งมาให้ผมเพื่อให้ผมนำไปแจกกระจายต่อ
แต่บางท่านส่งมาเพราะว่าท่านสะสมไว้ และอยากจะให้ผมได้มีสะสมไว้ด้วยเช่นกัน
ผมจึงได้มองไปญาติธรรมรอบ ๆ ตัว และพบว่าหลายท่านก็มีสะสมเหมือนกัน
สะสมหนังสือธรรมะ ซีดีธรรมะ ไฟล์ธรรมเทศนา พระเครื่อง และอื่น ๆ ในทางธรรม
โดยใช้แรงงาน เงินทอง และเวลาอย่างมากมายในการสะสมสิ่งของเหล่านี้

ผมจึงอยากจะให้ท่าน ๆ ที่ยังสะสมอยู่ ได้ลองถามใจตัวเองว่า
หากท่านต้องการที่จะมุ่งเดินทางไปสู่เป้าหมายสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว
ณ เวลานี้แล้ว ท่านยังสะสมสิ่งของพะรุงพะรังเกินความจำเป็นหรือไม่
(สิ่งเหล่านั้นไม่ได้จะเป็นประโยชน์แก่ท่านเสมอไปนะ แต่กลับจะเป็นตัวถ่วงเสียอีก)

เปรียบเสมือนเราต้องการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่
เรามีเพียงรถที่เหมาะสมเพียงคันเดียว
เราเองก็สามารถเดินทางไปถึงเชียงใหม่ได้แล้ว
ต่อให้ไม่มีรถที่ดีเลย เราเองจะค่อย ๆ ใช้เท้าเดินไปก็ได้
(สำคัญเพียงว่าต้องไปให้ถูกทิศทางเท่านั้น)
เรามีความจำเป็นที่จะต้องสะสมรถไว้หลาย ๆ คันด้วยหรือ
บางท่านสะสมไว้อย่างมากมาย เสมือนเก็บสะสมรถไว้หลายคันเต็มที
จนต้องยกย่องให้ว่าเป็น “ยอดนักสะสม” ได้แล้วล่ะ
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า “ไม่ได้ออกเดินทางเสียที”
ไม่ได้เดินทางเพื่อจะได้เข้าใกล้เชียงใหม่หรือเป้าหมายให้มากขึ้นเลย
แต่กลับมัวสาละวนอยู่กับการสะสมรถ แต่งรถ ทำโน่นทำนี่อยู่กับรถอยู่ในที่เดิม

(คนที่มัวสะสมสิ่งของทั้งหลายอยู่ โดยไม่ออกเดินทางนั้น
หากเปรียบเทียบกับอีกคนหนึ่งที่ออกเดินทางแม้เพียงก้าวเดียว
คนที่ออกเดินทางเพียงก้าวเดียวนั้น ก็ยังถือว่าอยู่ใกล้จุดหมายมากกว่า)

และถามว่าเมื่อไรถึงจะพร้อม และเมื่อไรจึงจะได้ออกเดินทางล่ะ
ก็ตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้ว่า จะออกเดินทางก็ต่อเมื่อเงื่อนไขบางอย่างสำเร็จลง
เช่นว่า สะสมได้เท่านั้นเท่านี้ หรือเมื่อถึงเวลานั้นเวลานี้
แต่จริง ๆ แล้ว เปล่าหรอกครับ เพราะไม่ได้มีโอกาสเดินทางเลยตลอดชีวิต
และชีวิตก็ไม่เที่ยง บางคนก็ตายเสียก่อน โดยตายก่อนที่จะได้ออกเดินทาง
และตายในระหว่างเวลาที่ยังสะสมสิ่งของเหล่านั้นแหละ
ซึ่งก็นับว่าเสียโอกาสชีวิตนี้อย่างมาก ๆ เลย

เรื่องของเรื่องก็กลายเป็นว่าสะสมหนังสือธรรมะไว้มากมายแต่อ่านจริงแค่นิดเดียว
สะสมซีดีธรรมะและไฟล์ธรรมะไว้มากมาย แต่ฟังจริงแค่นิดเดียว
หรืออ่านธรรมะฟังธรรมะมามากมาย แต่ได้ภาวนาจริง ๆ แค่นิดเดียว หรือไม่ได้ภาวนาเลย

ผมอยากให้เพื่อน ๆ ญาติธรรมได้เปรียบเทียบนึกถึง “นักปีนเขา” นะครับ
นักปีนเขาที่ประสบความสำเร็จนั้น ควรจะเป็นนักปีนเขาที่ปีนไปถึงยอดเขาสูงสำเร็จ
หรือนักปีนเขาที่สะสมอุปกรณ์ปีนเขาไว้อย่างมากมาย แต่ไม่ได้ออกไปปีนเขาเลย
ก็คงต้องตอบตรงกันว่า “ควรจะเป็นนักปีนเขาที่ปีนไปถึงยอดเขาสูงสำเร็จนะครับ”
ฉันใดก็ฉันนั้นครับ การเป็นนักสะสมนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าน้อยครับ
แต่พวกเราก็มักจะชอบที่จะเป็นนักสะสมกัน
ในขณะที่การเป็นนักเดินทางนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก
แต่พวกเราก็มักจะไม่ค่อยอยากจะเป็นนักเดินทางกันเท่าไร

ทีนี้ ในโลกใบนี้นั้น จะให้ว่า “สบาย ๆ ไม่ต้องทำอะไร”
และได้ “ของมีคุณค่ามาก” ด้วยนั้น คงไม่มีหรอกครับ
เพราะมีแต่ว่าต้องลงเวลา ลงแรง ลงกำลังใจอย่างมากมายเท่านั้น เราจึงจะได้มา

จึงอยากจะให้ท่านผู้อ่านได้ลองถามใจตัวเอง และได้สำรวจตัวเองด้วยใจที่เป็นกลาง
และปราศจากอคตินะครับว่า “ท่านเป็นยอดนักสะสม หรือยอดนักเดินทางกันแน่”
บางท่านอาจจะบอกว่าตัวเองเป็นแบบผสมผสาน คือสะสมไปด้วย และเดินทางไปด้วย
ก็ต้องถามตัวเองต่อไปนะครับว่า
“สะสมมากกว่า หรือเดินทางมากกว่า”
“ที่สะสมไว้นั้น จำเป็นต้องใช้ หรือเป็นประโยชน์ในการเดินทางจริง ๆ หรือเปล่า”
“ที่สะสมไว้นั้น เกินความจำเป็นแล้วหรือไม่”
ก็แนะนำว่าให้ลองมาปรับเปลี่ยนดูให้เหมาะสมนะครับ

ผมเป็นหนึ่งเสียงที่จะยืนยันให้กับทุกท่านได้ด้วยประสบการณ์เสียเวลาชีวิตตนเอง
มาแล้วอย่างมากมายในอดีตนะครับว่า การสะสมนั้นเสียเวลามากเหลือเกิน
บางทีนะ ... หากเราได้เริ่มเดินทางแต่เนิ่น ๆ เราอาจจะถึงเป้าหมายไปนานแล้วก็ได้
แต่เรากลับพอใจที่จะมานั่งสะสมกันอยู่
ในอดีตชาติ ก็สะสมกันอยู่ มาชาตินี้ ก็สะสมกันอีก ก็ไม่ได้ออกเดินทางเสียที
ไม่ได้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น โดยก็ปล่อยให้เนิ่นช้าออกไปเหมือนคนประมาท
บางท่านละทิฐิตรงนี้ไม่ได้ กลับยืนยันหนักแน่นเสียอีกว่า
การใช้เวลามาสะสมเยอะ ๆ นี่แหละ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เดินทางได้ใกล้มากขึ้น
หรือว่า เอาไว้พร้อมมาก ๆ ก่อนนะ แล้วจะออกเดินทางแบบพุ่งปรู๊ดเดียวถึงเลย

ก็น่าเป็นห่วงนะครับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาในสมัยแห่งพุทธศาสนาแล้ว
ซึ่งก็ไม่สามารถจะหาช่วงเวลาเช่นนี้กันได้ง่าย ๆ แต่ก็ไม่ออกเดินทางเสียที
แต่กลับมามัวเสียเวลาสะสมอยู่ แล้วถามว่าจะไปออกเดินทางในช่วงไหนกัน
จะไปออกเดินทางกันในช่วงที่ไม่มีพุทธศาสนาแล้วเช่นนั้นหรือ
จะไปออกเดินทางในช่วงเวลายุคมืด ในช่วงที่ไม่มีพระรัตนตรัยหรือ

บางท่านก็อ้างว่าจะขอทำบุญกุศลเยอะ ๆ เพื่อไปรอสมัยของพระศรีอริยเมตตรัย
เรื่องก็เสมือนว่า เรารออยู่ที่ท่ารถเพื่อจะขึ้นรถจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่
เรามีตั๋วเดินทางในมือพร้อมแล้ว รถก็พร้อมจะออกเดินทางแล้ว
แต่เราบอกว่าไม่เอาล่ะ ไม่ขึ้นรถ ขอเตรียมของอย่างอื่นอยู่ที่ท่ารถต่อไปก่อนนะ
เดี๋ยวเอาไว้เดือนหน้าแล้ว ค่อยซื้อตั๋วใหม่ แล้วค่อยออกเดินทางนะ
แน่ใจหรือครับว่าเดือนหน้าจะมีรถออก แน่ใจหรือครับว่าเดือนหน้าจะมีตั๋วขาย
แน่ใจหรือครับว่าจะมีเงินซื้อตั๋ว แน่ใจหรือครับว่าจะได้มีโอกาสเดินทางไป
แน่ใจหรือครับว่าจะได้มาที่ท่ารถ มาทันเวลารถออก ฯลฯ
ปัจจัยเสี่ยงมีเยอะแยะมากมาย
ในเมื่อเราสามารถออกเดินทางได้ขณะนี้เลย แล้วทำไมจึงไม่เริ่มออกเดินทางล่ะครับ
ผมคงตอบคำถามนี้แทนบางท่านนั้น ๆ ไม่ได้
แต่ก็ฝากไว้ให้เตือนใจตัวเองนะครับว่า
เป็น “ยอดนักสะสม” นั้นมีคุณค่าน้อยกว่าเป็น “ยอดนักเดินทาง”ครับ
อย่าไปมัวเสียเวลากับสิ่งมีคุณค่าน้อยอยู่เลย



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP