วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เพลิงนาคา ๒


ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


 

เขากลับมาที่นี่อีกแล้ว สถานที่คุ้นเคยแต่ไม่รู้จัก ทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดสายตา มองรอบๆ เห็นท้องฟ้าสีครามจัด ปุยเมฆขาวลอยเอื่อยๆ ลมเย็นแผ่วพลิ้ว ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดยาวจดผืนฟ้ากว้าง ยอดหญ้าต้องลมร่ายระบำเชื่องช้า แผ่วเย็น

เขาสาวเท้าอย่างไร้จุดหมาย ผ่านกอหญ้าสายลม ไม่อาจบังคับควบคุมร่างกาย ปล่อยให้มันเดินเรื่อยเปื่อยอยู่เช่นนั้น

เขารู้ตัวว่ากำลังฝัน เป็นความฝันซ้ำซากจนสามารถจดจำได้...ถึงกระนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมัน

เหตุการณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้น...

งูใหญ่ตัวดำมะเมื่อม นอนขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างสบายอารมณ์ เขาชะงักเท้าก่อนเลี่ยงเดินหลบทางอื่น แต่พอสาวเท้าอีกแค่สองสามก้าว งูอีกตัวก็เลื้อยตัดผ่านหน้า ตกใจวูบรีบหลบอีกทาง สายตาปะทะกับงูอีกตัวกำลังเลื้อยพ้นกอหญ้าขึ้นมาชูคอสูง

เขาก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง เหลียวมองรอบตัวคล้ายกวางระแวงไพร สายตารับภาพงูอีกหลายตัวกำลังเลื้อยตรงมาหา เขาเริ่มวิ่งหนี วิ่งเหมือนที่เคยวิ่งทุกครั้งที่ฝันเช่นนี้ เบื้องหลังมีงูจำนวนมากกำลังเลื้อยไล่มาติดๆ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน มองทางไหนก็เห็นกองทัพงูเป็นลูกคลื่น สองขาวิ่งจนอ่อนใจ ไม่รู้ควรหนีไปไหน มีแต่ทุ่งหญ้าไร้จุดหมาย กองทัพอสรพิษยังคงตามติด วิ่งต่อไปอย่างไร้ทิศทาง...จนกระทั่ง...

ตื่น...ลืมตาท่ามกลางความมืด เศษฝันยังติดค้างคล้ายจะผสานต่อเนื่องกับความจริงในปัจจุบัน

เธียรลุกจากเตียง นัยน์ตาสว่าง นาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาตีสาม ฟ้ายังมืดมิด เขารูดม่านมองผ่านกระจกหน้าต่างลงไปยังเบื้องล่าง

สนามหญ้ากว้างกินเนื้อที่จรดกำแพงบ้าน มองแล้วคิดถึงทุ่งหญ้าในฝัน เขาพยายามเลิกหาคำตอบเกี่ยวกับฝันร้าย ทั้งที่มันยังค้างคาใจ

ครอบครัวเขาเกี่ยวพันกับงูอย่างแยกไม่ออก กระทั่งนามสกุลยังใช้ นาคพิทักษ์ สัญลักษณ์ประจำบริษัทเป็นพญานาคคู่พันเสาต้นใหญ่ แต่มันไม่น่าเป็นเหตุให้ฝันถึงงูจำนวนมหาศาลได้

มีคนเคยบอก ฝันเห็นงูจะหมายถึงเนื้อคู่ แต่ถ้าฝันเห็นงูเป็นกองทัพจะให้อธิบายเช่นไร

เธียรระบายลมหายใจอย่างอ่อนแรง วูบหนึ่งระลึกถึงการเปรียบเทียบงูกับความอาฆาตพยาบาท เป็นไปได้หรือไม่ที่คลื่นอสรพิษในฝันคือตัวแทนความแค้นที่เรียกร้องให้เขาชดใช้

ความคิดเช่นนี้ สร้างความหนาววูบจับใจ


-----000-----


ตีสาม...รอยจันทร์กำลังเดินวนเวียนรอคอย หน้าห้องน้องชาย

หลังกลับมาถึงอุดรพวกหนุ่มๆ ส่งหล่อนเข้าห้องพักในโรงแรม ส่วนพวกเขาไปนั่ง ดื่ม เพื่อสนทนาถึงสิ่งที่ได้เห็นระหว่างทาง...ลำตัวงูขนาดใหญ่ กลางทะเลหมอก...ทุกคนอยากเชื่อว่านั่นคือพญานาค

ตลอดทางขากลับไม่มีใครกล้าพูดพาดพิง พอถึงโรงแรม หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถูกแยกให้พักผ่อน ขณะที่ริวถูกลากไปร่วมก๊วนกับพวกหนุ่ม ๆ ทั้งที่ไม่เห็นเหตุการณ์ใด ๆ

ที่รอยจันทร์มารอน้องชายด้วยใจร้อนรุ่มเช่นนี้ ไม่ใช่อยากรู้หนุ่มๆ คนอื่นมีความเห็นต่อพญานาคอย่างไร แต่หล่อนต้องการรู้...ริวจงใจทำเป็นไม่เห็นพญานาคใช่หรือไม่

รู้จักกันมาตลอดชีวิต รอยจันทร์รู้ว่าริวมีสัมผัสพิเศษ แต่เจ้าตัวมักแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พอยิ่งทำเช่นนั้น ยิ่งแสดงพิรุธ


 

เกือบตีสามสิบห้า ริวเดินออกมาจากลิฟต์คนเดียว เขาปลีกตัวมาก่อนเพราะโดนพี่สาวส่งข้อความเรียกตัวขึ้นมาคุย

เขารู้ว่ารอยจันทร์จะคาดคั้นเรื่องอะไร มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายสักนิด รอคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่เจ้าหล่อนเป็นคนใจร้อน ดีเท่าไหร่ไม่ลากตัวเขาขึ้นมาตั้งแต่ถึงโรงแรม

ว่าไงเจ๊ มาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องหนุ่มหล่ออย่างนี้ เดี๋ยวมีคนเข้าใจผิดเอานะ เขายิ้มกว้าง นึกขันหญิงสาวใจร้อนตรงหน้า

มีเรื่องต้องคุยกัน รอยจันทร์ทำท่าฉุดมือเขาเข้าห้อง

อยากรู้อะไรถามตรงนี้ก็ได้ มันไม่ใช่ความลับอะไรสักหน่อย เขาดักคอ

เออ...ถ้ารู้ว่าฉันอยากถามอะไรก็ตอบมาเลย

ใช่ คำตอบสั้น นัยน์ตาพราวล้อเลียน ตอบเสร็จแล้วเข้านอนได้เลยนะ

เดี๋ยว รอยจันทร์ฉุดมืดเขาไว้ ใช่อะไรของแก อธิบายให้กระจ่างสิ

ใช่...ผมรู้ว่าพญานาคจะปรากฏตัวให้พวกพี่ๆ เห็นก็เลยขี้เกียจรับรู้ด้วย เวลาพวกเขาไปเมาท์กัน ผมจะได้อ้างว่าตอนนั้นหลับอยู่ เป็นพยานให้ไม่ได้

ทำไมถึงไม่อยากเป็นพยาน หญิงสาวสงสัย

ขี้เกียจ เขาตอบง่ายเสียจนน่าทุบ

ริว พี่สาวเรียกเสียงเข้ม แสดงว่าต้องการคำอธิบายชัดเจน ชายหนุ่มยิ้มใส่ ดวงตาฉายวับจริงจังคู่นั้น

เจ๊...เรื่องพวกนี้คนที่เชื่อก็มี คนไม่เชื่อก็มาก ผมขี้เกียจถกเถียงยืนยันกับใคร สมมุติพี่แพทเล่าเรื่องนี้ให้ที่บริษัทฟัง พวกที่เชื่อก็อื้อหือ อู้หูกัน ส่วนพวกไม่เชื่อก็จะตั้งคำถาม...เห็นจริงแน่เหรอ มันมืดนะ เห็นแค่นั้นแน่ใจได้ยังไง พิสูจน์ได้หรือเปล่า ไหนล่ะหลักฐาน ทำไมไม่ถ่ายรูปมาด้วย...ผมว่าเรื่องพวกนี้มันไร้สาระ ก็เลยขี้เกียจรับรู้ด้วย อธิบายยาวๆ อย่างนี้เข้าใจหรือยัง

รอยจันทร์เริ่มเห็นจริง นึกขันความใจร้อนของตัวเอง เรื่องแค่นี้คุยกันที่บ้านก็ได้ ไม่น่าเสียเวลานอนมารอถามเขา แต่นิสัยใจร้อนอย่างนี้มันแก้ไม่หายสักที

เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ห้อง ทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวให้คุ้มค่าจ้างหน่อย ริวล้อเลียน


ห้องหญิงสาวอยู่ถัดไปไม่กี่ห้อง ริวรับกุญแจจากหล่อนมาไขประตูเปิดไฟสว่างกวาดสายตาตรวจดูความเรียบร้อยด้วยความเคยชิน

รอยจันทร์เดินเข้าห้องอย่างเพลียๆ หล่อนควรเข้านอนตั้งแต่กลับมาถึง ถ้าไม่มัวกระสับกระส่ายใจร้อนด้วยความอยากรู้ จนต้องส่งข้อความทางมือถือเรียกตัวเขาขึ้นมา

หญิงสาวเดินเกือบถึงเตียง มือใหญ่ก็เอื้อมมาแตะต้นแขน หล่อนมองน้องชายอย่างฉงน แววตามีคำถาม

รอย...เราแลกห้องกันเถอะ ริวเรียกชื่อหล่อนแทนคำว่า เจ๊ แสดงว่ามีความหมายจริงตามที่พูด ไม่ใช่ล้อเล่น

มีอะไรเหรอ หล่อนเงยหน้าถาม พบดวงตาคมก้มมายิ้มให้โดยไม่ยอมตอบเช่นเดิม

ก็ได้ หญิงสาวรับคำง่ายๆ แต่ตอนเช้าฉันต้องมาอาบน้ำห้องนี้นะเสื้อผ้าเครื่องสำอางอยู่นี่หมด ขี้เกียจขนไปด้วย ง่วงจะตายชัก

ได้ เขาพยักหน้า พร้อมกับยื่นกุญแจห้องตัวเองให้กับพี่สาว


รอยจันทร์ออกจากห้องแล้ว ริวยังคงยืนอยู่ปลายเตียง มือล้วงกระเป๋า ท่าทางกึ่งปล่อยตัวกึ่งระมัดระวัง นัยน์ตาเหลือบมองไปยังโต๊ะกระจกเครื่องแป้งเลยมาถึงเตียงกว้างที่ขึงผ้าคลุมตึงแน่น ริมฝีปากขยับรอยยิ้มนิดๆ อดคิดไม่ได้

หากมนุษย์อื่นได้เห็นเช่นเขาจะยิ้มออกหรือไม่

ที่โต๊ะเครื่องแป้งนั้นมีหญิงสาวสวมชุดนอนบางเบาหันหลังหวีผมช้าๆ ในกระจกไม่มีเงาสะท้อนใบหน้าของเธอ กิริยาสางผมเนิบเนือย เหมือนมีเวลาทำเช่นนั้นได้ทั้งชีวิต

บนเตียงเกิดวงเลือดสีแดงฉานกำลังย้อมผ้าคลุมเสียจนชุ่มโชก กลางเตียงมีศพหนุ่มสาวคู่หนึ่งนอนตายด้วยร่างกลาดเกลื่อนบาดแผล ใบหน้าหักยับ นัยน์ตาเหลือกถลน ลิ้นจุกปาก เสื้อผ้าขาดริ้วๆ แหว่งวิ่น คอหอยฉีกขาด ทรวงอก หน้าท้องเต็มไปด้วยรอยคมมีดนับสิบ

ริวไม่แสดงความหวาดกลัว หนำซ้ำเขากลับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงธรรมดาที่สุด

สวัสดีครับ



บทที่ ๒


ซากศพหนุ่มสาวบนเตียงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาเหลือกถลนแข็งทื่อมองตรงยังมนุษย์ที่ยืนปลายเตียง ส่วนหญิงสาวที่นั่งหวีผมยังไม่เปลี่ยนอิริยาบถคล้ายไม่สนใจเหตุการณ์รอบตัว

ผมง่วงนอนแล้วละ ริวเอ่ยปากเหมือนพูดกับคนคุ้นเคย ขอใช้เตียงสักคืน จะขัดข้องมั้ยครับ

ฮิ...ฮิ... เสียงหัวเราะแหลมใสดังมาจากร่างที่นั่งหน้ากระจก

ถ้าคิดว่าแน่ก็เชิญ คำพูดท้าทาย ชวนขนหัวลุก

ริวยักไหล่ดึงมือจากกระเป๋ากางเกง เดินไปที่เตียงเปิดผ้าคลุมออก ไม่สนใจซากศพที่นั่งทื่อ ปิศาจสองตนนั่งอยู่บนเตียงก็จริง แต่ริวสามารถจับปลายผ้าคลุมและดึงมันออกมาได้โดยไม่ติดขัด

สิ่งที่เห็นกับวัตถุที่มีอยู่จริงมันคนละเรื่องกัน

เก่ง คำพูดจากสาวหน้ากระจก

ริวมองเบื้องหลังหญิงสาวผู้นั้น นัยน์ตาฉายประกายกล้า ครู่หนึ่งจึงหันมองซากศพบนเตียงทั้งสอง ใบหน้าละมุน น้ำเสียงอ่อนโยน

ไปเถอะครับ กระแสเสียงเต็มไปด้วยความปรารถนาดี ภาพหนุ่มสาวที่ถูกรุมแทงเลือดนองเตียงก็เลือนหาย ผ้าคลุมกลับขาวสะอาด ไม่มีรอยเลือดอย่างที่เห็นตอนแรก

ริวนั่งลงบนเตียง เอนหลังพิงหมอนนัยน์ตาไม่คลาดจากสาวผมยาวหน้ากระจก

จะไม่หันหน้ามาคุยกันจริงๆ เหรอ เขาไม่แสดงอาการคุกคาม

ฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า หล่อนตอบ

แล้วทำไมชอบแสดงตัวให้คนแปลกหน้าเห็น เขาย้อน

คราวนี้หล่อนหันใบหน้ามาช้าๆ ลำตัวตรงคอบิดหมุนจนกระทั่งประจันหน้ากัน

หันมาคุยดีๆ ไม่ได้เหรอ ทำแบบนี้เดี๋ยวเมื่อยคอตายชัก ริวอดแซวไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้ก่อนตายคงดูหนังผีมามาก เลยคิดว่าหมุนคอแบบนี้คนอื่นจะกลัวกัน

เจ้าหล่อนรู้แล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่หนุ่มหล่อดาดๆ มีดีแต่รูปร่างหน้าตา ความเข้มแข็งของจิตใจอยู่ในชั้นน่ายกย่องทีเดียว

สุดท้ายหญิงสาวก็หายวับ จากหน้ากระจกมานั่งบนเตียง ห่างจากริวไม่กี่คืบ สีหน้าท้าทายดวงตาฉายโชน

นายเป็นใครกันแน่ หล่อนถาม

ก็แค่แขกมาพักธรรมดา ริวตอบ ไม่ใช่หมอผี จับใครใส่หม้อถ่วงน้ำไม่เป็น

ทำไมต้องแลกห้องกับแม่ดาราคนสวยคนนั้น

คุณจะทำอะไรเธอล่ะ เขาหยั่งเชิง

ฉันคงไม่ทำ แต่เจ้าสองคนที่เคยตายบนเตียงนี้อาจอยากทักทายหล่อน ผีสาวลอยหน้าพูด

ริวถอนใจ มองวิญญาณตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสารกึ่งสมเพช

เอาละ ตอนนี้ผมมานอนแทนแล้ว พวกคุณก็ทักทายเรียบร้อย คราวนี้จะไปได้หรือยังผมง่วงแล้ว เขาตัดบท

ไม่อยากฟังเรื่องของฉันหรือ ถามเสียงเชื่องช้า เร้าความอยากรู้

ขี้เกียจ ริวตอบง่ายๆ ดูแค่นี้ก็รู้ ฆาตกรรมเพราะหึงหวงกัน ผมไม่มีเวลาฟังเรื่องไร้สาระนักหรอก

คราวนี้สีหน้าหล่อนถมึงทึงดุดัน ดวงตาส่อแววโทสะเหมือนโดนดูถูกอย่างแรง ถึงรู้ไม่สามารถทำอะไรชายหนุ่มตรงหน้าได้ แต่ก็พยายามหาจุดอ่อนของเขา

แต่ฉันอยากเล่า หล่อนจ้องตาท้าทาย ริวพยักหน้าตามใจ ใช่แล้วฉันตามมาฆ่าอีหญิงชั่วในห้องนี้ แต่ไอ้ผู้ชายสับปลับคนนั้นฉันไม่ได้ฆ่า...

เรื่องแบบนี้มันเก่า ซ้ำซากเหลือเกิน สามีนอกใจแอบไปมีคนอื่น ฝ่ายเมียก็ตามมาถึงโรงแรมด้วยความหึงหวง ขาดสติจึงลงมือฆ่าเมียน้อยตาย

คนที่ฆ่ามันคือผัวของอีหญิงชั่ว... พูดอย่างนี้แสดงว่าต่างฝ่ายต่างมีสามีภรรยาแต่ลักลอบเล่นชู้กัน พอคู่ของตนรู้ก็บุกถึงโรงแรม เกิดการทะเลาะใหญ่โต ผู้ชายก็ฆ่าชายชู้ ผู้หญิงก็ฆ่าหญิงชั่ว...เสมอกัน

จบแล้วใช่มั้ย ริวถามอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ว่าเรื่องราวจะโหดร้ายแค่ไหนมันก็จบแล้ว เท่าที่ดูทั้งสองฝ่ายต่างรับกรรมพอกัน

ยัง หล่อนตอบ

หลังจากไอ้ผัวชั่วมันตาย ฉันก็ฆ่าตัวตายตาม ในห้องนี้ ส่วนผัวของอีหญิงเลว ก็เอาศพเมียมันไปที่ห้องตัวเอง แล้วกอดศพเมียเชือดคอตายตาม

ชายหนุ่มถอนใจ มอง เจ้าหล่อน เหมือนถามเหตุผล เล่าให้ฟังเพราะอะไร...จน...แวบหนึ่งอดฉุกคิดไม่ได้

พวกเขาฆ่าตัวตายกันที่ห้องไหน

ฮิ...ฮิ... หล่อนหัวเราะเสียงใส แววตาสาสมใจ ห้องใกล้ๆ นี่เอง

ริวลุกพรวด ดวงความคิดสว่างวาบ...รอยจันทร์...พี่สาวเขานอนอยู่ในห้องคนเดียว มันจะเป็นห้องที่หล่อนพูดถึงหรือไม่

อย่าบอกนะว่าเป็นห้องที่ผมแลกกับพี่สาว เขาพลาดเองที่ไม่ได้สนใจตรวจตราสิ่งแปลกปลอมในห้องตัวเอง

ใช่ คำพูดพร้อมรอยยิ้มสะใจ

ริวรีบออกจากห้องทันที นึกแค้นใจผีพวกนี้ อยากจับถ่วงน้ำเหมือนหมอผียุคแม่นาก

พอคิดอีกมุมหนึ่งก็อดสงสารไม่ได้ หากใครสักคนต้องติดหนึบอยู่ในห้องเล็กๆ ไปไหนไม่ได้ วนเวียนอยู่ในที่เดิม ซึ่งมีแต่ประสบการณ์คับแค้นใจอยู่เนิ่นนาน...แล้ว...เธอ...จะมีความรู้สึกเช่นไร...อึดอัด คับแค้น หดหู่ กระทั่งอาจนึกริษยาคนอื่นที่มีอิสระเสรี

เมื่อมีโอกาสคงอยากทำอะไรเพื่อชดเชยความรู้สึกตนเอง


ถึงหน้าห้อง ริวเคาะประตูส่งเสียงเรียกสั้นๆ สองสามครั้ง

รอย...รอย... หยุดรอฟังเสียงตอบอยู่ชั่วอึดใจก็เรียกซ้ำอีกครั้ง

รอยจันทร์ไม่ใช่ผู้หญิงขี้เซาขนาดปลุกไม่ตื่น ถ้าเรียกขนาดนี้ยังเงียบแสดงว่าต้องมีปัญหา ริวทาบมือกับบานประตู สัมผัสตอบกลับทำให้เขาชาวาบ

...มันเย็นยะเยือก...ประตูทั้งบานเหมือนถูกหุ้มด้วยน้ำแข็ง

ชายหนุ่มถอยหลังมาก้าวหนึ่ง พิจารณาประตูอย่างถี่ถ้วน ถ้าเขาพังประตูเข้าไปตอนนี้ คงไม่แคล้วเป็นเรื่องเอิกเกริก ห้องข้างๆ คงเปิดออกมาดูยิ่งเห็นมีดาราดังอยู่ด้วย รับรองเป็นข่าวแน่ๆ

...ต้องขอกุญแจสำรอง ยังไงเสียห้องนี้ก็เป็นชื่อเขา อ้างว่าทำกุญแจหายคงพอได้ ไม่มีใครสงสัย ปัญหาอยู่ที่ว่า กว่าจะไปติดต่อเอากุญแจสำรองขึ้นมา มันจะทันการหรือไม่...


 

-----000-----


เมื่อเอนหลังลงบนเตียง รอยจันทร์แทบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ในการนอน ความเหนื่อยอ่อนเพลียจากงาน ล้าจากประสบการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้หล่อนหมดเรี่ยวแรง หมดกำลัง ปล่อยตัวให้เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

หลับ...นิ่งไม่รู้สึกตัวชั่วครู่ก่อนถูกปลุกด้วยเสียงคร่ำครวญฟังไม่ได้ศัพท์ มันดังรบกวนหูจนอยากขยับลืมตาดู แต่ไม่สามารถทำได้ ความง่วงฉุดรั้งไม่ให้สติตื่นเต็มที่ ขณะเดียวกันเสียงรบกวนนั้นทำให้ไม่อาจดิ่งหลับ ปล่อยลอยค้างอยู่ท่ามกลางความหลับและตื่น

ฮือ...ฮือ เสียงห้าวๆ พิลึกคล้ายคนบ้ากำลังร้องไห้ รอยจันทร์พยายามเปิดเปลือกตา ภาพที่เห็นพร่ามัว ไม่ชัดเจน อากาศเย็น หนาวแปลกๆ ไม่นาน ค่อยปรับสายตาชัดขึ้น ไอขาวๆ ลอยเต็มห้อง ความเย็นชืดแผ่กระจาย

หนาว...ความหนาวเช่นนี้ไม่ได้มาจากอากาศ มันหนาวลึกจากข้างใน สัมผัสลึกเร้นกระทบกับสิ่งแปลกปลอมก่อให้เกิดความหนาวเย็นวูบจับขั้วหัวใจ

สายตารัวๆ รางๆ กระไอขาวช่วยเน้นบางสิ่งให้เห็นชัดเจน ที่มุมห้องมีร่างของชายคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าพร้อมหญิงสาวในอ้อมแขน เลือดสีแดงฉานอาบร่าง โยกตัวช้าๆ ราวกับเห่กล่อม เสียงฮือๆ กังวานแว่วเป็นระยะเสมือนล่องลอยมาจากดินแดนแสนไกล

เขาลุกขึ้นประคองร่างหญิงสาวโชกเลือด ตามเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสดๆ หญิงสาวเกลื่อนกล่นด้วยบาดแผลน้อยใหญ่

เลือดยังไม่หยุดไหล มันหยดติ๋งๆ บนพื้นเป็นระยะ รอยจันทร์เบิกตามองอย่างตื่นตะลึง ขนลุกซู่ทั้งตัว พยายามขยับตัวดิ้นรนหลบให้พ้นภาพสยดสยอง แต่ร่างแข็งทื่อไม่ผิดกับหิน นัยน์ตาจ้องค้างไม่สามารถหลับลง

ปิศาจชายหันมานัยน์ตาแข็งทื่อ เคลื่อนร่างมาที่เตียงพร้อมหญิงสาว แผลแหว่งวิ่นเหวอะหวะ ใบหน้าเขียวกร้าน ช้ำเลือดช้ำหนอง ลูกตาแทบหลุดออกนอกเบ้า ดั้งจมูกยุบแฟบมีก้อนเนื้อสีคล้ำห้อยร่องแร่ง ริมฝีปากฉีกขาดเห็นฟันหักหลายซี่

หึ...หึ...หึ... เสียงหัวเราะแปลกๆ ดังแทนเสียงฮือ ฮือ ปิศาจหนุ่มสาวหยุดอยู่ที่ปลายเตียงนัยน์ตาสองคู่จ้องตรงยังรอยจันทร์ สันหลังเสียววาบ จิตใจเย็นวูบเหมือนตกหล่มน้ำแข็ง

มันคุกเข่าบนเตียงคลานช้าๆ อย่างย่ามใจ กลิ่นเหม็นเน่าฉุนกึกแตะจมูก รอยจันทร์รวบรวมสติต่อสู้ความกลัวเต็มที่

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ...

ความหวาดกลัวเกิดขึ้น พยายามที่จะระลึกถึงพระใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวใจ ไม่ยอมให้อารมณ์ความกลัวครอบงำ แต่ร่างอุบาทว์นั่นยังไม่ยอมหยุด มันคลานทับขาหัวเข่า เล่นเอากระดิกกระเดี้ยไม่ได้ คุมสติแทบไม่อยู่ พยายามสวดมนต์ระลึกถึงพุทธคุณซ้ำๆ แต่มันไม่ได้ผล กำลังใจอ่อนยวบลงทุกครั้งที่พวกมันเคลื่อนตัวสูงขึ้น

ถึงต้นขา ปิศาจผู้ชายก้มหน้าลงมาหาหล่อน กลิ่นเหม็นชวนอาเจียนลอยตลบอบอวล มันแสยะยิ้มย่ามใจ ขณะที่ปิศาจสาวขยับคอสั่นๆ จ้องรอยจันทร์พร้อมกับก้มลงมา

หญิงสาวตาเบิกค้างทำอะไรไม่ถูก

...ช่วยด้วย...ตะโกนก้อง เสียงร้องดังอยู่แค่ในใจ


 

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP