วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๒๔


Literature

ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

๑๘

โอย...เจ็บ...ปวดร้าวไปทั้งตัว มรรคาบอกกับตัวเอง การครองร่างมนุษย์ต้องพบพานกับความเจ็บปวดเช่นนี้เองหรือ แข้งขาหนักอึ้ง แขนไม่มีกำลังไม่ต่างจากถูกจับยัดไว้ในท่อแคบๆ

ฟ้าคงสว่างแล้ว แสงสีขาวๆ กระทบเปลือกตาชายหนุ่ม เขาพยายามลืมตาเพื่อสู้กับแสงสว่าง มีสองสามใบหน้ากำลังลอยสลอนอยู่ข้างๆ

มรรคาถอนใจ แล้วหลับตาลงไปอีก

คุณมรรคา คุณมรรคา เสียงเรียกดังอยู่ข้างหู

ผมรู้ตัวแล้ว ชายหนุ่มตอบเสียงแหบแห้ง รู้แล้วจริงๆ

เขาพยายามจะพูดต่อ แต่ความเหน็ดเหนื่อยดึงกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

ที่นี่เป็นโรงพยาบาลบริเวณชานเมืองกรุงเทพฯ ห่างจากจุดที่รถเกิดอุบัติเหตุพอสมควร ตำรวจเป็นคนนำเขาและปีกแก้วมาส่ง

ชายหนุ่มสลบไปสามวัน หลังจากนั้น เขาต้องให้ปากคำกับตำรวจทั้งๆ ที่ยังไม่แข็งแรง ส่วนปีกแก้ว...ปีกแก้ว...

หญิงสาวนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงพยาบาล ใบหน้าเปี่ยมความสุข มุมปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย เนื้อตัวไม่มีบาดแผลแม้สักเท่ารอยแมวข่วน แต่จนล่วงเข้าวันที่สี่แล้ว ปีกแก้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา

มรรคานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงหญิงสาว นัยน์ตาเข้มคมฉายแววอาทรห่วงใย มือใหญ่กุมมือเล็กอย่างทะนุถนอม ใบหน้าซีดขาวมีรอยกังวล ที่โหนกคิ้วปิดผ้าก๊อซกันฝุ่นเข้าบาดแผล

น้องไปอยู่ที่ไหนจ๊ะ เขาพูดนุ่มนวล พี่ช่วยอะไรได้บ้างหรือเปล่า

พูดแล้วยิ้มหยันกับตัวเอง...เขาจะช่วยอะไรได้

เสียงประตูเปิด ผู้มาเยือนคือป้าแฉล้มกับคุณสุณี

เชิญ เขาพูดเบาๆ ค่อยๆ ปล่อยมือปีกแก้วลง

ขอโทษนะคะ ป้าคิดว่าคุณมัคยังนอนอยู่อีกห้อง ป้าแฉล้มหันมายิ้มแหยๆ เพราะรู้ว่ามรรคาไม่ชอบคุณสุณี

ฉันมานั่งเป็นเพื่อนแก้วเขาเท่านั้นเอง ชายหนุ่มพูดแล้วหันไปยิ้มเล็กน้อยทักทายคุณสุณี เชิญครับคุณอา

รอยยิ้มและน้ำเสียงนุ่มผิดเคยของมรรคา ใช่แต่จะทำให้คุณสุณีแปลกใจ กระทั่งคุณแม่บ้านใหญ่ยังเบิกตาโตคิดในใจว่า คุณมัคคงกินยาผิด ถึงพูดดีกับคุณสุณีได้

อาการของมัคเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ตอนอามาดูยังเห็นสลบอยู่ คุณสุณีได้โอกาสเข้ามาพูดคุยถามไถ่

ดีขึ้นมากแล้วครับ ขอบคุณที่คุณอาเป็นห่วง เขาตอบสุภาพ

ป้าแฉล้มเลี่ยงเอาของไปเก็บ พลางใช้สายตาชำเลืองมองสองอาหลานด้วยความประหลาดใจ แม้มรรคาจะไม่เคยพูดจาก้าวร้าวต่อคุณสุณี แต่ถ้าจะให้เขาพูดจาดี ยิ้มแย้มสนิทสนมนั้น นับว่าไม่เคยเลย มรรคาเป็นคนเกลียดใครแล้วเกลียดจริง ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณสุณีพยายามทำดีกับหลานกำพร้าทั้งสอง ก็ยังได้รับการโต้ตอบอย่างเย็นชาจากมรรคาเสมอมา

เพราะอะไรมรรคาถึงเปลี่ยนท่าทีได้ คนใกล้ชิดเช่นป้าแฉล้มไม่อาจเข้าใจได้ กระทั่งสังเกตจริงจังจึงพบว่าวันที่สี่แล้ว ปีกแก้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาส

ท่าทางการพูดจาด้วยดี ไม่มีท่าทีบึ้งตึงของมรรคานั้น แฝงลักษณะบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ชายหนุ่มสง่าขึ้น สุขุมขึ้น และมีราศีฉายรำไร ยามพูดจากับคุณสุณี จะเหมือนผู้มีศักดิ์สูงกำลังโอภาปราศรัยกับผู้ต่ำต้อยกว่าด้วยความเมตตา

คุณมัคกินข้าวกลางวันหรือยังคะ เดี๋ยวป้าจะจัดให้

มรรคายิ้มรับ ป้าแฉล้มสะดุดใจ นี่ก็อีกอย่าง ชายหนุ่มรู้จักยิ้มมากขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อน อย่างมากก็เพียงพยักหน้า มีแต่ปีกแก้วที่ได้รับรอยยิ้มจากเขามากกว่าใคร

ข้าวต้มพร้อมกับสองสามอย่างใส่ถาดวางไว้ตรงหน้าชายหนุ่ม คุณสุณีลุกไปรินน้ำช่วยบริการหลานชาย แต่คนป่วยมองเห็นกับข้าวในชามแล้วก็มีสีหน้าพะอืดพะอม

หมอเขาว่าคุณมัคยังต้องกินอาหารอ่อนๆ อยู่ ป้าเลยทำข้าวต้มกับพวกหมูสับ ไข่น้ำมาให้ พอกินได้ไหมคะ

ชายหนุ่มมองคนจัดอาหารให้ด้วยแววตาประหลาด

ขอผลไม้ให้ฉันดีกว่านะป้า มรรคาบอกพร้อมกับเลื่อนถาดอาหารออกห่างตัวทันที


สภาพของพันเกลียวไม่ต่างไปจากปีกแก้ว ผิดแต่ว่า หญิงสาวเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงในบ้านไม่ใช่โรงพยาบาล

ยายไม่สามารถหาหมอคนใดมารักษาอาการของพันเกลียวได้ คนที่ถูกนำวิญญาณออกจากร่าง มีหมอคนใดในโลกรักษาได้ แต่ยายไม่ยอมงอมืองอเท้า แรกที่รู้สึกตัวบนโต๊ะทำพิธี จนพบพันเกลียวฟุบอยู่ตรงธรณีประตูห้องพระ ก็พอเข้าใจรางๆ ว่าไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ ถึงยายจะติดตามครอบครัวพันเกลียวมาตลอด รับรู้เรื่องไสยศาสตร์พอสมควร แต่ทั้งชีวิตไม่เคยลงมือทำเองเลย จึงช่วยพันเกลียวเองไม่ได้

เพราะฉะนั้นต้องหาคนอื่นมาช่วย...คนคนนั้นคือมรรคา

ค่ำแล้ว ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล มรรคาสามารถมองเห็นแสงไฟจากตึกราม อาคารที่อยู่รายรอบได้ถนัด เขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง ทอดสายตาพร้อมกับใช้ความคิดคลี่คลายปัญหา

เขารู้วิธีคลายอาคม ปล่อยจ้าวแล้ว...แต่เขาไม่อาจรู้ เมื่อจ้าวเป็นอิสระจะรับมืออย่างไร หนึ่งเป็นผู้ทรงฤทธิ์เดช แต่อีกหนึ่งแค่มนุษย์ธรรมดา คิดไปคิดมา เขาก็นึกแค้นใจทิชาเทพ หรือจะพูดให้ถูก แค้นใจตนเอง

ถ้ายามนั้นมีสติเสียหน่อย ก็น่าจะรู้ทันว่าจ้าวใช้แผนยั่วยุ ถึงมีศักดิ์ศรีแห่งเทพค้ำคอ ทำให้ต้องยอมรับคำท้า แต่ถ้าจะใจเย็นสักนิด ค่อยๆ ใช้สติปัญญาสะสาง ไม่ยอมลงหลุมพรางเต็มร้อย เขาคงไม่อับจนหนทางขนาดนี้

เทพ...ใช่ว่าจะไม่เคยทำผิดพลาด

คิดตำหนิตนเองตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ เขามีสองปัญหารอให้แก้...หนึ่งคือ ทำตามสัจจะวาจา ปล่อยจ้าวและยอมสู้กับมัน โดยหาหนทางชนะไม่เจอ และอีกปัญหาคือรอให้ปีกแก้วฟื้น

ย่างเข้าวันที่ ๕ ปีกแก้วยังหลับสนิททั้งๆ ที่ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ ตรวจภายในก็ไม่พบความบอบช้ำใดๆ ทุกคนรวมทั้งหมอยังแปลกใจ หญิงสาวเหมือนคนนอนหลับธรรมดา ไม่ใช่เพิ่งผ่านอุบัติเหตุรถคว่ำอย่างหนักมาเลย

มรรคาคิดไกลไปกว่านั้น ปีกแก้วน่าจะมีอำนาจเทพคุ้มครองอย่างที่พันเกลียวเคยบอกจริงๆ เขาไม่รู้ว่าปีกแก้วมีความลับอะไร เคยเป็นใคร ด้วยสายตาของคนที่มีความทรงจำแห่งเทพเช่นเขาบอกว่า ปีกแก้วไม่ธรรมดาแน่นอน...เวลานี้หล่อนกำลังอยู่ที่ไหน


หมอกจางๆ ปกคลุมเป็นม่านขาวบางเบา แสงอันอ่อนโยนลูบไล้อาณาบริเวณรอบด้านดูสดใสจับตา เท้าปีกแก้วเบา ร่างกายไร้น้ำหนัก ลอยขึ้น ลอยขึ้น...

ม่านหมอกเผยตัวทีละชั้นๆ หญิงสาวแว่วเสียงดนตรีไพเราะหวานหูจากเบื้องหน้า ใกล้เข้าไปๆ จนมองเห็นสถานที่อันงดงามแห่งหนึ่ง...สวนดอกไม้กว้างกำลังผลิดอกบานสะพรั่ง กลิ่นหอมจรุงใจ กำจายอบอวล

ปีกแก้วหยุดยืนที่หน้าซุ้มประตูงดงามแห่งหนึ่ง บานประตูสลักเสลาลวดลายละเอียดอ่อนปานประหนึ่งเนรมิต ใจหล่อนเต้นแรง เหมือนได้กลับบ้าน

นายหญิง เสียงดังจากเบื้องหลัง ปีกแก้วค่อยๆ หันกลับ พบหญิงสาวงดงามสี่คน คุกเข่าเงยหน้ามองหล่อน ข้างกายมีตะกร้าใส่ดอกไม้อยู่เต็ม

ใคร เสียงปีกแก้วไม่เกินกระซิบ พวกคุณเป็นใคร

หญิงสาวคนแรกยิ้มอย่างสดใส

นายหญิงเพิ่งไปอยู่เมืองมนุษย์ไม่นาน ไฉนจำพวกเราไม่ได้แล้ว

ปีกแก้วจับต้นชนปลายไม่ถูก

กลับวิมานของท่านเถิด ผู้หญิงอีกคนบอก คราวนี้ประตูบานใหญ่เปิดออก ปีกแก้วเหลียวกลับ มองเข้าไปภายใน...

เชิญนายหญิงคืนสู่วิมาน เสียงสตรีทั้งหลายกล่าวพร้อมกัน ปีกแก้วตะลึงกับภาพที่เห็น วิมาน ถึงกับอลังการปานนี้

เชิญ คำพูดนอบน้อมนุ่มนวล ทำให้ปีกแก้วค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไป

รอก่อน เสียงดังกังวาน ทรงอำนาจ หญิงสาวรีบหันกลับ แล้วยืนตัวชาแข็งทื่อ

ปีกแก้วเคยคิดว่ามรรคาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง หล่อนมองเสียชาชินจนไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มกับความหล่อของหนุ่มๆ หลายคนในมหาวิทยาลัย แต่ผู้ชายตรงหน้า ใช้คำว่า หล่อ ยังจะเป็นการดูถูกเขา หรือกระทั่ง รูปงาม ก็ไม่สามารถครอบคลุมรูปลักษณ์ของเขาได้อย่างครบถ้วน

เรือนกายสูงตรงสง่า รูปหน้าเรียวคมราวกับปั้น เครื่องหน้าเข้ม สะดุดตาสมส่วน เป็นใบหน้าที่ยากคาดเดาอายุ หากว่าหนุ่ม ก็ยากจะกล่าว เพราะราศีและอำนาจที่เปล่งประกายออกมาก็ไม่สามารถหาจากคนหนุ่มผู้ใดได้ หรือว่าจะมีอายุก็นับเป็นชายสูงอายุ ที่มีรูปลักษณ์เป็นเลิศ จนคนหนุ่มไม่อาจทัดเทียม

เมื่อชายแปลกหน้ามาถึง แม่สาวๆ ที่เชิญชวนหล่อนต่างก้มหน้างุด ค่อยๆ เลี่ยงไป ปล่อยให้หญิงสาวยืนประจันหน้าสองต่อสองกับเขา

แดนสุขาวดียินดีต้อนรับ เสียงทักทายคุ้นเคย ปีกแก้วฟังชัดเต็มสองหู หล่อนเบิกตากว้างยิ้มเต็มที่...ชายผู้นี้ไม่ใช่คนอื่นสำหรับหล่อนเลย

คุณอา ปีกแก้วเข้าไปหาอย่างยินดี...คุณอาที่เคยติดต่อแต่ทางเสียงมาตลอดชั่วอายุ คุณอาที่เคยเตือนภัย คอยช่วยเหลือ ปกป้องให้หล่อนอุ่นใจ ปีกแก้วไม่คิดว่าคุณอาจะหนุ่มขนาดนี้

นี่เพียงรูปกายสมมุติ...จะกำหนดอย่างไรก็ได้ ตามแต่ความละเอียดของจิต

คุณอาพูดราวอ่านใจหล่อนออก

คุณอา หญิงสาวหลุดคำพูดมาอีกคำ พอตั้งตัวได้ก็ระดมคำถามพรั่งพรูออกมา ที่นี่เป็นที่ไหนคะ แล้วแก้วมาได้ยังไง คุณอาเป็นใคร ทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้

คุณอา ยิ้ม...สายตาเหมือนผู้ใหญ่มองเด็กหญิงตัวน้อยๆ

มาถึงวิมานของตัวเองแล้วยังจำไม่ได้ เรื่องอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึงอีก

ปีกแก้วเอียงคอมองคุณอา อะไรคะ แก้วไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง

ไปลานปาริชาตกันเถอะ คงยังมีดอกหลงเหลือพอ คุณอายื่นมือออกมา ปีกแก้วสอดมือเข้าไปอย่างเชื่อมั่น ไม่ลังเล


ลานปาริชาตคืออะไร? แรกทีเดียวปีกแก้วออกจะงุนงง แต่เพียงแวบแรกที่หล่อนมาถึง ความเข้าใจก็บังเกิดขึ้น

ที่นี่เป็นลานกว้าง ล้อมรอบด้วยหน้าผาสีเขียวเข้ม สูงชัน กลางลานมีต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า ทั้งต้นมีแต่ดอกไม้สีแดงจัดผลิบานตามกิ่งก้านเต็มไปหมด กลิ่นหอมรุนแรง กระจายไกล จนทำให้หญิงสาวมึนงงชั่วขณะ

จำดอกปาริชาตได้ไหม ผู้นำทางยืนมือไขว้หลังถาม

ใครได้ดมดอกไม้นี้ จะระลึกชาติได้ ปีกแก้วตอบ พอจะรู้บ้าง จำได้ว่าใน กามนิต เคยกล่าวถึง มีจริงๆ หรือคะ

คุณอายิ้มแล้วยื่นมือไปข้างหน้า ดอกไม้สีแดงเข้มค่อยๆ หลุดร่วงจากกิ่งมาสู่มือ ปีกแก้วพิจารณา กลิ่นหอมจัดเมื่อคุ้นเคยกลับซาบซ่านซึมลึก กระตุ้นความทรงจำบางส่วน

กลีบดอกไม้นี้ ปีกแก้วชี้ คุณอาเคยให้แก้วเอาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อพี่มัคนี่คะ

คุณอาพยักหน้าเสริมเรียบๆ

ดอกไม้ทิพย์ในสรวงสวรรค์ พอจะช่วยกระตุ้นความเป็นทิชาเทพขึ้นมาได้บ้าง และที่สำคัญอำนาจแห่งดินแดนนี้พอจะช่วยคุ้มครองมรรคาได้ชั่วคราว

แล้วทำไมถึงหายไปได้ล่ะคะ หญิงสาวสงสัย

ในเมื่อหมดหน้าที่แล้ว ก็ต้องกลับสู่ที่ที่จากมา คุณอาวางดอกปาริชาตไว้บนมือปีกแก้ว

สูดกลิ่น ตั้งจิตอธิษฐานขอระลึกชาติสิ แล้วจะได้คำตอบที่ถามมาในตอนแรก

ปีกแก้วมองอย่างไม่แน่ใจ คุณอาแตะไหล่หล่อนเบาๆ แววตาเอ็นดูเฉกเช่นมรรคาเคยมอง ทำให้หล่อนหลับตาสูดกำซาบกลิ่นหอมอันรุนแรงนั้นไว้พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน

ขอให้ข้าพเจ้า ได้รับรู้อดีตกาลที่ล่วงผ่านของตนเองด้วยเถิด

กลีบดอกไม้สีแดง แต่ท้องฟ้าสีขาว แสงสว่างที่มิได้มาจากอาทิตย์ดวงใดกำลังส่องเรืองรอง ปีกแก้วจมดิ่งสู่ภาพที่ล่วงผ่าน ภพภูมิที่หล่อนทอดทิ้งมา


เช้านี้มีคณะเยี่ยมคนป่วยเป็นขบวนใหญ่ เริ่มจากคุณธม คุณสุณี ประสิทธิ์และพนักงานของมรรคาอีกหลายคน

กลุ่มของประสิทธิ์และพนักงานกลับไปก่อน เหลือเพียงคุณธมกับคุณสุณี ส่วนป้าแฉล้มกลับไปเฝ้าบ้าน เปลี่ยนผลัดให้เจ้าชัยมาดูแลแทน

ระหว่างพูดคุยซักถามอาการ มรรคาคิดว่าคุณธมมีเรื่องบางอย่างต้องการบอกกับเขา

ตำรวจเขาว่ายังไงบ้างล่ะ เรื่องเจ้าของรถ คุณธมถาม

ผมไม่เอาเรื่องอะไรทั้งนั้นแหละครับ อีกอย่างคนขับเขาก็ตายในสภาพนั้น มรรคาเห็นสภาพศพโชเฟอร์สิบล้อในหนังสือพิมพ์ อีกทั้งข่าวยังประโคมว่าเป็นการจงใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะตรวจดูแล้ว ไม่มีสารกระตุ้นใดๆ ในศพผู้ตาย อีกทั้งมีบางกระแสข่าวบอกว่าโชเฟอร์โดนผีหักคอ

ลุงเป็นห่วงมัค คุณธมพูดแล้วหันไปทางคุณสุณี

ตั้งแต่เรื่องผีเจ้าพ่อ มาถึงวิญญาณในบ้าน คุณสุณีพูดบ้าง แล้วก็... หล่อนพูดค้าง ยิ้มแหยๆ ให้คุณธม

เรื่องที่ป้าของหลาน ชิดชนะ และแพรวามีอาการเหมือนถูกผีเข้า จนมาถึงเรื่องโดนสิบล้อชนโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้ แถมไอ้คนขับก็ไม่ได้เมายา ยิ่งสภาพการตายของมันก็ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ

ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มรรคาตอบง่ายๆ แววตาลึกเร้นยากเข้าใจ อีกไม่นานเรื่องก็จะเรียบร้อยแล้ว

ลุงว่าเราล้มเลิกโครงการสร้างโรงงานที่นั่นเถอะ คุณธมพูดในที่สุด

มรรคายิ้มละไม แตะมือผู้สูงวัยกว่าเบาๆ

ไม่ต้องหรอกครับ เชื่อผม ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงจริงๆ โรงงานได้สร้างแน่

เขาย้ำหนักแน่น

ทั้งลุงและอาได้แต่มองหน้ากัน ความรู้สึกที่มีต่อหลานชายแทบไม่แตกต่าง...กึ่งเชื่อถือ...กึ่งยำเกรง

ครู่ใหญ่กว่าคนทั้งสองจะกลับ มรรคาให้เจ้าชัยเดินไปส่งและแวะซื้อของใช้บางอย่างมาให้ ส่วนตนเองค่อยๆ ลงจากเตียง เดินกะเผลกๆ ออกจากห้อง ตั้งใจไปดูอาการของปีกแก้วตามปกติ ที่จริงอาการบาดเจ็บของมรรคาไม่นับว่าหนักหนา มีแค่รอยแผลบนโหนกคิ้ว แขนฟกช้ำ และขาเคล็ด กระดูกไม่แตก หมอทั้งโรงพยาบาลยังแปลกใจ เพราะเห็นสภาพรถแล้ว ไม่มีใครเชื่อว่าคนขับจะได้รับบาดเจ็บแค่นั้น

ทันทีที่มรรคาเข้าห้องปีกแก้ว เขาต้องชะงักเท้า ในห้องมีคนยืนหันหลังให้ และยิ่งกว่านั้น แสงสว่างก็มีน้อยจนผิดปกติ ผ้าม่านไม่ได้ปิด ไฟเพดานยังเปิด แต่ความมัวซัวดูเหมือนจะแผ่กระจายมาจากอาคันตุกะคนนั้น

จ้าว มรรคาเรียกเสียงเยียบเย็น

มัน ค่อยๆ หันมา ใบหน้าเหมือนกระดาษเก่าๆ นัยน์ตาซ่านด้วยเส้นเลือด เส้นผมหยิกขอด ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มให้เขาก่อนถอยห่างจากเตียง

จ้าวให้ข้ามา

เสียงมันบาดลึก ทวงสัญญาต่อทิชาเทพ

มรรคาข่มอาการยอกที่ขา พยายามยืนตัวตรง นัยน์ตามองปิศาจหมอผีไม่ต่างจากก้อนกรวดทราย

คราวนี้มันไม่อาศัยเจ้าส่งภาพมาอีกหรือ เขาเยาะ

จ้าวบอกว่าในเมื่อคืนความทรงจำแล้ว เทพคงไม่เสียสัจจะ นอกจากต้องการให้อีกะพ้อต้องรับทัณฑ์ทรมานจนไม่อาจทนทานได้

เมื่อใดจะถึงคืนเพ็ญ ชายหนุ่มข่มอารมณ์ถามกลับ

อีกเก้าราตรี มันตอบเขาอย่างงุนงง

บอกนายของเอ็ง เสียงเฉียบห้วน เลิกทรมานกะพ้อได้แล้ว ข้าจะปล่อยมันในคืนเพ็ญนี้

แววตาปิศาจหมอผี ฉายรอยพิสดารยากอธิบาย คล้ายยินดี คล้ายเสียใจ แต่ก็จางหายรวดเร็ว

จ้าวฝากมาบอกอีกเรื่อง มันพูดแล้วยิ้มเยาะ ก่อนให้เขาเห็นสิ่งบางอย่าง

แววตาของมรรคาเปลี่ยนไป ภาพที่เห็นคือพันเกลียวและกะพ้อถูกจองจำอยู่ในความมืด

จำเป็นด้วยหรือ ที่ต้องนำผู้หญิงที่ไม่เกี่ยวข้องมาขู่กรรโชก นัยน์ตาทอประกายวับ ไม่พอใจ

ข้าเพียงทำตามคำสั่งจ้าว เสียงตอบไร้ความรู้สึก

แล้วจ้าวสั่งให้ฆ่าฉันกับน้องด้วยหรือ มรรคาถามเสียงเย็น แววตากร้าว ใบหน้าคล้ายกระดาษของมันกระตุก...ไม่มีคำตอบ ร่างค่อยๆ กลืนไปกับแสงสว่าง

หรือจ้าวไม่รู้ ถ้าฉันตาย มันก็ยังต้องถูกขังอีกนาน และที่สำคัญ เขาเน้นเสียง ถ้าปีกแก้วตาย ฉันก็กล้าที่จะตระบัดสัตย์เช่นกัน

ห้องกลับสู่สภาพเดิม แต่มรรคายัง ชายหนุ่มกำลังตกอยู่ในความโกรธแค้น ไฟโทสะโหมแรงท่วมจิตใจ เขาโกรธที่จ้าวจับพันเกลียว และยิ่งแค้นใจ ถ้าปีกแก้วไม่ฟื้นมาจริงๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องปล่อยมัน เพียงเก้าวัน ไม่นับว่านาน ไม่นับว่าเร็ว ปล่อยมันไม่ยาก แต่ทำอย่างไรเขาถึงจะเอาชนะมันได้อีกครั้ง

ชายหนุ่มค่อยๆ ระบายลมหายใจ ขับไล่ความโกรธ หยุดยืนหน้าเตียงปีกแก้ว ใบหน้าหล่อนยังอมเลือดฝาดเช่นปกติ หนำซ้ำยังดูผุดผาดและสวยกว่าเดิมจนสังเกตได้ มรรคาทรุดร่างบนเก้าอี้ข้างเตียง ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมให้พ้นแก้มใสๆ แววตาเขาอ่อนโยนลง

หกวันแล้วนะจ๊ะแก้ว ตื่นเสียทีเถอะ พี่อาจมีเวลาอยู่กับน้องอีกไม่นานแล้ว

ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนบานประตูเปิดออก ป้าแฉล้มชะโงกหน้าเข้ามาพอเห็นเขาจึงถอนใจ

คุณมัคอยู่ที่นี่เอง

มีอะไรหรือป้า ไหนว่าวันนี้จะกลับไปเฝ้าบ้านไง เขาถาม

ค่ะ ป้าก็กลับไปที่บ้านแล้ว เผอิญเจอคนคนหนึ่งเขามาหาคุณที่บ้าน บอกว่ามีธุระด่วน

ใคร เขาขมวดคิ้วสงสัย

ป้าพาเข้ามาเลยดีกว่านะคะ สงสารแก ป้าแฉล้มผลุบออกไป ก่อนจะเข้ามาอีกครั้งพร้อมหญิงชราคนหนึ่ง มรรคาลุกขึ้นยืน เขม้นมองด้วยแววตาครุ่นคิด...จนชั่วครู่เขาจึงนึกได้...ยายของพันเกลียว

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP