กระปุกออมสิน Money Literacy

ทองคำ อีกทางเลือกในการลงทุน


Money Literacy

Mr.Messenger
สนใจติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่ http://twitter.com/MrMessenger

ช่องทางการลงทุนในปัจจุบัน เริ่มหลากหลายมากขึ้น ตัวเลือกในการลงทุนของนักลงทุนก็ซับซ้อนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ในความซับซ้อน ก็ยังมีการลงทุนอีกประเภทหนึ่งซึ่งอยู่ในตลาดมานาน เริ่มได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นก็คือ การลงทุนในทองคำ (Gold)

ทองคำ โดยตัวมันเองถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและเป็นที่ต้องการของบุคคลทั่วไป ทั้งในแง่ของการเก็บรักษามูลค่าที่แท้จริง และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ เครื่องประดับ เป็นต้น ด้วยความที่ทองคำ ถือเป็นแร่ธรรมชาติ ซึ่งต้องขุดขึ้นมาใช้ จึงย่อมมีวันหมดไปในอนาคต ทองคำจึงเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่ความต้องการ ทั้งในแง่ของการลงทุน และใช้ในอุตสาหกรรม กลับเติบโตต่อเนื่องมาตลอด ดังนั้นในระยะยาว ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ทำไมต้องทองคำ ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าไหม? ลองดูกราฟราคาทองคำในรูปของสกุลดอลล่าร์สหรัฐ ย้อนหลังไป ๑๐ ปีดูนะครับ ตอนช่วงเดือน มิ.ย. ปี พ.ศ.๒๕๔๓ ราคาทองอยู่ระดับประมาณ ๓๐๐ เหรียญต่อออนซ์ มาจนถึงต้นเดือน มิ.ย. ๒๕๕๓ ปีนี้ ราคาทองวิ่งขึ้นมายืนที่ระดับ ๑,๒๐๐ เหรียญต่อออนซ์ ใครลงทุนตั้งแต่ ๑๐ ปีก่อนหน้านี้ คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ ๓๐๐ เปอร์เซ็นต์ หรือ คิดเป็นผลตอบแทนต่อปีสูงถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลังไป ๑๐ ปี ได้ผลตอบแทนต่อปีประมาณ ๑๔ เปอร์เซ็นต์ต่อปีเท่านั้น ห่างกันครึ่งต่อครึ่ง เห็นอย่างนี้แล้ว น่าสนใจใช่มั้ยครับ (ว่าแต่... สนใจไป แล้วเห็นกิเลสตัวเองกันหรือเปล่า?)


money28

ใครก็ตามที่เคยลงทุนในทองคำ ก็จะพอทราบคร่าวๆว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวขึ้นลงของราคาทองคำแตกต่างจากหุ้นไปบ้างพอสมควร สำหรับ หุ้น หรือ ตราสารทุน ราคาจะเคลื่อนไหวตามความคาดหวังต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจว่าจะดีขึ้น หรือแย่ลง และยังเกี่ยวพันกับผลประกอบการของบริษัทของหุ้นตัวนั้นๆเองด้วยว่ากำไรหรือขาดทุนตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แถมยังมีปัจจัยเล็กๆน้อยๆ ที่ส่งผลต่อราคาหุ้นในระยะสั้นด้วยเช่น นโยบายของรัฐบาลที่เปลี่ยนแปลง, การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น หรือ ข่าวลือต่างๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญ การปิดหูปิดตา ไม่ตามข่าวสารเสียบ้าง ก็คงจะเป็นเรื่องดี เพราะทำให้สภาพจิตใจ ไม่กวัดแกว่งโลเลไปตามข่าวลือ แต่การละเลย ไม่ยอมทำการบ้าน ไม่ติดตามข้อมูลข่าวสารเลย ก็เท่ากับเรากำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง ไม่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ตามความเป็นจริง ชาวพุทธ เราไม่ปิดหูปิดตาตัวเองนะครับ อยากได้ธรรมะจากโลก เราก็ต้องอยู่กับโลก ไม่หนีโลกออกไป อยากได้การวิเคราะห์ที่เป็นเหตุเป็นผล ก็ต้องหาเอาจากข้อมูลข่าวสาร จะมานั่งเทียน คิดเองเออเอง มันก็ดูจะง่ายเกินไปหน่อย


แล้วปัจจัยอะไรบ้าง ที่มากระทบกับราคาทองคำ?

๑. เงินดอลลาร์สหรัฐ ในกรณีที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆในโลก รวมถึงเงินบาทไทย จะทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น สาเหตุเป็นเพราะ ปริมาณเงินส่วนใหญ่ในระบบทุนนิยมของโลก ซื้อขายกันในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ย่อมแปลว่า เงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าลดลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความมั่งคั่งที่อาจจะลดลงของนักลงทุนที่ถือดอลลาร์สหรัฐ การซื้อทองคำเหมือนเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่มูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะลดลงทางหนึ่งได้

๒. เงินเฟ้อ (Inflation) หากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น หมายความว่าข้าวของเครื่องใช้โดยส่วนใหญ่ราคาขึ้น ราคาทองคำก็จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะอัตราเงินเฟ้อส่งผลให้มูลค่าที่แท้จริงเงินสดลดลง (จำนวนเงินเท่าเดิม แต่ซื้อสินค้าชนิดเดิมไม่ได้ เพราะราคาสินค้าปรับสูงขึ้น) แต่มูลค่าทองคำจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

๓. อุปสงค์และอุปทานของทองคำ ถ้าความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณของทองคำในตลาดก็จะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ปัจจุบันประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วเช่น จีน และอินเดีย ค่อนข้างมีอิทธิพลในการกำหนดอุปสงค์หรือความต้องการทองคำในตลาดโลกพอสมควร หรือปริมาณทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากการขายทองคำออกจากพอร์ตของธนาคารโลก (World Bank) ก็สามารถทำให้ราคาทองคำลดลงเช่นกัน เพราะอุปทานลดลง

๔. ความเสี่ยงทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจของโลก ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และความกังวลอย่างสูงเกี่ยวกับระบบการเงินโลก หรืออย่างแย่ที่สุด กรณีที่เกิดสงครามขึ้น ราคาทองคำมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากทองคำถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุด เรียกอีกอย่างว่า “Safe Heaven” ของนักลงทุน

จะเห็นว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำนั้นแตกต่างจากหุ้นพอสมควร แต่ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวก็หาไม่ยากเกินไปนะครับ หลายคนบอกว่า การติดตามข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจเป็นเรื่องยาก ถึงเจอแหล่งข้อมูลบางทีก็ไม่รู้เรื่อง จริงๆแล้วปัญหาไม่ใช่เพราะการติดตามตามข่าวเป็นเรื่องยาก เพราะปัจจุบัน เรามีอินเตอร์เน็ต ที่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลแทบจะทุกอย่างในโลกได้แล้ว ด้วยความรู้งูๆปลาๆ ก็สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลภายในไม่กี่นาที ดังนั้นปัญหาที่แท้จริงอย่างหนึ่งก็คือ นักลงทุนไม่ยอมติดตามข่าวสารเองมากกว่า ปัญหาของนักปฏิบัติธรรม ที่ไม่สามารถเห็นกิเลส หรือไม่รู้อารมณ์ของตัวเอง ก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพราะจิตใจเราดูยาก รัก โลภ โกรธ หลง ดีใจ เสียใจ น้อยใจ ทุกคนรู้จัก แต่เป็นเพราะไม่ยอมดูต่างหาก สาเหตุที่ไม่ยอมดู ก็เพราะมัวแต่ไปคิดว่า ต้องทำอย่างโน้น ต้องทำอย่างนี้ สงสัยอย่างโน้น สงสัยอย่างนี้ หลงอยู่ในความคิด จนลืมกายลืมใจตัวเอง

ในอดีต การลงทุนในทองคำยังไม่แพร่หลายเนื่องจากช่องทางในการลงทุนยังจำกัด และนักลงทุนยังมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนประเภทนี้ไม่ดีพอ แต่ปัจจุบัน นักลงทุนมีแหล่งข้อมูลที่ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถลงทุนในทองคำผ่านกองทุนรวม ใช้เงินลงทุนจำนวนน้อยลง และไม่มีต้นทุนการเก็บรักษาทองคำเหมือนกับการเดินเข้าไปซื้อทองคำในห้างขายทอง ทองคำจึงถือเป็นสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียว

ฉบับหน้ามาคุยกันถึงช่องทางและแหล่งข้อมูลในการหาข้อมูลเพื่อการลงทุนในทองคำอีกครั้งนะครับ

 



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP