สารส่องใจ Enlightenment

กรรมมีอยู่กับผู้ทำ


enlightenment

พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต


"วันนี้ตรงกับวันพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และดับขันธปรินิพพาน เราเรียกว่าวันวิสาขบูชา
พระพุทธเจ้าเกิด กับสัตว์โลกเกิดต่างกันมาก
ตรงที่ท่านเกิดแล้วไม่หลงโลกที่เกิด ที่อยู่และที่ตาย
มิหนำยังกลับรู้แจ้งที่เกิด ที่อยู่ และที่ตายของพระองค์
ด้วยพระปัญญาญาณโดยตลอดทั่วถึง ที่เรียกว่าตรัสรู้นั่นเอง
เมื่อถึงกาลอันควรจากไป
ทรงลาขันธ์ที่เคยอาศัยเป็นเครื่องมือบำเพ็ญความดี มาจนถึงขั้นสมบูรณ์เต็มที่
แล้วจากไปแบบสุคโต สมเป็นศาสดาของโลกทั้งสาม ไม่มีที่น่าตำหนิแม้นิดเดียว
ก่อนเสด็จจากไปโดยพระกายที่หมดหนทางเยียวยา
ก็ได้ประทานพระธรรมไว้เป็นองค์แทนศาสดา
ซึ่งเป็นที่น่ากราบไหว้บูชาคู่พึ่งเป็นพึ่งตายถวายชีวิตจริง ๆ

เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ
แต่อย่าลืมตัวลืมวาสนาของตัว โดยลืมสร้างคุณงามความดี
เสริมต่อภพชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์ จะเปลี่ยนแปลงและกลับกลายหายไป
ชาติต่ำทรามที่ไม่ปรารถนาจะกลายมาเป็นตัวเราเข้าแล้วแก้ไม่ตก
ความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม ความสุขทุกขั้นจนถึงบรมสุข
และความทุกข์ทุกขั้นจนเข้าขั้นมหันตทุกข์เหล่านี้
มีได้กับทุกคนตลอดสัตว์ ถ้าตนเองทำให้มี
อย่าเข้าใจว่าจะมีได้เฉพาะผู้กำลังเสวยอยู่เท่านั้น โดยผู้อื่นมีไม่ได้
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง แต่กลับกลายมาเป็นสมบัติจำเพาะของผู้ผลิตผู้ทำก็ได้

ฉะนั้น ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน
เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ
เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้นหรือยิ่งกว่านั้นก็ได้
เมื่อถึงวาระเข้าจริงๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้
เพราะกรรมดีชั่วเรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น
จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นที่เราเป็นและเคยเป็น

ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจตราดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ
และเป็นวิชาเครื่องเลือกเฟ้นได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือน
นับแต่บวชและปฏิบัติมาอย่างเต็มกำลังจนถึงวันนี้
มิได้ลดละการตรวจตราเลือกเฟ้นสิ่งดีชั่วที่มี และเกิดอยู่กับตนทุกระยะ
มีใจเป็นตัวการพาสร้างกรรมประเภทต่างๆ จนเห็นได้ชัดว่ากรรมมีอยู่กับผู้ทำ
มีใจเป็นต้นเหตุของกรรมทั้งมวล ไม่มีทางสงสัย
ผู้สงสัยกรรมหรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือคนลืมตน
จนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยอะไรไม่ได้
คนประเภทนั้น แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มาเป็นอย่างดี
เหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม เขามองไม่เห็นคุณของพ่อแม่
ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง
แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขาที่เป็นคนซึ่งกำลังรกโลกอยู่ โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น
ไม่สนใจคิดว่าเขาเกิดและเติบโตมาจากท่านทั้งสอง
ซึ่งเป็นแรงหนุนร่างกายชีวิตจิตใจเขา ให้เจริญเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน

การดื่มและการรับประทานอาหารทุกประเภท
ล้วนเป็นการเสริมสร้างสุขภาพและความเจริญเติบโตแก่ร่างกาย ให้เป็นอยู่ตามกาลของมัน
การทำเพื่อร่างกาย ถ้าไม่จัดว่าเป็นกรรมคือการทำ จะควรจัดว่าอะไร
สิ่งที่ร่างกายได้รับมาเป็นประจำ ถ้าไม่เรียกว่าผล จะเรียกว่าอะไรจึงจะถูกตามความจริง
ดีชั่วสุขทุกข์ที่สัตว์ทั่วโลกได้รับกันมาตลอดสาย
ถ้าไม่มีแรงหนุนเป็นต้นเหตุอยู่แล้ว จะเป็นมาได้ด้วยอะไร
ใจอยู่เฉยๆ ไม่คะนองคิดในลักษณะต่างๆ อันเป็นทางมาแห่งดีและชั่ว
คนเราจะกินยาตายหรือฆ่าตัวตายได้ด้วยอะไร
สาเหตุแสดงอยู่อย่างเต็มใจที่เรียกว่าตัวกรรมและทำคนจนถึงตาย
ยังไม่ทราบว่าตนทำกรรมแล้ว ถ้าจะไม่เรียกว่ามืดบอด จะควรเรียกว่าอะไร
กรรมอยู่กับตัวและตัวทำกรรมอยู่ทุกขณะ ผลก็เกิดอยู่ทุกเวลา
ยังสงสัยหรือไม่เชื่อกรรมว่ามีและให้ผลแล้วก็สุดหนทาง
ถ้ากรรมวิ่งตามคนเหมือนสุนัขวิ่งตามเจ้าของ
เขาก็เรียกว่าสุนัขเท่านั้นเอง ไม่เรียกว่ากรรม
นี่กรรมไม่ใช่สุนัข แต่คือการกระทำดีชั่วทางกายวาจาใจต่างหาก
ผลจริงคือความสุขทุกข์ที่ได้รับกันอยู่ทั่วโลก
กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จักกรรม รู้แต่กระทำคือหาอยู่หากิน
ที่ทางศาสนาเรียกว่ากรรมของสัตว์ของบุคคล และผลกรรมของสัตว์ของบุคคล

sathu2 sathu2 sathu2

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - -- - - - - - - - - -- - - - - - - - - -


จาก ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ฉบับพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๐

 



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP