กระปุกออมสิน Money Literacy
กองทุนหุ้นแต่ละกอง แตกต่างกันหรือไม่ และเลือกอย่างไรดี (ต่อ)
Mr.Messenger
ฉบับก่อน ผมแยกประเภทของกองทุนหุ้นให้ดูเป็น ๒ ลักษณะใหญ่ๆ คงทำให้พอเห็นภาพที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ คราวนี้ นอกจากนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันแล้ว อะไรที่แตกต่างกันอีก มาอ่านต่อในฉบับนี้กันเลย
ในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบ Active Fund ก็ยังมีความแตกต่างกันเอง ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ “ผู้จัดการกองทุน” หรือ Fund Manager ในความเห็นส่วนตัวของผม ผู้จัดการกองทุน มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่จะกำหนดทิศทางการลงทุนของกองทุน และสร้างผลตอบแทนแข่งขันกันเองเพื่อดึงดูด และทำให้นักลงทุนมาสนใจลงทุนกับกองทุนภายใต้การบริหารของตัวเอง ดังนั้น การตรวจสอบนโยบายการลงทุนของผู้จัดการลงทุน ว่าลงทุนในหุ้นประเภทไหน เสี่ยงสูงแค่ไหน หรือเน้นหุ้นพื้นฐานดี จ่ายปันผลต่อเนื่อง ถือเป็นหนึ่งขั้นตอนในการแยกความแตกต่างของกองทุนหุ้น ซึ่งท้ายที่สุด กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนรวมแต่ละกอง จะสะท้อนออกมาเป็นผลตอบแทนที่เราสามารถเปรียบเทียบได้ว่า กองทุนไหนบริหารดีไม่ดี หรือเหมาะกับเราหรือไม่อย่างไร ลองดูตารางผลตอบแทนกองทุนด้านล่างนี้นะครับ
ข้อมูลผลตอบแทนกองทุนในตารางข้างบน สามารถตรวจสอบได้จาก Website ชื่อ www.morningstarthailand.com ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับกองทุนที่มีชื่อเสียงมากในเอเชีย โดยช่องตาราง YTD Return % หมายถึง Year-to-date Return หรือ ผลตอบแทนกองทุนนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่เราเรียกข้อมูล (ตารางข้างต้นใช้ข้อมูลถึงวันที่ ๒๘ เม.ย. ๒๕๕๓ ที่ผ่านมาครับ) นับเวลาตั้งแต่วันที่ ๓ ม.ค. ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการเป็นวันแรกของปี นับรวมได้ ๔ เดือนพอดีๆ
จะสังเกตเห็นว่า กองทุนทั้ง ๒๐ กองทุน ลงทุนในหุ้นไทยเหมือนกัน แต่ผลตอบแทนต่างกัน ทั้งๆที่กองทุนทั้ง ๒๐ กอง เป็น Active Fund เหมือนกันหมด สาเหตุเป็นเพราะผู้จัดการกองทุนคัดเลือกหุ้นที่เข้าไปลงทุนแตกต่างกัน ใครทำผลการดำเนินงานได้ดีกว่า ก็แปลว่าบริหารเก่งกว่า (ณ ช่วงเวลานั้น) แต่ไม่ใช่ว่า เห็นกองทุนไหนผลการดำเนินงานสูงลิบลิ่วแล้วก็วิ่งเข้าใส่ทันที อย่าลืมคำเตือน “ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต” เพราะฉะนั้น ความสม่ำเสมอของผลตอบแทนกองทุน จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกกองทุนเพื่อลงทุน
มีให้เห็นหลายครั้งที่บางกองทุนทำผลการดำเนินงานดีแค่บางช่วงเวลา นักลงทุนที่เลือกลงทุนโดยไม่คำนึงถึงความสม่ำเสมอของผลตอบแทน ผลที่ตามมาคือ เมื่อเวลาผ่านไป เทียบกับกองทุนของแห่งอื่นแล้ว กลับได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ ซึ่งไม่ต่างกับการเร่งความเพียรในการปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติด้วยความรีบเร่ง แล้วอยากได้ผลลัพธ์ในระยะเวลาอันสั้น ผลลัพธ์ก็จะไม่ได้ธรรมะกลับไป เนื่องจากปฏิบัติอยู่บนกิเลสที่ตัวมองไม่เห็น
ขอย้อนกลับไปที่ตารางผลตอบแทนกองทุนหุ้นด้านบนอีกทีนะครับ สาเหตุที่คนบางส่วนเลือกที่จะมาลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะลงทุนในหุ้นโดยตรง หรือผ่านกองทุนรวมอีกที ก็เพราะผลตอบแทนที่แสดงให้ดูข้างบน ปัจจุบันเงินฝากประจำธนาคาร (Fixed Deposit) ๑ ปี ให้ดอกเบี้ยไม่ถึงร้อยละ ๑.๕ ในยามที่ดอกเบี้ยต่ำแบบนี้ ใครที่เคยฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๔ หรือสูงกว่านั้น ก็จะเริ่มทำใจไม่ได้ สุดท้ายก็จะพยายามหาแหล่งเงินออมผ่านทางช่องทางอื่นมากขึ้น รวมถึงตลาดหุ้น สำหรับใครที่ลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปี เมื่อเห็นผลตอบแทน ก็ไม่ผิดหวังเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝาก แต่กระนั้นก็ตาม จะเห็นว่าบางกองทุนก็ทำผลการดำเนินงานขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เราตระหนักตลอดเวลาว่า คาดหวังผลตอบแทนที่สูง ความเสี่ยงก็ย่อมตามมาเสมอ
อ่านมาถึงตรงนี้ ขอย้ำอีกทีครับว่า เรามาถึงการเลือกกองทุนหุ้นตรงนี้ได้ ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการวางแผนการเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ ในยามฉุกเฉิน หรือบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ ผมไม่ได้สนับสนุนให้หันมาลงทุนในหุ้นเพราะผลตอบแทนสูงกว่า โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ จนขาดสติ เป็นหนี้เป็นสินเพราะขาดทุนหุ้นกันไป... ทุกๆก้าวในชีวิตประจำวันต้องประกอบด้วยสติเสมอ ระหว่างทางที่อยู่บนเส้นทางของการลงทุน กิเลสจะเกิดขึ้นมาตลอดครับ (ผมขอยืนยัน) เห็นกองทุนโน้นผลตอบแทนดีกว่าที่เราลงทุน เห็นเพื่อนลงทุนในหุ้นแล้วได้กำไรเยอะกว่าเรา ฯลฯ สิ่งที่เราทำได้คือ ตามรู้กิเลสที่เกิดขึ้น แล้วพิจารณาหรือนึกย้อนกลับมาที่เป้าหมายทางการเงิน และขั้นตอนของการวางแผนลงทุนที่ผ่านมาของเรา จากนั้นถามตัวเองว่า เราวางแผนอย่างรอบคอบแล้วหรือยัง? เรากำลังดำเนินชีวิตโดยประมาทอยู่หรือเปล่า
โชคดีในการลงทุนครับ
< Prev | Next > |
---|