สารส่องใจ Enlightenment

สารธรรมของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ (ตอนที่ ๓)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐




สารธรรมของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์(ตอนที่ ๑) (คลิก)
สารธรรมของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ (ตอนที่ ๒) (คลิก)



ถ้าสัตว์โลกมีความเชื่อความเลื่อมใสพระพุทธเจ้า
เหมือนกับความเชื่อกิเลสตัวจอมปลอมนี้แล้ว
จะไม่ได้รับความทุกข์ความทรมานมากมายอะไรเลย
วัฏจักรวัฏวนก็จะย่นเข้ามาโดยลำดับ
เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนโลกนั้น สอนเพื่อจะปลดเปลื้องทุกข์
เพื่อจะย่นวัฏจักรวัฏจิตให้เข้ามาสั้นที่สุด
ย่นเข้ามาๆ จะเป็นล้านๆ ภพ ล้านๆ ชาติก็ตาม
เมื่อสอนลงไปหลายครั้งหลายหน ผู้บำเพ็ญไปตามไม่หยุดไม่ถอยแล้ว
จะย่นวัฏฏะเข้ามาๆ จนกระทั่งเอกพีชี นี่ฟังซิ เพียงชาติเดียว
มิหนำซ้ำชาติเดียวนี้ยังได้บรรลุธรรม
ให้ถึงสิ้นสุดวิมุตติพระนิพพานได้โดยไม่ต้องสงสัย
ดังพระสาวกทั้งหลายท่านบรรลุพระโสดาแล้วก็ทะลุถึงอรหัตภูมิ
เหมือนดังพระเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ มีพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นต้น
ท่านได้เปล่งอุทานขึ้นดังที่กล่าวมาแล้วนี้ นี้คือท่านสำเร็จพระโสดา
หลังจากนั้นท่านก็สำเร็จเป็นอรหัตบุคคลขึ้นมา


พระสารีบุตรพระโมคคัลลาน์ได้ยินได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ
จนกระทั่งได้บรรลุพระโสดาก็เหมือนกัน
หลังจากนั้นพระโมคคัลลาน์ก็ ๗ วันบรรลุพระอรหัตบุคคลขึ้นมา
พระสารีบุตร ๑๕ วันบรรลุอรหัตบุคคลขึ้นมาในชาตินั้นเท่านั้น ไม่กี่วันอีกด้วย
นี่ย่นเข้ามาถึงขนาดนั้น พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนโลกไม่ได้ยืดยาว
ไม่ได้เป็นเหมือนกิเลสที่มันหลอกสัตว์โลกเลย ฟังซิ


หากเราเชื่อพระพุทธเจ้าดังตามธรรมที่ท่านสอนไว้ว่า สวากขาตธรรม นี่แล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างจะสงบร่มเย็น
เป็นมนุษย์เช่นอย่างชาวพุทธเรานี้เหมือนกัน
ในครอบครัวก็ให้มีกฎมีระเบียบแห่งธรรมเป็นเครื่องปฏิบัติรักษา
ต่างคนต่างเข้มงวดกวดขันต่อหลักศีลหลักธรรม
อันเป็นความดีงามและสงบร่มเย็น ไม่ฝ่าฝืนไม่ทำลาย
เช่น ศีล ๕ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จะทำลายความสุขของมนุษย์
ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่ในศีล ๕ นั้นทั้งนั้น
เมื่อเราปฏิบัติตามเพียง ๕ ข้อนี้
เห็นประจักษ์ภายในจิตใจของเราและครอบครัวของเรา
ครอบครัวของใครก็ตาม ถ้าต่างคนต่างได้พยายามรักษาในศีลธรรม
ตามสวากขาตธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ชอบแล้วนี้
จะเย็นไปหมด ตัวเองก็หาที่ตำหนิตัวเองไม่ได้ เย็น


ครอบครัวเหย้าเรือนไว้อกไว้ใจกันได้เพราะใครก็รักษาเหมือนกัน
ลูกเต้าหลานเหลนเกิดขึ้นมาก็มีแบบมีฉบับแห่งความถูกต้องดีงาม
เป็นเครื่องกำกับรักษาให้เขาได้ยึดหลักอันดีงามนี้
ไปปฏิบัติตัวเองเพื่อความเป็นคนดีต่อไป
สกุลนั้นก็รักษา สกุลนี้ก็รักษา ที่ใกล้ไกลก็รักษา กว้างแคบรักษาเหมือนกัน
โลกจะมีความเจริญรุ่งเรืองและสงบร่มเย็นเห็นประจักษ์
นี่เพราะธรรมของพระพุทธเจ้า


เราเห็นประจักษ์อยู่อย่างนี้ จะว่าธรรมนี้ปลอมยังไง ว่าธรรมนี้ไม่มียังไง
ถ้าเราอยากเห็นฤทธิ์เห็นเดชของอรรถของธรรมของพระพุทธเจ้า
เราก็ต้องแสดงฤทธิ์เดชแห่งความพยายามของเรา
ให้เหมาะสมกับธรรมที่เป็นฤทธิ์เป็นเดชเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์วิเศษนั้น
ลองดูก็รู้นี่จะว่ายังไง การฆ่ากันเป็นของของดีแล้วเหรอ พิจารณาซิ
เพียงรายเดียวเท่านั้นมาฆ่ากันต่อหน้านี้เป็นยังไง
สมมุติว่าเรานั่งอยู่ในท่ามกลางสงฆ์อยู่นี้ด้วยกัน
มีรายใดรายหนึ่งมาฆ่ากันที่ตรงนี้เป็นยังไง กระเทือนไหม กระเทือนมากไหม
ทั่วประเทศไทยจะได้ทราบทั่วถึงกันหมด นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร
พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงห้ามไม่ให้ทำ


อทินนาทานก็เหมือนกัน สมบัติของใครใครก็รักใครก็สงวน
ไม่มีสิ่งใดที่จะสงวนยิ่งกว่าสมบัติของตน
จิตใจเป็นของสำคัญมาก
กำเริบเสิบสานได้อย่างรุนแรงมากยิ่งกว่าสมบัติที่หายไป
เพราะการฉกการลักการขโมยกันนั้น
ถ้าให้กันด้วยความพออกพอใจ ให้กันสักเท่าไรก็ตาม
ไม่มีความกระทบกระเทือน ไม่มีความบอบช้ำ
มีความยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขความสบายใจ รื่นเริงบันเทิง
และระลึกถึงบุญถึงคุณต่อกันไปจนกระทั่งถึงวันตายไม่มีสิ้นสุด
เพราะความเย็นแห่งธรรมข้อนี้ แห่งศีลข้อนี้
นั่นฟังซิ เรายกตัวอย่างเอาอย่างนี้
ถ้าเราตั้งใจประพฤติปฏิบัติให้เห็นฤทธิ์เห็นเดชของธรรมจริงๆ
เราก็ต้องเป็นผู้ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติ
ให้มีฤทธิ์มีเดชในตัวเองด้วยการปฏิบัติธรรม
ทำไมธรรมจะไม่แสดงฤทธิ์เดชความศักดิ์สิทธิ์วิเศษให้เห็นประจักษ์
ต้องเห็นอย่างไม่สงสัย


เราไปไหนมาไหนสบายไหม การไม่ฆ่าไม่เบียดเบียนไม่ทำลายกัน
แสนสบาย ไว้ใจกันได้หมด ไปที่ไหนไปเถอะ
ไม่ต้องกลัวว่าภัยจะเกิดขึ้นจากมนุษย์เบียดเบียนทำลาย
เอ้า สมบัติเงินทองข้าวของมีไว้ที่ไหน เอ้า มีไว้เถอะไม่ต้องสงสัย
ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาฉกมาลัก ใครก็รู้ว่าเป็นของใครของเราอยู่แล้ว
ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่ฉกไม่ลักไม่ทำ
เพราะอำนาจแห่งศีลธรรมที่ต่างคนต่างรักษาอยู่แล้ว
แล้วเย็นไหมพิจารณาซิ
จะไปรักษาสมบัติให้วุ่นวายทั้งกลางวันกลางคืนไม่ได้หลับได้นอน
ให้ลำบากลำบนอะไรกัน


นี่ก็เพราะความที่เราไม่เห็นว่าธรรมเป็นของสำคัญนั่นเอง
มันถึงได้รับความทุกข์ความลำบาก
เห็นประจักษ์อยู่อย่างนี้ จะว่าธรรมพระพุทธเจ้าไม่จริงได้ยังไง


กาเมสุ มิจฉาจาร ก็เหมือนกัน
ลูกใครผัวใครเมียใครหลานใคร รู้กันอยู่แล้ว ไม่มีใครที่จะรู้ยิ่งกว่ามนุษย์
ต่างคนต่างมีขอบเขตมีเหตุมีผลเป็นเครื่องรักษาตนแล้ว
จะทำงานในบ้านนอกบ้านไปที่ไหนไปเถอะ
ไม่ต้องมีความระแวงแคลงใจซึ่งกันและกันซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตที่สุด
ก็คือเรื่องระหว่างสามีภรรยา
เอ้า ต่างคนต่างเด็ดลงไปซิ ฤทธิ์เดชของการรักษาธรรมมี
ธรรมก็แสดงฤทธิ์เดชให้เห็นเป็นความสุขความสบาย
ไม่เหมือนฤทธิ์เดชของกิเลสที่ทำคนให้ล่มจมไปมากมาย แล้วเรายังไม่เข็ดไม่หลาบ
เรื่องฤทธิ์เดชของธรรมแสดงให้มีความร่มเย็นเป็นสุข
นี่พิจารณาซิ ข้อที่ ๓ เราพูดย่อๆ ให้ฟัง


มุสาก็เหมือนกัน พูดมีคำสัตย์คำจริง พูดไม่หลอกลวงโกหกซึ่งกันและกัน
ทำไมจะไม่เย็นใจคนเรา จะไม่ตายใจต่อกันล่ะ
เด็กพูดก็เป็นความจริง ผู้ใหญ่พูดก็เป็นความจริง
ไม่โกหกหลอกลวงต้มตุ๋นกันดังที่เป็นอยู่นี้ เย็นไหม นี่ก็เย็น
เพียง ๕ ข้อเท่านี้ก็พอแล้ว


อย่างสุราก็เหมือนกัน
สุราใครๆ แม้แต่เด็กก็ยังทราบว่าสุรานั้นคือของมึนเมา ไม่ใช่เป็นของดี
ผู้ใหญ่เราทำไมจึงต้องเสกสรรว่าเป็นของดิบของดี
ไปที่ไหนอยู่ที่ใดสมาคมใด มีแต่สุราออกหน้า
คือ น้ำบ้าออกหน้า คนจะไม่เป็นบ้าได้ยังไง
แล้วมันดียังไง คนไม่กินเหล้ากับคนกินเหล้า คนไม่เมากับคนเมาต่างกันอย่างไร
ดูซิ เพียงเท่านี้เราก็ทราบแล้ว คนไม่เมาจะอยู่ด้วยความสงบ
มีสติสตัง มีปัญญารอบตัว ไม่เสียความสวยงาม
แต่คนเมาเป็นยังไง มันมีไหมมรรยาท ยิ่งกว่ามรรยาทของสัตว์เสียอีก
หาความสวยงามได้ที่ไหนเพราะการเมาสุรานี่
เมาจนกระทั่งถึงขี้ทะลักออกมามันก็ยังไม่รู้ตัว แล้วยังสวยอยู่เหรอยังงั้น
เมาเลยบ้าไปแล้ว ยังขี้ทะลักออกมาต่อชุมชนยังงั้น
มันดีไหม น้ำสุราทำคนถึงขนาดนั้น ดีไหมพิจารณาซิ


เวลาเราเกิดมาทีแรก พ่อแม่ไม่ได้เอาน้ำสุรามากรอกปากเรา
แล้วเราทำไมจะไปดื้อด้านหาญทำอย่างนั้น เราหยุด..เด็ด ไม่ทำแล้วเป็นยังไง
นี่เพียงเท่านี้ก็เย็นมากแล้วโลก
นี่ละเรื่องธรรมที่จะให้แสดงฤทธิ์เดชให้โลกได้เห็น
โลกต้องแสดงความสามารถ ปฏิบัติธรรมด้วยฤทธิ์เดช
ด้วยกำลังวังชากำลังศรัทธา ความอุตส่าห์พยายามทุกสิ่งทุกอย่างของเรา
ซึ่งเป็นความดีที่จะรักษาธรรมไว้ได้
เอ้า ทำลงไป ลองดูซิธรรมจะไม่ปรากฏให้เห็นได้ยังไง
ธรรมมีอยู่แล้ว คนหากไม่รักษาธรรมเฉยๆ นี่เรายกตัวอย่างอย่างนี้ละ



(โปรดติดตามเนื้อหาต่อในฉบับหน้า)



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


จาก พระธรรมเทศนา "สารธรรมของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์"
ใน ก้าวเดินตามหลักศาสนธรรม เทศน์ภาคปฏิบัติ
โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP