วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๑๘


Literature

โดย ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

ลมพัดแรงจนเส้นผมหยักสลวยของปีกแก้วปลิวสะบัด ดูคล้ายสาหร่ายใต้ทะเล คลื่นระลอกใหญ่น้อยทยอยซัดโขดหินดังซัดซ่า ร่างบอบบางนั่งอยู่ท่ามกลางลมทะเลและเสียงคลื่น ร่างกายเหมือนจะผสานเป็นส่วนเดียวกับโขดหิน

ตะวันใกล้ลับฟ้า สีของอัสดงฉาบทาท้องทะเลราวกับจะย้อมคลื่นให้เป็นสีทอง...ที่ชายหาดมีครอบครัวกลุ่มใหญ่ และหนุ่มสาวเป็นคู่ๆ เดินเคียงกัน บ้างก็เล่นน้ำทะเลอย่างสนุกสนาน หล่อนไม่อยากมองภาพเหล่านั้น...

ครั้งหนึ่งปีกแก้วเคยเป็นเด็กสาวที่มีความสุข แม้พ่อแม่จะเสียชีวิตโดยไม่ทิ้งสมบัติไว้ให้ แต่หล่อนก็ได้รับความรักอย่างล้นเหลือจากผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะ พี่มัค...ในสายตาของปีกแก้ว มรรคาเป็นทุกสิ่ง ทั้งพี่ชาย ทั้งพ่อ ทั้งหลักประกันในจิตใจ แต่แล้วความสัมพันธ์อันงดงามระหว่างหล่อนกับเขาก็ถูกทำลายลงด้วยปากอันโสมม

เรื่องโกหกเหล่านั้นทำให้หล่อนมองหน้ามรรคาไม่ติด ในความปวดร้าว มีความละอายแฝงอยู่ หล่อนตอบไม่ได้ว่าอายเรื่องอะไร...การได้ห่างจากมรรคาเช่นนี้อาจทำให้หล่อนตั้งสติ ปรับความรู้สึกของตัวเองให้ดีขึ้นบ้าง เวลา เป็นยาสมานแผลหัวใจที่ดีเยี่ยม หล่อนขอเวลาสักหน่อย พอทำใจได้แล้ว หล่อนคงกล้าที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับเขา

แก้วโว้ย...ไอ้แก้ว...คุณแก้ว...นางสาวปีกแก้ว เสียงตะโกนโหวกๆ ดังอยู่ด้านหลัง ทำให้เด็กสาวแอบถอนใจน้อยๆ ใบหน้าที่ซึมเซาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

มีอะไรวะ ไม่เป็นกุลสตรีเลยพวกแกนี่...ตะโกนโหวกเหวกเป็นนางชะนีไปได้ พูดพลางลงมายืนบนพื้นทราย

ไหนแกบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำไงวะ หนอยดันมาอ่อยหนุ่มอยู่นี่ ได้กี่คนแล้วยะ เพื่อนๆ แซว

ฉันมาดูพระอาทิตย์ตกดินโว้ย ไม่ได้เป็นไก่ แล้วแกมาตามฉันที่นี่ทำไม

เขาจะย่างปลาหมึกกันแล้ว แต่ขาดคนทำน้ำจิ้มกับมือกีตาร์

ปีกแก้วหัวเราะ แล้วเดินตามเพื่อนๆ กลับเต็นท์

มันเกี่ยวกันยังไงว้า ทำน้ำจิ้มกับเล่นกีตาร์

เกี่ยวซี่...เพราะสองอย่างนี้ มันเป็นหน้าที่ของแกไง

อ๋อเหรอยะ ปีกแก้วผลักเพื่อนคนนั้นอย่างหมั่นไส้ แล้วโอบคอเพื่อนด้านหลัง เดินลุยหาดทรายกลับด้วยท่าทางรื่นเริง...ใครจะรู้ ในใจหล่อนเต็มไปด้วยเมฆหมอกความขุ่นมัวเพียงใด


สิ่งแรกที่มรรคากระทำในเช้าวันจันทร์คือ ขับรถตรงไปยังบริษัทใหญ่ของคุณธม จากนั้นติดต่อเลขาหน้าห้อง เพื่อขอพบท่าน แต่กลายเป็นว่าคุณธมยังไม่เข้ามา

ผมจะรอ ชายหนุ่มบอกก่อนไปนั่งรอที่โซฟายาว

เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง คุณธมจึงเข้าบริษัท ท่าทางที่เคยกระฉับกระเฉงเหมือนคนหนุ่มกลายเป็นเนิบเนือย ใบหน้ามีเค้าความกังวลอยู่จางๆ

มัค...มาหาลุงหรือ ถึงกระนั้นผู้อาวุโสก็ยังตาไวพอจะเห็นหลานชาย

ครับ มรรคารีบลุกขึ้น ชายต่างวัยมองตากันอย่างเข้าใจ

เข้ามาด้วยกันสิ คุณธมเดินนำเข้าห้อง

ประตูห้องเปิด มรรคายืนรอจนลุงนั่งเก้าอี้เรียบร้อย เขาจึงเข้าไปคุกเข่าและกราบแทบเท้าด้วยกิริยาที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนัก

ผมต้องขอโทษ เรื่องในวันนั้นด้วยครับ นัยน์ตาเขาฉายแววจริงใจ ไม่ปิดบัง

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าคุณธมผิดปกติลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เริ่มสดใสกลายเป็นสับสนเลื่อนลอย แม้จะมองหน้าหลานชาย แต่กลับเหมือนความคิดไม่ได้หยุดอยู่ที่ตรงนั้น

เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ดังออกมา คุณธมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ท่าทางแปลกกว่าทุกครั้งที่มรรคาเคยเห็น

ลุกขึ้นนั่งก่อนเถอะหลาน น้ำเสียงอ่อนโยนโดยไม่ได้เสแสร้ง

ชายหนุ่มทำตามและนั่งมองไม่ปริปาก...

แก้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะ คำถามเริ่มต้น

ผมก็ไม่แน่ใจครับ ตอนนี้แก้วไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ฉลองสอบเสร็จ ผมคิดว่าแกน่าจะสบายใจขึ้น

แล้วไปกันหลายวันไหมล่ะ เสียงถามเรียบเรื่อยคล้ายเป็นการชะลอเวลาก่อนสู่จุดหมายแท้จริง

คิดว่าคงกลับเย็นนี้ครับ มรรคาจำได้ว่าปีกแก้วเคยบอกอย่างนั้น เขาไปกันตั้งแต่เช้าวันเสาร์

คุณธมนิ่งไปนานเหมือนกำลังชั่งใจ นัยน์ตาหลุบลง ซ่อนความรู้สึกบางอย่าง

มรรคานั่งนิ่ง เมื่อไม่มีคำถาม เขาจะไม่เอ่ยปาก

มัคยังโกรธป้าเขาอยู่ไหม คุณธมเข้าสู่ประเด็น

ชายหนุ่มก้มศีรษะ ไม่ตอบ...ผู้เป็นลุงรู้ดี ถ้ามีใครทำให้มรรคาแค้นใจ ถึงเขาจะไม่ทำร้ายตอบแทน แต่เรื่องจะให้อภัยกันง่ายๆ นั้น...ยาก...

แล้วมัคโกรธลุงหรือเปล่า ที่ไม่ได้พูดแก้ความเข้าใจผิดแทนให้

ไม่ครับ เขาตอบหนักแน่น

คุณธมระบายลมหายใจแผ่วๆ ก่อนจะจ้องตาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจริงจัง

ถ้าลุงบอกว่า ในเวลานั้น ลุงอยากพูดใจแทบขาด แต่พูดไมได้ ขยับตัวไม่ได้ มัคจะเชื่อไหม

มรรคาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ คุณธมจึงอธิบายเรื่องที่โดนคุณฉัตรฉวีจ้องตาจนขยับตัวไม่ได้ให้เขาฟัง

มันเป็นไปได้ยังไง ชายหนุ่มพึมพำ

ถ้าหลานไม่เชื่อเรื่องนี้ หลานก็คงทำใจเชื่ออีกเรื่องไมได้

มรรคาสงบใจ รอฟัง

หลังจากหลานกลับไป ป้าของหลาน...ชิดชนะ และแพรวา พร้อมใจกันเป็นลมไปหมด พอฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าจำอะไรไม่ได้ ทั้งป้าของหลานและชิดชนะบอกว่าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาร่วมงานเลี้ยงได้ยังไง...ส่วนแพรวาบอกว่า...หลังจากทำหน้าที่พิธีกรเสร็จ ก็กำลังจะไปห้องน้ำ...แต่หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้สักอย่าง...

มรรคาเย็นวูบไขสันหลัง สัมผัสบางอย่างสะกิดเตือนว่า...นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้ว และที่สำคัญ มันไม่น่าใช่ฝีมือของมนุษย์...

๑๔

วันนี้นับเป็นวันที่ค่อนข้างวุ่นวายที่สุดของมรรคา เพราะหลังกลับจากบริษัทลุงธม ถึงออฟฟิศ งานก็ประเดประดังเข้ามาจนแทบไม่มีเวลาคิดอะไร ปัญหาเรื่องในโรงงาน สินค้าที่จะต้องส่งตามรายการ รวมถึงปัญหาจุกจิกอีกสารพัด

กว่าเขาจะลากสังขารกลับบ้านได้ก็ใกล้ค่ำแล้ว

เย็นนี้มีอะไรกินบ้างป้า เขาพบแม่บ้านใหญ่ตรงบันไดหน้าบ้าน จึงถามทักทายและพูดต่อโดยไม่ทันฟังคำตอบ

ยังไม่ต้องรีบจัดก็ได้นะป้า รอแก้วกลับมาก่อน จะได้กินด้วยกัน

มรรคากำลังจะก้าวขึ้นบันได ถ้าไม่ทันฉุกใจสังเกตเห็นสีหน้าของป้าแฉล้ม

มีอะไรหรือป้า ทำไมทำหน้าบูดๆ อย่างนั้น ชายหนุ่มทักอย่างอารมณ์ดี

คุณแก้วโทรศัพท์มาค่ะ เพียงเท่านี้ก็หยุดเท้ามรรคาได้ บอกว่าจะอยู่เที่ยวต่ออีกสักพัก

สีหน้าของชายหนุ่มยากจะคาดเดาความในใจ

เขาบอกไหมว่าจะไปเที่ยวที่ไหน กับใคร แล้วก็อีกกี่วัน น้ำเสียงราบเรียบจนอีกฝ่ายนึกกลัว

เปล่าค่ะ

มรรคาพยักหน้า แววตาอารมณ์ดีจางหายไป

คุณมัค ป้าแฉล้มเรียกอีกครั้ง มรรคาหันกลับมามอง มีคนมารอพบคุณค่ะ...มาตั้งแต่บ่ายแก่ๆ แล้ว

ใคร

คุณพันเกลียว


พันเกลียวนั่งรออยู่ในห้องรับแขก เส้นผมยาวเหยียดสีดำสนิท ตัดกับใบหน้าค่อนข้างขาวจัด ดวงตาดำเข้ม หญิงสาวอยู่ในลักษณะเดิมๆ อย่างที่ชายหนุ่มเคยเห็น ลึกลับและดูโดดเดี่ยว...

ขอโทษ ที่ทำให้คุณต้องรอนาน เขานั่งลงพูดอย่างเป็นพิธีการ

นัยน์ตาดำลึกแลสบเขาตรงๆ

ทิชาเทพ ชื่อนี้ทำให้เขาชะงัก คุณรู้จักชื่อนี้มั้ย พันเกลียวถาม

มรรคาผ่อนคลายลง นัยน์ตามองตอบพันเกลียวเป็นลักษณะที่ไม่ต่างจากเพื่อนสนิท

คุณได้ชื่อนี้มาจากไหน เขาถาม

ในฝัน หล่อนตอบ ฉันฝันว่ากะพ้อเล่าเรื่องของตัวเองกับทิชาเทพให้ฟังได้สองสามคืนแล้ว

ถ้าอย่างนั้น คุณน่าจะรู้ว่าทิชาเทพคือใคร ยามเอ่ยชื่อนี้ เขาคุ้นปากไม่ผิดจากชื่อตัวเอง

ฉันคิดว่าน่าจะเป็นชื่อในชาติก่อนของคุณ พันเกลียวตอบตรงๆ

มรรคาพยักหน้า ผมก็คิดว่าอย่างนั้น

กะพ้อรักคุณมาก บางสิ่งในแววตาของพันเกลียวบอกความหมายลึกซึ้งกว่านั้น

ชายหนุ่มทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง...กะพ้อมีใจต่อเทพองค์นั้นเพียงใด เขารู้ดี...

ผมได้ยินชื่อทิชาเทพจากนิมิต มรรคาเริ่ม และเล่าเรื่องราวต่อจากที่เคยพูดให้พันเกลียวฟังเมื่อคราวก่อน จากนั้นก็มาถึงเรื่องดวงวิญญาณหมอผีที่ติดตามเขามา จนถึงเหตุการณ์ในคืนวันเกิดของคุณธม

มรรคาไม่ใช่คนช่างพูดช่างเล่า ยิ่งคนไม่คุ้นเคย เขาจะสงบปากคำมากที่สุด แต่กับพันเกลียว เขาสบายใจที่ได้เล่าเรื่องราวอัดอั้นในใจออกมา หญิงสาวสร้างความนิยมเชื่อถือให้เขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับเพื่อนสนิทมากกว่าคนแปลกหน้า

น้องสาวคุณคงเสียใจมาก พันเกลียวนึกสงสาร

คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขายอมรับ แก้วไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของผม ใครๆ เขาก็รู้ แต่ไม่มีคนกล้าพูดออกมา กลัวสร้างรอยร้าวในใจแก...แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่ทำยิ่งกว่าสร้างรอยร้าว...คือทุบทำลายความรู้สึกดีงามของแกไปจนหมด

คุณแน่ใจว่าต้นเหตุเป็น คน พันเกลียวถาม มรรคานิ่งไปนาน

ทีแรกผมก็คิดอย่างนั้น...จนได้ยินเรื่องที่ลุงธมเล่าให้ฟัง จึงแน่ใจว่าไม่ใช่

แล้วคุณคิดว่าใครเป็นตัวการ

คงเป็น พวกมัน ชายหนุ่มไม่เอ่ยชื่อ แต่ทั้งคู่เข้าใจความหมายร่วมกัน ถึงป้าฉัตรฉวีจะเกลียดขี้หน้าผมมากแค่ไหน แกคงไม่กล้าด่าประจานกลางงานวันเกิดคุณลุงแน่ๆ ส่วนชิดชนะ...เท่าที่ผมได้ยินมา เขาไม่ใช่ผู้ชายเลวร้ายอะไร ไม่น่าที่จะกล้าใส่ความผู้หญิงได้

แล้วคุณคิดว่าปีกแก้วเจอใครในห้องน้ำ พันเกลียวถาม มรรคานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดช้าๆ

ผมคิดว่า น่าจะเป็นแพรวา เพราะเท่าที่ดูจากพิรุธหลายๆ อย่าง แม้เธอจะไม่พูดใส่ความปีกแก้ว...แต่เท่าที่ผมฟังคุณลุงพูดวันนี้ และจากที่ผมสังเกตท่าทางผิดปกติของเธอจึงค่อนข้างแน่ใจว่าใช่

ถ้า มัน เก่งขนาดควบคุมคนทั้งสามไว้ได้...คุณก็เจอศัตรูที่น่ากลัวมากแล้ว

มรรคาพยักหน้า แต่ผมไม่เข้าใจ ว่ามันทำอย่างนั้นเพื่ออะไร

พันเกลียวเงียบ...หล่อนชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่

เท่าที่ฉันฟังดู คิดว่า พวกมันกำลังแยกปีกแก้วออกจากคุณ

ทำไม เขาถามเสียงห้วน

พันเกลียวหลับตาลง สะกดใจอยู่ชั่วครู่...

ปีกแก้วมีรัศมีแห่งเทพคุ้มครอง...การที่คุณอยู่ใกล้เธอไม่ใช่ว่าคุณคุ้มครองเธอ...แต่เป็นเธอคุ้มครองคุณ

คุณรู้ได้ยังไง เขาย่นหัวคิ้ว สงสัย

หญิงสาวถอนใจ เอาเป็นว่าฉันเห็นก็แล้วกัน...อย่าถามว่าเห็นยังไง และทำไมเธอถึงมี...เพราะฉันก็ไม่รู้

แล้วทำไมปิศาจตนนั้นถึงมาหลอกหลอนปีกแก้วได้ ชายหนุ่มเท้าความตอนปีกแก้วเจอผีที่หน้าบ้าน

มันก็ทำได้แค่นั้น พันเกลียวพูด แต่มันทำให้เธอแยกจากคุณไม่ได้

คุณก็มี วิชา พอตัว ช่วยผมได้ ทำไมพวกมันถึงไม่คิดแยกคุณไปเหมือนกัน เขาตีอีกประเด็น

มันทำแล้ว พันเกลียวพูด แต่มันเลือกคนผิด

กะพ้อ คราวนี้มรรคาพอจะตามทัน

กะพ้อมาหาฉัน พูดอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับ สัญญา ที่ฉันไม่เข้าใจ...แต่สุดท้ายเธอก็ว่า...ให้ฉันถอยห่างจากคุณ แล้วจะไม่มีใครรบกวนฉัน...แต่ถ้าฉันคิดจะช่วยคุณ เธอว่า...เธอไม่สามารถรับรองอนาคตฉันได้

จ้าวน่าจะรู้ว่าใช้กะพ้ออาจจะไม่ได้ผล แล้วทำไมเขาไม่ใช้ปิศาจหมอผีให้ทำแทน

ปิศาจหมอผีอาจจะชนะฉันไม่ได้ พันเกลียวพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่กับกะพ้อ...

หญิงสาวนิ่งอั้น...อธิบายไม่ถูก

มรรคาไม่ถามต่อ...เวลานี้คำถามอื่นๆ ล้วนพร่ำเพรื่อเกินไป...สิ่งที่เขาควรรู้คือ...ถ้าจ้าวแยกปีกแก้วกับพันเกลียวออกจากเขาได้...มันจะมีแผนอย่างไรต่อไป

คุณคิดว่าถ้าจ้าวทำงานนี้สำเร็จ พวกมันจะเอายังไงต่อไปกับผม เขาขอความเห็น

ฉันไม่รู้...มันอาจทำอะไรหลายอย่าง หรืออาจไม่ทำอะไรเลยก็ได้...

มรรคานิ่งอั้น...ความเห็นของพันเกลียวทำให้เขาอดตะครั่นตะครอใจไม่ได้


บรรยากาศอึมครึมเฉกเช่นฟ้าอุ้มฝน ท้องฟ้าแน่นขนัดด้วยเมฆสีเทาหนาเป็นชั้นๆ ฟ้าแลบแปลบๆ ราวกับขู่ขวัญผู้มาเยือน ไทรสูงใหญ่ยังยืนตระหง่าน รากไทรแกว่งไกวเสมือนกำลังยินดี ร่างเล็กๆ สองร่างที่หมอบราบอยู่โคนต้นไทรยังไม่กล้าเงยหน้า...จนกระทั่งได้ยินเสียงของจ้าว...

เอ็งทำดีมากไอ้หมอผี เสียงกระหึ่มแน่น ยังคงวางอำนาจเหนือ

ใบหน้าชาด้านดุจหน้ากากตากแห้งเงยขึ้น มันพยายามจะยิ้ม แต่ดูบิดเบี้ยวจนน่าสะพรึงกลัว

ข้าไม่อาจทำให้จ้าวผิดหวัง

ดีที่เอ็งคิดใช้ปากมนุษย์ให้เป็นประโยชน์...ที่สุด ข้าก็ขับเกราะคุ้มภัยของมันไปได้หนึ่ง

จบคำพูด ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยปากต่อ...ชั่วครู่ไหล่ของหญิงสาวเริ่มสั่นระริก ราวกับรู้ชะตากรรมของตน

อีกะพ้อ น้ำเสียงเย็นเยียบ เนิบเนือยราวปลายมีดแช่น้ำแข็ง เอ็งไม่ได้ทำงานให้ข้าเลยใช่ไหม

ข้า...ข้าน้อย...พะ...พยา...ยาม...แล้ว เสียงตอบตะกุกตะกัก ขาดเป็นช่วงๆ

อีโกหก ขาดคำ รากไทรที่ห้อยระโยงระยางก็ทิ้งตัวลงมารัดแขนขาหญิงสาว พร้อมฉุดกระชากให้ลอยขึ้นสูง

กะพ้อพยายามดิ้นรน หากรากไทรยังลามเลื้อยเข้ารัดรอบตัวและลำคอหล่อน

มึงอย่าคิดว่ากูถูกขังอยู่ที่นี่แล้วจะไม่รู้อะไรนะอีโง่ รากไทรรัดแน่นจนหญิงสาวไม่อาจขยับตัว

มึงไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก เสียงเข้ม เข่นเขี้ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย

นี่คือโทษทัณฑ์... พอถึงคำนี้ เสียงกลับนุ่มนวล ราวกับการบอกรัก...ใบหน้าของกะพ้อยิ่งเหลือกลาน หวาดกลัว...หนามแหลมๆ โผล่ออกมาจากรากไทร ทิ่มแทงทะลุทั่วร่างหล่อนไม่ต่างจากเม่นตัวหนึ่ง

กรี๊ด...กรี๊ด กะพ้อแผดเสียงร้องโหยหวน เมื่อรากไทรสะบัด เนื้อหนังตามร่างหล่อนหลุดเป็นชิ้นๆ

ไม่มีเสียงของจ้าว...ที่โคนต้นไทร ใบหน้าอันตายด้านของปิศาจหมอผีเงยขึ้นช้าๆ ดวงตาซีดจางดุจปลาตายกลอกกลับไปมา ริมฝีปากแห้งขยับออก...รอยยิ้มอันน่าขนลุกผุดขึ้นมา


ค่ะ...อุ๋มพูดเอง...ใครนะคะ...อ๋อพี่ชายเจ้าแก้ว...มีอะไรคะพี่...อ๋อ...อ๋อ...เข้าใจแล้ว...คืออย่างนี้นะคะ พวกเราไปเที่ยวทะเลกัน ก็อย่างที่แก้วบอกพี่แหละค่ะ สองคืนสามวัน...พวกเราไปวันเสาร์กลับวันจันทร์...ส่วนเจ้าแก้วก็กลับพร้อมพวกเรา แต่พอมาถึงท่ารถที่กรุงเทพฯ ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน...หนูไม่รู้เลยค่ะพี่ว่าแก้วเขาไปเที่ยวไหนต่อ...อะไรนะคะ...ท่าทางของแก้วตอนเที่ยวทะเลหรือคะ...หนูก็เห็นปกติดีนี่คะ พูดคุยร่าเริง เล่นกีตาร์ให้พวกเราฟัง ไม่เห็นมีท่าทีซึมๆ อะไร แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงยังไม่กลับบ้าน...พี่ลองโทร.ถามยายจี๊ดดูก็ดีนะคะ เขาสนิทกันเผื่อว่าเขาจะรู้อะไรมากกว่าหนู...

มรรคาวางโทรศัพท์ลงหลังจากคุยกับเพื่อนของปีกแก้ว รายนี้เป็นรายที่ห้าตามรายชื่อเพื่อนสนิทที่ปีกแก้วเขียนเบอร์โทรศัพท์ติดไว้ข้างฝา ข้อมูลที่เขาได้มาจะเหมือนๆ กัน ปีกแก้วกลับมากรุงเทพฯ พร้อมเพื่อนๆ แต่ไม่เข้าบ้าน หล่อนเพียงโทรศัพท์บอกป้าแฉล้ม แล้วก็ออกไปต่อ เขาไม่รู้ว่าหล่อนไปที่ไหน...อาจเที่ยวตามต่างจังหวัด หรือไม่ก็อยู่ในกรุงเทพฯ นี่เอง

เด็กสาวทิ้งเพจเจอร์ไว้ในห้อง เหมือนต้องการตัดขาดการติดต่อทั้งมวล มรรคาถอนใจมองรอบๆ ห้องปีกแก้วอย่างอาวรณ์...เจ้าของห้องไม่อยู่ บรรยากาศในห้องไม่ผิดกับป่าช้า...

กล่องดนตรีที่เขาเพิ่งซื้อให้หล่อน ยังวางอยู่บนหัวเตียง มรรคาเอื้อมมือไปเปิดฝามัน แล้วเอนร่างนอนบนเตียงเด็กสาว ปล่อยให้เสียงเพลงบรรเลงซึมซาบเข้าสู่หัวใจ

…When I was just a little girl. I asked my mother “what will I be”

…Will I be pretty will I be rich. That’ what she said to me.

…Qra Sara Sara Whatever will be will be. The future our not to see.

…Qra Sara Sara What will be will be.

เพลงจบและขึ้นรอบใหม่ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ มรรคาก็ยังไม่ยอมปิดฝามันลงมา เขาพอใจที่จะได้ยินเสียงมันบรรเลงแทนภาพในวัยเยาว์ ที่ตราตรึงใจเขาไม่วาย

ชายหนุ่มยันกาย มองไปรอบๆ ห้องที่กำลังรอเจ้าของ ปีกแก้วชอบเปลี่ยนแบบการจัดห้องไปเรื่อยๆ ตามแต่เจ้าตัวจะพอใจ แต่สิ่งที่ทิ้งไม่ได้เลยคือสารพัดตุ๊กตา และของกระจุกกระจิกต่างๆ ที่เจ้าตัวสะสมตามประสาเด็กสาว

เขาดึงตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ ที่อยู่ใกล้มาลูบขนมันเบาๆ กล่องดนตรีกำลังบรรเลงเพลงเดิมซ้ำอีกครั้ง...คราวนี้เขาคล้ายจะได้ยินเสียงใสเล็กๆ ร้องคลอ...

…When I was just a little girl. I asked my brother “what will I be”

เด็กหญิงตัวน้อยๆ ชอบร้องเพี้ยนเนื้อให้เขาฟังเป็นประจำ...

ยามใดนึกถึง มรรคาอดอมยิ้มไม่ได้

เวลาล่วงเลยมานานเต็มที ผ่านความเปลี่ยนแปรมากมาย...อนาคต เป็นสิ่งที่เราไม่อาจหยั่งคาดได้ ความไม่แน่นอน ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

มรรคาหลับตาลง ระลึกถึงภาพวันแรกที่แม่นำเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเข้าบ้าน แม่หนูน้อยผมยุ่งเป็นลูกตาลยี แก้มเป็นพวงใส นัยน์ตาโตฉายแววขลาดกลัวและหวาดหวั่น ริมฝีปากเล็กๆ สีแดงจัด มือกอดตุ๊กตาหมีแน่นราวกับยึดมันไว้เป็นที่พึ่ง

มัค...นี่ไงจ๊ะน้องของลูก...ปีกแก้ว แม่แนะนำ เขาจ้องเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นจนเจ้าตัวแอบเบียดอยู่หลังแม่เขา

สวัสดีพี่เขาหน่อยสิลูก แม่พยายามดึงปีกแก้วออกมา แต่ร่างเล็กๆ ขืนตัวไว้ ใบหน้าเบะเตรียมร้องไห้

มรรคายื่นเครื่องบินบังคับ ลำที่เขารักมากที่สุดให้เด็กน้อย...แม่หนูมีท่าทางลังเล นัยน์ตาใสใกล้จะหล่อรื้นด้วยน้ำตา แล้วมือเล็กๆ ข้างหนึ่งก็คลายจากตุ๊กตาหมี ค่อยๆ ยื่นมาแตะเครื่องบินบังคับของเขาเบาๆ ก่อนจะชักมือกลับอย่างรวดเร็ว

นั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้พบกัน...

แม่อธิบายว่าปีกแก้วเป็นหลานห่างๆ คนหนึ่ง แม่สนิทกับพ่อแม่ของปีกแก้วมาก พอทั้งคู่ตายไป เด็กน้อยก็เคว้งไม่มีใคร ญาติพี่น้องแต่ละคนเกี่ยงกันไปมา แม่จึงรับเป็นผู้ปกครองเอง

แรกๆ เขาอึดอัดที่มีเด็กหญิงมาแย่งความรัก ความสนใจจากแม่ แต่นานวัน ปีกแก้วปรับตัวเข้ากับครอบครัวใหม่ได้ เด็กน้อยก็เผยความน่ารัก ช่างฉอเลาะ ช่างเอาใจออกมา ทำให้เธอกลายเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน

เวลาแห่งความสุขมีเพียงไม่กี่ปี เหตุการณ์ร้ายแรงก็เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา...วันที่ศพพ่อแม่ขึ้นไปอยู่บนเมรุ เขากอดปีกแก้วไว้แนบอก ยืนยันกับน้องน้อยอย่างหนักแน่น

ไม่ต้องกลัว...แก้วยังมีพี่...พี่ไม่ไปไหน...พี่สัญญา เราจะอยู่ด้วยกัน...พี่จะดูแลน้องเอง...อย่าร้องไห้นะจ๊ะ...คนดีของพี่...

ยามใดน้องน้อยร้องไห้หาพ่อแม่ผู้ล่วงลับ เขาจะอุ้มร่างนั้นขึ้นขี่คอ แล้วชี้ให้ดูดวงดาวที่กะพริบพรายในคืนมืด

นั่นไงจ๊ะพ่อ...ดาวดวงนี้ก็แม่...ทั้งพ่อและแม่กำลังมองดูแก้วกับพี่อยู่บนฟ้าโน้น...ไม่ไกลเลย เชื่อพี่นะจ๊ะ

มือที่ลูบขนตุ๊กตาหมี มีอาการสะท้านน้อยๆ ก่อนจะดึงเจ้าขนปุยมาแนบอก หูยังแว่วเสียงเพลงของเด็กน้อย...

…I asked my brother what will I be.

น้องน้อยคงอยากถาม...ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ...พี่จะตอบไปว่า...อนาคตนั้น พี่ไม่รู้ แต่ขอให้น้องจดจำ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะอยู่เคียงข้าง...ไม่ไปไหน...สัญญาที่พี่ให้ไว้...ไม่มีวันลืมเลือน...

เพลงบรรเลงซ้ำขึ้นอีกรอบ ชายหนุ่มมิได้ขยับร่าง...มือที่กอดตุ๊กตา ดูไป ช่างอบอุ่นอ่อนโยนอะไรเช่นนั้น เสมือนดั่งต้องการส่งความรู้สึกไปยังเจ้าของตุ๊กตาผู้อยู่ห่างไกล

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP